คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 325 ไป๋เวยจอมฉลาดรอบคอบ
ตอนที่ 325 ไป๋เวยจอมฉลาดรอบคอบ
ขอบทะเลที่ยาวไกลออกไปไม่สิ้นสุด ลมพัดโบกมาซัดเป็นคลื่น เสียงดังซ่าๆกระทบกับท้องเรือ น้ำทะเลกระเซ็นเกิดเป็นประกายระยิบระยับ
หลงเซียวเดินถือปืนลงจากทางเดินไป ลมทะเลพัดชายเสื้อของเขา ช่างมีเสน่ห์ยิ่งนัก
“ผมถึงแล้ว คุณอยู่ไหน?” เสียงต่ำลอยเข้ามาในหูฟังบลูทูธ ดวงตาอันเฉียบคมมองไปยังเรือหลายลำที่จอดอยู่ในท่าเรือ จากซ้ายไปขวามีเรือทั้งหมดห้าลำจอดเทียบข้างกัน เรือบรรทุกสินค้า2ลำ และเรือโดยสาร3ลำ คนที่ยืนอยู่บนเรือแต่ละลำดูเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ
รถของกู้เยนเซินยังไม่มาถึงท่าเรือ เขากำพวงมาลัยแน่นและมองไปที่อาคารท่าเรือที่อยู่ไม่ไกล "ผมจะไปถึงท่าเรือในอีกห้านาทีสถานการณ์ทางฝั่งของคุณเป็นอย่างไรบ้าง?"
หลงเซียวมองไปสิ่งที่จอดอยู่ตรงหน้าเขา“ เรือห้าลำนี้ ผมไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นเรือลำไหนที่เสิ่นเหลียวอยู่”
“ชื่อของเสิ่นเหลียวไม่สามารถหาได้เหรอว่าเป็นลำไหน? เรือที่จอดอยู่หมายเลขอะไร?ผมจะหาเดี๋ยวนี้” กู้เยนเซินพูดแล้วหยิบมือถือขึ้นมา
“คุณคิดว่าเสิ่นเหลียวโง่ขนาดใช่ชื่อตัวเองงั้นเหรอ? ต่อให้ในนี้มีเรือของเขาอยู่ก็ไม่จำเป็นที่เขาจะอยู่บนเรือนั้น เรือของผมคุณจำได้ใช่ไหม มาได้เลย”
“โอเค!”
รถของกู้เยนเซินวิ่งไปด้วยความเร็วสูงแล้วหยุดลงที่ข้างท่าเรือ เขามองเห็นเรือสำราญสีขาวลำใหญ่จอดอยู่ทางด้านซ้ายของท่าเรือ เขาวิ่งขึ้นไปด้วยความเร็วเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงด้านในเรือ
“คุณชายหลง พบอะไรผิดปกติบ้างไหม?” กู้เยนเซินเหงื่อไหลไคลย้อยวิ่งเข้ามา แววตาของเขาเป็นกังวลรีบถามหลงเซียว
หลงเซียวหยิบปืนกระบอกหนึ่งส่งไปให้เขา เขารับปืนมาได้อย่างแม่นยำ
“เรือขนส่งสินค้าจะออกในพรุ่งนี้ เสิ่นเหลียวไม่สามารถซ่อนคนเอาไว้ในนั้นได้ ส่วนที่เหลืออีกสามลำจะออกเรือหลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง ทั้งสามลำนั้นน่าสงสัย”
กู้เยนเซินอดไม่ได้ที่จะด่าออกไปว่า “แล้วตอนนี้จะทำยังไง?พวกเรามีกันแค่สองคนจะให้ไปค้นทีละลำคงเป็นไปไม่ได้ ถ้า ไป๋เวยถูกพวกมันพาตัวไปคงตายแน่นอน”
แววตาของหลงเซียวมองมาที่กู้เยนเซิน“ง่ายมาก ให้เขาเดินทางมาด้วยตนเอง”
กู้เยนเซินมองดูหลงเซียวด้วยความไม่เข้าใจ “มาด้วยตัวเอง?เป็นไปได้ไหม?”
หลงเซียวมองไปยังเรือใหญ่สามลำนั้น อย่าว่าแต่ตอนนี้พวกเขาจะไม่รู้ว่าเธออยู่ในเรือลำไหนเลย ต่อให้รู้แต่กว่าจะหาเจอไม่รู้ว่าไป๋เวยเป็นยังไงบ้าง ดังนั้นจึงทำได้เพียงล่อเสือออกจากถ้ำเท่านั้น
หลงเซียวชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง “ฟังให้ดีนะหลังจากนี้ห้านาที……”
——
“พลั่ก!”
ไป๋เวยเพียงรู้สึกว่าหน้าอกเธอเจ็บปวด เธอถูกใครบางคนเตะเข้าให้อย่างจัง รองเท้าหนังสีดำคู่นั้นทำให้เธอลงไปกองกับพื้น!
และเหยียบเข้าให้ที่กลางหน้าอกของเธอ!
“อั๊ก!”
ไป๋เวยเจ็บจนร้องออกมาเธอร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด หลังของเธอกระแทกกับกระดานเรือเกิดดังสนั่นและตามมาด้วยความเจ็บปวด!
“ไป๋เวย แกยังไม่ยอมพูดอีกใช่ไหมหึ?!”
ขาของเขาเหยียบลงไปที่ไป๋เวยแล้วมองดูหน้าตาเจ็บปวดรวดร้าวนั้น เขาแสยะยิ้ม ดวงตาที่เย็นชาและมืดมนเต็มไปด้วยความน่ารังเกียจและน่ากลัว
ไป๋เวยมองดูชายป่าเถื่อนคนนั้นแล้วยิ้มออกมา เธอกลืนน้ำลายลงไปแล้วหัวเราะว่า “หวังตง แกมีสิทธิ์อะไรมาถามฉันกัน? ท่านเสิ่นล่ะ? ฉันต้องการพบเขา!”
“สาระเลว!”
เมื่อเขาเอ่ยคำสบถออกมาจากปากแล้วก็ถีบเข้าให้ที่ท้องของเธออีกครั้งหนึ่ง รองเท้าหนังสีดำทิ้งรอยไว้ชัดเจน จากนั้นร่างกายของเธอก็คดงอด้วยความเจ็บปวด
ท้องของเธอเจ็บมากจนต้องงอตัว ขาทั้งสองก็งอเข้าหาตัว ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าอิดโรยแดงเรื่อ
“แกเป็นใคร!อยากเจอท่านเสิ่น? เหอะๆ! คิดว่าตอนนี้แกมีสิทธิ์เจองั้นเหรอ? ฉันจะบอกแกให้นะ ท่านเสิ่นสั่งการมาว่าใครก็ตามที่หักหลังเขา ตายสถานเดียว!”
ดวงตาของหวังตงเป็นเส้นเลือดสีแดง ฟันสีเหลืองน่าเกลียดลอดออกมาจากริมฝีปากกว้างของเขา น้ำลายกระเด็นเต็มหน้าไป๋เวย
“หักหลัง? ฉันไม่เข้าใจว่าแกหมายถึงอะไร ฉันจงรักภักดีต่อท่านเสิ่นมาตลอด ถ้าแกแน่จริงให้ท่านเสิ่นมาด้วยตัวเองสิ ฉันจะพูดกับเขาเอง!”
ไป๋เวยยืนหยัดจนวินาทีสุดท้าย เธอจะไม่ยอมรับในตัวตนที่แท้จริงเด็ดขาด หากเสิ่นเหลียวรู้ว่าเธอเป็นคนตระกูลไป๋ละก็เธอไม่ตายดีแน่
หวังตงดีดนิ้วขึ้น ชายร่างใหญ่สองคนเดินหน้าเข้ามาพยุงไป๋เวยขึ้น คนหนึ่งหิ้วแขนของเธอขึ้นมา ร่างบอบบางนั้นแทบจะลอยขึ้น
“โอ๊ย!!” ทั้งท้องและแขนตอนนี้ปวดร้าวไปหมด ไป๋เวยหน้าซีดเผือด “หวังตง แกกล้าแตะต้องฉัน ฉันจะฆ่าแก?”
เขาไม่ได้สนใจ กลับส่งสายตาไปยังทั้งสองคนนั้น “ตุ๊บ” พวกมันโยนเธอลงไปที่เตียง!
“ไป๋เวย แกรับใช้ท่านเสิ่นมาตั้งหลายปี ท่านเสิ่นเองก็เอ็นดูแกนัก แกนังมันแพศยาไม่รู้จักบุญคุณ ไปร่วมมือกับลั่วหานหักหลังท่านเสิ่น!”
หวังตงยื่นมือออกไปตบหน้าเธอ ไม่กี่วินาทีก็ปรากฏรอยแดงเป็นลายนิ้วมือตัดกับผิวขาวผ่อง และแดงขึ้นเรื่อยๆตามความเจ็บแสบ
“หวังตง แกหยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!”
ไป๋เวยกัดฟันทน สายตาเธอมองมายังหวังตง เธออยากจะเตะมันไปไกลๆ แต่มือทั้งสองถูกกดไว้กับเตียงโดยไม่สามารถขยับได้ ขาของเธอก็ช่างไร้เรี่ยวแรงในตอนนี้ มีเพียงตาและปากที่ยังต่อสู้ได้อยู่
หวังตงมองมายังใบหน้าของเธอ “นังแพศยา ท่านเสิ่นรู้ตั้งนานแล้วว่าแกเป็นใคร แกคิดว่าลั่วหานจะช่วยเป็นเกราะกำบังให้ได้งั้นเหรอ? คิดว่าท่านเสิ่นจะไม่กล้าทำอะไรแกงั้นเหรอ? ตอนนั้นที่ท่านเสิ่นกำจัดตระกูลไป๋ของแกได้ ตอนนี้ก็กำจัดแกได้ง่ายๆเหมือนกัน!”
“ปล่อยนะ! หวังตง!!! ไอ้เฮงซวย! แม่งเอ๊ยปล่อยนะ!!!”
ไป๋เวยพยายามต่อสู้แต่ทั้งแขนและมือไม่สามารถขยับได้เลย ทำได้เพียงดิ้นไปมา เธอเป็นเหมือนปลาที่อยู่บนเขียง ดิ้นเสียจนเลือดออกตามเกล็ด
หวังตงเอามือไปจับคางเธอแล้วเข้ามาใกล้พูดว่า “ไป๋เวย ท่านเสิ่นยกแกให้ฉันแล้ว แกอยากจะตายยังไงดีนะ?”
“ถุย!!!”
ไป๋เวยถุยน้ำลายออกมาใส่หน้าเขาแล้วด่าออกไปว่า “หวังตง ไอ้ชาติหมา!ไอ้หมารับใช้! เหอะๆ ไม่สิ แกมันยิ่งกว่าหมานี่นา แกมันเป็นได้แค่แมงกินฟัน! ฉันจะบอกให้ไหมว่าเสิ่นเหลียวทำยังไงกับพวกแมงกินฟันอย่างแก?”
ไป๋เวยหัวเราะออกมา แววตาแสนมีเสน่ห์นี้ชวนให้หลงใหล เธอเลียริมฝีปากตัวเองแล้วพูดอย่างช้าๆว่า “หวังตง ผู้หญิงของแกน่ะสวยดีนะ แต่น่าเสียดาย ก่อนที่จะไปถึงมือแกเธอคลานขึ้นเตียงเสิ่นเหลียวมาก่อนตั้งหลายครั้ง รสชาติของผู้หญิงที่เสิ่นเหลียวเคยได้มาก่อนเป็นยังไงบ้าง?”
“นังนี่!อยากตายหรือไง!!”
หวังตงถูกไป๋เวยจี้จุดจนโกรธ เขาบีบคอเธอแล้วขู่ว่า “แกพูดอีกทีสิ ฉันเอาแกตายแน่!!”
“แค่กๆๆๆ!!” ไป๋เวยถูกบีบคอเสียจนหน้าเขียวหน้าเหลือง เมื่อเขาปล่อยมือเธอจึงหายใจออกมาได้ “แกมันก็แค่พวกกินเดนคนอื่น อย่าลืมซิว่าฉันเป็นใคร ตอนที่ฉันและเสิ่นเหลียวอยู่ด้วยกันในห้อง แกมันก็แค่หมาเฝ้าประตูเท่านั้นแหละ!”
หวังตงจับคางเธอขึ้นมาแล้วมองด้วยสายตาเยือกเย็นว่า “วันนี้ฉันจะให้แกได้รู้จักรสชาติเวลาทำกับหมาเป็นยังไง!”
พูดจบหวังตงก็ทำท่าจะถอดเข็มขัดออก ไป๋เวยกลับหัวเราะออกมา เธอขำเสียจนตั่วสั่นสะท้านน้ำตาไหล “ฮ่าๆๆๆ หวังตงแกมันไม่รู้อะไรจริงๆ! ฮ่าๆๆๆ ไอ้โง่!!”
“นังแพศยาแกพูดอะไร!”
ไป๋เวยค่อยๆอ้าปากของเธอออกด้วยท่าทีเซ็กซี่ “หวังตง แกไม่อยากรู้ความลับของเสิ่นเหลียวเหรอ? ถ้าเทียบกับการได้นอนกับฉันหรือฆ่าฉันแล้ว หากแกรู้ความลับของเขาและได้ขึ้นแทนที่เขา ไม่น่าสนุกกว่าเหรอ?”
หวังตงถูกคำพูดของไป๋เวยทำให้สับสน เขาขมวดคิ้วขึ้น ยังไงซะไป๋เวยก็ไม่อาจหนีไปไหนได้อยู่ดี เขาฟังไว้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย
เขามองมายังไป๋เวย “ความลับอะไร?”
ไป๋เวยมองไปยังรอบๆ “แกอยากให้พวกนี้รู้ด้วยหรือไง?”
“แม่งจะพูดหรือไม่พูด?”
ไป๋เวยยกแขนขึ้นแล้วกระดิกนิ้ว “เอาหูมาใกล้ๆ ฉันจะบอกแกแค่คนเดียว แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องให้ฉันตายอย่างไม่ทรมาน”
หวังตงเอียงหน้ามา “พูดมา!”
ไป๋เวยมองดูหูของเขาที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆๆ……
“กรึ๊บ!!!!!!”
ไป๋เวยกัดเข้าที่หูของเขาอย่างแรง! เธอใช้แรงทั้งหมดที่มีกัดไปยังใบหูนั้นและใช้แรงดึง!
กลิ่นเลือดคาวสดเต็มปากเธอ!
“อ๊ากก!!!!”
หวังตงตะโกนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด คนที่จับเธอเอาไว้ก็ตกใจในเสียงร้องโหยหวนของเขา
ไป๋เวยรีบใช้จังหวะนี้หยิบปืนในเอวของเขาขึ้นมา ควับ!
“อย่าขยับ!!”
ร่างกายบอบบางความเร็วปานลมกรด ริมฝีปากที่เปื้อนเลือดสีแดงเข้มค่อยๆคายหูที่อยู่ในปากออกมา ไป๋เวยยืนอยู่บนเตียงโดยถือปืนจ่อหัวของหวังตงไว้
“ใครกล้าขยับฉันจะเป่าสมองมันซะ!!!”
หวังตงเอามือกุมหูแล้วนอนดิ้นเจ็บปวดอยู่ที่พื้น “อีบ้า! สาระเลว!นังผู้หญิงแพศยา!!”
“แก๊ก!”
ไป๋เวยยกปืนขึ้น ในขณะเดียวกันปืนกว่าสิบกระบอกก็เล็งมายังหัวเธอ!
หนึ่งในนั้นพูดว่า “ไป๋เวย แกคิดว่าเอาเขามาเป็นตัวประกันได้งั้นเหรอ?ท่านเสิ่นกำชับแล้วว่าไม่ว่ายังไง ถึงจะสูญเสียขนาดไหนก็ต้องฆ่าแกซะ! วางปืนลง!”
แม่งเอ๊ย!
ไป๋เวยถุยน้ำลายทิ้ง “ดีมาก ในเมื่อจะตาย ก็ตายด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ!!”
“ปุ้ง!!”
“ตู้ม!!”
ด้านนอกเรือเกิดเสียงดังสนั่นขึ้นคล้ายระเบิด พื้นผิวทะเลกระเพื่อมเป็นคลื่นใหญ่ แรงกดดันนั้นแทบจะทำให้เรือเอนคว่ำ!
“เกิดอะไรขึ้น!”
“เรือเป็นอะไร!!”