คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 987 ความคิดของเจ้านายยากที่จะคาดเดา
บทที่ 987 ความคิดของเจ้านายยากที่จะคาดเดา
“คุณหมายความว่า ผู้อำนวยการจะส่งคุณไปอังกฤษงั้นเหรอ”
ได้ฟังสิ่งที่ลั่วหานเล่าแล้ว ถังจิ้นเหยียนก็เข้าใจ เรื่องด่วนของผู้อำนวยการ ที่แท้ก็คือเรื่องนี้นั่นเอง
เมื่อคิดดูแล้ว มันก็ด่วนจริงๆนะ ตามนิสัยของลั่วหาน ถ้าเธอไม่อยากไป อย่าว่าแต่อีกฝ่ายเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ ถึงจะเป็นการเชิญจากกษัตริย์ เธอคงไม่ตอบตกลงง่ายๆ
ลั่วหานทานโจ๊กอย่างอิ่มอกอิ่มใจ รู้สึกอุ่นตั้งแต่ปากไปจนถึงกระเพาะอาหาร ความเหนื่อยล้าลดลงไปเกือบครึ่ง “อืม เขาบอกกับฉันเอง คิดว่าฉันจะปฏิเสธ เลยเรียกให้คุณกลับมา คงจะให้ช่วยมาเกลี้ยกล่อมฉันด้วย”
ถังจิ้นเหยียนยื่นกระดาษทิชชูให้เธอหนึ่งแผ่น ให้เธอเช็ดปาก
“คุณอยากให้ผมยืนอยู่ข้างใคร ช่วยผู้อำนวยการ หรือว่าช่วยคุณ”
ลั่วหานรับกระดาษมา หัวเราะ “คุณอยากช่วยใครคะ”
ถังจิ้นเหยียนทานซาลาเปาหมดแล้ว หยิบกระดาษมาเช็ดมือและเหงื่อที่ไหลออกมา “ผมอยากฟังความคิดของคุณ ผมเองก็ไม่อยากบังคับคุณ”
ลั่วหานขยำกระดาษเป็นก้อนกลม โยนลงถังขยะ “ฉันไม่อยากไป มันนานเกินไป กดดันมากด้วย ไปถึงที่นั่นแล้วต้องมีข้อผูกมัดหลายอย่าง จนกระทั่งถูกควบคุม อิสระส่วนตัวก็แทบไม่ต้องพูดถึง คุณคิดว่าคนแบบฉันจะอยู่ในการควบคุมแบบนั้นเหรอ”
ลั่วหานขมวดคิ้ว
ที่สำคัญคือ ในใจเธอยังมีอะไรให้ห่วงอีกมากมาย ลูกสาวของเธอ สามีที่รัก เธอจะไม่ได้เจอกันเลย
ถังจิ้นเหยียนหัวเราะ “แต่ว่า คุณยังตัดสินใจไม่ได้ คุณเป็นหมอ มีจรรยาบรรณของหมอ ชีวิตของอีกฝ่ายก็สำคัญ คุณเองก็วางใจไม่ลง ใช่ไหม”
ลั่วหานถูกเขามองทะลุปรุโปร่ง ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ “ผู้อำนวยการกำลังใช้จุดนี้อยู่”
ถังจิ้นเหยียนพยักหน้า “อยากฟังความคิดเห็นของผมไหม”
ลั่วหานยักไหล่ บอกให้เขาพูดต่อ
“เรื่องนี้ คุณควรจะคุยกับหลงเซียวก่อน ดูว่าเขาจะจัดการยังไง ถ้าเขาสนับสนุนคุณ คิดว่าเขาต้องมีวิธีแก้ไขปัญหาอื่นได้ ถ้าเขาไม่อยากให้คุณไป คุณก็ไม่จำเป็นต้องสับสน”
ลั่วหานยกสองมือขึ้นมาเท้าคาง ขมวดหัวคิ้วขึ้น “ในเมื่อพวกเขามาหาฉัน นั่นแสดงว่าการผ่าตัดมันยาก ก็อย่างที่คุณบอก ชีวิตคนสำคัญเท่าฟ้า”
ถังจิ้นเหยียนหัวเราะเสียงดัง “คุณนี่นะ ก็ยังไม่ยอมทิ้งคนไข้ ถ้าสามารถแก้ปัญหาเรื่องที่คุณกลับประเทศไม่ได้ ความจริงคุณก็คงตอบรับแบบไม่ลังเลแน่”
“ปัญหาก็คือ สมมุติฐานนี้ไม่สำเร็จ” ลั่วหานเก็บถ้วยชามเข้าไว้ในถุงอีกครั้ง
“หรือว่า ให้ผมไปแทนคุณ”
“คุณเหรอ”
“ผมจะพูดกับผู้อำนวยการ เดี๋ยวผมไปเอง”
ลั่วหานหัวใจเต้นแรง แต่ก็คิดว่ามันเอาเปรียบถังจิ้นเหยียนมากเกินไป “ช่างเถอะ ให้ฉันกลับไปนอนก่อนสักหน่อย เดี๋ยวค่อยคุยกับหลงเซียว”
“ก็ดีเหมือนกัน ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจยังไง ผมก็อยู่ข้างคุณ” ถังจิ้นเหยียนเตรียมเอาขยะไปทิ้งลงถัง หยิบขึ้นมาแขวนไว้ที่มือตัวเอง
“คุณกลับมาได้เจอกับซิ่วหยาหรือยัง หรือว่าตรงมาที่โรงพยาบาลเลย”
ทั้งสองลงลิฟต์มาที่ลานจอดรถด้วยกัน ลั่วหานพลันนึกขึ้นมาได้
“โทรคุยแล้ว เธอยังเข้าเวรอยู่ ไม่สะดวก” ถังจิ้นเหยียนหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ ทำได้เพียงทำความเข้าใจงานของแฟนสาว
“มีคดีต้องจัดการเหรอ เจ้าหน้าที่เจิ้งขยันกว่าฉันอีก”
ถังจิ้นเหยียนทำเพียงหัวเราะ ไม่ได้เอ่ยอะไร
เจิ้งซิ่วหยากำลังทำคดีอยู่จริงๆ เพียงแต่ เรื่องภายในเธอเปิดเผยออกไปไม่ได้
“เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่บ้านก่อน”
ลอนดอน ประเทศอังกฤษ
หลงเซียวยืนอยู่หน้ากระจกยาวในห้องของโรงแรม
บรรยากาศด้านนอกเต็มไปด้วยแสงสีจากไฟต่างๆนานา สามารถมองเห็นสะพานลอนดอนข้ามแม่น้ำเทมส์ได้จากตรงนี้ ตึกแฝดไม่ได้ดูยิ่งใหญ่เมื่อมองจากตรงนี้ แสงไฟสว่างไสว สะท้อนอยู่บนผืนน้ำดูแล้วงดงาม
เมืองแห่งนี้ ดูรุ่งเรืองงดงาม สถาปัตยกรรมกอทิกควบคู่ไปกับการแต่งกายแบบชาวลอนดอน เป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์ ความจริง กลับซ่อนความดำมืดที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า
หลงเซียวมองบรรยากาศอยู่นิ่งๆ ท้องฟ้ามืดมัวมองไม่เห็นดวงดาว หมอกร้อยปีก็ยังคงมืดสลัวเช่นเดิม
ติ๊งต่อง
ในความเงียบ เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น
“เข้ามา “
จี้ตงหมิงตอบรับแล้วเปิดประตูเข้ามา “เจ้านายครับ รูปภาพล้างเรียบร้อยแล้วครับ”
จี้ตงหมิงหยิบรูปออกมาแต่ก็ยังไม่เข้าใจ เจ้านายให้คนขับรถขับออกไปชั่วโมงกว่า ไปไกลขนาดนั้น เพื่อไปถ่ายรูปบ้านร้างไม่มีอะไรเลยนั่นน่ะเหรอ
ไม่มีเบาะแสอะไรสักนิด
ตอนนั้นเจ้านายไม่ได้อธิบายอะไร เขาเองก็ไม่กล้าถามมาก แค่เพียงทำตามที่เขาสั่งนำรูปไปล้างให้เรียบร้อย
หลงเซียวเอามือออกมาจากกระเป๋ากางเกง “เอามาให้ฉัน”
จี้ตงหมิงยืนซองสีน้ำตาลให้เขา “อยู่ในนี้ทั้งหมดแล้วครับ เจ้านายลองดูว่าต้องขยายรูปไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า”
หลงเซียวนั่งอยู่ที่โซฟา ยกกาแฟขึ้นดื่ม แก้วกาแฟสัมผัสริมฝีปากก็วางลงแล้ว
“ขอไวน์แดงให้ฉันหนึ่งแก้ว”
“ครับ”
จี้ตงหมิงไปเทไวน์ที่บาร์ หลงเซียวเปิดดูรูปทีละรูปๆ
ในรูปเป็นตึกสามชั้นตั้งอยู่ที่ชานเมืองลอนดอน ประตูปิดสนิท ด้านในไม่มีใครแม้แต่คนเดียว บ้านหลังใหญ่ว่างเปล่ามานานแล้ว มีต้นไม้ใบหญ้าเติบโตมากมาย พืชช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงเริ่มเหี่ยวเฉา ต้นแปะก๊วยหลายต้นเริ่มผลัดใบ
ใบสีเหลืองทองปูเต็มพื้นดิน ปลิวว่อนเมื่อยามลมพัด
ภาพคมชัดเก็บภาพสวยงามได้หลายภาพ
ยังมีอีกไม่กี่ภาพที่ตั้งใจถ่ายรายละเอียดของคฤหาสน์ โคมไฟทางเดิน หน้าต่างและประตูบ้าน ภาพแกะสลักของหน้าต่าง
จี้ตงหมิงยกแก้วไวน์เข้ามา ในใจนั้นเกิดเครื่องหมายคำถามมากมาย สุดท้ายก็อดไม่ได้ ยื่นแก้วไวน์ไปให้พร้อมทั้งก้มลมมองดูรูปภาพหนึ่งในนั้นให้ชัดๆ “เจ้านายครับ ที่นี่คือที่ไหนเหรอครับ”
หลงเซียวจิบไวน์ สายตาไม่เคลื่อนไปไหน “สถานที่ที่ปรากฏอยู่ในผลงานของแม่ถึงสามครั้ง”
จี้ตงหมิงยังมึนงง “เจ้านาย…ตั้งใจจะไปดูสถานที่จริงของผลงานคุณผู้หญิงเหรอครับ”
คำอธิบายนี้ยังไงเขาก็ไม่เข้าใจ
หลงเซียวโคลงแก้วไวน์ในมืออธิบายอย่างละเอียด “ผลงานของแม่ ทุกๆฉาก สิ่งก่อสร้างจะมีแค่ครั้งเดียวที่โผล่มา มีเพียงที่นี่ ที่ปรากฏอยู่ในภาพทั้งสามภาพ”
เขาสามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนว่า นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
แม่เคร่งครัดกับการสร้างงานศิลปะมาก เธอใฝ่หาความสมบูรณ์แบบ ใฝ่หาความแปลกใหม่ ไม่มีทางวาดสถานที่เดิมซ้ำๆลงในผลงาน
นอกซะจาก…
จี้ตงหมิงเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ “หรือว่าที่นี่จะมีความสัมพันธ์ที่พิเศษกับคุณผู้หญิงครับ”
เขาจำไม่ค่อยได้ว่าผลงานชิ้นไหนของหยวนชูเฟินที่วาดถึงที่นี่ ไม่สามารถตัดสินได้
“อืม มี”
หลงเซียวจิบไวน์อีกครั้ง หลับตาลงไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองสับสน
“ผมจะไปสืบว่าใครเป็นเจ้าของที่นี่ เกิดอะไรขึ้นบ้างตลอดหลายปีมานี้ ความจริงผมประหลาดใจ คฤหาสน์ที่ดีขนาดนี้ ใครกันทิ้งมันลงได้” จี้ตงหมิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“ไม่ต้องสืบหรอก นายสืบไปพบหรอก”
จี้ตงหมิงชะงักมือทันที เขายังไม่ทันพิมพ์เสร็จเลย “เจ้านายรู้เหรอครับ”
ดูท่าเจ้านายคงจะรู้แล้ว
หลงเซียวเก็บรูปลงในซองน้ำตาล “ฉันหวังว่าฉันจะไม่รู้”
จี้ตงหมิงฟังแล้วก็ยิ่งมึนงง อะไรคือหวังว่าจะไม่รู้ ความหมายก็คือ…เขารู้แล้วจริงๆ
“งั้น…รูปพวกนี้”
จี้ตงหมิงยิ่งงงเข้าไปใหญ่ ตั้งแต่ที่เจ้านายกลับมาจากคฤหาสน์นั่นก็ดูแปลกไป พูดน้อย อาหารเย็นก็ทานไปไม่มาก ที่น่ากลัวก็คือ เจ้านายไม่ติดต่อคุณหมอฉู่ไปเลย
น่าแปลก
“ส่งรูปไปให้นายหญิง เธอจะเข้าใจเอง”
จี้ตงหมิงรับมาเงียบๆแล้วกอดเอาไว้ “ครับ เดี๋ยวผมส่งให้”
ความจริงรูปส่งเป็นไฟล์ก็ได้ ตั้งใจปริ้นท์ออกมาหมายความว่ายังไง
ความคิดของเจ้านายนับวันยิ่งยากจะคาดเดา
จี้ตงหมิงเดินออกจากห้องไป ห้องชุดขนาดใหญ่ของประธานาธิบดีมีเพียงหลงเซียวคนเดียวที่อยู่ด้านใน ห้องรับแขกที่กว้างขวางและว่างเปล่า มีเพียงเขายืนโดดเดี่ยวอยู่ริมหน้าต่าง เงาที่ถูกลากยาวด้วยแสงไฟได้ทอดยาวไปกับพื้นหินอ่อน ไม่ขยับเขยื้อน
แม่ครับ…
หวังว่าจะไม่ได้เป็นดั่งที่เขาคิด
หลงเซียวปิดเปลือกตาลงด้วยความเหนื่อยล้า ปิดกั้นความสับสนวุ่นวายทิ้งเอาไว้ด้านนอก
ซีหู หางโจว
หยวนชูเฟินหยิบพู่กันขึ้นมา นั่งเงียบๆในลานกว้างของบ้านพัก แสงอาทิตย์สาดส่องน้ำในทะเลสาบซีหูเป็นภาพระยิบระยับงดงาม
มีคนผ่านไปมาในบางครั้ง น้ำหมึกได้เขียนให้ทะเลสาบซีหูมีชีวิตขึ้นมา สวยราวกับไม่ใช่โลกมนุษย์
เจมส์เหมือนแฟนคลับตัวน้อยที่นั่งอยู่ด้านข้างกระดานวาดภาพของเธอ “คุณน้าครับ ทำไมยังไม่วาดล่ะครับ”
เขารอมาตั้งสิบนาทีแล้ว โดนแสงแดดส่องแล้วก็รู้สึกง่วง แต่คุณน้าหยวนราวกับกำลังทำสมาธิ นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ยอมขยับ
พู่กันในมือของหยวนชูเฟินนั้นสีแห้งหมดแล้ว เธอจุ่มพู่กันลงในจานสีอีกครั้ง “เจมส์ เธอมีอะไรที่ชอบมากๆไหม”
เจมส์ตอบโดยไม่ต้องคิด “แอนน่าครับ”
หยวนชูเฟินหัวเราะ “นอกจากแอนน่าล่ะ”
ตอนนี้เจมส์ต้องคิดหนักแล้ว
อาหารรสเลิศต่างๆเขาก็ได้ชิมแล้ว เขาเคยได้เห็นทิวทัศน์แปลกๆในทุกรูปแบบ แต่ถ้าบอกว่าให้เลือกสิ่งที่ชอบมากที่สุด ก็ไม่รู้จะเลือกอะไร
“อย่างเดียวเหรอครับ”
เลือกยากจัง
หยวนชูเฟินพยักหน้า “ใช่ เลือกได้อย่างเดียว ที่ชอบมากที่สุด”
ดวงตาสีฟ้าใสของเจมส์มองไปยังทะเลสาบซีหูตรงหน้า ครางตอบรับยาวๆ “ผมชอบมากที่สุดก็…คือ…ซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวาน ใช่ครับ เป็นอาหารจีนที่ผมชอบที่สุดเลย โดยเฉพาะกับข้าวที่แอนน่าทำ”
หยวนชูเฟินไม่รู้จะตอบยังไง เจ้าเด็กคนนี้ ตรงไปตรงมาแค่ไหนกันนะ มาบอกชอบลูกสะใภ้ของเธอต่อหน้าเธอเนี่ยนะ จะไม่หลบเลี่ยงสักนิดเลยเหรอ
เจมส์ถามกลับ “คุณน้าล่ะครับ ชอบอะไรมากที่สุด”
หยวนชูเฟินจุ่มสีเรียบร้อยแล้ว วางพู่กัน “คนจีนชอบพูดถึงความรู้สึก สิ่งที่ชอบ ก็ต้องเกี่ยวข้องกับสภาพจิตใจด้วย”
ท่าทางของเจมส์ ราวกับจะบอกว่า คุณน้าครับช่วยพูดตรงๆได้ไหมครับ ภาษาจีนผมไม่แข็งแรง งั้นเราใช้ภาษาอังกฤษคุยกันไหม
“สิ่งที่ฉันชอบ ล้วนอยู่ในภาพวาดของฉัน”
เจมส์ถามด้วยความใสซื่อ “แต่ว่าภาพของคุณน้าเยอะขนาดนั้น แต่ละภาพก็ไม่เหมือนกัน คุณน้าชอบอันไหนที่สุดล่ะครับ”
หยวนชูเฟินวาดไปทีละเส้นขีด ตั้งใจนำทะเลสาบซีหูมาไว้ในผลงานด้วยปลายพู่กันของเธออย่างละเอียด “สิ่งที่ชอบ ก็อดไม่ได้ที่จะดูซ้ำๆ วาดซ้ำๆ”
เจมส์ “…”
คุยกับคุณน้านี่เหนื่อยจริงๆ นี่คือช่องว่างระหว่างวัยที่เขาพูดกันหรือเปล่านะ
——
เมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ก็ห้าโมงเย็นแล้ว
ลั่วหานนวดขมับที่ปวดตุบๆ สะลึมสะลือ ขมับปวดจี๊ดขึ้นมา
พลันรู้สึกเป็นหวัดขึ้นมา
เธอกลับบ้านมาด้วยความเหนื่อยล้า หัวถึงหมอนก็หลับสนิท ลืมปิดหน้าต่างยังไม่รู้เลย
ขยับเสื้อผ้าแน่นขึ้น สูดหายใจด้วยจมูกที่ไม่โล่ง ร่างทั้งร่างโงนเงน
“คุณนาย ตื่นแล้วเหรอคะ ตอนอาหารเย็นตอนนี้เลยไหมคะ”
อาเซียงที่รอเธอตื่นมาสักพักแล้ว ระหว่างนั้นก็กลัวจะทำเสียงดังจนเธอตื่น จนไม่กล้าขึ้นมาบนตึกเลย
ทุกครั้งที่คุณนายเข้าเวรดึกมา ก็จะกลับมานอนหลับยาวอยู่ชั้นบน ระหว่างนั้นใครก็ห้ามขึ้นไปรบกวน
“เตรียมอาหารเย็นเรียบร้อยแล้วเหรอ”
เธอยังไม่ทันได้หิวเลย รู้สึกฝาดเฝื่อนอยู่ในปาก ไม่เพียงเป็นหวัด คาดว่าคงจะเป็นไข้ด้วย
“เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ อาหารที่คุณชอบทั้งนั้นเลย คุณทำงานมาเหนื่อยทั้งคืน ต้องทานเยอะๆนะคะ” อาเซียงภูมิใจนำเสนออาหารจีนรสเลิศด้วยวัตถุดิบชั้นยอดทั้งผักทั้งเนื้อ
ต้มผัดแกงทอดมีครบ เธอทำคนเดียวตั้งหกอย่าง
ลั่วหานฟังแล้วกลับไม่มีความอยากอาหารเลยสักนิด “อาหารเย็นพวกเธอทานเถอะ ต้มเกี๊ยวให้ฉันก็พอ”
อาเซียงมึนงง “คะ ทานแค่เกี๊ยวน้ำเหรอคะ ไม่มีประโยชน์เลยนะคะ”
ครั้งที่แล้วที่หลงเซียวและลั่วหานห่อเกี๊ยว สาวใช้ก็เก็บใส่ตู้เย็นไว้ด้วย หกรสชาติเลือกได้ แต่ลั่วหานก็ไม่เคยกินมันอีกเลย เอาไว้นานแล้วมันไม่สดแล้ว
“ไม่เป็นไร ต้มสักสิบสองชิ้นนะ เอากล่องยามาให้ฉันด้วย”
“ได้ค่ะ”
อาเซียงให้คนครัวต้มเกี๊ยวให้ก่อน กอดกล่องยามาให้ลั่วหาน “คุณนายคะ สีหน้าคุณไม่ดีเลย ไม่สบายหรือเปล่าคะ”
ลั่วหานวัดอุณหภูมิ “แค่เป็นไข้นิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอก”
“ห๋า เดี๋ยวฉันโทรหาคุณหมอซุนค่ะ ให้เขามาตรวจสักหน่อย”
อาเซียงรีบร้อยจะไปโทรศัพท์ ถูกลั่วหานห้ามเอาไว้ “เรื่องเล็กแค่นี้ยังจะให้คุณหมอซุนมาเหรอ ฉันก็เป็นหมอนะ”
อาเซียงยังคงไม่วางใจ ยืนเฝ้าอยู่ข้างๆ กลัวว่าเธอจะเป็นอะไรขึ้นมา
คุณผู้ชายพึ่งจะไปได้แค่วันเดียว คุณนายก็มาป่วยแล้ว ถ้าคุณผู้ชายรู้ คงจะเป็นห่วงมากแน่ๆ
ลั่วหานวัดอุณหภูมิ สามสิบเจ็ดจุดห้า เป็นไข้จริงๆด้วย
ทานยาลดไข้ และยาไคว้เค่อลงไปอีกหนึ่งเม็ด ตามด้วยน้ำอุ่นลงไป
ห้องครัวต้มเกี๊ยวสุกแล้ว ทั้งหมดสิบสองชิ้น วางรวมกันอยู่ในถ้วย ตรงกลางมีซอสเล็กน้อย
ลั่วหานหยิบโทรศัพท์ออกมาดู หลงเซียวไม่ได้ส่งข้อความมาให้เธอเลย
คนคนนี้นี่…โกหกอีกแล้ว
ลั่วหานทานเกี๊ยวไปหนึ่งชิ้น ต่อสายหาหลงเซียว แต่ก็กลัวว่าเขาจะกำลังยุ่ง เปลี่ยนเป็นส่งข้อความแทน
“ฉันกำลังทานเกี๊ยว คุณทำอะไรอยู่”
ลอนดอนที่ห่างไกล โทรศัพท์บนโต๊ะของหลงเซียวสว่างวาบขึ้นอยู่ชั่วครู่
ด้านข้างโทรศัพท์ ไม่มีใครอยู่
รออยู่สักพัก ไม่ได้รับข้อความตอบกลับ ลั่วหานจึงต้องวางโทรศัพท์ลง ทานเกี๊ยวต่อไปทีละชิ้น
ครืน ครืน
โทรศัพท์พลันดังขึ้น
ลั่วหานรีบยกขึ้นมา แต่กลับไม่ใช่หลงเซียวโทรกลับมา
เจมส์ “แอนน่า แม่สามีคุณแปลกมาก คำพูดเธอผมฟังไม่ออก คุณรู้ไหมว่ามันแปลว่าอะไร”
เจมส์นำคำพูดของหยวนชูเฟินมาบอกกับลั่วหานอีกครั้ง
ลั่วหานขมวดคิ้ว กดฟังข้อความเสียงของเจมส์อยู่หลายรอบ เด็กคนนี้มีปัญหาเรื่องการสื่อสารหรือเปล่านะ
สุดท้ายก็เข้าใจแล้ว หยวนชูเฟินพูดว่า สิ่งที่เธอชอบ เธอจะวาดมันหลายครั้ง
“หมายถึงแบบนี้ เข้าใจหรือยัง”
ลั่วหานอธิบายให้ฟัง
เจมส์พลันเข้าใจขึ้นมา “อ้อ แบบนี้เหรอ งั้นพรุ่งนี้ผมจะไปดูภาพวาดของคุณน้า รอให้ผมรู้ความลับของคุณน้าก่อนผมจะบอกคุณเป็นคนแรก”
ลั่วหาน “…”
เมื่อคุยกับเจมส์เสร็จแล้ว โทรศัพท์ของลั่วหานก็สั่นขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นสายโทรเข้า
เฉียวหย่วนฟานโทรมา
“แด๊ดดี้ ทำไมถึงโทรมาเวลานี้ได้คะ”
ที่อเมริกาพึ่งจะเช้าเองนี่นา โทรมาเช้าเกินไปหรือเปล่า
เฉียวหย่วนฟานยิ้มอ่อนโยนบอก “เมื่อคืนอยากโทร กลัวว่าจะรบกวนเวลาพักผ่อนของเธอ เธอยังไม่ลืมใช่ไหมว่าวันนี้วันอะไร”