คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 329 ความทรงจำวัยเด็ก
ตอนที่ 329 ความทรงจำวัยเด็ก
ภายในห้องทำงานของหลงถิงเงียบลงทันทีจากคำพูดของหลงจื๋อเมื่อครู่ เงียบเสียจนได้ยินเสียงหัวใจเต้น
อีกทั้งยังได้ยินเสียงหายใจของทั้งสองคนอย่างชัดเจน
แววตาของหลงจื๋อเต็มไปด้วยความเจ็บปวด หัวใจของเขาไม่มีความเป็นคุณชายหลงเหลือ ดวงตาอันมืดมนคู่นั้น ทำให้ผู้พบเห็นเจ็บปวดเช่นกัน
หลงถิงมองดูลูกชายแล้วคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมาได้ เด็กน้อยคนที่คอยเชื่อฟังคำสั่งสอนของเขาทุกประการ บัดนี้ได้เติบใหญ่แล้ว
เขาไม่ใช่ลูกสัตว์ตัวน้อยๆอีกต่อไป แต่เขามีกรงเล็บที่แหลมคมและเรียนรู้ที่จะสู้กลับ ไม่สิ เขาอาจจะเป็นเหมือนแมวที่ซ่อนเล็บเอาไว้ตลอดเวลา แสดงให้คนอื่นเห็นว่าเขาเชื่อฟังสอนง่าย
บัดนี้ หลงถิงโมโห แต่เมื่อเขาคิดได้ดังนี้ว่าลูกชายคนนี้ของเขาเติบใหญ่แล้ว และพร้อมจะเผชิญหน้ากับเรื่องราวหลายอย่างด้วยตนเอง เขาก็ทำได้แค่ยิ้ม
“เสี่ยวจื๋อ มองดูแล้วแกยังติดอยู่กับอดีตมากเหลือเกิน” เสียงนั้นต่ำทุ้ม แฝงไปด้วยความหดหู่ อารมณ์โกรธเมื่อครู่เปลี่ยนไป เพียงพริบตาเดียวเขาได้กลายเป็นพ่อที่ดูอ่อนโยนเหลือเกิน เขาถอนหายใจยาว คล้ายกับทำอะไรไม่ถูก ไม่เป็นตัวของตัวเอง
หลงจื๋อมองไปที่พ่อของเขาที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างไม่ขยับเขยื้อน “พ่ออาจจำไม่ได้ แต่ผมจำได้ ผมจำได้ขึ้นใจว่าพ่อทำอย่างไรกับแม่และผม พ่อต้องการปกปิดความผิดที่เคยทำ พ่อให้พวกเรารับผิดชอบทุกสิ่งอย่าง ผมจำได้ดี”
บัดนี้อารมณ์โมโหของหลงจื๋อ ได้เปลี่ยนไป เขารู้สึกน่าเศร้า น่าตลกสิ้นดี
ตอนนั้นที่แม่และเขาถูกขับไล่ออกจากบ้านตระกูลหลงเป็นอย่างไร? ตอนที่แม่ของเขาคุกเข่าอ้อนวอนเป็นอย่างไร?
แต่เขาเองก็คาดไม่ถึงว่า เด็กคนหนึ่งที่ถูกเพื่อนเรียกว่าไอ้ลูกเมียน้อยมาถึงแปดปี อยู่มาวันหนึ่งจะมีชายใส่สูทท่าทางร่ำรวยขับรถหรูเข้ามาในชีวิตของเขา
และเขาผู้นั้นบอกว่า “นับจากวันนี้เธอชื่อว่าหลงจื๋อ เป็นลูกของฉัน ฉันจะพาเธอไป”
ในวันนั้นเมื่อหลงจื๋อหันหลังกลับไปมองแม่ของเขา เธอโบกมืออำลาและบอกว่า “เสี่ยวจื๋อ กลับไปกับพ่อนะ และอย่ากลับมาที่นี่อีก”
หลงจื๋อที่อายุแปดขวบในตอนนั้นงอแงดิ้นรนวิ่งกลับไปหาผู้เป็นแม่ แต่เขาไม่สามารถสู้แรงของผู้ใหญ่ได้ เขาถูกมือใหญ่คู่หนึ่งจีบเอาไว้
เขาต่อสู้และพยายามดิ้นให้หลุดพ้นพร้อมตะโกนเสียจนเสียงแหบเสียงแห้งว่า “แม่ครับ!แม่ไม่รักหลงจื๋อแล้วเหรอ? แม่ไม่ต้องการผมแล้วเหรอ!! แม่ครับ อย่าไป!!”
แต่ภาพที่เขาเห็นคือเงาที่ค่อยๆเลือนหายไปในสายตา หลงจื๋อล้มลงกับพื้น สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากการถูกพาตัวไป
หลังจากวันนั้น เขาก็ก้าวเข้ามาสู่ชีวิตใหม่
เขาออกมาจากหมู่บ้านคนจนๆ และเข้ามาอยู่ ณ คฤหาสน์ที่ดีที่สุด มีคนคอยรับใช้เอาใจใส่ เขาอยากได้อะไรก็ได้ตามต้องการ
และขณะเดียวกันเขาก็ได้พบกับแม่เลี้ยงของเขา
ครั้งแรกที่เจอกัน ผู้หญิงคนนั้นก้มหน้าลงมามองเขา เขามองไปยังผู้หญิงคนที่สวมใส่เสื้อผ้าสวยงามนี้ หน้าตาดูดี เขาคิดว่าเธอจะใจดีจึงยิ้มให้
“ต่อไปนี้เธอคือแม่ของหนู” คนหนึ่งพูดแนะนำขึ้น
แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับจ้องมายังเขาและพูดว่า “ฟังให้ดี ฉันมีลูกชายเพียงคนเดียว ต่อไปนี้อย่าเรียกฉันว่าแม่ ให้เรียกฉันว่าท่านแม่”
ท่านแม่?”
นี่มันเป็นการเรียกที่สูงส่ง สูงส่งเสียจนเขามิอาจปีนขึ้นไปถึงได้ จากวินาทีแรกที่เธอมองมายังเขาคล้ายกับราชินีมองยาจก ทั้งสมเพชและรังเกียจ ไม่มีแม้แต่ความอบอุ่นใดๆ
ในตอนนั้นที่หลงจ่อมายังบ้านตระกูลหลง ทุกสิ่งอย่างมันดูงดงามโอ่อ่า แต่กลับเยือกเย็นและเงียบสงัด
เขาเก็บตัวเองไว้ในโลกส่วนตัวทุกๆวัน ไม่พูดไม่จา คล้ายกับตุ๊กตาที่ไม่สามารถพูดได้อย่างไรอย่างนั้น
หลังจากเขามาอยู่ที่บ้านตระกูลหลงได้หนึ่งเดือน อยู่มาวันหนึ่งมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา
เป็นเด็กหนุ่มที่รูปงามสะอาดตาที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเห็น
เขาสวมชุดสูทลายสก็อตสีเทาและรองเท้าหนังสีดำ ดูแล้วอายุสิบกว่าปีได้ แต่เขามีกลิ่นอายที่สงบและไม่เหมือนกับคนรุ่นเดียวกัน
หลงจื๋อมองดูเขาด้วยท่าทางระมัดระวัง ดวงตาคู่นั้นก็มองเขาอยู่เช่นกัน
“เสี่ยวจื๋อ นี่พี่ชายของลูก”
หลงจื๋อกอดรถยนต์ของเล่นเอาไว้ เขามองไปยังคนที่เป็นพี่ชายและไม่กล้าพูดอะไรออกมา
“ทำไมไม่รู้จักทักทาย? ไม่มีคนสั่งสอนงั้นเหรอ?”
เสียงท่านแม่ดังขึ้นมา เขาตกใจเสียตกของเล่นตกลงไปที่พื้น หน้าขาวซีด เขาไม่กล้าขยับเขยื้อน
เด็กหนุ่มผู้นั้นก้มลงหยิบของเล่นให้เขาและพูดว่า “เสี่ยวจื๋อ?”
เขาพยักหน้าตอบรับ ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ครับ……”
ใบหน้าของเด็กหนุ่มนั้นปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา เขายื่นมือมาลูบหัวเขา น้ำเสียงอันอบอุ่นเช่นนั้นทำให้เขาผ่อนคลายลงไม่น้อย “ฉันเป็นพี่ชายนะ ต่อไปนี้พี่จะปกป้องน้องเอง ไม่ต้องกลัว”
เพราะประโยคในวัยเด็กที่ว่าจะปกป้องเขานั้น หลงจื๋อตัวน้อยคล้ายกับปลาได้รับการปลดปล่อย เขากลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง
เมื่อเขาค่อยๆเติบใหญ่ จึงได้พบว่าชายหนุ่มที่ดูสง่าราศีนั้นมีความสามารถเก่งกาจเพียงใด เขาทำได้ทุกอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่า ทำไมพี่ชายที่เก่งกาจเช่นนี้จึงมักถูกพ่อตำหนิอยู่เรื่อยๆ บางครั้งต่อให้ถือถ้วยรางวัลกลับมาบ้าน แต่พ่อก็ไม่เคยเอ่ยชื่นชมเลย กลับถูกตำหนิเสียด้วยซ้ำ
เขาแอบอยู่หลังตู้ในห้องหนังสือ ได้ยินเสียงฝ่ามือที่ตบเข้าอย่างจังและเสียงดุด่า ร่างเล็กๆของเขาก็หดด้วยความกลัว
แต่ทุกครั้งที่ประตูห้องหนังสือถูกเปิดออก พี่ชายของเขาก็เดินออกมาด้วยสีหน้านิ่งเรียบคล้ายกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่น้อย
ความสง่างาม ความสูงส่ง ความฉลาดและความสงบของเขา ทำให้หลงจื๋ออิจฉาเล็กน้อย และเขาบูชายกย่องพี่ชายของเขาเหมือนไอดอลคนหนึ่ง
ตอนนั้นเขาถามพี่ว่า “พี่ครับ ผมไม่เคยเห็นพี่ร้องไห้เลย พี่ไม่อึดอัดเหรอ?”
เด็กหนุ่มที่กำลังอ่านหนังสือภาษาต่างประเทศเล่มหนา ตอบกลับด้วยเสียงสงบว่า “ร้องไห้เหรอ? ตอนเด็กๆการร้องไห้สามารถแลกกับขนมได้ แต่เมื่อเติบโตการร้องไห้อาจได้รับเพียงฝ่ามือเท่านั้น”
ต่อมา หลงจื๋อซุกซนจนขาถลอก เมื่อเห็นแผลที่ขาของตนก็ร้องไห้ เด็กชายเดินมาหาเขาอย่างใจเย็นและรีบทำความสะอาดแผลให้ เขาพันผ้าพันแผลและพูดว่า “หลงจ่อ น้องเป็นลูกผู้ชาย โลกของลูกผู้ชายมีเลือดได้แต่ห้ามมีน้ำตา”
เขาไม่เคยเห็นพี่ชายร้องไห้เลย จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปีและกลายมาเป็นห้าปี กระทั่งเขาถูกส่งไปเรียนหนังสือที่ต่างประเทศ
มันผ่านไปเป็นเวลาสิบห้าปีแล้วซีนะ
ในจิตใต้สำนึกของหลงจื๋อ พี่ชายคนโตคือคนที่เขาจะชื่นชมไปตลอดชีวิต บางครั้งเขาก็ตั้งใจขัดใจเขา แต่ไม่ว่าจะสงครามเย็นหรือการโต้เถียง แม้การต่อสู้ครั้งใหญ่เพราะฉู่ลั่วหาน อีกทั้งความขัดแย้งในครอบครัวที่เรียกว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ อย่างไรในใจเขาก็เข้าใจดีว่าพี่ชายของเขา ก็ยังเป็นพี่ชายอยู่วันยังค่ำ
พี่ชายเช่นนี้ จึงจะเหมาะสมเป็นผู้อยู่สูงสุดของMBK จึงจะเหมาะสมเป็นผู้นำผู้คนทั้งหลาย
เพียงเวลาไม่กี่นาที หลงจื๋อหวนคิดถึงเรื่องราวเก่าๆขึ้นมามากมาย คล้ายกับเรื่องราวเหล่านั้นเพิ่งเกิดขึ้น
เขาคล้ายกับยังได้ยินประโยคที่พี่ชายพูดกับเขาว่า “หลงจื๋อ สักวันน้องจะเติบใหญ่ เมื่อถึงวันนั้นหากมีอะไรที่อยากได้จงบอกมา พี่จะให้เอง ไม่ต้องแย่งกับพี่”
เขารู้มาตั้งนานแล้วว่าสักวันหนึ่งทั้งสองคนจะต้องต่อสู้แย่งบัลลังก์สืบทอดสมบัติกัน ดังนั้นจึงได้เอ่ยเป็นนัยๆตั้งแต่เด็ก
แต่ตอนนั้นเขาได้ตอบกลับไปว่า “ของของผมก็คือของพี่ครับ”
ผ่านมานานหลายปีแต่เขายังจำได้ชัดเจน
เมื่อนึกย้อนไป หลงจื๋อก็หัวเราะออกมา เขาได้สติกลับคืนมาและมองไปยังใบหน้าลึกลับซับซ้อนของผู้เป็นพ่อ “พ่อครับถ้าหากบนโลกนี้มีผู้สืบทอดMBKเพียงคนเดียว คนๆนั้นคือพี่ใหญ่ ไม่ใช่ผม”
หลงถิงแววตานิ่งลง สายตานั้นไม่ได้แผ่ความโกรธออกมา “เสี่ยวจื๋อ สำหรับการตลาดนั้นไม่มีคำว่าที่สอง ถ้าไม่ชนะก็แพ้อย่างราบคาบ ลูกจะถอนตัวออกมาอย่างนี้หรือ?”
หลงเซียวมีนิสัยอย่างไร? หลงถิงคิดว่าจะรู้จักเขาดี!
ในสายตาของเขานั้น หลงเซียวมีขั้นตอนและวิธีการจัดการที่เด็ดขาด ไม่เหลือทางไว้ให้ผู้ใด หากมีใครขวางทางเขา ผู้นั้นจะไม่มีแม้กระทั่งจุดยืน!
หลงจื๋อยืนขึ้นแล้วยิ้มบอกว่า “พ่อคิดผิดแล้ว พี่ไม่ใช่คนแบบนั้น พ่ออาจจะไม่เข้าใจพี่ดีพอ พ่อไม่เคยเข้าใจเขาเลยมากกว่า ก็นั่นสินะ ในความคิดของพ่อ พ่อตัดสินใจไปแล้วว่าพี่เป็นคนอย่างไร”
“เสี่ยวจื๋อ เรื่องที่พ่อตัดสินใจแล้ว จะไม่เปลี่ยนแปลงแน่นอน”
หลงจื๋อยักไหล่ “ตามใจพ่อแล้วกันครับ จะเอายังไงก็ได้ แต่ถ้าพ่อคิดจะทำร้ายพี่ละก็ ผมไม่ทำตามแน่”
เมื่อเขาพูดจบก็ก้าวออกไปจากห้องทำงาน และประตูได้ถูกปิดลง
หลงถิงกำเอกสารบนโต๊ะไว้แน่นและโยนมันลงไปที่พื้น “ลูกสาระเลว! แกก็คิดจะต่อต้านงั้นซินะ!!”
เมื่อหลงจื๋อออกมาจากห้องทำงาน พบว่าเป็นเวลาเลิกงานแล้ว ด้านนอกพนักงานกลับบ้านกันหมดแล้ว เขาเดินผ่านระเบียงแสนยาวนั้นแล้วเงยหน้าขึ้นหัวเราะ
พี่ชายปกป้องเขามาตั้งหลายปี ตอนนี้เป็นคราวที่เขาจะปกป้องพี่บ้าง ในที่สุดเขาก็พูดในสิ่งที่อึดอัดใจออกมา ช่างสบายใจจริงๆ
แม้ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังรออะไรอยู่ แต่เขาก็รู้สึกสะใจจริงๆ!
ลิฟต์ลงสู่ชั้นใต้ดิน หลงจื๋อเดินถือกุญแจรถเดินไปยังลานจอดรถ
เมื่อเขาขึ้นรถ รถสีขาวก็พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว หลงจื๋อต่อสายหาหลินซีเหวิน
หลินซีเหวินกำลังเข้าเวรอยู่ที่โรงพยาบาล เมื่อมองเห็นชื่อที่ปรากฏขึ้นว่าหลงจื๋อก็หัวเราและรับสาย “โอ้โห คุณชายรองหลง เป็นอะไรไป?”
หลงจื๋อยิ้มที่มุมปาก “ให้โอกาสคุณหาตัง เอาไหม?”
หลินซีเหวินมองไปยังนาฬิกา “วันนี้? ไม่ได้ ฉันเข้าเวรอยู่”
“ผมจะเลี้ยงเหล้าคุณนะ แลกเวรกับเพื่อนหน่อย ค่าแรงสองเท่า ผมจะไปรับคุณด้วยตัวเอง”
หลินซีเหวินขมวดคิ้ว อืม น้ำเสียงของหลงจื๋อดูไม่ปกติเท่าไหร่
“แหมๆๆ พี่สาวค่าตัวแพงนะจ้ะ ห้าสิบหนึ่งร้อยไม่ไหวหรอก” หลินซีเหวินพูดจบก็เปิดตารางเข้าเวรดูรายชื่อของเพื่อนที่สามารถแลกเวรกันได้
หลงจื๋อหัวเราะออกมา รถของขามุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลหวาเซี่ย “เอาล่ะแม่ไฮโซฯบ้านนอก ผมเอาตัวเข้าแลกได้ไหม? ผมมีทรัพย์สินกว่าร้อยล้าน แบ่งให้คุณเป็นไง”
“ตามนั้น! ในเมื่อคุณชายรองหลงใจดีขนาดนี้ พี่สาวคนนี้ก็จะยอมสละชีวิตไปนั่งคุยเป็นเพื่อนนะคะ ฉันรอคุณอยู่ รีบมาล่ะ”