ไป๋อี้และพื่อน ๆ วิ่งไปหาหยูหานและพวกตามเส้นทางที่แสดงบนคอมพิวเตอร์ แต่สถาบันวิจัยนั้นทั้งกว้างใหญ่และดูลึกลับน่ากลัวอย่างยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้นถึงระบบป้องกันจะถูกปิด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าประตูทุกบานจะเปิดอยู่ แม้ว่าอาจใช้เวลาไม่มากในการเปิดประตู แต่ตอนนี้ทุกนาทีมีความสำคัญมาก ถ้าหยูหานและพวกปลดปล่อยร่างทดลองออกมาจริง ๆ ทุกอย่างก็คงจบเห่
“มาร์ติน ร่างทดลองทั้งหลายในสถาบันวิจัยถูกกักขังไว้ด้วยวิธีแบบไหน?”
“แม้ว่าเซลล์ดัดแปลงจะมีความสามารถในการแพร่เชื้อ แต่ก็ไม่สามารถทำให้ศพเคลื่อนไหวได้เหมือนไวรัส T ดังนั้นการป้องกันจึงไม่เข้มงวดเท่ากับการแยกทางชีวเคมี ในความเป็นจริงแล้วสัตว์ประหลาดที่เกิดการผสานยีนเป็นเพียงสัตว์ทดลองที่มีพลังมหาศาลเท่านั้น โดยปกติแล้วจะถูกกักขังห้องละหนึ่งตัว แต่สำหรับสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ จะถูกขังอยู่รวมกัน อันที่จริงนอกจากร่างกลายพันธุ์บางตัวแล้ว ร่างทดลองอื่น ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษในห้องขัง” มาร์ตินตอบทันทีที่ได้ยินคำถามของไป๋อี้
“อีกนัยหนึ่งคือมันเป็นไปไม่ได้ที่ร่างทดลองจะถูกปล่อยออกมาพร้อมกัน เว้นแต่สมองกลของปัญญาประดิษฐ์ที่มีอำนาจการควบคุมจะถูกแฮก” ไป๋อี้ถาม
“ถูกต้อง!” มาร์ตินพยักหน้าขณะที่เขาวิ่งตามทุกคนไป
“ฉันหวังว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามนักนะ” ไป๋อี้พูดแล้วก็กระโดดลงจากบันไดทันที หลังจากที่กระโดดลงมากว่าสิบเมตร เขาใช้แรงจากราวบันไดและร่อนตัวที่ชานอาคาร จากนั้นไป๋อี้ก็ยื่นมือออกไปหาหงฉี่ฮว๋าและจับมือของเธอไว้ ส่วนหงฉี่ฮว๋าก็เหวี่ยงโม่โม่ลงมาทันที
มีเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดเสียวดังขึ้น ทันใดนั้นโม่โม่ก็ตกลงไปในอ้อมแขนของไป๋อี้พอดี
หลังจากนั้นไม่นานโม่โม่ก็ลืมตาขึ้นและมองไปที่ไป๋อี้อย่างขวัญเสีย ไป๋อี้ยิ้มให้โม่โม่จากนั้นก็วางโม่โม่ไว้ที่หลังของชาร์ไป่และปล่อยให้ชาร์ไป่วิ่งไปกับทุกคน ไป๋อี้เคยบอกคนในทีมไปแล้วว่าอย่าตั้งใจดูแลโม่โม่มากนัก เพราะโม่โม่ยังเด็ก เราต้องปล่อยให้โม่โม่ปรับตัวให้ชินกับสภาพแวดล้อมของนิวซีแลนด์ในตอนนี้ พูดง่าย ๆ คือ … ปล่อยให้โม่โม่ชินกับการที่ต้องเผชิญหน้ากับอันตราย
……
หลังจากที่กลุ่มของหยูหานถูกโจมตี นั่นทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะมั่นใจมากขึ้นว่าสถานที่แห่งนี้ต้องเป็นสถานที่ที่สำคัญจริง ๆ ซึ่งเป็นพื้นที่หลัก กล่าวได้ว่ามนุษย์มีจิตวิทยาเช่นนี้คือยิ่งมีการปกป้องมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่าต้องเป็นสิ่งสำคัญมากเท่านั้น และแทนที่จะต้องคอยสงสัยนู่นนี่นั่น เห็นได้ชัดเจนว่าสิ่งที่ต้องการวางอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว
ความคิดของหยูหานและพวกเป็นเช่นนี้
ภายใต้ความกดดันตลอดทาง หลังจากกลุ่มของหยูหานทำลายอาวุธทั้งสองด้านของทางเดินได้แล้ว ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงบริเวณหน้าประตู
ภาพของไนท์ปรากฏขึ้นบนหน้าจอสัมผัสขนาดเล็กที่หน้าประตูอิเล็กทรอนิกส์และกำลังจะบอกให้คนเหล่านี้ออกจากสถานที่แห่งนี้และถอยออกไปจากร่างทดลองทั้งหลาย ในขณะที่ไนท์ปรากฏตัวขึ้นมา หยูหานและพวกก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อยจากการโจมตีครั้งก่อน พวกเขาเข้าเผชิญหน้าทันที เสียงปึงปังดังขึ้นไม่กี่ครั้ง หน้าจอสัมผัสอิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กมีควันโขมงขึ้นมาทันที
“เฮ้!” ไนท์แสดงท่าทางงุนงง ดูเหมือนว่าเธอต้องใช้เวลาสักครู่กว่าจะตอบสนองได้
“โง่เง่า โง่จริง ๆ โง่สุด ๆ …… ฮ่า ๆๆ ฮิ ๆๆ” ไนท์ก่นด่าสักพักจากนั้นก็หัวเราะออกมา แล้วจึงฮัมเพลงช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยอย่างมีความสุข จากนั้นก็เริ่มเปิดใช้งานระบบป้องกันใหม่อีกครั้ง
เหมือนกับที่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ คาดการณ์ไว้ไม่มีผิด ไนท์มีสติปัญญาอย่างอิสระ แต่อย่างไรเธอก็ยังต้องอยู่ภายใต้ระบบปัญญาประดิษฐ์และไม่สามารถละเมิดหน้าที่ดั้งเดิมที่มนุษย์กำหนดไว้ได้ นั่นคือการป้องกันไม่ให้ร่างทดลองหนีไป!
สำหรับหน้าที่นี้ ปัญญาประดิษฐ์ของไนท์จะวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันโดยเร็วที่สุด จากนั้นก็ทำการตัดสินใจที่ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น ให้ไป๋อี้และเพื่อนขัดขวางหยูหานและพวก การแสดงภาพโดยตรงบอกหยูหานว่าพวกเขาไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ …… อย่างไรก็ตามจิตสำนึกที่เป็นอิสระที่ไนท์สร้างขึ้นไม่สนใจว่าร่างทดลองจะหลบหนีหรือไม่ กล่าวคือ ถึงจะหนีไปก็ช่างปะไร
ดังนั้นไนท์จึงโกรธที่หยูหานและคนอื่น ๆ ทำลายหน้าจอสัมผัสอิเล็กทรอนิกส์ชั่วขณะหนึ่ง แต่เธอก็เลิกสนใจทันที เธอฮัมเพลงออกมาและเตรียมเปิดใช้งานระบบป้องกันใหม่อีกครั้ง
“ฮึ่มฮึ่มฮึ่ม~ จะใช้แก๊สพิษโดยตรงเลยไหมนะ เนื่องจากร่างแม่แบบทดลองได้รับความเสียหาย สิ่งอำนวยความสะดวกในการระบายอากาศจึงถูกทำลาย นั่นทำให้มันไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ ป่ามปาม ~ การป้องกันไม่ให้ร่างทดลองหนีไม่ได้หมายความว่าร่างทดลองจะต้องถูกฆ่า ดังนั้นข้อเสนอนี้จึงถูกปฏิเสธ” ไนท์ฮัมเพลงคุยกับตัวเอง อันที่จริงการตัดสินใจของปัญญาประดิษฐ์ของเธอนั้นรวดเร็วมากและสิ่งเหล่านี้ได้รับการสรุปไว้นานแล้ว แต่ไนท์ก็ยังชอบที่จะพูดจ้อเหมือนกับมนุษย์จริง ๆ
“เมื่อกี้นี้เหมือนจะมีบางอย่างปรากฏบนหน้าจอ” เบลลิก้าทีน่าพูดพร้อมกับถือปืนกลมือและมีดดาบหัวสุนัขที่หลังของเธอ
“มันคืออะไร?”
“ดูเหมือนจะเป็นหัวคน แต่พอมันโผล่มานายก็จัดการไปแล้ว” เบลลิก้าทีน่ามองไปที่โมเสส โมเสสเป็นชายผิวขาวคนใหม่ที่เข้าร่วมทีม ตอนนี้เขาดูเหมือนสิงโต (เฉพาะที่คอเท่านั้น) เพราะผมที่ยาวหลายสิบเซนติเมตร
“โนเอลเปิดประตูต่อไป” เบ็นสันดึงอุ้งเท้าของเขากลับมาจากกำแพง ในขณะที่ด้านบนถูกเขาดึงเป็นรูขนาดใหญ่พร้อมพูดกับชายคนนั้นที่ถือแล็ปท็อปอยู้ในมือ
“OK!” ชายคนสุดท้ายเดินไปด้านหน้าอย่างระมัดระวังและเริ่มถอดรหัสผ่านใหม่อีกครั้ง
เวลาผ่านไปกว่าสิบนาที ขณะที่ทุกคนรออย่างใจจดใจจ่อ ในที่สุดประตูก็เปิดออกและไฟด้านในก็เปิดโดยอัตโนมัติ จากนั้นทุกคนก็ต้องตกตะลึงกับฉากตรงหน้า
สถานที่ที่ปรากฏต่อหน้าพวกเขาคือทางเดินซึ่งกว้างผิดปกติ โดยมีท้องฟ้าจำลองอยู่ด้านบนและดูเหมือนว่าพวกเขาจะอยู่บนพื้นดิน ทางเดินขนาดใหญ่นี้ล้อมรอบเป็นวงกลมขนาดใหญ่และที่ด้านข้างของทางเดินจะแยกออกเป็นห้องแต่ละห้องจำนวนนับไม่ถ้วน ก่อนที่จะเข้าใกล้ห้องเหล่านี้ทุกคนต่างก็รู้สึกถึงแรงกดดันเป็นอย่างมาก และด้านหน้าของพวกเขาก็คือบันไดที่นำไปสู่ส่วนกลาง
“ที่นี่เหรอ?” หยูหานกล่าวด้วยความงงงวย ที่นี่ไม่เหมือนกับคลังวิจัยยาเลยสักนิด
ในเวลานั้นเอง เบ็นสันรู้สึกหนาวสะท้านไปหมดทั้งตัว รูปร่างแบบนี้ สภาพแวดล้อมแบบนี้ ไม่ผิดแน่ สถานที่นี้เป็นที่กักขังร่างทดลอง ห้องกักขังทั้งหมดจะถูกจัดเรียงเป็นรูปวงแหวนทรงกลมกระบอกขนาดใหญ่ ตรงกลางสามารถเชื่อมต่อห้องกักกันแต่ละห้องได้ นอกจากห้องที่มีสัตว์ทดลองต่างกันออกไปแล้ว ยังมีเวทีขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางซึ่งทำเพื่อให้ร่างทดลองต่าง ๆ สามารถต่อสู้กันตรงกลางได้ เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการต่อสู้ของร่างทดลองและยังเอาไว้เก็บข้อมูลด้านอื่น ๆ ด้วย
เบ็นสันมองไปยังชานที่อยู่ตรงกลาง ทำให้นึกย้อนไปถึงฉากการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดตัวอื่นขึ้นมาในทันที ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดง
“ฮ๊ากกก~~!”
ทันใดนั้นเสียงคำรามอย่างดุดันก็ดังออกมาจากปากของเบ็นสัน คลื่นเสียงที่รุนแรงนี้ทำให้หยูหานและคนอื่น ๆ รู้สึกปวดหัว และเสียงคำรามนี้ยังทำให้สัตว์ประหลาดต่าง ๆ ที่ถูกขังอยู่ในแต่ละห้องต่างพากันกระตือรือร้นขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูกและค่อย ๆ เริ่มสร้างความปั่นป่วน หลังจากนั้นไม่นานเบ็นสันก็หันศีรษะกลับมา ดวงตาสีแดงที่เต็มไปด้วยเจตนาที่ต้องการจะฆ่าพวกเขาทำให้หยูหานและคนอื่น ๆ เตรียมตัวรับมืออย่างไม่ทันตั้งตัว
“ทำใจให้สงบเถอะ ฉันเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่อยู่ใน LV2 ฉันสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้แล้ว ถ้าเป็นระยะที่ดุร้ายอย่าง LV1-2 คาดว่าป่านนี้ฉันคงฆ่าพวกนายไปแล้ว” เบ็นสันใช้มือปิดตาของเขาพร้อมทั้งพูดกับทุกคน
หยูหานและคนอื่น ๆ อดไม่ได้ที่จะจ้องไปที่เบ็นสัน ระยะหิวโหย LV1-1 ระยะดุร้ายที่เกรี้ยวกราด LV1-2 … และการกลายพันธุ์ LV2 นี่คือชื่อที่นักวิจัยใช้เรียกแต่ละระดับ แต่อะไรคือความแตกต่างของระดับเหล่านี้?
“พวกเรายังต้องหาของที่นี่อยู่ไหม?” โนเอลถาม
เบ็นสันมองไปที่ทางเดินขนาดใหญ่ จากนั้นก็ก้าวไปด้านข้างและมองไปที่หน้าต่างกระจกนิรภัย ข้างในมีสัตว์ร้ายที่ทำการผสานรวมทางพันธุกรรมแล้ว แต่มันไม่ได้เปลี่ยนไปมากนักและดูผอมโซมาก แค่มองปราดเดียวเบ็นสันก็รู้ได้เลยว่าร่างทดลองนี้เพิ่งผสานรวมกับเซลล์ดัดแปลงได้ไม่นานนัก และมันต้องอดอยากมามากว่าหนึ่งเดือน แค่มันยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้ก็นับว่าเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อแล้ว
โดยทั่วไปแล้วร่างทดลองที่ทรงพลังที่สุดจะถูกกักขังอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดและแน่นอนว่าจะไม่มีทางเข้าแบบนี้
คนอื่น ๆ ก็ตามมาดูด้วยเช่นกัน เมื่อสัตว์กลายพันธุ์เห็นทุกคน ทันใดนั้นมันก็คำรามและค่อย ๆ ปีนป่ายตามกำแพง ดวงตาของมันเป็นประกายด้วยความหิวโหย
เบ็นสันเดินขึ้นบันไดไปตามเสาทรงกระบอกตรงกลาง จากนั้นก็เห็นแท่นขนาดใหญ่ตั้งอยู่บริเวณส่วนกลาง
ตรงนั้น!
ในความคิดของเบ็นสัน ฉากการต่อสู้และการทดลองต่าง ๆ ฉายขึ้นในหัวอย่างต่อเนื่อง จากนั้นเบ็นสันก็หันกลับมาเพื่อที่จะให้ทุกคนออกไปจากที่นี่ แต่ทันใดนั้นเขาก็มองไปยังทางเดินอย่างระแวดระวัง เมื่อคนอื่น ๆ เห็นท่าทีการเคลื่อนไหวของเบ็นสันทุกคนก็เริ่มฟังเสียงอย่างตั้งใจ หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เข้ามาที่นี่อย่างรวดเร็ว ทุกคนมองไปที่ทิศทางของเสียงนั้นทันทีพร้อมกับจับอาวุธไว้ในมือแน่น
หลังจากนั้นไม่นานกลุ่มของไป๋อี้ก็วิ่งมาถึงที่นี่โดยมองไปยังทางเดินที่เสียหายอย่างรุนแรงและประตูที่เปิดอยู่ ไป๋อี้บีบปืนในมือที่ถือไว้ด้านหลังของเขาแน่นแล้วเดินเข้าไปทีละก้าวอย่างช้า ๆ
ปัง ปัง ปัง เสียงปืนดังขึ้นทำให้หัวใจของทุกคนเต้นระรัว
กลุ่มของไป๋อี้ปรากฏตัวขึ้นที่ทางเข้าตรงทางเดิน พวกเขาได้เผชิญหน้ากับกลุ่มของหยูหานที่ยืนอยู่บนแท่นสังเกตการณ์
แม้ว่าพวกเขาจะมีความเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่ขณะที่พวกเขาต้องเผชิญหน้ากันเขาจะไม่ยอมรับผิดเด็ดขาด จริง ๆ แล้วหยูหานก็คิดไว้แล้วว่าจะได้พบกับกลุ่มของไป๋อี้ในสถาบันวิจัยแห่งนี้ แต่เขาไม่คาดคิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นจริง ๆ ทั้งสองฝ่ายเล็งปืนใส่กันแล้วมองหน้ากันไปมาว่าจะเอาอย่างไรกันดี?
“ไม่เจอกันนานนะ” ไป๋อี้เริ่มทักก่อน
“หึ เป็นบุญวาสนาที่ไม่ได้เจอเสียนาน” อันที่จริงก็ไม่ได้เป็นเวลานานมากนัก แต่สำหรับนิวซีแลนด์ที่อยู่ในสภาวะเสี่ยงทำให้ดูเหมือนเวลาผ่านไปนานแล้ว
“แล้วตอนนี้นายจะสอนอะไรฉันล่ะ?” หยูหานยืนอยู่บนแท่นและมองลงไปที่ไป๋อี้
“ออกไปจากที่นี่ นี่เป็นสถานที่กักขังร่างทดลอง หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น คงจะไม่ใช่เรื่องน่ายินดีสำหรับพวกเราทุกคนแน่ๆ” ไป๋อี้พูดอย่างจริงจัง
“นายรู้แน่ชัดได้อย่างไรและทำไมเราต้องฟังนาย?”
อันที่จริงหยูหานและพวกตั้งใจจะออกจากที่นี่ก่อนหน้านี้ แต่เมื่อตอนนี้ไป๋อี้ปรากฏตัวขึ้น ความคิดดังกล่าวก็เปลี่ยนไป ดังที่ว่าความคิดของมนุษย์นั้นช่างแปลกประหลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนสองกลุ่มที่เดิมทีเป็นศัตรูกัน หยูหานจึงสงสัยจุดประสงค์ที่ลึกซึ้งของไป๋อี้ เช่น …… อาจมีสิ่งที่สำคัญซ่อนอยู่ที่นี่ก็เป็นได้
MANGA DISCUSSION