คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 985 คุณหมอฉู่ การช่วยเหลือด่วน
บทที่ 985 คุณหมอฉู่ การช่วยเหลือด่วน
ในวิดีโอคือหลงเจ๋อที่กำลังขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ คนอายุน้อยดูมีพลังมากกว่าปกติ
หลงเจ๋อในแบบนี้ ราวกับกวางที่มีชีวิตชีวาเดินออกมาจากหลังพุ่มไม้ มีความงดงามในแบบของเขา
“ไม่ใช่เพราะพี่ชายผมมีคุณสมบัติครบถ้วน แต่เป็นเพราะเขาเป็นคนมีความสามารถที่มีเสน่ห์”
“ความจริงพี่ใหญ่ของผมเขาไม่จำเป็นต้องต่อสู้ MBKมันเป็นของเขา…”
“…ผู้ชายคนหนึ่ง ไม่ใช่เพราะต้องมีผู้หญิงมากมายรุมล้อม แต่เขาปฏิเสธผู้หญิงทุกคนเพื่อคนที่เขารัก นี่ เป็นความรักที่ลึกซึ้งของเขา”
“พี่ใหญ่ของผมยังมีจิตใจที่บริสุทธิ์ ต้องแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ กับพี่สะใภ้ก็เป็นเช่นนี้ กับMBKก็เป็นแบบนี้…”
“เขาเป็นพี่ชายของผมตลอดไป…”
เขาสามารถสัมผัสได้ถึงหัวใจของหลงเจ๋อในทุกคนพูดของเขา ดวงตาทะมึนไม่สามารถจ้องลึกเข้าไปจนถึงก้นบึ้งของหลงเจ๋อมองสบตามาที่กล้อง คล้ายกับกำลังสบตากัน
มักจะหลบอยู่หลังเขา เด็กที่รอคอยแต่ความช่วยเหลือจากเขา ตอนนี้โตแล้ว
เขาเดินมาอยู่กลางเวทีแล้ว ไม่ใช่ในฐานะน้องชายของหลงเซียว แต่เป็นคุณชายรองตระกูลหลงผู้บริสุทธิ์ ซีอีโอของMBKหลงเจ๋อ
เขาไม่ใช่แค่กระถางธรรมดาแล้ว เขาเป็นผู้นำที่มีความสามารถรอบด้าน
เมื่อดูวิดีโอจบแล้ว มุมปากของหลงเซียวก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้น แสงสว่างเกิดขึ้นภายใต้ความมืดสลัวในลอนดอน
“เขาทำได้แล้ว”
เมื่อสักครู่จี้ตงหมิงเองก็ดูวิดีโอไปพร้อมกับหลงเซียว ในใจนั้นตื้นตันไม่รู้จะเอ่ยอะไรออกมาได้ สักพักจึงตอบ “ไม่คิดเลยนะครับ คุณชายรองถูกเจ้านายบีบบังคับให้ขึ้นเขียง สุดท้ายก็ทำลายความกลัวตัวเองได้แล้ว”
“ความจริงเสี่ยวเจ๋อชอบดูถูกตัวเอง การเติบโตของเขา ฉันมีผลกระทบกับเขามากเกินไป เขาชอบเอาตัวเองมาเปรียบเทียบกับฉัน เมื่อแพ้บ่อยๆเข้า ก็ขังตัวเองอยู่ในใจ คิดว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้ ดังนั้น เขาจึงเลือกที่จะหลบหนี”
หลงเซียวยัดโทรศัพท์ลงในกระเป๋า ยกปกเสื้อคลุมขึ้น สาวเท้าเดินไปยังลานจอดรถ
จี้ตงหมิงเดินตามเขา “เจ้านายครับ คุณทำแบบนี้เพื่อให้คุณชายรองได้เห็นแสงสว่างในตัวเองเหรอครับ”
“ให้เขาเข้าใจ เขาเองก็มีสิ่งที่พิเศษ ใครก็หาไม่ได้ นอกจากนี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เขาจะมีที่ยืนในวงการธุรกิจมากขึ้น” หลงเซียวยกยิ้มบางๆ
จี้ตงหมิงเปิดประตูรถ “เจ้านายมีงานใหญ่ที่จะให้เขาทำใช่ไหมครับ”
หลงเซียวก้มลงไป ขึ้นรถ “มี ฉันตั้งใจจะให้เขาควบคุมดูแลฉู่ซื่อ มอบอำนาจทั้งหมดให้เขา”
ประตูรถถูกปิด กระจกสะท้อนใบหน้าหล่อเหลา สายตาเฉียบคมไม่เปลี่ยน
จี้ตงหมิงตกใจ “มอบฉู่ซื่อให้เขางั้นเหรอ”
ไป๋เวยต้องลาคลอด กู้เยนเซินกำลังหาคนมารับช่วงแทนไป๋เวย แต่ยังไม่มีคนที่เหมาะสม
ไม่คิดว่าเจ้านายจะวางแผนแบบนี้
รถเคลื่อนตัว ขับออกจากประตูมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ บรรยากาศของมหาวิทยาลัยที่มีอายุเป็นร้อยๆปีที่นี่ค่อยๆหายไป ทว่าบรรยากาศด้านวิชาการนั้นยังคงโอบล้อม
“ใช่ ตำแหน่งประธานกรรมการของฉู่ซื่อฉันอยากยกให้หลงเจ๋อ ตอนนี้ฉู่ซื่อไม่ใช่บริษัทเล็กเหมือนแต่ก่อนแล้ว พัฒนาต่อไป อาจกลายเป็นยักษ์ใหญ่เลยก็ได้ เสี่ยวเจ๋อไปสนใจเรื่องอสังหาริมทรัพย์ ฉันวางมือปล่อยให้เขาทำในสิ่งที่เขาอยากทำ การเงินก็ดี ทรัพยากรใหม่ก็ดี หรือจะลงทุนด้านการแพทย์ เขาอยากทำอะไร ก็ให้ทำไป”
จี้ตงหมิงกลืนน้ำลายด้วยความอิจฉา นี่หมายความว่า…
คุณชายรองอยากทำอะไร เจ้านายก็จะสนับสนุนเต็มที่ ไม่ว่าเขาจะทำออกมาแบบไหน
คุณชายรองช่างโชคดีอะไรแบบนี้
มีความสุขจนเขาอิจฉา
“แต่มีข้อสงสัยอยู่อย่างนะครับ คุณชายรองจะยอมไปอยู่ที่ฉู่ซื่อเหรอครับ ยังไงซะMBKก็เป็นสิ่งตระกูลหลงก่อตั้งขึ้น หุ้นของเขาในMBKก็ไม่ใช่น้อยๆ เป็นซีอีโออยู่ที่MBK ดูเหมือนจะมีหน้ามีตากว่าบอกว่าเป็นประธานของฉู่ซื่อนะครับ”
เรื่องนี้ไม่ผิดเลย ใครก็รู้ว่าMBKเป็นธุรกิจของตระกูลหลง เป็นผู้จัดการแผนกในนั้น คุณสมบัติยังดีกว่ามาเป็นประธานกรรมการบริษัทเล็กๆซะอีก
อีกอย่าง ให้หลงเจ๋อยอมถึงจะถูก
นิ้วมือหลงเซียวเคาะเบาๆลงบนเข่า คิดกับตัวเอง “ฉันคิดว่า เขาจะยอม”
ครืน ครืน
เสียงโทรศัพท์ของหลงเซียวสั่นขึ้น
เป็นข้อความของเกาจิ่งอานเช่นเดิม
“พี่ใหญ่ ดูจบแล้วใช่ไหม เป็นยังไงบ้าง ออกความคิดเห็นหน่อยสิ หลงเจ๋อมีชื่อเสียงแล้วนะ พี่ใหญ่ก็โด่งดังแล้ว ไม่ไม่ไม่ พี่มีชื่อเสียงมากกว่าแต่ก่อนแล้ว”
หลงเซียวขมวดคิ้ว
“อีกอย่าง ผมกับน้องสามตกลงกันแล้ว ต่อไปผมคือพี่รองของเขา เขาคือน้องสามของผม ฮ่าๆ”
หัวคิ้วหลงเซียวเลิกขึ้น
“จริงสิพี่ใหญ่ พี่ไปไหนกันแน่”
หลงเซียวอ่านข้อความที่เขาส่งติดต่อกันเข้ามา ยกมือขึ้นนวดหัวคิ้ว “อาหมิง ตอนนี้เกาจิ่งอานรับผิดชอบโครงการไหนอยู่ โครงการห้างสรรพสินค้าskyของอเมริกาเสร็จหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้เอินเคอยังไม่มีโครงการใหญ่ๆ อีกอย่างใกล้ปีใหม่แล้ว คิดว่าเขาก็ยังไม่อยากรับงานใหญ่ๆในปีนี้มั้งครับ” จี้ตงหมิงรายงานอย่างละเอียด
เป็นผู้ช่วยของหลงเซียว จี้ตงหมิงรอบรู้งานของบริษัทอื่นๆไปทั่ว รายงานได้ตลอดเวลา
หลงเซียวพยักหน้า “งั้นเหรอ”
มิน่าถึงได้ว่างขนาดนี้
หลงเซียวปลดล็อก ตอบข้อความของเกาจิ่งอาน
“การรื้อถอนของเจียงเฉิงนายจับตาดูให้ดี ตู้หลิงเซวียนกำลังร่วมมือกับเจิ้งซิน”
เกาจิ่งอานเข้าใจความหมายของเขา
รถเข้ามายังเขตเมือง สถาปัตยกรรมของอังกฤษล้นหลาม สายตาของหลงเจ๋อกวาดตามองไปทุกๆตึกสีขาว “อย่าพึ่งกลับโรงแรม ไปที่ที่หนึ่งก่อน”
——
ลั่วหานไม่ต้องเข้าเวรดึก เธอขับรถกลับบ้านในยามบ่าย หลงเซียวไม่อยู่บ้าน เธอนั่งทานข้าวอยู่คนเดียว
หลงเซียวไปทำงานต่างเมือง บ้านที่อบอุ่นก็ซบเซาลง
ลั่วหานอยู่ที่ห้องนอนเด็กของชูชูตั้งทุ่มกว่าๆ เดี๋ยวนี้เด็กน้อยประสาทสัมผัสไวมาก ทำเสียงจอแจเหมือนอยากจะพูด
“ชูชู เรียกหม่ามี๊ หม่ามี๊”
ชูชูน้อยมองเธอตาแป๋ว ดวงตาคู่นั้นโค้งเรียวราวกับพระจันทร์ ปากน้อยๆพ่นฟองไม่หยุด เพียงแต่ยังไม่พูด
ลั่วหานบีบคางน้อยๆเบาๆ “Angel หนูคิดถึงพ่อไหมคะ”
ชูชูน้อยเหมือนจะเข้าใจที่เธอพูด ดวงตาหม่นลง ไม่ดีใจเหมือนก่อนหน้า
“หม่ามี๊เริ่มคิดถึงเขาแล้ว หนูคิดว่าหม่ามี๊กำลังสิ้นหวังแล้วหรือเปล่า”
ดวงตาของชูชูวาววับ มือน้อยๆแตะเบาๆลงที่ใบหน้าลั่วหาน มือน้อยๆจับผิวของเธอ ราวกับกำลังปลอบใจแม่ที่เซื่องซึม
ลั่วหานจับมือน้อยๆเอาไว้อย่างแปลกใจ เบิกตากว้าง “ลูกรัก หนูเข้าใจความหมายของแม่เหรอคะ หนูเข้าใจเหรอ ลูกรักเก่งที่สุดเลย แม่รักหนูจังเลย เดี๋ยวแม่จะนอนกับหนูนะคะ ดีไหม”
ตั้งงแต่ชูชูครบหนึ่งเดือนก็ไม่ได้นอนกับเธอแล้ว ลั่วหานคิดถึงความรู้สึกยามได้กอดลูกน้อยนอน
ตอนนั้นเอง เสียงกริ่งพลันดังขึ้น กริ่งดังของเสียงโทรศัพท์
“คุณหมอฉู่ เรื่องด่วนค่ะ อุบัติเหตุรถชนบาดเจ็บหนักสามคนเลยค่ะ หนึ่งในนั้นหัวใจฉีกขาด โรงพยาบาลรักษาฉุกเฉิน ตามหมอหัวใจทุกท่านกลับโรงพยาบาลค่ะ คุณหมอฉู่คุณรีบมานะคะ”
ลั่วหานวางชูชูลง “ได้ค่ะ ฉันจะไปตอนนี้ ติดต่อคุณหมอหลินหรือยังคะ”
“ติดต่อไปแล้วค่ะ คุณหมอหลินกำลังมาค่ะ”
ปลายสายได้ยินเสียงร้องตะโกน “เลือดกรุปเอ เร็ว” “วิสัญญีแพทย์ล่ะ เตรียมห้องผ่าตัด” “คุณหมอหวัง ผู้ช่วยหนึ่งสองมาครบแล้ว ทำการผ่าตัดได้”
ลั่วหานตอบกลับ “เข้าใจแล้วค่ะ”
เมื่อวางสาย ลั่วหานเข้าสู่โหมดทำงาน
ทำได้เพียงจูบลงบนหน้าผากของลูกน้อย “ลูกรัก แม่ต้องไปทำงานแล้ว นอนเป็นเพื่อนหนูไม่ได้แล้ว หนูเป็นเด็กดีรอแม่กลับมานะคะ”
ชูชูมองเธอเงียบๆ ไม่ร้องงอแงเลยสักนิด
ลั่วหานรีบไปถึงโรงพยาบาลโดยไว หมอหัวใจต่างก็มาถึงครบแล้ว รวมทั้งหลินซีเหวิน
หลินซีเหวินถอดเสื้อคลุมและวิ่งตรงเข้าห้องผ้าตัด “คุณหมอฉู่มาถึงหรือยังคะ เย็บหัวใจที่ฉีกขาด ต้องให้คุณหมอฉู่จัดการเป็นหลัก”
“ฉันอยู่นี่แล้ว”
ลั่วหานก้าวเข้ามา ชุดคลุมสีครามม้วนขึ้น รีบปลดผ้าพันคอ “ประวัติล่ะ”
พยาบาลมองเห็นคุณหมอฉู่ ก็อุ่นใจขึ้น ใบหน้าผ่อนคลายลงไปเกือบครึ่ง “คนนี้ ผู้บาดเจ็บอายุสามสิบห้า ความดัน 75,40 ชีพจร 115 ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น หัวใจด้านซ้ายฉีกขาด มีการบาดเจ็บที่ต้นขาซ้าย ผู้บาดเจ็บเสียเลือดมากเกินไป กำลังเบิกเลือดค่ะ”
ลั่วหานฟังไปด้วย รีบอ่านใบรับรองแพทย์อย่างรวดเร็ว “ประวัติการป่วยล่ะ”
หลินซีเหวินเสริม “ผู้บาดเจ็บมีภาวะไขมันในเลือดสูงและความดันสูง มีไขมันในตัวเล็กน้อย ได้ทำการตรวจสอบผิวหนนังแล้ว ไม่มีอาการแพ้ ไม่มีประวัติการแพ้ใดๆค่ะ”
ลั่วหานหยุดชะงักที่หน้าห้องผ่าตัดเล็กน้อย เลิกคิ้ว “ไม่ธรรมดา พึ่งจะสามสิบห้ามีทั้งสองสูงหนึ่งไขมัน”
หลินซีเหวินยักไหล่ “รวยโรคจากการดื่มหนักและทานเนื้อสัตว์เยอะมั้งคะ ผู้ชายอีกสองคนที่มาพร้อมกับเขาก็ไม่ได้ดีต่างกันเท่าไหร่ คนอ้วนสามคนนั่งมาด้วยกันคันเดียว นี่คงไม่ใช่ว่า รถก็ไม่เหลือสภาพหรอกนะ”
“เตรียมพร้อมสำหรับการลดความดันโลหิตและยาลดไขมัน…” ลั่วหานถอดชุดคลุม เตรียมตัวไปเปลี่ยนชุดเข้าผ่าตัด พลันมองเห็นใบหน้าของหลินซีเหวิน “ทำไม”
ใบหน้าของเธอมีรอยแดงและบวมเป่ง และรอยแดงนั้นยังคงอยู่
หลินซีเหวินลูบหน้า ยิ้มกว้าง “นอนเยอะค่ะ บวมน้ำ”
ลั่วหานไม่เชื่อ “ประคบร้อนหน่อย ถ้ายังไม่หายต้องกินยา ใบหน้าสำคัญนะ อย่าคิดว่าไม่เป็นไร”
หลินซีเหวินยิ้มแห้ง “ได้ค่ะ พี่สะใภ้”
ทั้งสองพูดคุยเดินเข้าห้องผ่าตัด หลินซีเหวินเป็นผู้ช่วยของลั่วหาน
การเย็บหัวใจที่ฉีกขาดนั้นยุ่งยาก ความลำบากมีมาก ความเสี่ยงก็ยิ่งสูง หลังจากญาติผู้บาดเจ็บเซ็นต์เอกสารแล้ว ประตูห้องผ่าตัดก็ถูกปิดลง
การผ่าตัดทั้งสามเริ่มขึ้นพร้อมกัน ผู้บาดเจ็บที่ลั่วหานรับผิดชอบนั้นอาการหนักสุด หัวใจฉีกขาดมีเลือดออกตลอดเวลา หากสูญเสียเลือดไปมาก อาการก็น่าเป็นห่วงไปด้วย
หลินซีเหวินกังวล “พี่ลั่ว เขาจะยื้อต่อไปได้ไหมคะ”
ผู้บาดเจ็บสลบไปแล้ว มีแค่เครื่องที่แจ้งว่าเขายังมีชีวิตอยู่
“คงจะได้” คิดดูแล้ว ลั่วหานก็ให้ความมั่นใจ “ได้แน่นอน”
หลินซีเหวินชะงักมือ “ทำไมคะ”
ดูท่าทาง แปดส่วนนั้นไม่ไหวแล้ว…
“เขาอายุยังน้อย ต้องมีครอบครัว มีลูกมีภรรยา เพื่อพวกเขา เขาต้องยืนหยัดสู้ต่อไป ยิ่งไปกว่านั้น ฉันทำอาชีพอะไร” ลั่วหานยื่นมือออกไป รับเอามีดผ่าตัดมา
หลินซีเหวินไม่มีข้อโต้แย้งกับประโยคก่อนหน้า สำหรับประโยคหลังนั้น เอาล่ะ ยิ่งโต้แย้งไม่ได้เลย