คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 377 หลงเซียวได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา
ตอนที่ 377 หลงเซียวได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา
ออกจากอาคารMBK หลงเซียวเข้าไปในรถ ใบหน้าที่เย็นชาได้ความรู้สึก ความเย็นชาโอบล้อมรอบตัว
เสียงสั่นของมือถือดังขึ้นตัดขาดความรู้สึกไม่ดีจากออฟฟิศเมื่อครู่ ยื่นมือหยิบมือถือออกมา หลงเซียวเห็นเบอร์โทรนั้น ความเย็นชาในสายตาเพิ่มขึ้นกว่าเมื่อกี้อีกหลายเท่า
เบอร์จากต่างประเทศ หมายเลขยาวเหยียด ไม่ได้บันทึก
“Peter มีอะไร?”
หลงเซียวปิดประตูรถ เอกสารในมือถูกหลงเซียวโยนไปที่นั่งด้านหลัง กระดาษสีขาวปลิวไปอยู่มุมหนึ่งของรถ
ใช้มือเดียวจับพวงมาลัย นิ้วมือเรียวยาวจับพวงมาลัยแน่น
คนทางโน้นเงียบไปครู่หนึ่ง เหมือนมีเรื่องที่ยากจะเปิดปากพูด “หลง เส้นผมตัวอย่างสองคนที่คุณให้ผม ผลตรวจออกมาแล้ว ผลคือทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ดังนั้น……”
ทันใดนั้น หลงเซียวกำหมัดไว้แน่น กำแน่นเหมือนค้อนเหล็กทุบ “ปัง” บนพวงมาลัย เสียงดังจนทำให้คนอีกฝั่งไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก
ทุกอานุภาพเซลล์ผิว ทุกอนุเส้นผม และเส้นประสาท
ลมหายใจอึดอัดจนหาคำบรรยายไม่ได้ ในลำคอเหมือนมีอะไรทิ่มแทง เหมือนมีกลิ่นอายเลือดล้นขึ้นมาในลำคอ บีบเคล้นจนหายใจไม่ออก
หลงเซียวหลับตาแน่น บีบขมับแน่น ใช้แรงเห็นเส้นเลือดบนใบหน้า
สักพัก เขาเงียบไปเหลือไว้แค่เสียงหายใจ
“รู้แล้ว”
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน หลงเซียวถึงพูดออกมา ในความโกรธนั้นมีความอ่อนล้า ในความอ่อนล้านั้นมีความโศกเศร้า
เขาควรรู้ตั้งนานแล้ว ควรตายใจตั้งนานแล้ว แต่ความจริงนี้เขาไม่อยากยอมรับมันต่างหาก
ตอนนี้ ผลตรวจDNAของเขากับหลงถิงออกมาแล้ว สรุปง่ายดายไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ทำลายทุกความรู้สึกที่เขามี
เหอะ
หลงเซียวหัวเราะเย็นชา เสียงเย็นชาที่ไร้เรี่ยวแรง
“หลง เป็นอะไร? นายไม่เป็นไรนะ?” ผู้ชายทางโน้นพูดภาษาอังกฤษอย่างถนัด ถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร” หลงเซียวตอบด้วยภาษาอังกฤษ แล้วพูดต่อ “ขอบคุณ”
จากนั้นก็วางสายไป นั่งอยู่ในรถฟังเสียงหัวใจของตัวเองเต้นอย่างหงุดหงิด อดกลั้นอารมณ์โกรธของตัวเองไว้
เขาไม่มีความสัมพันธ์กับหลงถิง หลงถิงไม่ใช่พ่อของเขา ก็หมายความว่าทุกอย่างในมือของเขาที่เป็นของตระกูลหลงก็ต้องสูญเสียไป
เขาเป็นใคร?
พ่อของเขาเป็นใคร?
คำถามมากมายปรากฏในสมองของเขา คำถามทุกคำถามล้วนเป็นบาดแผลลึก เหมือนจะกลืนกินความคิดของเขา
วันนี้คนที่รู้เรื่องนี้ก็คงมีแต่แม่ของเขา……แต่ถ้าเขาไปถามถึงเรื่องนี้ ต้องมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นแน่
เขาไม่อยากให้คนอื่นรู้ เขาต้องปิดบัง
นิ้วมือเย็นเยือกของหลงเซียวนวดที่ขมับ บังคับให้ตัวเองใจเย็น
เวลาสิบกว่านาที มันเนิ่นนานเหมือนผ่านไปหลายวันหลายคืน
ปัญหาทุกอย่างมีคำตอบแล้ว หลงเซียวเข้าใจทุกอย่างแล้ว
ทำไมทัศนคติที่หลงถิงมีต่อเขาถึงได้เปลี่ยนไปราวฟ้ากับดินเมื่อเขาอายุประมาณสิบกว่าขวบ ทำไมเขาถึงรับเสี่ยวจื๋อกลับมา ดีกับเสี่ยวจื๋ออย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ทำไมหลายปีมานี้หลงถิงถึงให้เขาดูแลMBKและขยายบริษัทให้เติบโตอยู่ตลอด ทำไมหลงถิงถึงคัดค้านสิ่งที่เขาทำทุกอย่าง……
หลงถิงก้าวก่ายเรื่องชีวิตคู่ของเขา เป้าหมายก็คือให้เขาหาผู้ร่วมงานที่ดีที่สุดให้MBK หลงถิงไล่ลั่วลั่วไปเพราะจะตัดขาดทุกความหวังของเขา……
ตอนนี้ ต้องการลดอำนาจของเขา บังคับให้เสี่ยวจื๋อเข้ามาในกลุ่มผู้บริหารระดับสูงของบริษัท กระทั่งจะแทนที่เขา ทั้งหมดนี้คือแผนการของหลงถิง
เขารู้ความจริงทุกอย่างแต่แรก เพียงแค่เห็นกับผลกระทบที่เขามีต่อMBKจึงไม่เปิดเผยฐานะที่แท้จริงของเขา เพื่อต้องการให้MBKมั่นคงในตลาด เขาใช้วิธีกระจายหุ้นส่วนค่อยๆ ยึดทรัพย์สินในตัวเขา
หลงถิง?
พ่อ?
ฮาๆๆ
หลงเซียวหัวเราะ เขานั่งอยู่ในรถที่จอดอยู่ลานชั้นใต้ดิน เสียงหัวเราะที่เศร้าโศก
ที่แท้หลายปีมานี้ เขาเป็นแค่เครื่องมือในการสร้างMBK เป็นเครื่องมือในการหาเงินของหลงถิง
เหอะๆ
หมากรุกดีๆนี่เอง เขาเป็นเพียงหมากตัวเดียวเท่านั้น
ช่างเป็นเรื่องตลกสิ้นดี เรื่องตลกที่แต่งขึ้นมาอย่างประณีต
“ปัง”
หมัดเขาทุบไปที่พวงมาลัยอีกครั้ง กำหมัดไว้แน่นจนเห็นเส้นเลือดชัดเจน แหวนแต่งงานระยิบระยับ อบอุ่นและอ่อนโยน
ผ่านไปสักพัก หลงเซียวสูดอากาศเข้าลึกๆ เก็บอารมณ์ เข้ารู้ดี ว่าตัวเองต้องพอกับสงครามอะไร
เขาเคยคิดว่าตำแหน่งผู้บริหารไม่ได้มีอะไร ตอนนี้
ไม่
ทุกอย่างที่เขาสร้างมากับมือ เขาไม่ยอมให้หลงถิงชุบมือเปิบแน่
หลงเซียวหมุนกุญแจรถ สตาร์ทรถ รถถูกขับออกไปท่ามกลางพายุฝนกับอารมณ์โกรธของสิงโตตัวหนึ่ง
ล้อหมุนไปตามถนนจนน้ำเป็นคลื่นขึ้นมาเป็นชั้นๆ เสียงฝนกับเสียงเครื่องยนต์รถผสมกัน และรถขับไปด้วยความเร็วสูงอย่างบ้าคลั่ง
นิ้วเรียวยาวของหลงเซียวกับพวงมาลัย สายตาจ้องอยู่ที่ที่ปัดฝน ปัดไปมาซ้ายขวา มองไปข้างหน้ามีแต่สายฝน ชัดเจน พร่ามัว แล้วก็ชัดเจน
หลงเซียวสูดหายใจเข้า ด้านหน้าเป็นไฟแดงพอดี หลงเซียวเหยียบเบรก
เอี๊ยด
รถจอดกะทันหัน แรงเบรกทำให้ตัวหลงเซียวโน้มไปด้านหน้าสิบเซนติเมตร หัวเกือบชนกระจกหน้ารถ
ทันใดนั้น หลงเซียวเห็นตัวเองในกระจกมองหลังรถ สายตาและใบหน้าที่เย็นชา ใช้มือขยี้ตาเพื่อผ่อนคลายอารมณ์
เขาจะให้ลั่วหานรู้ไม่ได้
ไฟเขียวแล้ว หลงเซียวปล่อยเบรก รถขับเข้าไปกลางสายฝนอีกครั้ง เสมือนเมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
ลั่วหานอ่านหนังสือการแพทย์ไปครึ่งชั่วโมง เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว หลงเซียวยังไม่มา
หยิบมือถือขึ้นมาอยากโทรหาเขา แต่ก็คิดว่าเขายุ่งขนาดนี้ น่าจะติดธุระอะไรสักอย่าง คิดไปคิดมาก็วางมือถือลง
ก็ได้ เธอรอเขาต่อไป
แต่ว่ารอไปรอมา ลั่วหานเริ่มรู้สึกหิว ในออฟฟิศไม่มีของกินเลย ในแผนกหมอคนอื่นก็เลิกงานหรือไปกินข้าวกันหมดแล้ว
เหลือเพียงแค่เธอคนเดียว
ฝนฟ้าข้างนอกยังคงตกหนัก ออฟฟิศสว่างขึ้นทันทีเพราะฟ้าแลบด้านนอก แล้วดับไป
ลั่วหานมือจับอกแล้วหายใจลึกๆ ดึงเก้าอี้ออกเดินออกจากออฟฟิศ ลั่วหานไม่ได้สังเกตเห็นตัวเอง เวลานี้สีหน้าซีดเซียว
“หมอฉู่”
“หมอฉู่ยังไม่เลิกงานอีกเหรอ?”
หมอและพยาบาลอยู่เวรเดินผ่านไปมาทักทาย ลั่วหานทักทาย มีคนเดินไปมา ความกลัวก็ลดลงบ้าง
ลั่วหานบังคับตัวเองสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆเดินไปที่ระเบียง เธอต้องเผชิญกับมัน ไม่เอาชนะความกลัวในใจ เธอก็จะถูกกลัวสิ่งนี้ตลอดไป
เธอไม่ชอบแบบนี้
เดินไปสุดทางเดินจนถึงระเบียง ด้านนอกฟ้ามืดแล้ว ฝนตกทั้งวัน ฟ้าร้องฟ้าแลบสลับกันไปไม่ขาดสาย ลั่วหานใจไม่อยู่กับเนื้อกันตัวทั้งวัน หลายครั้งที่ตกใจกับเสียงฟ้าร้องจนเกือบลืมหายใจ
ปีศาจในใจ ไม่มีใครช่วยได้ ต้องเอาชนะมันด้วยตัวเอง
ลั่วหานกำมือสองข้างไว้แน่น นิ้วเรียวยาวม้วนแน่น หลับตาแน่นและก้มหน้า เสียงฟ้าร้องอยู่บนหัว แสงจ้าจากสายฟ้าแลบก็ไม่ขาดสาย ท้องฟ้าที่มืดมิด เหมือนคืนนั้นไม่มีผิด
ลั่วหานกัดริมฝีปากแน่น เห็นเส้นเลือดบนหน้าผากที่ผิวขาวอย่างชัดเจน
ลืมตาขึ้นมา มองดูท้องฟ้า ฉู่ลั่วหาน เธอต้องดู เธอต้องดูให้ชัดเจน
ตะโกนในใจครั้งแล้วครั้งเล่า สติกับความหวาดกลัวกำลังสู้รบกัน แผ่นหลังของลั่วหานเต็มไปด้วยเหงื่อ เปียกโชกไปทั้งหลัง มือที่กำไว้ก็เปียก
“อ๊าก”
ลั่วหานเงยหน้าขึ้นพร้อมกับเสียงร้อง ตาที่เต็มไปด้วยน้ำตามองไปที่สายฟ้าบนท้องฟ้า
ความมืดมิด ความมืดที่ถูกย้อมด้วยความกลัว ลดพัดแรงจนสายฝนเอียง สายฟ้าแลบเหมือนผ่าท้องฟ้าให้แตกเป็นชิ้นๆ
ค่ำคืนแบบนี้ ความสิ้นหวังแบบนี้……
ลั่วหานเบิกตากว้าง ฝืนตัวเองให้มองท้องฟ้าไม่กะพริบตา ไม่หนีกลับ ความรวดเร็ว ความผิดปกติ ใจเต้นแรงยิ่งอยู่ยิ่งเร็วจนเธอจะทนไม่ไหว
“โคร่ง”
ทันใดนั้น เสียงฟ้าแลบลงมา สายฟ้าแลบทำให้เธอเห็นเงาตัวเองอย่างชัดเจน ค่ำคืนนั้นที่เธอต้องเผชิญกับความตาย ก็เป็นแบบนี้
“โคร่ง”
ครั้งที่สองเสียงสายฟ้าระเบิดลงมาอีกแรงกว่าครั้งก่อน
ลั่วหานตัวเกร็งถอยหลังก้าวหนึ่ง มีเสียงส้นสูงกระทบกับพื้น ลั่วหานใช้มือกับผนังไว้
เธอยืนได้แล้ว
ยืนอยู่ในท่ามกลางท้องฟ้าอันมืดมิด ยืนอยู่ท่ามกลางสายฟ้าแลบและฟ้าร้องอย่างบ้าคลั่งได้แล้ว
ลั่วหานพ่นลมหายใจที่อัดอั้นอยู่กลางอกออกมา สายตาอันเป็นประกายมองดูท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ ในที่สุดวันนี้เธอก็ยิ้มออกมาได้อย่างผ่อนคลายที่สุด
เธอเงยหน้า ยิ้มแล้วมองไปบนท้องฟ้า ที่แท้ขอแค่ตัวเองยอมรับที่จะเอาชนะมัน เผชิญหน้ากับมัน ไม่มีอะไรที่ผ่านไปไม่ได้
เธอก้าวออกมาแล้ว จริงจัง
ลั่วหานหัวเราะอย่างผ่อนคลาย เมื่อก่อนเธอเลือกที่จะหลบวันฝนตก ชั่งโง่เหลือเกิน รู้แบบนี้ก็ฝืนตัวเองเผชิญหน้ากับมันตั้งแต่สองปีก่อน
จริงที่สุด ความรู้สึกผ่อนคลายแบบนี้ ดีที่สุด
ผ่อนลมหายใจ ลั่วหานหันหลังกลับ
รางสูงยืนอยู่ด้านหลังเธอ สายตาอันอ่อนโยน ยิ้มให้เธออย่างรักใคร่และอบอุ่น
หลงเซียวกางแขนออก เสียงอันอ่อนโยนนั้นบดบังความมืดมนทั้งหมด ให้แสงสว่างกับเธอ
ลั่วหานเดินเข้าไปในอ้อมกอดเขา ร่างอ่อนไปทันที ถูกเขากอดแน่นกลางอ้อมกอดของเขา
“คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ตอนคุณมา ผมก็ถึงแล้ว ผมอยู่ข้างหลังคุณตลอด”
ลั่วหานแบบชิดอยู่กลางอกเขา ยิ้มอย่างมีความสุข
นึกว่าตัวเองสู้รบคนเดียว แต่ไม่ใช่ แต่ข้างหลังมีคนคอยเฝ้าดูแลเธอตลอด
“เมื่อกี้คุณกล้าหาญมาก ลั่วลั่ว” เสียงของหลงเซียวรักใคร่และอ่อนโยน
ลั่วหานกอดเอวเขาไว้ “ขอบคุณที่คอยอยู่เคียงข้างฉันตลอด ที่รัก ฉันมีความสุขที่สุดเลย”