คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 988 ขังเอาไว้
บทที่ 988 ขังเอาไว้
วันนี้เหรอ
เหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษนะ
เธอผ่าตัดทั้งคืน ตอนนี้ยังมาเป็นไข้ สมองไม่ค่อยทำงานเท่าไหร่ นึกไปถึงวันเกิดหลายๆคน วันสำคัญในช่วงนี้ก็ไล่ดูแล้ว ก็ไม่มีวันพิเศษอะไรนี่นา
“แด๊ดดี้ช่วยใบ้ให้หน่อยได้ไหมคะ” ลั่วหานคิดไม่ออกจริงๆ ออดอ้อนเฉียวหย่วนฟาน
เฉียวหย่วนฟานเหมือนจะรู้อยู่แล้ว ไม่แปลกใจเลยสักนิด กลับอธิบายด้วยความเอ็นดู “วันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานของฉันกับหม่ามี๊ของเธอไง จำไม่ได้แล้วเหรอ”
เฮ้ย
เธอลืมไปแล้วจริงๆ ลืมไปจนสิ้น นึกไม่ถึงเลยสักนิด
เธอใช้เวลาในวันครบรอบแต่งงานกับเฉียวหย่วนฟานและภรรยาของเขามาแล้วสองครั้ง วันครบรอบแต่งงานของพวกเขาเมื่อปีที่แล้ว เธอยังย้ำอยู่เลย ว่าครบรอบปีต่อไปจะมาฉลองกับพวกเขา
ตอนนั้นเธอบอกเป็นมั่นเป็นหมาย ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แถมยังลืมไปสนิทขนาดนี้
ลั่วหานหัวเราะกระอักกระอ่วน “แด๊ดดี้ ขอโทษนะคะ หนูลืมไปเลย แต่ว่าตอนนี้จะจำให้ได้ แต่ไปอยู่ฉลองกับพวกคุณไม่ได้แล้ว ต้องขอโทษจริงๆนะคะ เป็นความผิดของหนูเอง”
ลั่วหานบอกด้วยความละอายใจ นึกถึงเฉียวหย่วนฟานคู่สามีภรรยาอายุเยอะขนาดนี้แล้ว ไม่มีลูกๆอยู่รอบข้าง พวกเขาจึงรักเธอราวกับลูกแท้ๆ เธออยู่ห่างไกลอีกฟากฝั่งมหาสมุทรไม่สามารถไปร่วมยินดีกับพวกเขาได้
อดที่จะรู้สึกเสียใจขึ้นมาไม่ได้
เฉียวหย่วนฟานบอกด้วยน้ำเสียงเอ็นดู “ยัยเด็กคนนี้ ฉันโทรมาไม่ได้อยากให้เธอรู้สึกผิด แต่ว่าเราไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว ฉันกับหม่ามี๊ของเธอคิดถึงเธอมาก เธอทำงานเหนื่อย แถมยังต้องเลี้ยงลูก พวกเราจะโทษเธอได้ยังไงกัน”
ได้มิ้นเองก็เอ่ยแทรกเข้ามา “คุณพูดอะไรกับลูกคะ เธอยุ่งขนาดนั้นยังไปบอกเธออีก จะไม่ทำให้ลูกรู้สึกไม่ดีหรอกเหรอคะ”
เฉียวหย่วนฟานป้องโทรศัพท์เอาไว้ แต่ว่าเสียงนั้นก็ยังลอดเข้ามาให้ลั่วหานได้ยิน “คุณบอกคิดถึงแอนน่าไม่ใช่เหรอ ก็คุณไม่กล้าโทรไปก่อน ยังจะไม่ให้ผมโทรเหรอ”
“เธอยุ่งขนาดนั้น เราไม่ได้เจ็บไม่ได้ไข้ก็อย่าไปรบกวนเธอ เวลานี้เธออาจจะกำลังทำงานที่โรงพยาบาลก็ได้ แค่คนไข้เธอก็ลำบากมากแล้ว คุณยังจะไปให้เธอยุ่งอีก” ได้มิ้นบ่นให้เฉียวหย่วนฟาน ทุกคำนั้นล้วนเป็นห่วงเป็นใยลั่วหาน
ลั่วหานได้ยินแบบนั้นยิ่งรู้สึกผิด “แด๊ดดี้คะ หม่ามี๊ หนูก็คิดถึงพวกคุณเหมือนกัน เดี๋ยวรอให้ฉันผ่านช่วงยุ่งๆนี้ไปก่อนหนูจะไปอเมริกาหาพวกคุณนะคะ”
ได้มิ้นมารับโทรศัพท์ “แอนน่า หนูต้องดูแลตัวเองดีๆ อย่าทำงานหนักเกินไป หม่ามี๊ไม่ได้อยากให้หนูเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งขนาดนั้น อยู่กับหลงเซียวไม่มีวันปล่อยให้ลูกต้องลำบากหรอก”
“หนูรู้ค่ะหม่ามี๊ วางใจเถอะค่ะ หนูสบายดี” เอ่ยจบลั่วหานก็คันในลำคอขึ้นมา อยากจะกลั้นเอาไว้ แต่ก็ทนไม่ไหว ไปออกมาไม่กี่ครั้ง
“เป็นหวัดเหรอ เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย ป่วยก็ไม่บอกพวกเราเหรอ” ได้มิ้นถามด้วยความเป็นห่วง
ลั่วหานรีบบอก “ไม่เป็นอะไรเลยค่ะหม่ามี๊ แค่เป็นหวัดนิดหน่อยเอง ทานยาสักหน่อยก็พอแล้ว ไม่เป็นไรจริงๆนะคะ”
“ไม่เป็นไรจริงๆเหรอ ทานข้าวเยอะๆ อย่าลดน้ำหนัก ทานให้มีน้ำมีนวล หนูผอมเกินไป อีกอย่าง ข้างนอกหนาว สวมเสื้อผ้าหนาๆ อย่าไปเลียนแบบผู้หญิงที่ชอบเผยขาพวกนั้น เดี๋ยวจะเป็นโรคข้อเข่า สวมเสื้อผ้าหนาๆนะ” ได้มิ้นใส่ใจทุกรายละเอียด กำชับเรื่องการกินอยู่ของเธออีกรอบ
“ได้ค่ะ หนูเชื่อหม่ามี๊ค่ะ พอแล้ว พอแล้ว วันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานของพวกคุณ จะฉลองกันยังไงคะ ดินเนอร์ใต้แสงเทียนไหม หรือว่าวางแผนอย่างอื่นไว้ไหมคะ”
เมื่อนับแล้ว วันนี้คือวันครบรอบแต่งงานสามสิบสามปีของพวกเขา
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยังคงดีอยู่แบบนี้ ในความสงบก็ยังแอบประหลาดใจอยู่บ้าง ช่างงดงามและเงียบสงบจริงๆ
ลั่วหานไม่เคยเห็นพวกเขาทะเลาะกันเลยสักครั้ง ทุกวันนั้นหวานชื่น
ชีวิตคู่ที่เธออยากจะได้ ความจริงแค่เหมือนพวกเขาก็พอแล้ว กี่สิบปีก็เหมือนวันเดียว
เฉียวหย่วนฟานหัวเราะเขินอาย “เหอะๆ ฉันกับหม่ามี๊ของเธอจะไปถ่ายรูปชุดแต่งงานกันน่ะ อยากจะเก็บไว้เป็นความทรงจำ ใช้โอกาสนี้ไปถ่ายไว้ ความจริง…”
เฉียวหย่วนฟานลดเสียงต่ำลง “ความจริงแม่เธอวางแผนจะให้เธอมาถ่ายด้วยกัน ถ่ายรูปครอบครัวของเรา แต่ว่าเธอไม่ได้อยู่กับเรา เมื่อคืนหม่ามี๊ของเธอยังนอนเช็ดน้ำตาอยู่เลย”
ได้ยินดังนั้น ลั่วหานยิ่งรู้สึกผิด
เธอเป็นลูกที่แย่มากๆเลย
“เดี๋ยวฉันกับหม่ามี๊เธอต้องออกเดินทางแล้ว…” เฉียวหย่วนฟานเอ่ยมาครึ่งเดียว โทรศัพท์ก็ถูกได้มิ้นแย่งไป “แอนน่า หม่ามี๊กับแด๊ดดี้สบายดี ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรา ดูแลตัวเองให้ดีก็พอแล้วนะ”
ลั่วหานแสบจมูกขึ้นมา “ค่ะ หนูเชื่อฟังหม่ามี๊”
ไกลออกไป เสียงในโทรศัพท์ก็ดังเข้ามาอีก “หย่วนฟาน ได้มิ้น!
ลั่วหานขมวดคิ้วตั้งใจฟัง เป็นเสียงที่คุ้นเคย
“แม่ของเควินมา เดี๋ยวเราวางก่อนนะ”
สายถูกตัดไปแล้ว ลั่วหานมองตัวอักษรที่ปรากฏ “สิ้นสุดการโทร”
ทำไมแม่ของเควินสนิทกับพวกเขาขนาดนั้น เขาเป็นเพื่อนที่ดี หรือว่ามีแผนการอะไรอยู่หรือเปล่า
เธอในความทรงจำของลั่วหานนั้นไม่ได้แย่ เพราะเธอ ถึงได้ยังไว้หน้าตู้หลิงเซวียนอยู่ แต่ใครจะไปรู้ ว่าเธอจะเป็นเหมือนตู้หลิงเซวียนไหมที่ต่อหน้าอย่างลับหลังอีกอย่าง
สับสนไปหมด ลั่วหานไม่มีแรงมาคิดอะไรมากมาย วางโทรศัพท์ลง ยังไม่มีข้อความตอบกลับจากหลงเซียว
คนคนนี้นี่ เป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว พอห่างกันก็เหมือนกับสาบสูญ
“คุณนายคะ จะขึ้นไปนอนข้างบนสักหน่อยไหมคะ ทานยาแล้วต้องพักผ่อนเยอะๆหน่อย” อาเซียงกังวล กลัวว่าคุณนายจะอาการหนัก
“นอนมาทั้งวันแล้ว ไม่อยากนอนแล้ว” เวลานี้ ผู้อำนวยการกับถังจิ้นเหยียนจะคุยกันเสร็จหรือยังนะ
แต่เธอยังติดต่อหลงเซียวไม่ได้เลย
——
หลงเจ๋อเมาแล้วถูกคนขับรถพามาส่งที่บ้านตระกูลหลง นอนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ตื่นมาตอนเช้ายังต้องใช้เวลาทบทวนอยู่นานทีเดียว
เขาไม่กล้ากลับไปดูสุนทรพจน์ของตัวเองเลยด้วยซ้ำ เปิดอ่านข่าวอยู่บ้าง รู้สึกตกใจกับความคิดเห็นของสื่อ
สายจากบริษัทโทรเข้ามาหาเขาตั้งแต่เช้า หัวหน้าบรรณาธิการของนิตยสารรายใหญ่เองก็กระหน่ำโทรเข้าโทรศัพท์ของเขา
หลงเจ๋อมึนงงจึงเลือกที่จะอาบน้ำ เขายังคงมึนงง ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในสถานะไหน
เพียงแต่ว่า จ้องเขม็งไปยังไข่ที่แตกละเอียดอยู่บนโต๊ะ เขาพลันตกใจ
ทำไมเขาถึงได้ทำไข่ไก่ที่ภรรยาให้ไว้แตกละเอียดแบบนั้นล่ะ
หลังสร่างเมาแล้ว หลงเจ๋อรีบไปเข้าร่วมประชุมที่บริษัท ยุ่งตั้งแต่เช้ายันบ่าย ตอนเที่ยงไปทานข้าวกับแขกที่ติดต่อกันไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ยุ่งตั้งแต่สองสามชั่วโมงจนไปถึงตลอดทั้งวัน เหนื่อยจนเพียงล้มลงก็หลับได้เลย
และโทรศัพท์ก็ทนกับสื่อไม่ได้ สุดท้ายจึงปิดเครื่องไป
เมื่อเปิดเครื่อง เขาก็ต้องอึ้ง
หลินซีเหวินโทรหาเขาห้าสิบกว่าสาย ส่งข้อความมายี่สิบข้อความ ข้อความในวีแชทอีกนับไม่ถ้วนพร้อมกับสติ๊กเกอร์มากมาย
ตั้งแต่แปดโมงเช้าจนถึงห้าโมงเย็น…
ตายแล้วตายแล้ว เขามัวแต่หลบนักข่าว แม้แต่ภรรยาตัวเองก็ถูกพ่วงไปด้วย
หลงเจ๋อยกมือกุมหัวใจดวงน้อยๆที่แตกสลาย เตรียมตัวโดนทำโทษ กดต่อสายหาหลินซีเหวิน
แต่เขายังไม่ทันได้โทรออก สายหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
คล้ายรู้เวลาเขา สายจากหลงถิงโทรเข้ามาพอดี ไม่ช้าไม่เร็ว
หลงเจ๋อกำหมัดแน่น คำว่า “พ่อ” นั้น ทำให้มือเขาราวกับโดนของร้อน เสียดแทงสายตาของเขา ทำให้เขาอยากหลบหนี
การสั่นเตือนรุนแรงทำให้มือขวาของเขาสั่นไปด้วย ไม่กล้าตัดสาย แต่ก็ไม่มีความกล้ามากพอที่จะต่อสู้กับอำนาจของพ่อ ต่อสู้กับตัวเองอยู่สักพัก หลงเจ๋อก็กดรับสาย
“พ่อ…”
“อยู่ที่ไหน” เสียงเย็นนั้น ทำให้เขาจินตนาการได้ว่าใบหน้าของเขายิ่งจะเยือกเย็นยิ่งกว่า
“ผมอยู่ที่บริษัท” หลงเจ๋อบอก มืออีกข้างยึดเข่าเอาไว้แน่น
“กลับบ้าน ตอนนี้”
เอ่ยจบ หลงถิงก็กดวางสาย
หลงเจ๋อกุมขมับ นึกย้อนไปถึงสุนทรพจน์เมื่อคืน กลัวว่าเขาจะทำให้พ่อโกรธแล้ว เรื่องครั้งนี้ยากที่จะเลี่ยง ยังไงก็ต้องเผชิญ
ไม่นาน แอนดี้ก็เคาะประตูเข้ามา
“ท่านประธานคะ สัญญาร่วมมือของบริษัทนีซึ่งส่งมาแล้ว จะดูตอนนี้เลยไหมคะ”
บริษัทนีซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่จะร่วมมือกับMBKจากเมื่อคืน สามารถขยายฐานวัสดุก่อสร้างให้กับMBKได้ ขณะเดียวกัน พวกเขาเองก็มีประสบการณ์มากมายเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากร และถือเป็นอันดับหนึ่งในการดำเนินงานด้านการลงทุน
หลงเจ๋อผ่อนลมหายใจ “เอามาเถอะ เดี๋ยวผมดูระหว่างทาง”
แอนดี้ไม่เข้าใจถาม “ท่านประธานจะไปไหนคะ อีกหน่อยจะมีประชุมอีกนะคะ”
“ผมต้องกลับบ้านหน่อย การประชุมให้ประธานวังช่วยเข้าแทนผมเลยครับ”
กลับบ้านเหรอ
แอนดี้พลันคิดถึงเรื่องเมื่อคืน สำหรับท่าทีของหลงถิงที่มีต่อเจ้านาย คาดว่าคุณชายรองคงจะซวยแล้ว “ต้องการให้ฉันทำอะไรไหมคะ คุณชายรองบอกมาได้เลย”
“ไม่ต้องหรอกครับ”
ยืนส่งหลงเจ๋อลงลิฟต์ แอนดี้ก็ยังไม่วางใจ หลงถิงคงไม่ลงมือฆ่าลูกแท้ๆของตัวเองหรอกใช่ไหม
แอนดี้กลัวว่าหลงถิงจะทำอะไรรุนแรง จึงรีบต่อสายหาจี้ตงหมิง อย่างน้อยเวลานี้ก็คงมีแต่เจ้านายที่จะช่วยเขาได้ อย่าได้ปล่อยให้คุณชายรองต้องมีจุดจบเพราะพ่อแท้ๆเลย
สายดังต่อเนื่องเกือบหนึ่งนาที จี้ตงหมิงไม่ได้รับโทรศัพท์
แอนดี้มองโทรศัพท์หน้าจอขึ้นสีแดงเพราะมันตัดไปเอง มึนงงอยู่ในใจ ทำไมพอออกนอกประเทศแล้วก็สาบสูญ
เธอไม่ยอมจึงกดโทรออกอีกครั้ง สุดท้ายก็เหมือนเดิม ไม่มีคนรับสาย
——
หลงถิงนั่งนิ่งอยู่บนโซฟา โคมไฟระย้าระยิบระยับส่องสว่างไปทั่ว
ห้องรับแขกเต็มไปด้วยความกดดัน จะหายใจยังต้องใช้พลังงานอย่างมาก เหลียงจ้งซุนยืนอยู่ด้านข้างหลงถิง แอบเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนัง
“ท่านประธานครับ คุณชายรองกำลังยุ่งกับงานที่บริษัท บางทีอาจจะยังจัดการธุระยังไม่เสร็จก็ได้ครับ”
หลงถิงใบหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ “นายไม่ต้องมาพูดแทนเขา ครั้งใครก็ช่วยเขาไม่ได้”
เหลียงจ้งซุนก้มหน้า ไม่กล้าเอ่ยอะไรอีก มองไปที่ประตู ในที่สุดก็เห็นร่างของหลงเจ๋อ
เหลียงจ้งซุนลอบส่งสายตาให้หลงเจ๋อ บอกให้เขาระวังให้มาก ครั้งนี้อารมณ์ท่านประธานไม่ดีเอามากๆ ต้องเชื่อฟังเขา ห้ามโต้แย้ง
หลงเจ๋อพยักหน้า
“พ่อ ผมมาแล้ว”
หลงเจ๋อเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าโซฟาอย่างนอบน้อม ก้มหัว ค้อมตัวลง
หลงถิงไม่แม้จะเงยหน้า ใบหน้าทะมึนขึ้น “รู้หรือเปล่าว่าฉันเรียกแกมาทำไม”
ทุกๆคำนั้นเยือกเย็นราวกับน้ำแข็งที่แหลมคม
หลงเจ๋อถาม “พ่อเรียกผมมาทำไม เชิญพูดได้เลยครับ”
“เหอะ…” หลงถิงเงยหน้าขึ้น ดวงตาราวกับนกอินทรีมองทะลุไปยังคนตรงหน้า “เรื่องอะไรเหรอ แกดูเอาเองสิ”
นิ้วมือของเขาชี้แรงๆไปที่หนังสือพิมพ์ พาดหัวข่าวในหน้าแรกเป็นภาพหลงเจ๋อที่ดูมีชีวิตชีวา รูปภาพกินพื้นที่ไปครึ่งหน้า ตัวอักษรด้านล่างเขียนว่า : ไม่มีทหารที่อ่อนแอภายใต้นายพลที่แข็งแกร่ง หลงเซียวนำพาคุณชายลองเข้าสู่เวทีการค้า
รอยยิ้มพาดผ่านมุมปากหลงเจ๋อ ที่แท้เขาส่องแสงให้พี่ใหญ่แล้ว
“นี่คืองานเลี้ยงเมื่อคืน มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”
หลงเจ๋อแสร้งทำเป็นไม่รู้ โยนคำถามไปให้หลงถิง
“ไอ้สารเลว กระดูกสันหลังของแกอยู่ที่ไหน แกยังเป็นลูกฉันอยู่หรือเปล่า เพื่อคนนอก ลืมแม้กระทั่งตัวเองเป็นใครเลยเหรอ หลงเซียวมันให้อะไรแก แกถึงได้พูดแทนมันไปหมดขนาดนี้ ห๊ะ”
หลงถิงโมโหหนัก ดวงตาแดงก่ำ
ทันใดนั้นห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ เงียบจนมีเพียงเสียงหายใจหนักๆของหลงถิง ต่อมาคือเสียงไอที่เขากลั้นเอาไว้ไม่อยู่
“แค่ก แค่ก …แค่ก แค่ก แค่ก”
หลงถิงไออย่างรุนแรง เหลียงจ้งซุนช่วยตบหลังเขา รีบเตือน “ท่านประธาน อย่าโกรธเลยครับ คุณชายรองยังเด็กยังไม่เข้าใจ ยากจะเลี่ยงความผิดพลาด คุณบอกออกมาเขาต้องแก้ไขแน่นอน”
เหลียงจ้งซุนขยิบตาให้หลงเจ๋อ บอกใบ้ให้เขาเอ่ยคำพูดน่าฟังปลอบใจพ่อ
หลงเจ๋อกังวลอาการป่วยของพ่ออยู่ในใจ แต่ถ้าวันนี้เขายอมรับว่าไม่รู้จึงพูดแบบนั้นออกไป ก็เป็นการขัดต่อความตั้งใจของตนเอง ยิ่งจะทำให้เกิดกรอบที่หนาแน่นกับตัวเขาเอง
“พ่อ สิ่งที่ผมพูดมันคือความจริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับบริษัทหรือเกี่ยวกับพี่สะใภ้ บางทีพ่ออาจจะเข้าใจมากกว่าผมก็ได้ว่าเจ้าของที่แท้จริงของMBKคือใครกันแน่ พี่ใหญ่เป็นประธานใหญ่แล้ว ต่อไปจะทำบริษัทให้ดียิ่งขึ้นกว่านี้ ผมไม่อยากต่อสู้แล้ว”
เสียงของหลงเจ๋อไม่ได้ดัง แต่ทุกประโยคนั้นมั่นคง เขาต้องยืนหยัดในจุดยืนของตัวเองให้ได้
ในที่สุดหลงถิงก็หยุดไอ ใบหน้าแดงก่ำ “MBKคือเลือดเนื้อของฉันเมื่อสามสิบปีก่อน แกบอกว่าเป็นของเขา หลงเจ๋อ ฉันเลี้ยงแกเสียข้าวสุกมายี่สิบกว่าปี”
หลงเจ๋อกำหมัดแน่น “พ่อเลี้ยงผมมายี่สิบกว่าปีเหรอ ก่อนอายุแปดขวบ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อแท้ๆของผมคือใคร”
กระบอกตาหลงเจ๋อแดงก่ำ เอ่ยออกมา เขาเองก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองจะเติมเกลือลงในแผลในเวลานี้
หลงถิงพลันโกรธขึ้นมาอย่างรุนแรง ปากสั่นระริก “เข้ามา”
เพียงออกคำสั่ง บอดี้การ์ดสามคนก็เข้ามาด้วยความรวดเร็ว
“ขังเขาเอาไว้บนตึก ถ้าไม่มีคำสั่งของฉันห้ามใครได้เจอเขา”
“พ่อ พ่อจะทำอะไร” หลงเจ๋อออกแรงสะบัดออก เตรียมตัวต่อต้าน
ใบหน้าทะมึนของหลงถิงทะมึนด้วยความโกรธแทบสามารถฆ่าคนให้ตายได้ “ฉันให้แกไปคิดทบทวน แกเป็นใคร แกเป็นลูกของใคร”
“พ่อ ผมเป็นประธานบริษัท ผมต้องกลับไปที่บริษัท” หลงเจ๋อต่อสู้ดิ้นรนจนสุดแรง ทั้งสามคนจับแขนทั้งสองข้างเขาเอาไว้แน่น
หลงถิงหลับตาลง “พาเขากลับห้องไป”
“พ่อ ถ้าผมไม่ไปบริษัทมันจะวุ่นวายนะ พ่อคิดให้ดีนะ”
“ปล่อยฉันนะ พ่อ”
หลงถิงกัดฟัน “ขังเขาเอาไว้”
“พ่อ พ่อ”
หลงเจ๋อถูกทั้งสามคนลากเข้าไปในห้อง จากนั้นปิดประตูดัง ปัง ประตูถูกล็อกแน่นหนา
เหลียงจ้งซุนเองก็ตกใจ “ท่านประธานครับ ทำแบบนี้จะไม่ถูกหรือเปล่าครับ คุณชายรองต้องเป็นประธานในหลายงานใหญ่ ตอนนี้หลงเซียวก็ไม่อยู่ที่บริษัท ไม่มีคนเป็นประธานมันจะวุ่นวายนะครับ”
“ไม่มีคน แกเห็นว่าฉันตายแล้วเหรอ”