คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 326 คุณชายหลง ภรรยามาตรวจงานแล้ว
ตอนที่ 326 คุณชายหลง ภรรยามาตรวจงานแล้ว
“โอ้โห คุณชายหลงใจกว้างจริงๆ” กู้เยนเซินอุทานออกมา เขาคาดไม่ถึงว่าหลงเซียวจะลงทุนขนาดนี้ เสียงระเบิดดังทั้งสองลูกนั้นทำให้น้ำทะเลเป็นคลื่นพัดมากระแซะกับเรือเอนไปมา
หลงเซียวยืนอยู่บนดาดฟ้ามองไปยังเรือโดยสารขนาดใหญ่สามลำที่ถูกตอร์ปิโดเขย่า และดวงตาสีดำของเขาก็ไม่มีท่าทีว่าอย่างไร
“เรือลำตรงกลาง ไป๋เวยอยู่ในนั้น” หลังจากทุกอย่างนิ่งสงบ หลงเซียวเอ่ยออกมาพร้อมมองไปยังเรือลำนั้น เขาขมวดคิ้วและหยิบปืนออกมาจากเองพร้อมก้าวเดินไปข้างหน้า
กู้เยนเซินถามด้วยความสงสัยว่า “รู้ได้ยังไง?”
“เสียงระเบิดดังขนาดนี้ ลูกเรือคนอื่นๆอีกสองลำตื่นตระหนกวิ่งออกมาดู มีเพียงลำตรงกลางนั่นที่เงียบนิ่ง แกว่าไงละ?”
กู้เยนเซินกลืนน้ำลาย “อ้อ เข้าใจแล้ว!”
พูดจบก็หยิบปืนออกมา ทั้งสองคนนั่งเรือลำเล็กออกไปยังเรือใหญ่ จากนั้นกระโดดเข้าไปในเรือและขึ้นไปยังดาดฟ้าอย่างเงียบๆ
ลมทะเลพัดโบก ผมเผ้าทั้งสองยุ่งเหยิงเสื้อผ้าพลิ้วไปตามลม
“คุณชายหลง บนเรือนี้มีคนกว่ายี่สิบคน และทุกคนมีปืนในมือถ้าพวกเขารวมตัวกันมา พวกเราเพียงสองคนจะไปสู้ยังไง?”
หลงเซียวมองไปยังท้องเรือ ฝีเท้าของเขาขยับและไม่นานก็เดินมาถึงบันได เมื่อลงไปก็คือห้องโถงใหญ่ของเรือ
เป็นที่นี่จริงๆด้วย!
“คุณชายกู้ เมื่อก่อนคุณได้รับฉายาว่าสามารถต่อสู้ได้กับคนร้อยคนไม่ใช่เหรอ? วันนี้เป็นโอกาสดีช่วยแสดงให้เห็นฝีมือหน่อยสิ”
หลงเซียวมองไปรอบๆ หูของเขาพยายามรับฟังแต่ช่างเงียบเหลือเกิน เงียบจนแทบไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย
กู้เยนเซินด่าออกมาว่า “ให้ตายสิ นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ คุณชายหลง ได้เตรียมกองกำลังหนุนหลังไว้บ้างไหม ถ้าพวกเราพลาดขึ้นมาจะทำยังไง?”
หลงเซียวยกมือขึ้นห้ามไม่ให้กู้เยนเซินพูดอะไรออกมา เขาใช้สายตาเพ่งเล็งไปด้านใน เป็นความหมายว่าด้านในนั้นมีอะไรบางอย่าง
ในขณะเดียวกันเขาก็ยกปืนขึ้นมาไว้แนบกาย “เธออยู่ข้างใน”
เสียงนั้นเบามากเสียจนแทบได้ยินเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น กู้เยนเซินพยักหน้า และตอบกลับไปด้วยเสียงเบาๆว่า “ตอนนี้ต้องทำยังไง?”
“เราต้องเข้าไปดึงความสนใจจุดหนึ่ง ก่อความวุ่นวาย ผมจะเบี่ยงเบนจุดสนใจจากพวกเขา คุณเข้าไปช่วยเธอ” หลงเซียวพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน คำพูดเรียบง่ายชัดเจน
“โอเค!”
“ปล่อยนะ!” เสียงร้องดังออกมาจากด้านใน เป็นเสียงของไป๋เวยดังออกมาจากข้างในผ่านเข้ามายังหูของกู้เยนเซิน!
“ไป๋เวย!”
กู้เยนเซินอุทานออกมาด้วยความตกใจ
หลงเซียวขมวดคิ้ว “ผมไม่ได้หูหนวกนะ จำไว้ให้ดีนะ หาโอกาสตอนชุลมุนไปช่วยเธอ ไม่อย่างนั้นคุณเองก็คงออกมาไม่ได้”
“วางใจได้!
หลงเซียวไม่ค่อยวางใจเท่าไรนัก
“อย่าแตะต้องฉันนะ! แม่งเอ๊ยไอ้บ้า!เอามือออกไป!”
เมื่อเสียงร้องของไป๋เวยดังขึ้นอีกครั้ง กู้เยนเซินก็เริ่มประหม่ามากขึ้น “คุณชายหลง รีบลงมือเร็ว!”
หลงเซียวถือปืนด้วยมือเดียวและปีนไปยังเสาไฟต้นหนึ่ง ร่างสูงใหญ่กระโดดไป จากนั้น……
“ปัง!”
เสียงปืนดังขึ้นและเกิดเป็นประกายไฟ
“มีคนบุกรุกเข้ามา!”
“ไปดู!”
เสียงปืนที่ดังขึ้นสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คนในห้อง พวกเขามากกว่าครึ่งหนึ่งรีบวิ่งตรงไปยังต้นกำเนิดเสียง ทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงฝีเท้าราวกับกลอง
เสียงปืนและเสียงฝีเท้ามาบรรจบกัน ไม่ถึงครึ่งนาทีการชุลมุนก็เริ่มขึ้น!
หลงเซียวมองดูคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้าเขาน่าจะมีสิบเจ็ดคน แต่เขามีกระสุนเพียงสิบนัด แม้ว่าเขาจะไม่ยิงพลาดสักนัดเดียวก็คงไม่สามารถจัดการได้หมดทุกคน
เขาเดินไปรอบทางเดินที่ยาวและแคบอย่างรวดเร็ว ชุดสูทสีดำเคลื่อนตัวไปด้านหน้ากำแพงที่ทาสีขาว “ปึง”เขาเตะประตูเปิดออก และเข้าไปด้านในล็อกประตูจากด้านใน สายตามองเข้าไปในห้องแล้วก้าวขึ้นไปบนโซฟา พลิกตัวคว้าโคมระย้าที่อยู่ชั้นบนสุดแล้วกระโดดขึ้นไป
“ตามไป! มันอยู่ข้างหน้า!”
“มันเข้าไปแล้ว! ทำลายประตู!”
เสียงกระแทกประตูอย่างรุนแรงดังเข้าไปในแก้วหู หลงเซียวจ้องที่แผงประตูนับถอยหลังอย่างเงียบๆ สาม สอง…..
“ปัง!!!”
ทันทีที่ประตูเปิดออก หลงเซียวจับโคมระย้าด้วยมือข้างเดียวและเล็งขาไปที่ศีรษะผู้ที่เข้ามาคนแรกเตะเข้าอย่างจัง ลูกเตะนั้นโหดเหี้ยมและแม่นยำมาก!
เลือดสดสาดไปบนผนัง เลือดสาดพ่นไปบนปืนสีขาว ร่างของชายคนนั้นล้มลงไปข้างหลังเข้าใส่คนด้านหลัง พวกเขาหลายคนล้มลงกับพื้น
“พลั่ก!!” หลงเซียวเตะเข้าไปยังคนที่ยืนอยู่ ทำให้ปืนของเขากระเด็นไป!
กระบอกปืนหมุนกลางอากาศและตกลงสู่พื้น ไม่รู้ว่าตกไปที่ใด
“หลงเซียว!!!เขาคือหลงเซียว!!!”
คนที่ยืนอยู่ด้านหลังเห็นหน้าเขาชัดเจนและตะโกนออกมาด้วยความตกใจ ปืนในมือยังไม่ทันจะได้ยิงลูกกระสุนออกไปก็ถูกยิงเข้าให้ที่ขาเสียก่อน
“ตุ๊บ!!” เสียงปืนร่วงลงสู่พื้น
“ปัง ปัง ปัง !!!” ตามด้วยเสียงปืนรัวติดกัน หลงเซียวใช้ร่างชายที่นอนอยู่ตรงหน้ากำบังกระสุนแล้วยิงออกไป เลือดสดสาดกระจายไปทั่วทิศ
หลงเซียวผละจากร่างนั้นแล้วเล็งกระสุนไปยังอีกทิศทางหนึ่ง “ปัง!” กระสุนเจาะเข้ากลางใจ
“พรึบ” ร่างของชายผู้หนึ่งล้มลงสู่พื้น ช่างรวดเร็วละเด็ดขาด โหดร้าย
“ปัง!” กระสุนลูกต่อมาตัดขั้วหัวใจ
หลงเซียวกำจัดพวกเขาไปได้ไม่น้อยแล้ว เขาใช้ปลายเท้าเขี่ยปืนที่วางอยู่บนพื้นและเตะมันขึ้นมา มือนั้นรับไว้ได้อย่างแม่นยำ
ในมือทั้งสองมีปืนพร้อม หลงเซียวมองไปยังผู้ที่เดินเข้ามา เสียงปืนดังสลับกันไป เขาเดินหน้าต่อสู้โดยไม่ถอยหลัง แต่กลับทำให้พวกศัตรูถอนไปด้วยความกลัว
“ปัง!!!!” เสียงกระสุนถูกสาดออกไปอีกครั้งหนึ่ง!
“ฉึบ!”
เสียงกระสุนและเนื้อเสียดสีกันดังขึ้น ทันใดนั้นเลือดแดงก็ไหลลงตามแขนเลือดเปียกชุดสูทสีดำ
หลงเซียวขมวดคิ้ว แขนซ้ายของเขาอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัดและทันทีที่ยกขึ้นอีกครั้งกระสุนพุ่งเข้าไปหาคนที่ยิงเขา!
กู้เยนเซินกระโดดเข้ามาในห้องนั้น เมื่อมองเห็นเลือดทั่วร่างของไป๋เวย เขาก็พลุ่งพล่านอย่างดุเดือด ดวงตาคมเขาเบิกกว้างและอ้าปากด่าว่า“ บัดซบ!แม่งเอ๊ย!!ไปตายซะ!!”
ไป๋เวยเงยหน้ามองผู้ที่มาเยือน ดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดแดงค่อยๆลืมขึ้น เธอมองเห็นกู้เยนเซิน
เลือดสีแดงและริมฝีปากสีแดงประสานเข้าด้วยกัน เธอยิ้มอย่างมีเสน่ห์และพูดว่า“ประธานกู้ ดีจริงๆที่คุณมา”
เธอยิ้มขึ้น แขนที่ถูกมัดของไว้มองเห็นเป็นร่องลึก และเสื้อผ้าบนเรือนร่างของเธอขาดวิ่นกระจุยกระจาย พระเจ้า!!! เกิดอะไรขึ้นกับเธอ!
ดวงตาที่กระหายเลือดของกู้เยนเซินยกปืนเล็งไปยังคนที่ถือปืนจ่อไป๋เวยไว้ ปากกระบอกปืนสีดำสนิทก็เล็งไปที่บุคคลนั้นและพูดด้วยเสียงทุ้มว่า “ปล่อยเธอซะ !!”
ชายผู้นั้นหัวเราะ “ปล่อย? ไม่ง่ายแบบนั้นหรอกมั้ง”
กู้เยนเซินเตรียมกระสุน “ปล่อยเธอซะ! ไม่งั้นหัวแกทะลุแน่!”
ชายผู้นั้นจ่อกระบอกปืนไปที่หัวไป๋เวย “ฉันเองก็อยากรู้ว่า ปืนของแกกับปืนของฉัน ใครจะไวกว่ากัน”
ไป๋เวยยิ้ม “กู้เยนเซิน อย่ามัวแต่เถียงกับมัน ยิงมันซะ!ฆ่ามันทิ้ง! ตอนนี้ เร็ว!!”
กู้เยนเซินเพ่งเล็งไปอีกครั้ง “ได้ ผมจะฆ่ามันซะ ไป๋เวย อย่าหาว่าผมไม่ช่วยคุณ”
พูดจบกู้เยนเซินก็ยกปืนขึ้น!
ชายผู้นั้นเห็นว่ากู้เยนเซินจะลงมือจริงๆเขาจึงหันกระบอกปืนจากหัวไป๋เวยเล็งไปยังกู้เยนเซินแทน!
“ระวัง!!!”
เมื่อไป๋เวยตะโกนออกมายังไม่ทันสิ้นเสียง กระสุนก็พุ่งออกไป!
กู้เยนเซินพลิกตัวหลบ และเสี้ยววินาทีนั้นเอง กระสุนก็ตกลงบนโคมไฟตั้งโต๊ะข้างๆ
ชายผู้นั้นยังไม่ทันจะยิงกระสุนออกไปนัดที่สอง กู้เยนเซินก็ส่งกระสุนออกไปตัดขั้วสมองของเขาเสียก่อน!
ไป๋เวยหน้าซีดเผือด ดวงตาเบิกกว้าง เธอมองเห็นด้านหลังของกู้เยนเซินมีอีกคนหนึ่งตรงเข้ามา
กู้เยนเซินคว้ามือของไป๋เวยไว้ “ปัง!” เสียงปืนยิงทะลุที่โซ่ล่ามข้อมือของเธอ “ไป๋เวย จำไว้ว่าผมเป็นผู้ช่วยชีวิตคุณ!”
มือของไป๋เวยถูกปลดออก เธอก้มลงหยิบปืนขึ้น “ค่ะ! ฉันจะจำเอาไว้ขึ้นใจ!”
ทั้งสองเดินออกมาพร้อมกัน ในมือถือปืนและมองไปยังศพที่กองกลาดเกลื่อน
ในขณะเดียวกัน เสียงดังของปืนก็สิ้นสุดลง
ไป๋เวยเช็ดเลือดบนหน้าของเธอแล้วก้มมองดูเสื้อผ้าของตัวเอง “ท่านประธานกู้คะ ขอยืมเสื้อหน่อยได้ไหม
กู้เยนเซินมองไปที่เธอ เขาไม่พูดอะไรได้แต่ถอดเสื้อคลุมตนเองออกมายื่นให้เธอพูดว่า “ประธานไป๋ ตอนนี้คุณติดหนี้ชีวิตผมอยู่นะ แล้วก็ติดหนี้บุญคุณผมด้วย”
ไป๋เวยยิ้มแล้วรับเสื้อไปใส่คลุมร่างกายของตัวเองเอาไว้ “แล้วยังไงคะ ฉันไม่หนีคุณไปไหนหรอกน่ะ”
หลงเซียวนำมือข้างซ้ายขึ้นไปกุมแขนข้างขวาไว้ โยนปืนทิ้งแล้วพูดว่า “ไปเร็วเข้า เรือจะออกแล้ว”
กู้เยนเซินมองไปยังแขนหลงเซียวที่เลือดไหลออกมา เขาตกใจมากและถามว่า “คุณบาดเจ็บเหรอ?!”
หลงเซียวชายตาไปที่เขาอย่างเบื่อหน่ายแล้วพูดว่า “อย่าพูดมาก!”
ไป๋เวยพูดขึ้นว่า “รีบพาคุณชายหลงลงเรือ!เร็วเข้า!”
ทั้งสามคนลงจากเรือและขึ้นสู่เรือของหลงเซียว เมื่อพวกเขาขึ้นไปถึงดาดฟ้าเรือก็พบว่าเรือลำนั้นกำลังแล่นออกไป
กู้เยนเซินมองตามไปแล้วสบถออกมาว่า “เสิ่นเหลียวไอ้บัดซบ ถ้าแกเห็นศพเกลื่อนกลาดบนเรือนั้นแล้วแกจะหนาว”
ไป๋เวยหัวเราะเหอะๆ “เสิ่นเหลียว ไอ้จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ กลัวจนหัวหดไม่กล้าออกมาเผชิญหน้าด้วยตนเอง แม่งเอ๊ย! รอดูแม่จะไปเยี่ยมด้วยตัวเอง!”
หลงเซียวพูดว่า “รอไม่ถึงวันที่คุณจะไปหาเขาหรอก เมื่อเขาเห็นศพบนเรือนั้นก็จะมาตามหาคุณเอง”
ทันใดนั้นมือถือของหลงเซียวก็ดังขึ้น
กู้เยนเซินรีบหยิบมือถือขึ้นมาให้หลงเซียว เมื่อเห็นชื่อปรากฏว่า “คุณภรรยา” กู้เยนเซินก็กลืนน้ำลายแล้วบอกว่า “คุณชายหลง คุณภรรยามาตรวจงานแล้วครับ”
เขารับสายแล้วนำไปไว้ข้างๆหูหลงเซียว เสียงดังมาจากปลายสายว่า “คุณคะ อยู่ไหนน่ะ?”
หลงเซียวมองไปยังทะเลอันกว้างขวางแล้วตอบว่า “อยู่ข้างนอก เดี๋ยวใกล้จะกลับแล้วครับ”
ลั่วหานได้ยินเสียงที่ผิดปกติจึงได้ถามต่อว่า “อยู่กับใคร ทำอะไร?”
หลงเซียวขมวดคิ้ว มือของเขาจับอยู่ที่แขนเพื่อหยุดเลือด “อยู่กับคุณชายกู้ ดื่มกาแฟกัน”
กู้เยนเซินสีหน้าเปลี่ยนไปทันที……หน้าเขียวหน้าเหลืองทีเดียว
ไป๋เวยมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ทั้งสองคนนี้ช่างเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย
ลั่วหานเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “ลูกสาวของหวังเค่ยมีปัญหาเล็กน้อย ฉันอยากปรึกษาคุณดูค่ะ”
หลงเซียวตอบรับเบาๆว่า “ครับผม เดี๋ยวกลับไปแล้วค่อยพูดนะ”
“ค่ะ ฉันรอคุณ ขับรถระวังนะคะ”
เมื่อวางสายลง กู้เยนเซินก็อ้าปากเพื่อหายใจ “เอ่อ คุณชายหลงครับ กาแฟแบบนี้ผมไม่อยากกินแก้วที่สองเลย”
หลงเซียวสีหน้าเปลี่ยนไป “พูดมาก พวกเรารีบกลับเมืองหลวงเร็ว!”