คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 228 ฉันคิดถึงคุณ หลงเซียว
ตอนที่ 228 ฉันคิดถึงคุณ หลงเซียว
ภรรยางั้นหรือ?
มีใครไม่รู้บ้างว่าภรรยาของหลงเซียวนั้น ตายไปตั้งนานตั้งแต่ที่แอฟริกาแล้ว ทำไมตอนนี้เขากลับมาพูดว่า เป็นภรรยาตัวเองกันล่ะ?
นี่ล้อกันเล่นอะไรเนี่ย!
โม่ล่างคุนคิดจะคว้าคอเสื้อของหลงเซียวอีกรอบ แต่ก่อนหน้าที่เขาจะได้ยื่นมือออกไปนั้น ก็ถูกหลงเซียวคว้าข้อมือเอาไว้ สายตาของเขาเฉียบคมราวกับคมมีด มองมายังโม่ล่างคุนที่กัดฟันแน่น
“หลงเซียว นี่คิดจะทิ้งงานแต่งไปกลางคันแบบนี้หรือ แถมเหตุผลก็ยากที่จะเชื่อได้! เอาภรรยาของตัวเองที่ตายไปแล้วตั้งสองปีมาพูดแบบนี้ มันจะไปได้อะไรกัน!”
โม่ล่างคุนพูดไปอย่างโกรธเกรี้ยว ขณะที่เขาเพิ่งพูดไปนั้นเอง ทุกคนต่างก็รู้สึกเหมือนบรรยากาศหนาวเหน็บลง การที่โม่ล่างคุนกล้าพูดจากับหลงเซียวแบบนี้ แสดงว่าเขาไม่อยากจะมีชีวิตต่อแล้วใช่ไหม!
หลงเซียวเองก็มองไปยังรอบๆ ห้องโถงที่กว้างใหญ่ พร้อมทั้งแววตาร้อยกว่าคู่ ที่จับจ้องมาทางเขาเป็นตาเดียว
ไม่ต้องพูดถึงแขกคนอื่นๆ เลย แม้แต่หยวนชูเฟินกับหลงถิง ก็ยังอดไม่ได้ที่จะหายใจแบบติดๆ ขัดๆ เลย
หลงเซียว นี่เขากำลังเล่นละครอะไรอยู่ล่ะเนี่ย?
หลงเซียวจัดเนคไทของตัวเองไปมา ครั้งนี้ เขาได้พูดอย่างไว้หน้าโม่ล่างคุนด้วย “ตอนแรกที่ผมหมั้นกับหรูเฟย สถานการณ์มันเป็นยังไงล่ะครับ หวังว่าทุกคนคงจะจำได้นะครับ”
เพียงแค่คำพูดเดียว ความทรงจำของทุกคน ต่างก็ย้อนกลับไปภาพวันนั้น
ชั่วขณะนั้นเอง ทั้งห้องต่างก็เงียบเชียบ ไม่มีเสียงใดเลย
โม่หรูเฟยเองก็ร้องไห้จนน้ำตานองหน้าไปแล้ว แต่เธอยกมือขึ้นปิดปาก ไม่กล้าที่จะออกเสียงร้องออกมา เรื่องทั้งหมดในวันนี้ ราวกับระเบิดติดตั้งเวลาที่ไม่แน่นอนในปีนั้น เพียงแต่ภาพที่เธอวาดฝันไว้ ลูกระเบิดมันจะยังคงไม่ระเบิดต่อไป
หลงเซียวส่งสายตาที่เย็นชา ไร้ซึ่งความกังวลใดๆ “เรื่องงานแต่งระหว่างผมกับหรูเฟย ไม่ได้จัดไปด้วยความรู้สึกของทั้งสองฝ่าย หากต้องยกเลิก ต่างคนต่างก็ต้องรับผิดชอบ ยิ่งไปกว่านั้น…”
สุดท้ายเขาก็ส่งสายตาไปให้โม่หรูเฟยที่ร้องไห้ ก่อนที่แววตาของเขาจะนิ่งขรึมลงไปมากกว่าเดิม โม่หรูเฟยเองที่ตัดสินใจแน่วแน่ไม่เปลี่ยนแปลง ทำให้หลงเซียวรู้สึกปวดหัวอย่างมาก ถ้าหากไม่จัดการให้เร็วล่ะก็ เกรงว่าเธอคงจะทำผิดไปมากกว่านี้แน่ๆ
“อย่างที่ทุกคนรู้ เมื่อสองปีก่อนภรรยาของผมตายไปด้วยอุบัติเหตุ แต่นั่นไม่ใช่ความจริง ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่นาน ผมได้ตามหาตัวเธอจนพบแล้ว ผมแต่งงานแล้ว ผมมีคนที่รักแล้ว ผมไม่มีทางไปแต่งงานกับใครคนอื่นแน่”
หลงจื๋อเองก็ดื่มเหล้าไปอึกใหญ่ด้วยความอึดอัดใจ
ดูก็รู้เลยว่า วิธีการจัดการของพี่ใหญ่ในวันนี้ เป็นไปอย่างเกรงอกเกรงใจที่สุดแล้ว พี่ใหญ่เองก็ไม่ใช่ผู้ชายที่จะยอมเก็บไว้ในใจ คำพูดของเขาดูเย่อหยิ่งยโสสง่างาม แต่กลับไม่ได้ดูบ้าอำนาจแต่อย่างใด เขาพยายามอดทนอธิบายทุกอย่างได้เยอะขนาดนี้เลย
สำหรับตระกูลโม่แล้ว การที่ถูกยกเลิกงานแต่งแบบนี้ ถือว่าเป็นการปลอบโยนที่มากที่สุดแล้วด้วยซ้ำ
เกาจิ่งอานเองก็ส่งเสียงจุ๊จิ๊ “คิดไม่ถึงเลยนะ ว่าพี่ใหญ่ของนายจะมีเวลาที่วางตัวดีขนาดนี้”
“เป็นเพราะว่าเขาไม่อยากให้ลุงเขยของพวกนายเสียหน้ายังไงล่ะ แต่ลุยเขยของนายก็ไม่รู้จักวางตัวเอาบ้างเลยนะ เพื่อที่จะให้น้องสาวของนายมาแต่งงานกับพี่ใหญ่ของฉัน เขาต้องเสียหน้าไปกี่ครั้งแล้วล่ะ? เจ็บแล้วยังไม่จำอีก”
“อย่าไปพูดถึงลุงเขยแบบนั้นเลย”
หลงจื๋อยิ้ม “ทำไมล่ะ? นายเองก็รู้สึกขายหน้า ที่มีญาติเป็นแบบนี้ใช่ไหม?”
พอพูดจบ เขาก็ยกมือถือขึ้นมาถ่ายวิดีโอต่อ “น่าเสียดายนะ วันนี้งานอุตส่าห์ครึกครื้น เพราะไม่มีนักข่าวแล้วแท้ๆ แต่พี่ใหญ่ของฉันก็ยังคงทำตัวมีเมตตากับตระกูลของลุงเขยนายมากเลยนะ”
ถ้าหากมีนักข่าวมาล่ะก็ เรื่องที่ถูกยกเลิกงานแต่งของตระกูลโม่ต้องรั่วไหลออกไปแน่ เกรงว่าพอถึงวันพรุ่งนี้ หุ้นของตระกูลโม่ก็คงจะดูแย่อย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะ
ชิ!
“เซียวเอ๋อเพิ่งจะพูดอะไรไปน่ะ? ภรรยา? หรือว่า…หรือว่าฉู่ลั่วหานจะยังไม่ตายงั้นหรือ? ถ้างั้น…งั้นเธอตอนนี้ก็…” หยวนชูเฟินพลันตัวสั่นเป็นลูกนกทันที
หลงถิงเองก็ส่งเสียงหึ “จะจริงหรือเปล่า ก็ยังไม่แน่นอนหรอกนะ”
“ปึง!”
พลันมีเสียงของหนักบางอย่าง หล่นลงกับพื้นท่ามกลางความเงียบสงัดในห้องโถง
“เฟยเฟย! เฟยเฟย!”
โม่หรูเฟยเป็นลม สลบจนล้มพับลงไปกับพื้นที่เย็นเฉียบอย่างรุนแรง ด้วยความที่เป็นหมอ เกาหยิ่งจือเองก็รีบรุดไปประคองโม่หรูเฟยเอาไว้ “หรูเฟย!”
“เฟยเฟย! ลูกแม่!”
ฟู่เหวินฟางร้องตะโกนวิ่งไปหาโม่หรูเฟย ก่อนที่จะรู้สึกเจ็บปวดใจด้วยความโกรธ เธอใช้ทั้งสองมือประคองใบหน้าของโม่หรูเฟยเอาไว้ ก่อนจะพูดทั้งน้ำตา “เจ้าลูกโง่ มีผู้ชายอื่นให้เลือกตั้งเยอะไม่เอา ทำไมต้องไปชอบผู้ชายแบบนี้ด้วย?!”
ฟู่เหวินฟางทั้งโกรธ ทั้งอยากจะบ่นออกมา แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลงเซียวแล้ว เธอกลับไม่มีวิธีใดๆ เธอไม่กล้าที่จะต่อต้านหลงเซียวไปอย่างเปิดเผยด้วยซ้ำ จึงทำได้เพียงตีวัวกระทบคราดไปอย่างนั้น
โม่หรูเฟยค่อยๆ ตื่นขึ้นมาจากการสลบไสล เธอกระพริบตาไปมา ก่อนจะเห็นใบหน้าที่อยู่ต่อหน้าของตัวเอง “แม่…” โม่หรูเฟยพูดออกมาด้วยเสียงสะอึกสะอื้น เธอร้องไห้จนใจของฟู่เหวินฟางแทบจะแตกสลาย
เกาหยิ่งจือกัดฟันกรอด เธออยากจะว่าโม่หรูเฟยเหลือเกิน ที่หาเรื่องใส่ตัวแบบนี้ แต่พอเห็นท่าทางของเธอแบบนั้น เธอก็อดไม่ได้จริงๆ “หรูเฟย เธอรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”
โม่หรูเฟยพยายามฝืนตัวเอง ก่อนจะคว้ามือของเกาหยิ่งจือมาคว้าไว้แน่น “พี่คะ ช่วยประคองฉันลุกที”
หลงเซียวขมวดคิ้ว สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ แม้แต่ความเมตตาเขาก็ยังขี้เกียจที่จะแสดงออกมา แต่หลังจากคืนนี้ไป เรื่องพวกนี้จะถูกเขากำจัดออกไปจากโลกของเขาทั้งหมด
หยวนชูเฟินที่ยังไม่เข้าใจ พยายามจะพุ่งเข้ามาหาด้วยความโกรธ แต่พอลองคิดดูอีกที ถ้าหากจะว่าลูกของตัวเองต่อหน้าคนของตระกูลโม่ คนที่เสียหน้าคงจะเป็นคนตระกูลหลงแน่ๆ
เธอในตอนนี้เต็มไปด้วยความโกรธที่พร้อมจะระเบิดออกมา จนมือของเธออยู่ในท่าที่กำแน่นไปเรียบร้อยแล้ว “คุณคะ จู่ๆ เซียวเอ๋อก็มายกเลิกงานแต่งกับหรูเฟย ในงานเลี้ยงคืนนี้แบบนี้ หรือว่าเขาจะไม่ได้บอกคุณมาก่อนหรือคะ?”
หลงถิงกวาดตามองไปยังแขกเหรื่อ ที่กำลังวิพากวิจารณ์กันอยู่ในห้องโถงอย่างเบื่อหน่าย “เขาเคยปรึกษาเรื่องที่เขาทำกับผมเมื่อไหร่กันล่ะ?”
เพียงแค่คำพูดเดียว ก็ทำให้หยวนชูเฟินพูดอะไรไม่ออกไปทีเดียว
จริงๆ แล้ว ตั้งแต่หลังจากฉู่ลั่วหานเกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าหลงเซียวจะทำอะไร เขาก็มักจะตัดสินใจเองคนเดียวตลอด เรื่องธุรกิจเองก็เช่นกัน เป็นเพราะไม่มีใครสงสัยในความสามารถของเขา แต่เรื่องความรักนั้น……
พอคิดถึงเรื่องความรัก หยวนชูเฟินก็รู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาในใจ สิ่งที่เขาทำในวันนี้ คงจะเป็นแค่การที่ถูกระงับ พิธีแต่งงานในตอนแรกเท่านั้นใช่ไหม?
พลันเธอก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาทันที
หลงจื๋อรีบวางมือถือลง พร้อมทั้งบันทึกวิดีโอเมื่อสักครู่นี้ แล้วแกว่งแก้วเหล้าในมือไปมา อีกทั้งยกขาทั้งสองข้างไปพาดโซฟาข้างหน้าอย่างกับพวกอันธพาล “ดูเหมือนว่านายเองก็คงไม่รู้ด้วยสินะ ประธานเกา?”
เกาจิ่งอานดื่มเหล้าไปอึกหนึ่ง พร้อมทั้งเอนหลังพิงโซฟา เขาพูดออกมาด้วยท่าทางที่ดูสง่างามสูงส่งและอวดดี “เรื่องที่นายรู้ ฉันก็รู้แน่นอนอยู่แล้ว แต่มีอยู่เรื่องหนึ่ง ที่ฉันไม่เข้าใจ”
หลงจื๋อเงยหน้าขึ้นมอง “เรื่องอะไรล่ะ?”
“ตามที่ฉันรู้มา นายเองก็ชอบแอนน่ามาก ถึงขั้นเปิดเผยว่าจะตามจีบ มาตอนนี้รู้ว่าเธอเป็นพี่สะใภ้ของนาย ไม่ใช่ว่านายจะเศร้าโศกเสียใจ ไปสำมะเลเทเมาเพื่อกำจัดความกังวล แล้วก็ไปหาที่หลบซ่อนอย่างเขินอายหรอกนะ?”
หลงจื๋อดื่มเหล้าจนหมดแก้ว ก่อนจะวางแก้วเปล่าลง พร้อมทั้งเอามือยึดเสื้อสูทเอาไว้ “ทำไมฉันต้องไปกินเหล้าคลายโศกอะไรแบบนั้นล่ะ? แอนน่าเป็นผู้หญิงที่สวยงามสมบูรณ์แบบ หากได้เข้ามาอยู่ในตระกูลหลง ขอแค่เป็นน้ำที่ไม่รั่วไหลไปที่อื่นก็พอแล้ว คนที่ควรจะร้องไห้ที่สุด ควรเป็นนายมากกว่านะ ถึงขั้นประกาศจะตามจีบเธอ แต่กลับโดนปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ตอนนี้ก็คงจะทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะมั้ง”
เกาจิ่งอานกัดฟันกรอด “คุณชายหลง พูดจาอะไรไม่เกรงใจกันบ้างเลยนะ!”
หลงจื๋อยักไหล่ ก่อนจะลุกขึ้นยืน พร้อมทั้งเรอออกมาอย่างเต็มอิ่ม “เกรงใจคืออะไรงั้นหรือ? พอดีฉันเรียนไม่สูงน่ะ ไม่ได้มีครูสอนด้วย”
พูดจบ หลงจื๋อก็เอามือล้วงกระเป๋า แล้วเดินมาหาหลงถิงอย่างสง่างาม ซึ่งในขณะนั้น พ่อของเขาก็โกรธเสียเป็นฟืนเป็นไฟแน่แล้ว
โม่หรูเฟยเดินมาหยุดอยู่ต่อหน้าของหลงเซียว พร้อมทั้งเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่ขาวผุดผ่องราวกับแกะสลักของเขา ภายใต้โคมไฟคริสตัลที่สุกสว่างตอนนี้ แววตาของเขาราวกับกษัตริย์ที่มองทุกอย่างอย่างดูถูก
“พี่เซียว สิ่งที่พี่พูด มันเรื่องจริงหรือคะ?”
“ถูกแล้วล่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น พี่เคยคิดมาก่อนหรือเปล่าคะว่าเธอ…อาจจะไม่ใช่ภรรยาของพี่อีกแล้ว?”
หลงเซียวหรี่ตาลง นี่โม่หรูเฟยรู้แล้วงั้นหรือ?
หากรู้แล้ว ก็ยิ่งสมควรจะโกรธ!
โม่หรูเฟยกัดฟันแน่น รอคำตอบออกมาจากเขา
“ดูเหมือนว่า เธอเองจะรู้ตัวตนของเธอแล้วล่ะนะ ในเมื่อรู้แล้ว อย่างดีที่สุด ก็ควรจะอยู่ให้ห่างๆ เธอหน่อยแล้วกัน อย่าไปรบกวนอะไรชีวิตเธอด้วยล่ะ”
“พี่เซียว พี่ทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไงกัน? เพื่อพี่แล้ว ฉันลงทุนลงแรงไปตั้งมากมาย พวกเราเองก็เคยมีลูกด้วยกัน แต่พี่กลับไม่……”
เธอเจ็บปวดใจเสียจนพูดออกมาไม่ไหว หลงเซียวเองก็พูดออกมาอย่างเย็นชา “พอได้แล้ว! อย่ามาทำให้พี่โมโหดีกว่า พี่ไม่อยากให้เธอหาเรื่องใส่ตัวเองหรอกนะ”
ลูกงั้นหรือ?
หลังจากที่ลั่วหานตายไป มีอยู่หลายเรื่องที่เขาแทบจะไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว เขาอยากให้ชีวิตอันเงียบสงบของลั่วหาน อยู่ในความทรงจำของเขา โดยไม่ยอมให้ใครมาเปิดเผย สร้างบาดแผลให้ตัวเองแน่ๆ
เขายอมรับว่าเวลาที่ตัวเองต้องเผชิญหน้ากับลั่วหานนั้น ร่างกายของเขาก็แทบอ่อนยวบยาบ ราวกับถูกตี
แต่ตอนนี้ เขาสืบเสาะทุกอย่างชัดเจนแล้ว ทุกสิ่งที่เขาสงสัย ทุกเรื่อง ทุกอย่าง
……
“แม่คะ แม่ตื่นแล้ว รู้สึกยังไงบ้างคะ?”
ได้มิ้นที่กำลังลืมตาตื่นขึ้นจากการสลบไสล พอชั่วขณะที่เธอเห็นแอนน่านั้น เธอก็วางใจลงได้ทันที ก่อนจะเอามือที่กำลังต่อสายน้ำเกลืออยู่นั้น คว้ามือของแอนน่าเอาไว้ “พอดีแม่ฝันน่ะ ฝันว่าลูกจากไป…ลูกบอกว่าลูกต้องไป…”
ยิ่งพูดน้ำตาของได้มิ้นก็ยิ่งไหล จนทำให้สายตาของเธอพร่ามัวไปทันที
แอนน่าเองก็สูดลมหายใจเข้าจมูกด้วยความสะอื้น แววตาของเธอก็ร้อนผ่าวจนน้ำตาเกือบจะไหลออกมา เธอกำมือของได้มิ้นไว้แน่น “แม่ดูสิ หนูก็ยังอยู่ดีข้างๆ แม่นี่นา? หนูจะอยู่กับแม่ตลอดไป ไม่ไปไหนทั้งนั้นล่ะค่ะ”
ได้มิ้นคว้ามือของเธอไว้แน่น ก่อนจะพยักหน้ารับทั้งน้ำตา แต่เธอก็ยังฝืนยิ้มขึ้นอย่างไม่สงบใจ “แม่กลัวจริงๆ ว่าตอนที่ลืมตาจะไม่เห็นลูก สัญญากับแม่สิ ว่าอย่าจากแม่ไปไหน ตกลงไหม?”
ตอนนี้ความรู้สึกภายในครอบครัว มันเข้ามาพัวพันในจิตใจ จนยากที่จะแยกออกจากกันได้ แอนน่าก็พยักหน้ารับสุดแรง “ค่ะ แม่หิวหรือยัง? อยากกินอะไรไหม?”
ได้มิ้นส่ายหัว “ตอนที่ลูกไปประเทศจีน ลูกมีของที่ชอบกินบ้างหรือเปล่าล่ะ? นานมาแล้วนะที่แม่ไม่ได้กินอาหารของประเทศจีนเลยนะ อยากจะลองชิมดูจัง”
“ได้สิคะ! หนูไปเรียนทำอาหารมาสองสามอย่างด้วยนะ อีกเดี๋ยวถ้าพ่อมา เดี๋ยวหนูจะให้พ่ออยู่กับแม่ก่อน แล้วหนูจะกลับบ้านไปทำมาให้ ตกลงไหมคะ?”
พูดจบ เฉียวหย่วนฟานก็เดินเข้ามา พร้อมกับตู้เฉิงเย่และจางม่านหนิง
แอนน่าก้มหน้า ในเมื่อเธอยกเลิกงานแต่งกับตู้หลิงเซวียนไปแล้ว คนตระกูลกู้จะรู้สึกหงุดหงิดใจไหมนะ?
จางม่านหนิงเดินมาหยุดอยู่ริมหน้าต่างอย่างร้อนรน ก่อนจะโน้มตัวลงมาพูดอย่างเป็นห่วง “ดีขึ้นบ้างแล้วหรือยัง?”
แอนน่ารู้สึกประหลาดใจมาก หรือว่าเธอไม่ควรจะมาทำอะไรในห้องผู้ป่วยกันนะ?
ตู้เฉิงเย่เองก็ออกไปเจรจากับเฉียวหย่วนฟานที่ด้านนอก โดยไม่รู้สึกเลยว่าจะมีอะไรที่ดูไม่เหมาะสม
แอนน่าสงสัยขึ้นมาทันที นี่หรือว่าเควินยังไม่ได้บอกเรื่องจริงกับพวกเขากัน
“ถ้าอย่างนั้นหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ คุณลุงคุณป้า เดี๋ยวหนูจะไปเตรียมอาหารให้กับแม่น่ะค่ะ” แอนน่าพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ ดูก็รู้ว่าน่าจะร้องไห้มาก่อน
พลันจางม่านหนิงก็โน้มตัวมาหาเธอ “รอป้าเดี๋ยวสิ”
พลันในใจเธอก็นิ่งอึ้งไป นี่หรือว่า……
หลังจากจางม่านหนิงเดินออกมาส่งเธอด้านนอกห้อง เธอก็รั้งมือของแอนน่าเอาไว้ ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม ที่แฝงไปด้วยความเสียอกเสียดาย “เสี่ยวเซวียนบอกเรื่องนั้นกับป้าแล้วล่ะนะ เรื่องนี้ป้าไม่โทษหนูหรอกนะ เสี่ยวเซวียนนะรักหนูสุดหัวใจ เพียงแต่เขาไม่เข้าใจความในใจของหนูก็เท่านั้น…หากหนูไม่อยากจะแต่งงานกับเขา เขาก็คงจะไม่ได้มีโชคที่ดีขนาดนั้นล่ะนะ”
แอนน่าพูดอย่างรู้สึกผิด ที่จางม่านหนิงใจกว้างแบบนั้น “ไม่หรอกค่ะ มันเป็นปัญหาของหนูเอง เควินเองก็เป็นผู้ชายที่ดีนะคะ”
จางม่านหนิงพลันบ่นพึมพำกับตัวเอง “งั้นหรือ? ก็อาจจะใช่นะ แต่ยังไงหนูไม่ได้ชอบเขาก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก แต่ป้าชอบหนูนะ สัญญากับป้าสิ ไม่ว่าหลังจากนี้จะเป็นลูกสะใภ้ของป้าหรือไม่ แต่ก็ห้ามตัดขาดความสัมพันธ์กับป้าเด็ดขาดนะ”
“ค่ะ หนูสัญญาเลยค่ะ”
แอนน่าเดินออกมาจากโรงพยาบาล ด้วยจิตใจที่ว้าวุ่น ก่อนจะยกมือขึ้นโบกรถคันหนึ่ง แต่ทันใดนั้นเสียงมือถือของเธอก็ดังขึ้นพอดี
ตั้งแต่ที่เธอส่งข้อความไปจนถึงตอนนี้ เวลามันก็ผ่านมาสามชั่วโมงแล้ว นี่เขาใช้เวลาตอบกลับนานขนาดนั้นเลยหรือ?
ขณะเดียวกันหลงเซียวที่นั่งอยู่ในรถ ก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกห่างจากตึก Club.HT ไป
“ขอแสดงความยินดีด้วยนะ ขอให้มีความสุขมากๆ ล่ะ”
เขาส่งเสียงทุ้มต่ำที่แหบแห้ง ฟังดูราวกับน้ำแข็งที่พัดมาพบเจอกับความอบอุ่น หลายหมื่นกิโลเมตรไม่ปาน
แอนน่าเองก็นั่งพิงเบาะหลัง หัวติดพนักอย่างเหนื่อยอ่อน เธออดหลับอดนอนมาทั้งคืน ทำให้ตอนนี้เธอรู้สึกเหนื่อยและง่วงมาก พลันเธอก็ส่งเสียงออกมาเบาๆ คล้ายกับกำลังจะออดอ้อน แต่กลับดูดื้อรั้นอยู่หน่อยๆ “หลงเซียว จู่ๆ ฉันเองก็คิดถึงคุณขึ้นหน่อยๆ บ้างแล้วนะ”