ประเทศนิวซีแลนด์มีพื้นที่ขนาดใหญ่และมีประชากรเบาบาง ถนนหนทางที่นี่ค่อนข้างกว้างขวางแม้ว่าขณะนี้จะมีอุบัติเหตุทางรถยนต์เกิดขึ้นหลายครั้งแต่รถก็ยังสามารถผ่านไปได้ ไป๋อี้ไม่กล้าหยุดรถแต่อย่างใด เขาเอาแต่ขับรถไปตามทางหลวงมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทุกคนอยู่ในอาการตกใจ พวกเขาคาดไม่ถึงว่าจะสามารถหนีออกมาได้พวกเขาหนีออกมาได้จริง ๆ!
รถถูกขับไปด้วยความเร็วสูงมุ่งตรงไปยังใจกลางเมืองทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ทุกคนรู้สึกราวกับว่าถูกปล้นชีวิตที่เหลือไป
แต่ทันใดนั้นเองก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกเลวร้ายอีกครั้งเมื่อรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่ขับอยู่ข้างหน้ารถของไป๋อี้เลี้ยวอย่างกะทันหันรถและรีบเบรกทันที แต่ก็ไม่ทันการเสียแล้วเมื่อรถบรรทุกคันใหญ่ได้ร่วงตกลงไปในหลุมขนาดใหญ่ตรงหน้า ทำให้รถที่ตามมาข้างหลังต้องหยุดรถตามไปด้วยอย่างตื่นตระหนก ทันใดนั้นพื้นก็เปิดออกเผยให้เห็นปากทรงกลมที่มีขนาดมากกว่า 2 เมตรโผล่ออกมาจากพื้น รวมถึงฟันอันแหลมคมที่กำลังบดเคี้ยวอยู่อย่างต่อเนื่อง
ทุกคนอยู่ในความตกตะลึงตาค้างเมื่อเห็นสัตว์ประหลาดที่มีหน้าตาอัปลักษณ์โผล่ออกมาตรงหน้า
นี่มันตัวบ้าอะไรเนี่ย!
แม้แต่ผู้หญิงที่เป็นกุลสตรีที่สุดในเวลาแบบนี้ก็อาจจะก่นด่าประโยคดังกล่าวอยู่ในใจ
ปีศาจอสรพิษยักษ์เกิดจากการผสมผสานกันของยีนที่ไม่แน่ชัด มีโอกาสที่จะเกิดเป็นการกลายพันธุ์ความยาวตั้งแต่ 20 เมตร ถึง 40 เมตร ส่วนหัวเป็นปากกลมใหญ่มีเขี้ยวจำนวนนับไม่ถ้วนที่มีลักษณะเหมือนเครื่องบดเนื้อ ยิ่งไปกว่านั้นรอบ ๆ ศีรษะของมันมีหนวดหลายเส้นเหมือนกับปากและยังมีอวัยวะที่ไวต่อแสงขนาดเล็กซึ่งสามารถตรวจจับการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตได้
ปีศาจอสรพิษยักษ์เป็นคำเรียกทั่วไป พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงทราบว่านักวิจัยเหล่านั้นได้สร้างสัตว์ประหลาดที่คล้ายกันนี้ขึ้นมามากเพียงใด
เมื่อหยูหานเห็นปีศาจอสรพิษยักษ์เขาก็รู้ได้ทันทีว่าการไปต่อข้างหน้าเท่ากับเป็นการรนหาที่ตายชัด ๆ เขาจึงถอยหลังและวิ่งหนีโดยไร้ซึ่งความลังเลใด ๆ อย่างไรก็ตามรถอีกหลายคันที่ขับตามมาข้างหลังจากการหลบหนีจากสัตว์ประหลาดทางตอนเหนือไม่ทันได้หยุดรถพวกเขาพุ่งตรงมาชนเข้าอย่างจัง หยูหานออกรถไปได้เพียงสิบกว่าเมตรก็ถูกชนเข้า ถ้าเขาไม่ได้นั่งข้างหน้าเขาคงจะถูกเบียดจนกลายเป็นแฮมเบอร์เกอร์แน่ ๆ
“เฮงซวย!” หยูหานเปิดประตูลงจากรถมาทันทีพร้อมถือดาบยาวของเขาลงมาด้วย
“มานี่!” ในเวลานี้คนอื่น ๆ ก็ลงมาจากรถเช่นกันเมื่อหงฉี่ฮว๋าเรียกให้ทุกคนลงมา ทุกคนจึงเห็นว่าถนนทั้งด้านหน้าและด้านหลังถูกปิดกั้นอย่างสมบูรณ์ ถนนข้างหน้าถูกปีศาจอสรพิษยักษ์ขวางอยู่อย่าหวังเลยว่าจะผ่านมันไปได้ ส่วนถนนข้างหลังมีรถที่ถูกชนติดกันแน่นขนัดไปทั่ว ในเวลานี้ทุกคนอยู่ในความตื่นตระหนกจึงไม่มีใครเสนอความคิดเห็นใด ๆ ออกมา มีบางคนพูดบอกให้วิ่งไปทางนั้น จากนั้นจึงเดินตามหงฉี่ฮว๋าและออกวิ่งทันที
กานจื่อหมิงที่วิ่งมาท้ายสุดถูกปีศาจอสรพิษจับได้และเขมือบเขาลงไปในคำเดียว ปากขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเขี้ยวที่อัดแน่นเรียงเป็นวงแหวนหุบปิดลงอย่างกะทันหัน …… ราวกับเครื่องบดเนื้อ! มีเสียงร้องสั้น ๆ ที่น่าเวทนาดังออกมา กานจื่อหมิงถูกมันเขมือบกินจนเละเหมือนซอสด้วยฟันที่เรียงอย่างแน่นหนาของมัน เมื่อได้ยินเสียงร้องที่น่าเวทนาทำให้ทุกคนต่างก็รู้สึกตื่นตระหนกและระเบิดศักยภาพของตนเองทั้งหมดที่มีเพื่อหนีเอาชีวิตรอดให้ได้
พวกเขาทั้งหมดคิดว่าไป๋อี้และคนอื่น ๆ จบเห่แล้ว เพราะพวกเขาตกลงไปในหลุมที่ปีศาจอสรพิษยักษ์เจาะไว้ พวกเขาจะยังคงอยู่รอดได้อย่างไร แต่ทว่าในขณะที่ปีศาจอสรพิษยักษ์กำลังไล่เขมือบคนอื่นอยู่นั่นเอง ทันใดนั้นสุนัขพันธุ์ชาร์ไป่ก็วิ่งออกมาโดยแบกโม่โม่อยู่บนหลัง เมื่อมองถัดไปด้านหลังยังมีชายสองคนนั่นคือไป๋อี้และวูล์ฟตามมาด้วย
ในระยะประชิดไป๋อี้และวูล์ฟได้กลิ่นเหม็นที่น่าพิศวงของปีศาจอสรพิษยักษ์ซึ่งไม่มีใครจะรู้ลึกรู้ดีไปกว่าพวกเขาอีกแล้ว
“ชาร์ไป่พาโม่โม่วิ่งไป วิ่งเร็วเข้า!” ไป๋อี้ตะโกนบอกเจ้าชาร์ไป่
ที่จริงเจ้าชาร์ไป่วิ่งไม่คิดชีวิตมาตั้งแต่เริ่มแรกอยู่แล้ว เจ้าชาร์ไป่นั้นฉลาดและแสนรู้ มันไม่ได้วิ่งมั่วไปมาแต่มันวิ่งมาทางหงฉี่ฮว๋า แน่นอนว่าไป๋อี้กับวูล์ฟเขาทั้งสองก็วิ่งตามมาติด ๆ แต่ขณะที่ไป๋อี้กำลังวิ่งอยู่นั้นเขาก็ต้องระแวดระวังการเคลื่อนไหวของปีศาจอสรพิษยักษ์ไปด้วยและเป็นที่แน่นอนว่าเมื่อมันพบว่ามี ‘อาหาร’ บางอย่างวิ่งออกมาจากกองเศษเหล็ก ปีศาจอสรพิษยักษ์ก็ยื่นหนวดออกไปยังเป้าหมาย
แม้จะเรียกว่าหนวดแต่ก็มีความหนาเท่าปากถ้วยเป็นอย่างน้อย ถัดไปด้านบนมีหนวดที่เอาไว้รับสัมผัสอีกด้วย และเมื่อมองมายังส่วนหน้าของปีศาจอสรพิษยักษ์ก็ต้องพบกับน้ำลายไหลเยิ้มฟูมปากอันใหญ่โตของมัน
“วิ่ง!” ไป๋อี้ตะโกน
วูล์ฟวิ่งตามเสียงตะโกนของไป๋อี้สุดขาดใจตัวเขากระโจนไปข้างหน้าอย่างกะทันหันเมื่อหนวดของมันพุ่งมาจากข้างหลัง พื้นแข็งถูกเจาะทะลวงอย่างง่ายดายราวกับเต้าหู้เมื่อถูกหนวดจากหัวของมันพุ่งลงไป จากนั้นมันก็พุ่งขึ้นมาอีกแล้วกัดไป๋อี้อย่างเดือดดาล
“แม่มันสิ ไปตายซะ!”
ไป๋อี้ก็เกรี้ยวกราดเช่นกันในเวลานี้และเมื่อหนวดของมันยื่นออกมาอีกครั้งเขาก็หันกลับมาใช้มือคว้ามีดสับกระดูกขึ้นมาและฟันลงไปเสียงดังฉับ แต่น่าเสียดายที่มีดสับกระดูกฟันโดนเพียงไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตรของมัน การกระทำนี้ทำให้ปีศาจอสรพิษยักษ์โกรธมากและส่งเสียงขู่ฟ่อ ๆ ออกมาอย่างเดือดดาล ในเวลาเดียวกันปากขนาดใหญ่ของปีศาจอสรพิษก็โผล่ขึ้นมาจากอีกทางหนึ่ง วูล์ฟไม่ทันได้มีที่มั่นให้ยึดไว้ทำให้เขาแทบจะพุ่งตรงเข้าปากของมันไป
วูล์ฟมองจากทางปากใหญ่ของปีศาจร้ายเข้าไปจนแทบจะเห็นถึงเลือดถึงเนื้อของมันก็ไม่ปาน รวมถึงเขี้ยวฟันของมันด้วย …! ในขณะที่ไป๋อี้กำลังดึงวูล์ฟจากทางด้านหลังและด้วยการฟันมีดไปเพียงครั้งเดียวนั้นทำให้ปากขนาดใหญ่ของมันแทบจะงาบโดนตัวของวูล์ฟเขี้ยวที่มีกลิ่นเหม็นของมันงาบลงมาผ่านด้านหน้าวูล์ฟไปเพียงเสี้ยวเดียวจนทำให้วูล์ฟรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาทั้งตัว
“ทางนี้!”
ไป๋อี้ดึงวูล์ฟขึ้นมาทันทีและรีบวิ่งเข้าไปในล็อบบี้ของตึกใหญ่ที่ไม่รู้ว่าเป็นตึกอะไร ทั้งคู่รู้สึกตื่นตระหนกพวกเขาไม่มีทางเลือกมากนักเมื่อปีศาจอสรพิษยักษ์ดูเหมือนจะมองไป๋อี้เป็นศัตรูที่ทำร้ายมัน มันจึงไล่กวดเขาเข้ามาทันทีทำให้เกิดเสียงดังอึกทึกไปทั่วห้องโถง
“เร็ว เร็ว เร็วเข้า!”
ไป๋อี้และวูล์ฟวิ่งขึ้นไปชั้นบนอย่างหมดหวัง ในเวลาเดียวกันนั้นเองก็มีคนอื่น ๆ ที่อยู่ในตึกนี้ด้วยในตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร พนักงาน หรือแม้แต่กลุ่มสังคมของคนหัวกะทิทุกคนล้วนตื่นตระหนกกลัวจนขี้หดตดหายและอดไม่ได้ที่จะเกลียดขาตัวเองที่ไม่ยาวไปมากกว่านี้
จะไม่วิ่งหนีก็ไม่ได้ บ้าเอ๊ย ปีศาจอสรพิษยักษ์ตามไล่ล่าไป๋อี้จนเผยให้เห็นร่างของมันครึ่งหนึ่ง โดยลักษณะลำตัวมีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 1 เมตรและมีความยาวมากกว่า 20 เมตร ส่วนหัวของมันเป็นโพรงกลมที่มีเขี้ยวฟันจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ข้างในซึ่งหมุนและบดอย่างต่อเนื่อง มันมีหนวดหนาห้าแฉกอยู่รอบ ๆ อีกทั้งข้างลำตัวยังเต็มไปด้วยเท้าจำนวนมากเหมือนตะขาบ ซึ่งเป็นภาพที่มองดูแล้วช่างน่าขยะแขยงและน่ากลัวเหลือเกินเมื่อมันกระโจนเข้าไปงาบบันไดด้วยปากอันใหญ่โต บันไดแข็งแกร่งของตึกตรงหน้าถูกบดขยี้อย่างง่ายดายราวกับเป็นเต้าหู้ก็ไม่ปาน
“อ๊าก อ๊ากกกก……!” วูล์ฟถึงกับชะงักไปเมื่อบันไดถูกปีศาจอสรพิษยักษ์เขมือบ ทำให้ทันใดนั้นพื้นใต้เท้าที่เขากำลังเหยียบย่างลงไปกลับกลายเป็นความว่างเปล่า ส่งผลให้ตัวเขากำลังจะร่วงลงไป
หากร่วงตกลงไปเบืองล้างนั่นเท่ากับเป็นการประกาศว่าร่วงสู่ความตายโดยแท้ แต่ทว่าวูล์ฟกลับรู้สึกว่ามือของเขาถูกรั้งไว้ จากนั้นถึงได้รู้ว่าไป๋อี้เป็นฝ่ายจับมือเขาไว้ได้
“อย่าเพิ่งตายสิเจ้าบ้า” ถึงไป๋อี้จะสบถด่าเขาแต่วูล์ฟกลับรู้สึกว่านั่นเป็นคำพูดที่ดีที่สุดในโลกอย่างหาที่เปรียบเปรยไม่ได้
จากนั้นทั้งสองก็วิ่งขึ้นไปชั้นบนอย่างลนลาน ในตอนนี้มันไร้สาระเกินกว่าที่จะคิดถึงอนาคต สิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลานี้คือการหนีจากเจ้าสิ่งน่ากลัวสิ่งนี้ให้ได้ก่อน ในตอนแรกปีศาจอสรพิษยักษ์ยังคงไล่กวดตามทั้งสองจากด้านในอาคารแต่ไม่นานมันก็พบว่าการเดินแบบนี้ค่อนข้างช้าจึงเปลี่ยนไปอีกทางหนึ่ง
เจาะรู!
ทั้งตึกกลายเป็นเหมือนของเล่นให้มันเจาะรูไปทั่วเมื่อปากอันใหญ่ของมันอ้าเขมือบสิ่งใดหลุมขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในตึกที่แข็งแรงนี้ทันที จากนั้นมันก็วนอยู่รอบตึกและไล่ตามเขาไปอย่างไม่ลดละจนถึงตอนนี้ทุกคนก็ได้เห็นลักษณะร่างกายโดยรวมของเจ้าสิ่งนี้แล้ว
ตัวมันมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 เมตรและยาวมากกว่า 30 เมตร มีส่วนหัวที่น่าเกลียดอยู่ข้างหน้า ลำตัวเต็มไปด้วยเท้าจำนวนมากราวกับตะขาบ ส่วนหางเป็นแฉกและส่วนบนของหางก็มีลักษณะแหลมเป็น 2 แฉก มันเข้าและออกจากตึกวนเวียนไปเรื่อย ๆ แสดงให้เห็นภาพลักษณ์โดยรวมของมัน ทำให้ผู้คนโดยรอบต่างก็ตกอยู่ในอาการตะลึง
“นี่ …… นี่มันตัวบ้าอะไรเนี่ย?” ฉินข่ายรุ่ยและกลุ่มคนที่อยู่อีกฟากของถนนมองไปยังปีศาจอสรพิษยักษ์ที่เกาะอยู่บนตึกตรงข้าม ดวงตาของพวกเขาเบิกโพลงและปากของพวกเขาก็พึมพำอะไรออกมาอย่างไร้ความหมาย
“ไม่ต้องสนแล้วว่ามันเป็นตัวอะไรรีบหนีให้ไวเลย!” หยูหานไม่อยากรอความตายอยู่ที่นี่
“พ่อหนูต้องการพ่อ … แงแงแง” โม่โม่นอนอยู่บนหลังของชาร์ไปและร้องห่มร้องไห้ด้วยความเสียใจ
ไป๋อี้ยังไม่ออกมา? เดิมทีพวกเขาคิดว่าไป๋อี้ก็วิ่งออกมาแล้วเช่นกัน อีกทั้งโม่โม่ก็ยังเอาแต่ร้องไห้อยู่แบบนี้ เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยทำให้จู่ ๆ ทุกคนก็รู้สึกเศร้าสลดขึ้นมา หงฉี่ฮว๋ากอดโม่โม่อย่างแนบแน่นโดยไม่พูดอะไร ในเวลานี้แม้แต่คนที่เชื่อมั่นในตัวไป๋อี้ก็คิดว่าไป๋อี้และวูล์ฟคงตายไปแล้ว ไม่มีคนปกติที่ไหนจะสามารถหนีรอดจากสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้
“ฉันขอโทษนะโม่โม่ พ่อของหนูคงไม่สามารถกลับมาได้แล้วล่ะพวกเรารีบไปกันเถอะ” หยูหานขมวดคิ้วขณะที่บอกกับโม่โม่
“นายพูดอย่างนี้ได้ยังไง!” ถังผิงตวาดกลับทันที
“ฉันไม่ต้องการให้เธอมาสอนว่าฉันต้องพูดอะไร ฉันแค่พูดความจริงว่าเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นมาจากทางตอนเหนือและฉันไม่รู้ว่าพวกมันมีกี่ตัว เธอคิดว่าอยู่ที่นี่แล้วจะปลอดภัยไหม ถ้าเธออยากตายก็เชิญฉันไม่เอาด้วยหรอก” หยูหานโต้กลับอย่างเย็นชาและมองไปทางหงฉี่ฮว๋า
“ไป!” หงฉี่ฮว๋ากอดโม่โม่ไว้ทันทีและวิ่งออกไปข้างหน้า
ในบรรดาคนทั้งหมดตอนนี้มีเพียงหยูหานและหงฉี่ฮว๋าเท่านั้นที่มีความเด็ดขาดซึ่งเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริง ๆ เพราะก่อนหน้านี้หยูหานเป็นคนที่แสนจะธรรมดาในขณะที่หงฉี่ฮว๋าเองก็ดูเป็นคนเงียบขรึมและเก็บตัวมากไม่โดดเด่นอะไร อันที่จริงคนส่วนใหญ่มักจะฉายความฉลาดและมีการเปลี่ยนแปลงตัวเองในสภาพแวดล้อมและสถานการณ์พิเศษเช่นนี้
เมื่อมีคนเป็นผู้นำในเวลานี้จึงไม่มีใครที่แสดงความงี่เง่าออกมาอีกแล้ว ไม่มีความหมายอะไรที่พวกเขาจะอยู่ที่นี่นอกเสียจากการเป็นเหยื่อของเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้น
หงฉี่ฮว๋าอุ้มโม่โม่เอาไว้ มือเล็ก ๆ ของหนูน้อยยังคงเอื้อมไปทางตึกแห่งนั้น ใบหน้าเล็ก ๆ นั่นกำลังร้องห่มร้องไห้ หงฉี่ฮว๋าอุ้มโม่โม่เอาไว้และยื่นมือออกมาลูบศีรษะของโม่โม่เบา ๆ ในขณะที่ร่องรอยความเศร้ายังฉายอยู่ในดวงตาของเธอ ทิ้งภาพตึกที่พังทลายซึ่งตกอยู่ภายใต้การทำลายล้างของปีศาจอสรพิษยักษ์อยู่เบื้องหลัง
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^
https://www.kawebook.com/story/6809
MANGA DISCUSSION