คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 306 นายแพ้ นายต้องทำตามที่ฉันบอก
ตอนที่ 306 นายแพ้ นายต้องทำตามที่ฉันบอก
ถังจิ้นเหยียนชายที่ไม่ว่าจะมองยังไงก็สมกับการเป็นหมอสุดๆ ไม่ว่าจะบุกคลิกภายนอกหรือนิสัย ที่ดูยังไงก็ไม่เหมาะกับกีฬาโหดๆใช้ความรุนแรงอย่างเทควันโด
แต่จริงๆแล้วเขาเคยหัดเล่นเทควันโดหรือกีฬาแนวๆนี้อยู่เพื่อออกกำลังกาย แต่ไม่ได้ฝึกจริงจังจนถึงขั้นสูง
หลังจากเปลี่ยนเป็นชุดเทควัน ทั้งสองคนต่างก็ออกมาจากห้องน้ำหญิงและชาย ถังจิ้นเหยียนปะทะหน้ากับเจิ้งซิ่วหยาเข้าพอดี
จินตนาการไม่ถึงจริงๆ พอถอดชุดเจ้าหญิงออกเจิ้งซิ่วหยาก็เปลี่ยนเป็นคนละคน เมื่อหญิงสาวอยู่ในชุดเทควันโดเธอดูขี้เล่น กระฉับกระเฉงขึ้นหลายเท่าตัว กางเกงกับเข็มขัดผ้ามัดเป็นปมเหมือนได้ปลดปล่อยความมีชีวิตชีวาและความร่าเริงออกมา
ผมลอนถูกรวบขึ้นเป็นหางม้า เปิดหน้าผากโค้งมน ดวงตาเป็นประกายรู้ทันมองไปยังชายตรงหน้า
พอเห็นแบบนี้ อยู่ๆก็รู้สึกขำ
“หมอถังจิ้นเหยียน คุณใส่ชุดเทควันโดยังไงให้ออกมาละมุนขนาดนี้นะช่างไม่เหมาะกับคุณจริงๆ แต่…ฉันอยากจะเห็นนักเวลาที่คุณสวมเสื้อกาวน์จะหล่อมากใช่หรือเปล่า?”
ถังจิ้นเหยียนยิ้มถ่อมตนตามมารยาท ใบหน้าของเขาที่มีต่อเพศหญิงทั้งให้เกียรติและรักษาระยะห่าง เหมือนว่าเขาจะเป็นแบบนี้กับทุกคน “คุณเจิ้ง เรามาที่นี่เพื่อแข่งเทควันโด ไม่ใช่มาคุย”
“รู้สึกดีจัง! ใครจะคิดว่าหมอถังจิ้นเหยียนที่แสนสุภาพสง่างามก็มีด้านนี้ด้วย งั้นเรามาเริ่มกันเถอะ!”
ทั้งคู่ตั้งการ์ด โรงยิมที่เงียบสงัด มีเพียงชายหญิงสองคนที่จ้องตากันไปมา ทั้งคู่ค่อยๆยกเท้าเปลือยเปล่าเหยียบลงบนเบาะ ก่อนจะเริ่มเคลื่อนที่โดยใช้อีกฝ่ายเป็นจุดศูนย์กลาง
เจิ้งซิ่วหยายิ้มแล้วพูดจายั่วยุ “หมอถัง มาพูดเรื่องของเรามันจบๆไปดีกว่า ถ้าฉันชนะ คุณต้องทำตามแผนของฉัน แต่ถ้าคุณเป็นฝ่ายชนะ นัดดูตัววันนี้จะถือเป็นโมฆะ คุณคงจำได้?”
ถังจิ้นเหยียนมองเธอด้วยสายตานิ่งๆ “จำได้แน่นอน และผมก็หวังว่าคุณเจิ้งจะรักษาคำพูด”
“ดีมาก อีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้ขอให้คุณไม่ต้องมาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน”
“ไม่มีทาง”
บทเริ่มของทั้งคู่จบลงอย่างเรียบง่าย จากนั้นทั้งสองก็เริ่มการเผชิญหน้ากันในรอบแรก ร่างสูงของถังจิ้นเหยียนดูเหมือนจะเป็นรุกนำเข้าไปหาเจิ้งซิ่วหยาเมื่อการเผชิญหน้าเกิดขึ้น เขาถึงรู้ว่าร่างผอมบางที่เขากำลังพยายามยกขึ้น แข็งแรงเกินความคาดหมาย!
“ปึ้ง!!”
เจิ้งซิ่วหยาทุ่มถังจิ้นเหยียนลงกับพื้นด้วยไหล่เล็กๆ!
การเคลื่อนตัวคล่องแคล่วว่องไวราวกับจับแมวตัวเล็กๆทุ่ม ในขณะอีกฝ่ายไม่มีแม้แต่โอกาสได้สวน
แผ่นหลังของถังจิ้นเหยียนระนาบกับเบาะ เขายันตัวลุกขึ้น ก่อนจะยักไหล่เบาๆปรับท่วงท่า “คิดไม่ถึงว่าคุณเจิ้งจะแข็งแรงซ่อนรูปแบบนี้ สงสัยผมจะประเมินคุณต่ำไปหน่อย”
เจิ้งซิ่วหยาสะบัดร่างชายหนุ่มได้อย่างสบายๆ ใบหน้าขาวเนียนไม่มีเหงื่อแม้แต่เม็ดเดียว เธอยิ้มกว้างสดใส “ฝีมือของหมอถังก็ไม่เลวเหมือนกัน ต้านฉันได้นานถึงสิบกว่ากระบวนท่าก็นับว่าเก่งมากแล้ว คุณยังเหลือโอกาสอีกสองครั้ง ใส่มาได้เต็มที่ไม่ต้องเกรงใจ!”
หญิงสาวท้าทายด้วยความพูดเท่ๆ แน่นอนว่ามันดูตลกในสายตาของชายชาติทหารเช่นเขา ถังจิ้นเหยียนกำหมัดแน่น “ในเมื่อคุณเจิ้งฝีมือเทพขนาดนี้ งั้นผมก็ไม่เกรงใจล่ะ”
เจิ้งซิ่วหยาฉีกยิ้ม เธอหันกลับไปมองอีกฝ่าย กระดูกไหปลาร้าสวยโผล่ออกมาจากต้นคอลึก ร่างบางผอมจนราวกับสามารถอุ้มขึ้นมาได้ด้วยมือข้างเดียว
“ถังจิ้นเหยียน อย่าเพิ่งพูดดีไป นายจะเอาชนะฉันได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย”
พูดจบ ทั้งคู่ก็เริ่มการแข่งยกที่สอง
“ปึ้ง!!”
หลังจากที่ทั้งสองผลัดกันรุกไปมา ร่างของถังจิ้นเหยียนก็ถูกทุ่มลงกับพื้นอย่างแรงอีกครั้ง! ส่วนหญิงสาวยังคงจัดการเขาด้วยกระบวนท่าง่ายๆสบายๆเหมือนเมื่อยกแรก โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันจะได้ขัดขืน!
ถังจิ้นเหยียนลุกขึ้น แล้วเอามือปัดเสื้อผ้าสองสามที ครั้งนี้เขาไม่ได้ตั้งท่าเตรียมสู้ แต่เพียงเช็ดเหงื่อบนหน้าผากแล้วเอ่ยขึ้น “ฉันแพ้ไปแล้วสองในสามรอบ ฉันยอมแพ้ ไม่ต้องแข่งรอบสุดท้ายแล้ว”
จากที่เขาสัมผัสได้ถึงความสามารถอันแข็งแกร่งของเธอ ขืนแข่งต่อไปก็มีแต่จะแพ้อยู่ดี ในฐานะลูกผู้ชาย เขาที่แพ้มาแล้วถึงสองครั้ง ต่อให้ชนะในรอบสุดท้ายมันก็เหมือนดูถูกศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้ชายอยู่ไม่น้อย
ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะยอมแพ้ ยอมรับว่าตัวเองสู้ฝีมืออีกฝ่ายไม่ได้
เจิ้งซิ่วหยาเองก็ไม่ได้อยากจะหักหน้าเขา จึงสะบัดมือเบาๆแล้วว่า “สบายตัว! ฉันเองก็แข่งจนเหนื่อยแล้วล่ะ!”
ถังจิ้นเหยียนขมวดคิ้ว เขาอดไม่ได้ที่จะสำรวจหญิงตรงหน้าอีกรอบ ครอบครัวเขาบอกว่าเธอคือคุณหนูจากตระกูลเจิ้ง แต่จากที่เผลอจับโดนมือของเธออย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อกี้ แม้มือนั้นจะบอบบางและขาวเนียน แต่บริเวณฝ่ามือกลับสากกระด้าง นี่หรอมือของคุณหนูผู้สูงศักดิ์?
“คุณเจิ้ง คุณเป็นใครกันแน่? ในเมื่อตอนนี้เราต่างก็แสดงความจริงใจต่อกันอย่างเป็นทางการแล้ว หวังว่าคุณจะพูดความจริง”
เจิ้งซิ่วหยากระดกน้ำหมดไปครึ่งขวด แล้วหยิบผ้ามาเช็ดเหงื่อบนใบหน้าไปจนถึงต้นคออย่างสดชื่น เธอหันไปหยิบกระเป๋าสะพาย แล้วล้วงเอาบัตรประจำตัวของตัวเองโยนให้ถังจิ้นเหยียน
ถังจิ้นเหยียนเปิดดูบัตรประประจำตัว ทันใดนั้นเขาถึงตระหนักได้ว่าตอนที่ตัวเองรับปากจะแข่งเทควันโดกับหญิงสาว ช่างเป็นการตัดสินที่ใจที่หุนหันพลันแล่นขาดการยั้งคิดที่สุด ตัวหนังสือที่เขียนอยู่บนบัตรชัดเจนเต็มสองตา เจิ้งซิ่วหยาคือเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิง
เธอเป็นตำรวจ!
ถังจิ้นเหยียนคิดไม่ออกเลยว่า คนที่ครอบครัวส่งให้มีดูตัวกับเขาจะเป็นตำรวจหญิง!
เธอมองเห็นถึงสายตาลังเลสงสัยของชายหนุ่ม เจิ้งซิ่วหยาจึงชิงพูดก่อน “ฉันแอบพ่อกับแม่สอบเข้ากรมตำรวจ หลายปีนี้ฉันอยู่ที่อเมริกาตลอด ความจริงฉันไม่ได้ไปเรียนบริหาร แต่ไปอยู่ที่โรงเรียนตำรวจ พวกเขาไม่รู้อาชีพที่แท้จริงของฉัน กว่าฉันจะหางานที่เมืองหลวงได้ไม่ใช่ง่ายเลย แต่พ่อกับแม่ไม่ยอมให้ฉันอยู่ที่นี่ ฉันจึงจำใจรับปากเรื่องดูตัว”
เจิ้งซิ่วหยายักไหล่ สารภาพว่าเธอไม่ได้เต็มใจจะมาดูตัวแม้แต่น้อย “เพราะงั้นถังจิ้นเหยียน เพื่อให้ได้อยู่ที่นี่ ได้ทำงานที่ตัวเองรัก ฉันจำเป็นต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ยืนยาวและมั่นคงกับคุณ เพื่อให้พ่อกับแม่ปล่อยให้ฉันอยู่ที่เมืองหลวงต่อได้อย่างไร้กังวล”
คิ้วของถังจิ้นเหยียนขมวดเข้าหากันจนเกือบจะจับเป็นปม แววตาสง่างามแต่มีแววเชือดเฉือนเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “ความสัมพันธ์ที่ยืนยาวและมั่นคง?”
ความสัมพันธ์แบบนี้ในทางกฎหมายมันเรียกว่าความสัมพันธ์เชิงสามีภรรยาหรือเปล่า?
เจิ้งซิ่วหยาหลุดขำ “นายนึกว่าเป็นการแต่งงานหรอ? นายคิดมากไปหน่อย ฉันเพิ่งจบจากโรงเรียนตำรวจได้ไม่ถึงครึ่งปี และตอนนี้ก็เป็นเวลาที่ฉันต้องไต่เต้าในสายอาชีพนี้ เพราะแบบนั้นฉันไม่มีทางคิดเรื่องแต่งงานแน่”
“ส่วนคุณ ฉันว่าคุณเองก็ไม่ได้มีแผนจะแต่งงานเหมือนกัน คุณต้องทนกับการบีบบังคับของครอบครัว ฉันก็ด้วย ดังนั้นเราสองคนมาร่วมมือกันดีที่สุด ฉันจะไม่ก้าวก่ายชีวิตส่วนตัว และวุ่นวายกับชีวิตอิสระของคุณ แต่คุณจะต้องโผล่ในเวลาที่ฉันต้องการ ให้ความร่วมมือกับฉันในทุกการแสดง”
“นอกจากนี้ เนื่องจากเราทั้งคู่ต่างก็อยู่ในวัยที่เป็นผู้ใหญ่ บางครั้งก็อาจจะมีความจำเป็นในการใช้ร่างกายบ้าง เพราะงั้น…”
พอฟังมาถึงตรงนี้ถังจิ้นเหยียนก็เงียบต่อไปไม่ไหว “คุณเจิ้ง ผมแข่งแพ้ เงื่อนไขที่คุณพูดมาผมพร้อมจะให้ความร่วมมืออย่างไม่มีเงื่อนไข แต่ถ้าเป็นเรื่องนี้ผมคงทำให้ไม่ได้”
ในโลกของเขามันยังไม่เปิดกว้างถึงขนาดนี้ เขาไม่ยอมมีความสัมพันธ์อย่างว่ากับผู้หญิงแปลกหน้าเด็ดขาด!
พอมาคิดดูดีๆ จนถึงตอนนี้ถังจิ้นเหยียนไม่เคยแตะต้องตัวผู้หญิงเลยแม้แต่คนเดียว ไม่รู้ว่าควรหัวเราะเยาะหรือหัวเราะเยาะอีกนั่นแหละดี!
เป็นครั้งที่สามของวันที่เจิ้งซิ่วหยาหลุดขำออกมา “ถังจิ้นเหยียนคุณคิดเยอะไปนะ! ความหมายของฉันคือระหว่างที่เราคบกัน ถ้าคุณเกิดมีอารมณ์นั้นขึ้นมาก็ไปหาผู้หญิงคนอื่นได้เลยไม่ต้องมาหาฉัน”
ถังจิ้นเหยียนถอนหายใจโล่งอก “คุณสบายใจได้”
แต่เจิ้งซิ่วหยากลับรู้สึกอย่างแกล้งพ่อหนุ่มเนิร์ดคนนี้ขึ้นมาซะอย่างนั้น “ถังจิ้นเหยียน อย่าบอกนะจนป่านนี้คุณยังไม่เคยกับผู้หญิง? คุณคงจะไม่พูดว่า จนถึงตอนนี้ตัวเองยังเวอร์จิ้นหรอกนะ?”
ถังจิ้นเหยียนถูกแหย่จนใบหน้าเริ่มร้อนผ่าว “ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ!”
“อ้อ? จะไม่เกี่ยวได้ยังไง? ฉันสามารถสอนให้ได้นะ อีกหน่อยพอถึงเวลาต้องออกศึกกับผู้หญิงคุณจะได้ไม่เก้ๆกังๆไง”
“ไม่จำเป็น!”
เนื้อหาสองแง่สองง่ามของเจิ้งซิ่วหยาทำให้ถังจิ้นเหยียนเริ่มรู้สึกเหนื่อยใจ แต่ถามว่ารู้สึกแย่ไหม? มาคิดๆดูก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น
เป็นความรู้สึกที่ค่อนข้างพูดยาก
ทั้งคู่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จออกมา ถังจิ้นเหยียนเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองได้ตอบตกลงจะให้ความร่วมมือกับเจิ้งซิ่วหยาไปแล้ว ในใจก็รู้สึกกดดัน
“คุณเจิ้ง คุณจะคืนกระเป๋าตังค์ให้ผมได้หรือยัง?”
เจิ้งซิ่วหยาในชุดกระโปรงยาว ไม่เหลือเค้าความเป็นสาวแกร่งเมื่อสักครู่อีกต่อไป ความเป็นผู้หญิงจัดจ้านถูกแต่งเติมเข้ามาอีกครั้ง
“จะรีบทำไม? ดึกขนาดนี้แล้วคุณไม่คิดจะเลี้ยงข้าวฉันหน่อยหรอ? ถึงยังไงนี่ก็เป็นวันเริ่มต้นความสัมพันธ์ของเรานะ ฉลองหน่อยสิ”
กินข้าว?!
ทันใดนั้นถังจิ้นเหยียนก็นึกขึ้นมาได้ ผู้ช่วยที่ลั่วหานส่งมากำลังรอเขาอยู่ที่ร้านอาหารนี่ ดูนาฬิกาเวลาผ่านมาตั้งชั่วโมงนึงแล้ว ไม่รู้ว่าป่านนี้ฝั่งนั้นจะเป็นยังไงบ้าง
ถังจิ้นเหยียนรีบโทรหาลั่วหาน แต่ปลายสายปิดเครื่อง
ลั่วหานร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เวลานี้คงจะหลับไปแล้ว
“จะกินข้าวก็ได้ กลับไปกินร้านเมื่อกี้ก็แล้วกัน”
“ไม่มีปัญหา!”
ถังจิ้นเหยียนสบถในใจ ไม่รู้ว่าผู้ช่วยที่ว่านั่นเป็นใคร แต่ให้เขารอนานขนาดนี้ไม่สมควรเลยจริงๆ
แต่ที่ถังจิ้นเหยียนกังวลมันไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิ
——
หลินซีเหวินขับรถมาถึงร้านอาหารฝรั่ง เธอเห็นที่จอดรถเต็มมาก จึงหมุนพวงมาลัยหันรถกลับไปจอดตรงลานจอดรถเสียเงินข้างๆร้านอาหาร หลังจากจอดรถเสร็จ หญิงสาวก็จัดการตัวเองต่ออีกเล็กน้อย เติมลิปทาแป้งจนแน่ใจว่าเรียบร้อยดีแล้ว จึงก้าวขาลงมาจากรถ เดินไปที่ร้านด้วยมั่นใจ
ถึงเวลานัดพอดี เพื่อสร้างความตกใจให้กับถังจิ้นเหยียน หลินซีเหวินแอบเดินวนรอบประตูกระจก เสียงดนตรีไพเราะดังออกมาจากในร้าน ข้างในมีแขกนั่งทานอาหารอยู่ประปราย กวาดสายตามองไม่กี่วินาทีก็สามารถมองเห็นได้ทั่วทั้งร้าน
แต่เธอไม่เห็นแม้แต่เงาของถังจิ้นเหยียน
เป็นไปไม่ได้มั้ง? เขาน่าจะมาถึงที่นี่ก่อนแล้วนี่นา เพราะเมื่อกี้เธอติดไฟแดงทำให้ตามถังจิ้นเหยียนไม่ทัน แต่ก็ไม่น่าทิ้งระยะห่างขนาดนี้มั้ง? เขายังมาไม่ถึงหรือเปลี่ยนสถานที่นัดกะทันหันกันล่ะ?
เธอดูนาฬิกา แล้วเดินวนรอบร้านอีกครั้ง ก็ยังไม่เห็นร่างของถังจิ้นเหยียนเหมือนเดิม
ช่วยไม่ได้ หลินซีเหวินต้องจำใจหาที่นั่งในตำแหน่งที่สะดวกต่อการรอดสายตานั่ง แต่ก็ไม่กล้าสั่งอาหารอีก เธอจึงแค่พลิกเมนูไปมา
ไม่รู้ว่านั่งดูเมนูอาหารเป็นรอบที่เท่าไหร่ ภาพเบื้องหน้าจู่ๆก็ปรากฏเป็นเงาดำ ร่างสูงๆขายชายหนุ่มบังเอิญยืนบังโคมไฟที่สร้างบรรยากาศภายในร้าน เงามืดที่ทับลงมากลับเพิ่งแสงในใจของกับหญิงสาว
ในใจรู้สึกสดใสขึ้นมาทันที หลินซีเหวินวางเมนูในมือลงก่อนจะเงยหน้าขึ้น ริมฝีปากบางอ้ากว้างด้วยความดีใจ เสียงหวานตะโกนออกมา “ถัง…”