คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 986 คนที่โกหกคุณจะพูดดีกว่าคนที่รักคุณ
บทที่ 986 คนที่โกหกคุณจะพูดดีกว่าคนที่รักคุณ
“นั่นน่ะสิคะ แค่มีคุณหมอฉู่ การผ่าตัดจะใหญ่แค่ไหน เราก็ไม่กลัว ฉันชอบเข้าผ่าตัดกับคุณหมอฉู่ที่สุดเลยค่ะ” พยาบาลคนหนึ่งบอกอย่างร่าเริง
หลินซีเหวินเห็นด้วยหัวเราะเธอ “ปากหวานจริงๆ”
ห้องผ่าตัดหนึ่งเข้ามาก็เคร่งเครียดกันแล้ว เพราะห้องนี้คือห้องที่ลั่วหานเป็นแพทย์ผ่าตัด ห้องผ่าตัดที่สองนั้นผ่อนคลายลงมาเล็กน้อย
“หมอหลิน คุณดูข่าววันนี้หรือยังคะ” พยาบาลคนหนึ่งชวนคุยขึ้นมา
“เมื่อไหร่คะ ฉันรับโทรศัพท์ก็มาเลย ยุ่งขนาดนั้น โทรศัพท์วางไว้ไหนแล้วก็ไม่รู้”
“ฉันก็ไม่ได้อ่านละเอียด เมื่อกี้ก่อนจะเข้าทำการผ่าตัดได้ยินคนพูดถึงการประชุมระดับสูงของจิงตู ซีอีโอMBKได้กล่าวสุนทรพจน์ น่าตื่นเต้นมากเลยค่ะ ซีอีโอของMBKใช่คุณชายรองหลงแฟนคุณใช่ไหมคะ”
ได้ยินพยาบาลพูดแบบนั้น หูของหลินซีเหวินและลั่วหานก็ตั้งขึ้นทันที
“กล่าวสุนทรพจน์เหรอคะ”
หลินซีเหวินกลับไม่ทราบเรื่อง
แต่ว่า เธอเองก็แปลกใจ เมื่อคืนหลงเจ๋อไม่ได้กลับบ้านตรงเวลา
……
การผ่าตัดดำเนินไปตลอดทั้งคืน เมื่อยุ่งแล้วไม่รู้สึกว่าเวลาผ่านไปไว รอจนกระทั่งเกือบจะเย็บแผล พยาบาลถึงได้แจ้ง “แปดโมงแล้วค่ะ”
ลั่วหานส่งมีดผ่าตัดให้แพทย์ผู้ช่วย “ซีเหวิน เธอมาเย็บแผล”
“ค่ะ”
ลั่วหานไปยืนอยู่ด้านข้าง ปวดฝ่าเท้าจนแทบยืนไม่อยู่ “แปดโมงแล้ว พวกเราเหนื่อยกันมาทั้งคืน ถ้าเขายังไม่รอดล่ะก็ ฉันจะคิดบัญชีกับเขา”
พยาบาลให้กลูโคสแก่ลั่วหาน “คุณหมอฉู่ แพทย์หลักที่ทำการผ่าตัดที่เป็นผู้หญิงโรงพยาบาลเราก็มีแค่คุณคนเดียว ฉันนับถือคุณจริงๆค่ะ คุณยืนหยัดมาได้ยังไง”
ลั่วหานพิงเตียงผ่าตัดว่าง ดื่มกลูโคสไปอีกหนึ่งเพิ่มพลังงาน “ถ้าฉันยืนหยัดไม่ได้ เขาก็ตายน่ะสิคะ ดังนั้นต้องทนให้ได้ ที่สำคัญ ชินแล้วก็ดีไปเอง เริ่มแรกแข่งขาอ่อนกันไปหมด ยืนนานก็กลายเป็นนักกีฬาแล้ว”
ศัลยแพทย์หญิง…นับว่าเป็นสิ่งที่แปลกไหมนะ
ลั่วหานถามเองหัวเราะตัวเอง
หลินซีเหวินตั้งใจเย็บแผลไม่กล้าว่อกแว่ก
ลั่วหานหัวเราะเบาๆอยู่ด้านหลัง “อีกสักหน่อยคุณหมอหลินก็จะได้ผ่าตัดเหมือนกัน เธอก็ยืนหยัดได้เหมือนกัน”
“พวกคุณเก่งมากเลยค่ะ ดอกไม้ทองคำทั้งสองดอกแห่งโรงพยาบาลหวาเซี่ย”
อะไรกัน
หน้าที่การเย็บแผลมอบให้หลินซีเหวิน ฝั่งลั่วหานนั้นนับว่าสำเร็จแล้ว “การผ่าตัดของหมอหวังกับหมอซุนก็น่าจะใกล้จบแล้วเหมือนกัน ไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นยังไง”
ความดันและชีพจรของผู้ได้รับบาดเจ็บยังไม่นิ่ง แต่สามารถมีชีวิตรอดจนจบการผ่าตัด ระหว่างนั้นไม่มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น
พยาบาลก็วางใจแล้ว ยิ้มราวกับคนบ้า “น่าจะราบรื่นนะคะ คิดถึงรองผู้อำนวยการถังของพวกเราจังเลย ถ้าเขาอยู่ก็คงจะดี ไม่แน่อาจไม่ต้องถึงมือคุณหมอฉู่มาผ่าตัดเองก็ได้”
ลั่วหานดื่มกลูโคสหมด จึงกัดหลอด “คุณหมอถังเหรอ…”
ไม่รู้ว่าเขาเป็นยังไงบ้าง
ไม่ได้เจอเขามานานมากแล้ว เวลาสำคัญก็คิดถึงเขาจริงๆ
“รอคุณหมอถังกลับมา ต้องเลี้ยงข้าวคุณหมอฉู่ ฉันจะบอกหมอถังเองค่ะ” พยาบาลบอกอย่างตื่นเต้น
เมื่อเย็บแผลเสร็จแล้ว หลินซีเหวินจึงพ่นลมหายใจออกมา “ถ้าคุณหมอถังอยู่ คงไม่มีที่ให้ฉันยืนน่ะสิคะ หมอถังเป็นแพทย์ผ่าตัด หมอฉู่เป็นผู้ช่วย ฉันก็ต้องเป็นนักเรียนที่น่ารัก”
“แบบนั้นก็ดีสิคะ ได้มองดูหมอถังผ่าตัดมีความสุขมากๆเลย”
“ใช่ใช่ใช่ นี่เป็นเวลาที่จะได้มองหน้า โชคดีของฉัน”
……
การผ่าตัดประสบผลสำเร็จ ครอบครัวของผู้ป่วยเข้ามากล่าวขอบคุณลั่วหาน แทบจะคุกเข่าให้อยู่แล้ว
“คุณหมอฉู่ ขอบคุณมาก ขอบคุณมากนะคะ คุณได้มอบชีวิตแก่สามีฉันอีกครั้ง เราทุกคนต้องขอบคุณ คุณมากเลยค่ะ”
ภรรยาของผู้ป่วยเป็นผู้หญิงร่างท้วม ด้านข้างยังมีเด็กหญิงอายุราวๆเจ็ดแปดขวบ เด็กหญิงนั่งอยู่ด้านนอกทั้งคืน ดวงตาแดงก่ำ
ลั่วหานบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “นี่เป็นหน้าที่ของพวกเรา ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ”
หญิงสาวเช็ดเหงื่อ จูงมือลูกสาวมา “รีบขอบคุณพี่สาวเร็ว เธอเป็นหมอที่ผ่าตัดให้พ่อเธอนะ รีบขอบคุณ คุณหมอฉู่เร็ว”
เด็กหญิงรู้ความ กล่าวขอบคุณตามที่แม่บอกอย่างมีมารยาท “ขอบคุณพี่หมอฉู่นะคะ”
ลั่วหานรู้สึกเป็นมิตร ถูกชะตากับเด็กสาว อดไม่ได้ยื่นมือออกไปลูบหางม้าเธอเบาๆ “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวคุณพ่อของหนูก็จะหาย อีกอย่าง เรียกฉันว่าคุณน้าดีกว่า แม่ของหนูอายุมากกว่าฉันไม่กี่ปีหรอก และลูกสาวของฉันก็เกือบจะหกเดือนแล้วด้วย”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมา ไม่อยากเชื่อมองไปยังใบหน้าของลั่วหาน เอ่ยเสียงเบา “คุณน้า…ทำไมคุณสวยจังเลยคะ ผ่าตัดได้ด้วย…เก่งมากเลยค่ะ”
หลินซีเหวินและเหล่าพยาบาลพากันหัวเราะ “ใช่ค่ะ คุณน้าคนนี้เก่งมากๆเลย ครอบครัวของเธอก็เก่งๆกันทั้งนั้น”
ลั่วหานเหลือบตาไปมอง “อย่าพูดเหลวไหลสิ สอนเด็กไม่ถูกเลย”
เด็กสาวจ้องตาลั่วหานจริงจัง จากนั้นจึงถาม “โตขึ้นหนูก็อยากเป็นหมอ ได้ไหมคะ”
ลั่วหานตอบออกไปโดยไม่ต้องคิดเลยสักนิด “ได้แน่นอนค่ะ ไม่มีอะไรไม่ได้หรอก”
แม่ของเด็กหญิงน้ำตาคลอ “เป็นหมอดีนะ แม่สนับสนุนเธอเอง”
ลั่วหานยิ้ม “ไปที่ห้องพักผู้ป่วยกันค่ะ ตอนนี้ผู้ป่วยต้องการพวกคุณนะคะ”
สองแม่ลูกกล่าวขอบคุณอีกครั้งก่อนที่จะแยกตัวออกไป
หลินซีเหวินกุมมือลั่วหาน ตั้งใจเรียนแบบเสียงเด็กน้อย “ฉันโตขึ้นก็อยากเป็นหมอ ได้ไหมคะ ฮ่าๆ พี่ลั่วแฟนคลับพี่มีทุกระดับเลยนะคะ ผู้ชายผู้หญิงมีหมด คนแก่และเด็กก็ไม่รอด”
ลั่วหานดีดหน้าผากเธอไปหนึ่งครั้งที่ “ระวังฉันจะเย็บปากเธอ ไม่รีบไปดูข่าว บางทีหลงเจ๋ออาจจะเกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
“อ้อ อ้อ จริงด้วย ฉันหาโทรศัพท์ก่อน”
การผ่าตัดที่ยาวนานจบลง แพทย์ผ่าตัดและเหล่าผู้ช่วยต่างพากันหมดเรี่ยวหมดแรง ลงเวรแล้ว พวกเขาสามารถกลับไปพักได้
หนังตาของลั่วหานหนักอึ้งแทบลืมตาไม่ขึ้น อ้าปากหาวกลับไปที่ห้องทำงาน
เวลายุ่งๆก็ดี คืนทั้งคืนไม่มีเวลาให้คิดถึงหลงเซียว
“ว้าว ว้าว สวรรค์ สวรรค์”
หลินซีเหวินร้องเสียงดังขึ้นมาราวกับหมู เสียงดังจนลั่วหานที่พึ่งหาวไปตาสว่างขึ้นมาทันที “เป็นอะไร ร้องทำไม”
ตึก ตึก ตึก
หลินซีเหวินกระโดดไปมาสามครั้ง กอดโทรศัพท์โห่ร้องออกมาด้วยความดีใจ “หลงเจ๋อหล่อจังเลย ผู้ชายของฉันหล่อที่สุด พี่ลั่วคะ ฉันกลับบ้านก่อนนะคะ”
ลั่วหานมึนงง “ผ่าตัดจนบ้าไปแล้วหรือเปล่า”
“หล่อมาก หล่อเป็นบ้า”
ไม่มีอารมณ์ถามให้ละเอียด ลั่วหานก็เตรียมตัวกลับไปนอนที่บ้าน
“ลั่วหาน”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มอ่อนโยนดังขึ้นต่อมาตามมาด้วยบรรยากาศที่คุ้นเคย
ร่างสูงของถังจิ้นเหยียนยืนอยู่ภายใต้แสงแดดยามเช้า เดินย้อนแสงเข้ามา รอยยิ้มอบอุ่น
ลั่วหานนึกว่าตัวเองตาลาย ขยี้ตาแรงๆ มองให้ชัดเจนอีกครั้ง ไม่ผิดจริงด้วย เป็นเขา
“คุณกลับมาได้ยังไงคะ”
เวลานี้ ในตอนนี้เนี่ยนะ
ในมือถังจิ้นเหยียนมีถุงพลาสติกถุงใหญ่ ถือเอาไว้แบบนั้น “ผมโทรหาคุณแล้วไม่มีคนรับสาย ถามผู้อำนวยการเลยรู้ว่าคุณอยู่ในห้องผ่าตัด ผ่าตัดผู้ป่วยหัวใจฉีกขาด บอกว่าอาจจะทำทั้งคืน ดูเหมือนเวลาที่ผมกะไว้ก็ไม่เลวเท่าไหร่”
เขาคาดเดาจากฝีมือการผ่าตัดของลั่วหานแล้ว คาดว่าคงกินเวลาไม่นานมาก
ลั่วหานปิดปากหาวอีกครั้ง “การผ่าตัดผ่านไปด้วยดีค่ะ ส่งไปเฝ้าดูอาการแล้ว นี่คุณ…”
เธอชี้ไปที่ถุงในมือของเขา
ถังจิ้นเหยียนขมวดคิ้วยิ้มๆจากนั้นจึงเปิดออก “อาหารเช้าเตรียมมาให้คุณ ยุ่งมาทั้งคืน คิดจะไปนอนทั้งๆที่ยังไม่ทานข้าวใช่ไหม ผมเดาได้ว่าคุณจะทำแบบนั้น”
ลั่วหานอ้าปากค้าง “นี่…”
“เบาๆน่ะ เตรียมโจ๊กและผักกาดมาให้คุณ แล้วก็นมอุ่นๆ แต่คุณใช้พลังไปเยอะ ทานเนื้อวัวด้วยก็ดี”
ถังจิ้นเหยียนแนะนำอาหารให้เธอฟัง บวกกับกลิ่นโจ๊กกับผักกาด ลั่วหานก็เริ่มหิวขึ้นมา “ได้ค่ะ งั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะ”
“ห้องน้ำชามีคน ไม่ทานที่ห้องทำงานคุณเถอะ ทานเสร็จแล้วเดี๋ยวผมขับรถไปส่งคุณที่บ้าน ระหว่างทางคุณสามารถนอนได้”
น้ำเสียงอ่อนโยนของถังจิ้นเหยียนบอก ทำให้รู้สึกอบอุ่น
ลั่วหานตักโจ๊กเข้าปากไม่เกรงใจ เคี้ยวข้าวนุ่มๆพร้อมกับถั่วหวานๆที่มากับโจ๊ก แทบละลายอยู่ในปาก บวกกับโจ๊กที่กำลังอุ่นๆ ทำให้อุ่นไปทั่วท้อง
ถังจิ้นเหยียนเองก็เตรียมมานั่งทานพร้อมกับเธออีกชุด “เป็นไง ใช่รสชาติที่คุณชอบหรือเปล่า”
เขาตั้งใจไปซื้อโจ๊กร้านที่เธอชอบ
แน่นอน เธอไม่จำเป็นต้องรู้
ลั่วหานเอ่ยชมไม่หยุด “อร่อยมากค่ะ จิ้นเหยียน ฉันพลันนึกถึงประโยคที่ไม่สมควรประโยคหนึ่งขึ้นมา”
ถังจิ้นเหยียนกัดซาลาเปาไส้เห็นหอม “อะไร”
“ฮ่าๆ ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ แต่อยู่ดีๆก็นึกขึ้นมาได้ มีคนบอกว่า โจ๊กยามเช้าและเหล้าตอนดึกอร่อย คนที่โกหกคุณจะพูดดีกว่าคนที่รักคุณ คุณเห็นด้วยหรือเปล่า”
ลั่วหานพูดพลางหัวเราะไปด้วย ทานโจ๊กต่อไป กินซาลาเปา รสชาติอร่อยมาก กินจนอิ่มท้อง
ถังจิ้นเหยียนได้ยิน พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ หลักการนั่นแหละ แต่ก็มีข้อยกเว้นนะ หลงเซียวรักคุณมาก แล่พูดดีมากด้วย”
โจ๊กยังเต็มปากลั่วหาน จากนั้นเธอจึงยิ้มแกนๆออกมา
ชีวิตมีทฤษฎีอยู่เป็นร้อยเป็นพัน ประสบการณ์ของผู้คนก็มีเป็นร้อยเป็นพัน
อย่างไรก็ถาม เขาเองก็มีอีกหลายพันสิ่งที่เป็นข้อยกเว้น
“พ่อคุณมีอะไรใหม่ๆไหม ผลตรวจออกมาเป็นยังไงบ้าง”
ลั่วหานเปลี่ยนหัวข้อ ไม่พูดถึงหลงเซียวจะดีกว่า ยิ่งพูดถึงยิ่งคิดถึง
“สมองกำลังอยู่ในระยะฟื้นฟู โอกาสที่จะฟื้นการรับรู้มีอยู่มากทีเดียว ถ้าทั้งหมดเป็นไปตามผลตรวจ ผมคิดว่าไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ก็คงจะฟื้นแล้ว แน่นอน นี่เป็นการพูดแบบมองโลกในแง่ดี”
ลั่วหานเคี้ยวโจ๊กช้าๆ “หนึ่งสัปดาห์…แต่ว่า ทำไมคุณถึงกลับมากะทันหันแบบนี้ละคะ”
นี่ถึงจะเป็นจุดสำคัญ เธอพึ่งจะนึกได้
ถังจิ้นเหยียนท่าทางมึนงง “คุณถามผมเหรอ คุณมีเรื่องด่วนไม่ใช่เหรอ ผู้อำนวยการบอกว่าเรื่องด่วนมาก ผมไม่กล้าเสียเวลา สุดท้ายก็รีบจองตั๋วกลับมา”
ลั่วหานมึนงงอยู่ชั่วครู่ “ฉันเหรอคะ อ้อ ฉันเข้าใจแล้ว เหอะๆ ผู้อำนวยการเจ้าเล่ห์ เรียนรู้จนบรรลุแล้วสินะ ถึงได้ขอความช่วยเหลือเรียกกลับมาแบบนี้”