คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 370 ใครเป็นผู้ชนะ
ตอนที่ 370 ใครเป็นผู้ชนะ
หลงเซียวกลับมาถึงบริษัท เพิ่งก้าวเท้าเข้ามาในประตูกระจกหมุน หลงจื๋อก็วิ่งตามหลังมาทันที
หลงจื๋อก็เพิ่งกลับมาจากข้างนอก หลังจากเห็นหลงเซียวแล้ว หลงจื๋อจึงได้วิ่งตามฝีเท้าของหลงเซียวให้ทัน หายใจแรงๆแล้วพูดว่า “พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ พี่กลับมาสักทีนะ”
หลงเซียวหันหลัง มองเห็นการแต่งตัวของหลงจื๋อแล้ว ส่องมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า “นี่มันอะไรกัน? ไปลงปลูกต้นข้าวรึไง?”
หลงจื๋อเช็ดหน้าตัวเอง เหงื่อออกจนตัวเหนียวไม่สบายตัว “ปลูกต้นข้าวยังสบายกว่านี้เยอะเลย ผมไปที่ก่อสร้างมาครับ อากาศร้อนแบบนี้ไปที่ก่อสร้าง ไม่ต่างอะไรกับเซาว์น่าเลยล่ะ! ร้อนจนแทบจะละลายแล้ว”
“ที่ก่อสร้าง?”
หลงจื๋อกอดพิมพ์เขียวกับกระดาษม้วน ดูแล้วก็ไปทำเรื่องที่เป็นทางการจริงๆ บนเสื้อสูทยังมีฝุ่นติดอยู่ เหมือนจะไม่ได้ไปแค่ที่ก่อสร้าง ยังได้เข้าไปตรวจดูภัยในด้วย ถึงกับยอมไปที่โรงงานก่อสร้างแล้ว ก้าวหน้าไม่น้อยหนิ
หลงเซียวพยักหน้า “ไปลองใช้ชีวิตที่โรงงานก่อสร้างแล้วไม่เลวนี่”
หลงจื๋อแทบจะอาเจียนเป็นเลือด “ไม่เลว? คราวหน้าพี่ไปลองดูมั้ย? ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่ยอมไปที่นั่นอีกแล้ว ต่อไปนี้หากผมไปที่โรงงานก่อสร้างอีกผมก็จะนั่งอยู่แต่ในรถไม่ออกไปอีก”
หลงเซียวยิ้มอ่อนๆ ตบที่ไหล่เขาเบาๆ นิ้วมือสัมผัสโดนฝุ่นที่ติดอยู่บนไหล่เขา แล้วมีสีหน้าเรียบเฉย “ฉันเคยไปลองมาตั้งนานแล้ว พูดสิ หาฉันมีเรื่องอะไรกัน?”
หลงจื๋อส่งพิมพ์เขียวในมือให้กับเลขาที่เข้ามาต้อนรับ หลังจากนั้นได้ตบมือเบาๆ เหมือนโล่งใจเสียที “พี่ใหญ่ ผมมีหลายคำถามที่เกี่ยวกับบริษัทจะถามพี่ครับ”
“อื้ม มาที่ห้องทำงานฉัน…….ไปเปลี่ยนเสื้อก่อน ฉันจะรออยู่ที่ห้องทำงาน”
หลงจื๋อมองดูการแต่งกายของตัวเองแล้ว เหมือนจะไม่เหมาะกับห้องทำงานที่สะอาดเอี่ยมของพี่ใหญ่จริงๆ ก็เลยเกาศีรษะแล้วหัวเราะ “ครับ ผมไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้เลย”
หลงเซียวขึ้นลิฟท์VIPที่ใช้สำหรับชั้นสูงโดยเฉพาะ ลิฟท์ได้มาถึงที่ชั้นห้องทำงานอย่างรวดเร็ว ร่างที่เรียวสูงของหลงเซียวเดินออกจากลิฟท์สายตามองไปข้างหน้าแล้วเดินเข้าไปในห้องทำงาน
พนักงานที่อยู่นอกห้องทำงานเห็นเจ้านายมาอย่างกะทันหัน จึงรีบทักทาย“สวัสดีท่านประธาน”
ตรงเคาน์เตอร์เลขาทั้งสามก็ทีกทายพร้อมกัน“หวัดดีค่ะท่านประธาน”
หลงเซียวพยักหน้า แล้วพูดว่า“แอนดี้คุณเข้ามาสิ”
“ค่ะ ท่านประธาน”
ผลักประตูเข้ามา หลงเซียวก้าวเท้าใหญ่เดินไปที่โต๊ะทำงาน แล้วนั่งลง ท่าทางพริ้วไหวเหมือนสายน้ำ
แอนดี้เดินไปข้างหน้า แล้วก้มตัวถามว่า “ท่านประธาน มีอะไรให้รับใช้หรือค่ะ?”
หลงเซียวเปิดลิ้นชักตรงซ้ายมือออก แล้วหยิบเอกสารชุดนึงจากด้านในออกมา และทิ้งไว้บนโต๊ะทำงาน “นี่เป็นเอกสารข้อมูลของพนักงานในบริษัทย่อยของMBKที่ประเทศอังกฤษ คุณไปตรวจสอบ ฐานะ ครอบครัว คนที่แนะนำเข้ามาในบริษัทของคนพวกนี้ให้แน่ชัด และก็คนที่ติดต่อได้ในฝั่งนู้น ฉันต้องการรายชื่อย้อนหลังสิบปีที่มีตำแหน่งผู้จัดการขึ้นไปทั้งหมด”
แอนดี้ตกใจแทบบ้า แต่ความแข็งแกร่งของจิตใจทำให้เธอพยักหน้าอย่างนิ่งสงบ “ค่ะ ท่านประธาน”
พูดจบแล้ว หลงเซียวสะบัดมือ “ไปจัดการเถอะ”
“ค่ะ” แอนดี้ตอบรับแล้วพูดต่อว่า “ท่านประธานคะ หลายชั่วโมงนี้ตอนที่ท่านไม่อยู่ คนของฝ่ายCEOได้มาหาท่าน แต่ไม่ได้เข้ามาในห้องทำงานของท่าน เพราะถูกฉันปฏิเสธไปค่ะ”
หลงเซียวมีสายตาคมลึก “ฉันรู้แล้ว ข้อมูลพวกนี้คุณไปสืบด้วยตัวเอง ไม่ต้องแจ้งร่วงหน้ากับฝ่ายCEO ถ้าหากมีคนถาม ก็บอกว่าจัดเก็บเอกสารฝ่ายพนักงาน อย่างอื่นไม่ต้องพูด”
“ค่ะ ท่านประธาน”
แอนดี้ออกไปจากห้องทำงาน หลงเซียวเปิดคอมพิวเตอร์ นิ้วมือสัมผัสที่โต๊ะ ตาจ้องมองLOGOของบริษัทMBKบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ แล้วคิดเรื่องอยู่ในใจสักพัก เหลียงหยู้คุน……..หรือว่าเขาไม่ได้แค่ทำการค้าในตลาดมืดเท่านั้น?
หรือว่า จริงๆแล้วเขามีความสัมพันธ์อะไรกับบริษัทMBKตั้งนานแล้ว? หรือเขาเคยหลอกใช้บริษัทMBKเพื่อเป็นบันได ให้ตัวเองสมหวังในการเปลี่ยนผ่าน?
ถ้างั้นตอนนี้ในบริษัทMBKยังมีคนของเขาแฝงตัวอยู่มั้ย?
คิดถึงจุดนี้แล้ว หลงเซียวพิงลงไปที่เก้าอี้ นิ้วมือนวดที่ขมับเบาๆ แววตาที่ลึกซึ้งมองพืชสีเขียวที่วางอยู่ในห้องทำงาน แววตายิ่งมืดมนขึ้นมาทันที
เวลานี้ ประห้องทำงานดังก๊อกๆ~
“เข้ามา”
หลงจื๋อได้เปลี่ยนชุดสูทใหม่ที่สะอาด สูทสีน้ำเงินอ่อนใส่อยู่บนตัวเขาแล้ว ช่างดูอ่อนกว่าวัยและหล่อเหลาขึ้นเยอะเลย สีที่สดใสถูกแสงอาทิตย์สาดส่องทำให้เขาดูเปล่งประกาย ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า เหมือนเด็กชายในตอนนั้นที่ตามติดอยู่ข้างกาย และเรียกตัวเองว่าพี่ชายพี่ชายอยู่ตลอดเวลา ได้โตเป็นหนุ่มแล้ว
“พี่ใหญ่”
หลงเซียวไปที่เก้าอี้ตรงข้าม “นั่งสิ”
หลงจื๋อนั่งลงที่เก้าอี้ แล้วโน้มตัวไปข้างหน้า “พี่ใหญ่ วันนี้ผมถูกพ่อเรียกคุยที่ห้องทำงานของพ่อ พ่อบอกกับผมว่า บริษัทเตรียมจะขายหุ้นส่วนนึงออกไป เหมือนบอกว่าเพื่อจะเอาไปลงทุนโครงการใหม่อะไรสักอย่าง ผมไม่ค่อยเข้าใจ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่บริษัทMBKถึงกับต้องขายหุ้นเพื่อเอาไปเพิ่มทุนแล้ว? การเงินของฝ่ายผมก็มีสภาพคล่องดีมาตลอดนี่น่ะ ไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินไม่พอสักหน่อย ปีนี้เงินสำรองของบริษัทMBKยังใช้ไม่หมดเลย เงินทุนหมุนเวียนก็มหาศาลมาก เพราะอะไรพี่รู้มั้ยครับ?”
อ้อ? ยังมีเรื่องแบบนี้? พ่อเรียกหลงจื๋อไปที่ห้องทำงาน แล้วพูดข้อมูลเหล่านี้ เขาถึงกับไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย มันชักจะตลกแล้วจริงๆ
คิดว่าประธานอย่างเขาเป็นแต่หุ่นตุ๊กตารึไง?
หลงเซียวมีสีหน้าเรียบเฉย หลังจากนั้นได้พูดด้วยรอยยิ้ม“ใช่หรือ? พ่อยังได้พูดอะไรอีก?”
หลงจื๋อไสหัวด้วยความมึนงง “ไม่ได้พูดอย่างอื่นอีกแล้ว พ่อบอกว่าผมเป็นผู้จัดการฝ่ายการเงิน ให้ผมเตรียมพร้อมให้ดี เพราะเวลาอันใกล้นี้จะมีเงินไหลเข้ามา จำนวนเงินน่าจะไม่น้อย สิ่งสำคัญคือผมแค่อยากรู้ว่า ทำไมจู่ๆถึงคิดจะขายหุ้นครับ”
หลงเซียวฟังถึงจุดนี้ก็รู้ราวๆแล้ว “พ่อได้พูดมั้ย ว่าจะขายหุ้นในมือของใคร? ณ ตอนนี้ คนที่ถือหุ้นเยอะที่สุดก็คือพ่อ รองลงมาก็คือฉัน พ่อจะขายหุ้นในมือตัวเองเพื่อไปเพิ่มทุน? ฉันไม่เชื่อหรอก”
ถ้าอย่างงั้น มีโอกาสเป็นไปได้สูงก็คือเขา
หลงจื๋อขมวดคิ้ว “ไม่รู้ พ่อไม่ได้บอกครับ”
“อื้ม การเพิ่มทุนไม่ได้หมายความว่าจะต้องขาดสภาพคล่องทางการเงินเสมอไปหรอกนะ อาจจะเป็นเพราะว่า ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ของบริษัทแล้ว ขายหุ้นออกก็เพราะว่าราคาหุ้นอยู่ในระดับสูง อาศัยจังหวะนี้ขายเอาเงินกลับมาก่อน อนาคตราคาหุ้นตกลงไปที่จุดต่ำแล้วค่อยซื้อคืน นี่เป็นวิธีที่เห็นได้บ่อยอยู่แล้ว”
หลงจื๋อก็ยังรู้สึกแปลกๆ “ผมคิดว่าพ่อดูแปลกๆนะครับ แต่พูดไม่ถูกว่าแปลกตรงไหนครับ”
หลงเซียวไม่ตอบ ใช่แล้ว เขาก็ตอบไม่ถูกอยู่แล้ว ถ้าหากถูกเด็กอ่อนหัดอย่างหลงจื๋อมองออกล่ะก็ ประสบการณ์หลายปีมานี้ของหลงถิงก็เสียเปล่าแล้วสิ
ต่อจากนั้น หลงจื๋อได้พูดอย่างยึดมั่นอีกว่า “พี่ใหญ่ ไม่ว่าตอนนี้ใครจะเป็นคนที่ถือหุ้นเยอะที่สุดในบริษัท พี่ใหญ่ก็เป็นคนที่จะรับช่วงต่ออยู่ในใจผมตลอดไป อนาคตCEOคนใหม่ต้องเป็นพี่ใหญ่แน่นอน”
หลงเซียวเหมือนมีรอยยิ้ม “ไม่มีอะไรแล้วก็กลับไปทำงานต่อเถอะ”
“ครับ ถ้าหากทางผมมีข่าวสารอะไรจะรีบรายงานพี่ใหญ่ทันทีครับ”
ประตูห้องทำงานของหลงเซียวถูกปิดลง สายตาที่ลึกลับของหลงเซียวได้จ้องมองที่LOGOบนหน้าจออีกครั้ง “MBK……ตอนนี้พ่อหมายความว่ายังไงกัน?”
ขมับบวมนิดหน่อย หลงเซียวเอามือถือออกมา แล้วเปิดดูอย่างเรื่อยเปื่อย ค้นดูรูปถ่าย หลังจากนั้นสายตาหยุดอยู่ที่รูปหมู่เก่าของส้งชิงเซวี๋ยน
สายตาหยุดอยู่บนตัวผู้ชายที่ใส่แว่นขอบทอง ระหว่างมอง หลงเซียวจับที่คางตัวเอง คนๆนี้ทำไมดูคุ้นเคยจัง? ไม่เคยเห็นหน้าเขาแท้ๆ อีกอย่าง ตามที่ส้งชิงเซวี๋ยนบรรยาย เขาเสียชีวิตตั้งแต่ยี่สิบกว่าปีก่อนแล้ว
ยี่สิบกว่าปีก่อน เขาเพิ่งอายุเท่าไหร่เอง
เขากำลังคิดอยู่ มือถือก็มีข้อความเข้ามา ลั่วหานเป็นคนส่งมาเอง
“สามีคะ ฉันอยู่ที่ชานเมืองน่ะ ให้คุณมองดูท้องฟ้าและเมฆของที่นี่”
ด้านล่างเป็นรูปภาพที่ชัดเจนมากรูปนึง ท้องฟ้าที่สดใสและเมฆที่เป็นก้อนๆ สีฟ้าที่สูงไกลและสะอาด
รูปที่สอง คือทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่…..
ดูแล้วรู้สึกคุ้นๆ นี่มันที่ๆเขาเจอกับหวาเทียนไม่ใช่หรือ?
ต่อจากนั้น ลั่วหานส่งข้อความมาอีก “คุณครูนั่งรถของคุณออกมาเล่น แต่คุณกลับพาตัวคนขับเขาไปซะแล้ว ฉันเลยถูกเขาหลอกมาเป็นคนขับแทน”
ด้านหลังข้อความมีรูปหน้างอน
หลงเซียวมองดูรูปและข้อความ ในสมองมีหน้าตาของลั่วหานปรากฏขึ้นมา ความมืดมนบนใบหน้าได้ค่อยๆหายไป สิ่งที่มาแทนที่คือรอยยิ้มหวานๆที่มีความสุข
หลงเซียวได้โทรหาเธอทันที แล้วลั่วหานก็ได้รับสายอย่างว่องไว เร็วจน ผ่านไปแค่ไม่กี่วิ
นั่งพิงหลังที่เก้าอี้อย่างมีความสุข เสียงที่ทุ้มต่ำและนุ่มนวลของหลงเซียว ฟังเข้าหูแล้วช่างน่าหลงไหลและเต็มไปด้วยความรัก “ตอบสนองเร็วขนาดนี้เลยหรือ? สมกับเป็นมือของศัลยแพทย์จริงๆ”
ลั่วหานยิ้ม แล้วเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว “กำลังถ่ายรูปอยู่น่ะ ก็เลยไปกดโดนพอดี คุณไม่ยุ่งเหรอ?”
“ยุ่ง แต่ถึงจะเป็นเรื่องที่ใหญ่โตเพียงใดก็ไม่สำคัญเท่าเธอ” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยรัก เหมือนมีกระแสไฟฟ้า ไหลเข้าไปในหูของเธอ
ลั่วหานได้ยินเสียงเขาจนเคลิ้ม “เอาล่ะ คุณชายหลงเลิกโชว์ความปากหวานได้แล้ว”
“ที่รักนานๆได้ออกไปที ก็เดินเล่นข้างนอกนานๆหน่อยก็ได้ ไม่ต้องรีบร้อนกลับโรงพยาบาลหรอก”
ลั่วหานพยักหน้า เธอก็คิดอย่างนั้น “ใช่แล้ว คุณพาตัวหวาเทียนไปแล้ว มีเรื่องอะไรหรือ? คุณครูบอกว่า คุณอยากจะเลี้ยงหวาเทียนไปดื่มน้ำชากัน ชาของคุณ หวาเทียนจะกล้าดื่มหรือ?”
“เอ่อ……ใช่แล้ว ดื่มน้ำชา ผู้ช่วยของที่รักฐานะไม่ธรรมดา ผมยังหวังว่าต่อไปนี้เขาจะช่วยงานคุณดีๆ ก็ต้องทำดีเอาใจเขาหน่อยน่ะ”
เหรอ? ความน่าเชื่อถือเท่ากับศูนย์
แต่เขาไม่ยอมพูดก็ช่างเถอะ
“ฉันกับหมอหลินไปผ่อนคลายก่อนนะคะ กลางคืนกลับบ้านแล้วเจอกันนะคะ”
หลงเซียวตอบอื้ม“เจอกันตอนกลางคืน”
ลั่วหานเพิ่งวางมือถือลง ทันใดนั้นหลินซีเหวินก็ได้กรี๊ดเสียงดังขึ้นมา“อ๊า!! ผีเสื้อ!! ตาเฒ่าน้อยผีเสื้อน่ะ!”
ลั่วหานก็ได้เข้าไปร่วมเล่นเกมส์จับผีเสื้อกับพวกเขา “ไม่ใช่สิ ตาเฒ่าน้อยต้องชอบผึ้งของเซียวเหล่งนึ่งสิ! ”
“ฮะๆๆ ตาเฒ่าน้อยของเราเป็นตัวก๊อปปี้สินะ!”
ส้งชิงเซวี๋ยนแบะปาก ดึงแขนเสื้อขึ้นแล้วไปจับผีเสื้อจริงๆด้วย “เสี่ยวหลิน ถึงเธอจะพูดยังไง ตาลุงแก่อย่างฉันคนนี้ก็ไม่รับลูกศิษย์อีกแล้ว”
ก้อนเมฆที่แนบชิดกัน กลิ่นหอมที่ลอยอยู่ในอากาศ อากาศของชานเมืองสะอาดและสบายจริงๆ ทั้งสามคนได้เดินทะลุผ่านป่าไม้ และตามมาด้วยเสียงหัวเราะ
เวลานี้ ณ บริษัทฉู่ซื่อ
ไป๋เวยดูข่าวในหน้าจอคอมพิวเตอร์ ปากแดงๆยิ้มอย่างมีความสุข
“โม่ล่างคุนได้เจอกับการพ่ายแพ้ทางธุรกิจ มูลค่าของบริษัทโม่ซื่อกรุ๊ปได้หายไปสามพันล้านในชั่วค่ำคืน”
“เป็นลูกเขยที่มีความสามารถจริงๆหรือว่าเป็นยมทูตที่มาเอาคร่าชีวิตกันแน่นะ? โม่ล่างคุนเสียหลัก แต่บริษัทของซุนปิงเหวินฟื้นตัว” “พ่อตาล้มลง แต่ลูกเขยได้ดี โม่หรูเฟยใช้เงินของตระกูลเพื่อพิสูจน์รักแท้ เพิ่งแต่งงานแรกๆก็ควักค่าสินสอดออกมาแล้วหลายพันล้าน”
มีข่าวประเภทนี้ประกาศออกมาเยอะจนนับไม่ถ้วน ในเวลาสั้นๆเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็กลายเป็นแฮชแท็กที่ร้อนแรง บนอินเตอร์เนต มีหลักหลายคอมเม้นที่เห็นต่างและทะเลาะกันจนวุ่นวายไปหมด
ไป๋เวยจิบกาแฟคำนึง มองดูเนื้อหาข้างใน แล้วเปิดดูหน้าถัดไป
“คนรักในอดีตกลายเป็นศัตรูในวันนี้ ตระกูลโม่วุ่นวายจนไร้ระเบียบ ไม่เห็นคนของตระกูลหลงออกหน้าเลยแม้แต่คนเดียว”
“สถานการณ์ของตระกูลโม่อันตรายอย่างยิ่ง แล้วใครจะเป็นผู้ชนะคนสุดท้าย?”
“”บริษัทMBKดูอย่างเงียบๆ ฐานะของรุ่นเก๋ายิ่งมั่นคงจนไม่อาจโค่นล้มได้!”
ไป๋เวยใช้นิ้วมือจิ้มที่โต๊ะทำงานเบาๆ มาได้รวดเร็วจริงๆ หลงเซียวช่างเป็นคนที่มองเห็นอนาคตได้แม่นยำระดับขั้นเทพจริงๆ ในเวลานี้บริษัทโม่ซื่อกรุ๊ปได้กลายเป็นเผือกร้อนในวงการธุรกิจของเมืองหลวงไปเสียแล้ว หากบริษัทMBKไม่เปิดปากพูด ใครจะกล้ามารับช่วงต่อแบบง่ายๆล่ะ?
ซุนปิงเหวินอาการสาหัส เกาจิ่งอานฟังคำสั่งจากหลงเซียว ถ้าอย่างงั้น…..
ไป๋เวยขยับมุมปากเล็กน้อย