คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 158 เนรเทศออกนอกเมือง ห้องผู้ป่วยจูบลา
ตอนที่ 158 เนรเทศออกนอกเมือง ห้องผู้ป่วยจูบลา
ตระกูลหลงที่สังคมระดับสูง เธอคนที่ชาติตระกูลแบบนี้ไม่มีสิทธิ์ไต่ไปถึง ยิ่งไปกว่านั้นเธอในตอนนี้ติดเชื้อเอชไอวี
เพียงแต่ฉู่ลั่วหานจะคิดถึงได้ยังไงกันว่า วิธีการที่ตัวเองจากไป คือการเนรเทศไปตลอดกาล
เนรเทศ…
นั่งอยู่ในห้องไต่สวนอย่างเหม่อลอย ฉู่ลั่วหานรู้สึกว่ามืดฟ้ามัวดิน
ก้มศีรษะ หลับตาลง ฉู่ลั่วหานต่ำต้อยราวกับเป็นลูกสัตว์ป่าผอมแห้งที่ถูกหักกระดูกสันหลังให้ขาดออกจากกันก็ไม่ปาน เธอเอ่ยขึ้นว่า “ก่อนหน้าที่หนูจะจากไป ขอเห็นหลงเซียวเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหมคะ?”
นี่คือคำขอร้องครั้งสุดท้ายของเธอ อย่างอื่นเธอไม่กล้าคาดหวังแล้ว ขอเพียงแค่หลงถิงสามารถอนุญาตเธอ ได้พบกับหลงเซียวอีกสักครั้ง
คิดไม่ถึงว่า หลงถิงจะปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีที่ว่างให้เธอจินตนาการเพ้อฝันเลยแม้แต่น้อย “ไม่จำเป็นแล้ว ฉู่ลั่วหาน ชีวิตของลูกชายฉันไม่อาจจะพังพินาศอยู่ในมือของคนอย่างเธอได้”
หากหลงถิงออกคำสั่ง ใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และเวลาในการเนรเทศที่อยู่ด้านบนเอกสารก็คือวันมะรืน เธอจะถูกบังคับออกจากที่นี่ แต่นี้เป็นต้นไป กลับมา…กลับมาไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
“ขอร้องล่ะค่ะ ให้หนูได้พบกับเขาเป็นครั้งสุดท้ายอีกสักครั้ง หนูคือคนที่จะจากไปแล้ว คุณหลงยังมีอะไรที่ไม่วางใจอีกคะ? หนูจะไม่ได้เป็นภัยคุกคามของหลงเซียวอีกต่อไปแล้ว คุณยังกังวลอะไรอีก?”
ฉู่ลั่วหานน้ำตาเอ่อล้นที่รอบดวงตาอย่างทนไม่ไหว ไหล่เป็นเพราะสะอึกสะอื้นสั่นไหวอย่างรุนแรง ร่างกายที่ผอมแห้งแทบจะรับแรงกดดันที่มหาศาลนี้ไม่ไหว ดูเหมือนจะพังทลายกลายเป็นเศษที่นับไม่ถ้วน
หลงถิงอุทานออกมาเบาๆ แม้แต่ในลมหายใจของเขาต่างก็คือความรังเกียจและความดูหมิ่นที่มีต่อฉู่ลั่วหาน “ทำใจซะเถอะ เธออย่าคิดเจอลูกชายของฉันอีกไปตลอดกาล”
ในสายตาของหลงถิง คนที่อยู่ในสังคมชั้นต่ำไม่ว่าจะเมื่อไรต่างก็เหมือนเป็นเพียงแค่แมลงที่ปีนอยู่ในท่อระบายน้ำเสียที่สกปรก หยุดคิดที่จะเหยียบเท้าเข้ามาในโลกของคนชั้นสูง
สำหรับเขาแล้ว ฉู่ลั่วหานคนแบบนี้ ก็คือแมลงที่อยู่ในสังคมชั้นต่ำ เขาคิดเพียงแค่อยากจะเหยียบเธอให้ตาย!ตัดขาดความคิดถึงอาลัยอาวรณ์ของเธอโดยสมบูรณ์แบบ!
ฉู่ลั่วหานเจ็บปวดจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ ให้เธอจากไปได้ ให้เธอไม่สามารถกลับมาอีกไปตลอดกาล ก็ได้ เธอรู้ว่าตัวเองก็ไม่ได้มีโอกาสนั้นแล้ว
แต่พอคิดถึงว่าจะไม่ได้เห็นหลงเซียวอีก ก็ทุกข์ทรมานมากยิ่งกว่าตาย
ทุกข์ทรมานอย่างอวัยวะภายในแตกเป็นเสี่ยงๆ
ประคองโต๊ะยืนขึ้นมา ฉู่ลั่วหานหลับตาลง “จะต้องทำยังไงกันแน่ คุณถึงสามารถให้หนูพบกับเขาเป็นครั้งสุดท้าย? หนูขอร้องเพียงแค่มองดูเขาเป็นครั้งสุดท้าย”
หลงถิงเห็นเธอเป็นตัวเรือดที่น่ารังเกียจ หัวคิ้วที่แหลมคมจับตัวกันเป็นกลุ่ม ดวงตาที่คลุกคลีอยู่ในวงการธุรกิจหลายปีลับคมจนมองไม่เห็นมุมคู่หนึ่งจ้องฉู่ลั่วหานเอาไว้ “ตัวเรือดตัวหนึ่งยังคิดจะทำอะไรอีก? เธอทำอะไรได้!”
ฉู่ลั่วหานกัดฟันแน่น หลับตาลง งอเข่า คุกเข่าต่อหน้าของหลงถิงอย่างกะทันหัน!
ร่างกายที่อ่อนแอตกลงสู่พื้นจนกลายเป็นความเจ็บปวด หัวเข่ากระทบลงบนพื้นดังขึ้นเป็นเสียงก้อง เธอโค้งแผ่นหลังเล็กน้อย ร่างกายราวกับถูกตอกเอาไว้แน่นก็ไม่ปาน
ก้มศีรษะลง น้ำตาหยดลงบนพื้นเปาะแปะ เธอฉีกความหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเองทิ้งออกไปเป็นชิ้นๆ เอ่ยข้อร้องขึ้นว่า “เหยียบเท้มะรืนนี้หนูก็จะไปจากประเทศจีนแล้ว นี่คือคำขอร้องครั้งสุดท้ายของหนู คุณหลง หนูคือคนที่ใกล้จะตาย ได้โปรด…”
“พอแล้ว” สองคำที่เด็ดขาดหนักแน่น หลงถิงเปิดโปงธาตุแท้ของการฆ่าคนอย่างไม่ให้เห็นเลือดออกมาอย่างเผ็ดร้อนไร้น้ำใจเป็นอย่างมาก
“ความสารเลวที่อยู่ในกระดูก จะแก้ยังไงก็แก้ไม่ได้!”
ที่แท้ ความหยิ่งในศักดิ์ศรีก็ยังไม่เอา สิ่งที่แลกมาก็เพียงเท่านี้…
ฉู่ลั่วหานประจักษ์สถานการณ์ได้อย่างชัดเจน ต่อให้ตอนนี้เธอกรีดท้องล้วงเอาอวัยวะภายในออกมาก็ไม่สามารถได้รับความสงสารเห็นใจแม้เพียงเล็กน้อยจากหลงถิง งั้นก็ช่างเถอะ เธอจะไม่ทำเรื่องโง่ๆอีกเป็นครั้งที่สองแล้ว
ใช้มือค้ำขายืนขึ้นมา ฉู่ลั่วหานหัวเราะขึ้นอย่างประชดประชัน เอ่ยด้วยคำพูดที่ว่าจะต่อสู้กันจนได้รับบาดเจ็บไปทั้งสองฝ่าย “ขอเพียงแค่หนูไม่ตาย เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ต้องมีสักวันที่จะถูกเขารู้ คุณหลง ตอนนี้คือยุคอินเตอร์เน็ต หนูอยู่ประเทศจีนหรือไม่ ต่างก็สามารถใช้อินเตอร์เน็ตประกาศเรื่องที่คุณข่มขู่ลูกสะใภ้ยังไงออกมา หึ ฉันไม่มีอะไร แต่คุณ พนันไหวหรือเปล่า?”
ฉู่ลั่วหานยืนตรงอย่างมั่นคง หากสุดท้ายจะต้องตาย เธอเลือกที่จะยืนตาย
ความอัปยศอดสูเมื่อสักครู่นี้ โทษเธอที่โง่งมเกินไป!เห็นผิดว่าตระกูลหลงคือคน!
หลงถิงหัวเราะขึ้นอย่างเยือกเย็น เขามองเห็นฉู่ลั่วหานที่เริ่มมีสภาพความเป็นคนขึ้นมาเล็กน้อย
“พรุ่งนี้ ฉันจะส่งคนมา จำไว้ เธอมีโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียว หากเธอพูดผิดสักคำต่อหน้าของเขา สิ่งที่รอคอยเธอก็ไม่ใช่เนรเทศออกนอกเมืองง่ายๆแบบนี้แล้ว”
ฉู่ลั่วหานพยักหน้า เธอคิดไม่ถึงว่าหลงถิงจะตกลง “คุณวางใจ หนูมีขอบเขต”
รอจนกระทั่งคนจากไป ฉู่ลั่วหานถึงได้พิงไปที่ขอบโต๊ะอย่างไร้เรี่ยวแรง
คนที่สองที่มาเยี่ยมคือหลงจื๋อ หลงจื๋อนำสถานการณ์การฟื้นตัวของพี่ใหญ่ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือใหญ่รายงานมาหมดรอบหนึ่ง สุดท้ายยังตั้งใจพูดอีกประโยคว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ รอหลังจากที่พี่ถูกปล่อยออกมาอย่างไร้ความผิด จะต้องช่วยผมระบายความแค้นต่อหน้าพี่ใหญ่ สองวันนี้ผมเรียกได้ว่ารู้สึกได้รับความไม่เป็นธรรมเหลือเกิน!”
ฉู่ลั่วหานตอบรับเต็มปาก “ได้ พี่จะต้องช่วยเธอระบายความแค้น”
แต่ในใจของเธอล้นทะลักความโศกเศร้าขมขื่นออกมา หลงจื๋อมองไม่เห็น
เวลาช่วงบ่าย ถังจิ้นเหยียนก็มา
“มีข่าวดีจะบอกกับคุณ” ถังจิ้นเหยียนตั้งใจอุบเอาไว้ ช่วงนี้ข่าวดีน้อยมากจริงๆ เขาแทบอยากจะแบ่งใช้ออกเป็นสองท่อน
“ข่าวอะไรคะ” ฉู่ลั่วหานที่หัวใจแทบจะแห้งเหือด กลับไม่ใช่รอคอยมากนัก แต่แฝงไปด้วยการขอให้พูดออกมาอย่างชัดเจน
“ผลการตรวจเลือดของหลงเซียวออกมาแล้ว ในร่างกายของเขาไม่มีเชื้อไวรัส แข็งแรงมาก คุณวางใจได้แล้ว”
เป็นข่าวที่ดีมากจริงๆ!
ฉู่ลั่วหานกลับตื่นเต้นขึ้นมาไม่ออก
นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เธอนำเรื่องที่จะออกนอกประเทศเอ่ยขึ้นอย่างเลี่ยงงานหนักให้เป็นงานเบาออกไปรอบหนึ่ง “คราวนี้ ฉันจากไปคนเดียว คุณไม่ต้องไปเป็นเพื่อนฉันแล้ว ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันจะไปที่ไหน”
หลังจากที่ได้ยินข่าว การตอบสนองแรกของถังจิ้นเหยียนก็คือโมโห!
ตระกูลหลงของที่คลุมด้วยเสื้อผ้าที่หรูหราแต่กลับจิตใจเหี้ยมโหดเยี่ยงสัตว์ป่าเหล่านี้!
“ผมเคยพูดแล้วว่าจะอยู่เป็นเพื่อนคุณ ไม่ว่าจะไปที่ไหน ผมก็จะรักษาคำสัญญา ผมเต็มใจ คุณไม่ต้องมีความรู้สึกโทษตัวเองใดๆทั้งสิ้น”
“พรุ่งนี้ฉันไปโรงพยาบาลรอบหนึ่ง เหยียบเท้มะรืนนี้ก็จากไปแล้ว”
นิ่งสงบมาก ผ่านการโจมตีของหลงถิง ฉู่ลั่วหานใจเย็นลงมาราวกับน้ำนิ่งก็ไม่ปาน
ถึงขั้นยังยิ้มกว้างให้กับถังจิ้นเหยียน
“พบหลงเซียว?”
ฉู่ลั่วหานพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา “อาหารค่ำมื้อสุดท้าย ทานอะไรดีคะ? ที่จริงแล้วฉันอยากทำกับข้าวด้วยตัวเองให้กับเขาสักมื้อ เสียดาย เขาไม่มีลาภปากนี้แล้ว”
ยิ่งเธอยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติร้อยพิษใดๆไม่กล้ำกราย ผู้ชายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ยิ่งรู้สึกปวดใจทุกข์ทรมานอย่างยากที่จะหลุดพ้นออกมาได้
“งั้นก็เอาที่เขาชอบไปเถอะ ทานอะไรไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือ…พวกคุณอยู่ด้วยกัน”
“คิดไม่ถึง เดินวนมารอบหนึ่ง สุดท้ายที่เหลืออยู่ที่ข้างกายของฉันมีเพียงแค่คุณ”
“เป็นเกียรติของผม” เขายิ้มอย่างสง่างาม ไม่ทันได้ระวังก็สร้างความอ่อนโยนขึ้นภายในจิตใจของเธอ
น่าประหลาด รอยยิ้มนั้นทำให้เธอสัมผัสได้ถึงความสั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย
คืนนั้น ฉู่ลั่วหานไม่ได้นอนทั้งคืน เพื่อวันสุดท้าย ในสมองของเธอแทบจะใช้เวลากับเขามาทั้งชีวิต
หลงถิงรักษาคำมั่นสัญญาจริงๆ ตอนบ่ายของวันที่สองส่งคนมารับเธอ อีกทั้งให้เวลากับฉู่ลั่วหานในการอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่สะอาด
รอยแผลที่อยู่บนใบหน้าทาคอนซีลเลอร์ก็ไม่ได้ช่วยอะไร รอยบากที่ยาวถึงห้าเซนติเมตรเป็นแนวนอนอยู่บนใบหน้า กลายเป็นรอยตกสะเก็ดที่ละเอียด น่าเกลียดยิ่งกว่าตอนที่เพิ่งจะได้รับบาดเจ็บเสียอีก
เมื่อวานตอนเย็นปรึกษากับถังจิ้นเหยียนว่าอาหารค่ำมื้อสุดท้ายทานอะไรเห็นได้ชัดว่าไร้ประโยชน์ เพราะว่ามาถึงด้านนอกประตูห้องผู้ป่วยพิเศษฉู่ลั่วหานถึงจำเป็นจะต้องเผชิญหน้ากับความจริง
เธอมีเวลาเพียงแค่สามสิบนาที
“คุณฉู่ ท่านประธานกำชับว่า ภายในสามสิบนาทีคุณจำเป็นจะต้องออกมา”
ฉู่ลั่วหานปิดบังความขมขื่น ยิ้มเล็กน้อย “ค่ะ”
ด้านในนี้ ก็คือคนที่เธอช่วยชีวิตเอาไว้เมื่อห้าปีก่อน สามีของเธอ วันนี้ เธอต้องบอกลากับเขาโดยสมบูรณ์แบบ
สูดหายใจเข้าเต็มปอด เดินเข้าห้องผู้ป่วย หลงเซียวกำลังพิงไปบนหัวเตียงดูเอกสาร แสงอาทิตย์ที่สาดเข้ามาด้านนอกหน้าต่างส่องไปบนร่างกายและใบหน้าของเขาอย่างอบอุ่น ปอยผมหน้าม้าที่อ่อนนุ่มพาดลงมาที่บนหน้าผาก ทิ้งเป็นเงากระจายแยกออกจากกัน ทำให้เค้าโครงสามมิติของอวัยวะบนใบหน้าที่นูนออกมาของชายหนุ่มประณีตประทับใจคนอย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
นิ้วมือที่เรียวงามของชายหนุ่มพลิกเอกสารทีละหน้าๆ บ้างขมวดคิ้วเล็กน้อย บ้างพยักหน้า ดูอย่างจริงจังมาก
ดูไปดูมา หลงเซียวยื่นมือออกไปยกแก้วน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะ มือเพิ่งจะยื่นออกไป ฉู่ลั่วหานก็นำแก้วยัดใส่ในมือของเขา
หลงเซียวนิ่งอึ้งไปหนึ่งวินาที เหลือบตาขึ้นมองเห็นฉู่ลั่วหาน
ความปิติยินดีเต็มหัวใจทะลุกระดาษออกมา เขารีบนำเอกสารทิ้งลงไป ดวงตาที่ล้ำลึกทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความหวานและความรู้สึกเซอร์ไพรส์ “คุณหายแล้วหรอ?”
ฉู่ลั่วหานพยักหน้า การตอบสนองนิ่งสงบ “ดีขึ้นมากแล้วค่ะ คุณเป็นยังไงบ้าง? แผลยังเจ็บอยู่หรือเปล่า?”
หลงเซียวเดิมทีก็เจ็บ แต่พอเห็นเธอ บาดแผลทั้งหมดราวกับสมานเข้าหากันหมดแล้ว สองมือดึงมือของเธอเอาไว้ วางใส่เข้ามาในฝ่ามือ ไม่ทันได้ระวังมองเห็นรอยแผลเป็นที่อยู่บนใบหน้าของฉู่ลั่วหาน หัวใจเชื่อมโยงกับคิ้ว ขมวดเข้าหากันจนกลายเป็นรอยย่น “บนหน้าไปโดนอะไรมา?”
คำพูดยังไม่ทันจะเอ่ยออกมา นิ้วมือที่อบอุ่นก็ได้ประคองเข้ามาที่บนใบหน้าด้านข้างของเธอ ลูบไล้ผิวของเธออย่างละเอียด รอยแผลที่ยาวขนาดนี้ “เจ็บหรือเปล่า?”
ฉู่ลั่วหานส่ายศีรษะ รอบดวงตาร้อนผ่าว น้ำตาแทบจะไหลลงมา “ทานผลไม้อะไรดีคะ? ฉันปอกส้มให้คุณก็แล้วกัน”
หลงเซียวส่ายศีรษะ “อะไรก็ไม่ต้อง คุณนั่งลง ผมอยากตั้งใจมองคุณให้ดีๆ”
ฉู่ลั่วหานสีหน้านิ่งเฉย น้ำเสียงเยือกเย็นเล็กน้อย “ป่วยจนแสร้งทำกิริยาเกินงามออกมาแล้วนะค่ะ”
ท่านเซียวก็ไม่ปฏิเสธ เพียงแต่มองสังเกตเธอ นิ้วมือลูบไล้มือเล็กๆของเธอ “ผมจะต้องพักฟื้นหนึ่งเดือน ช่วงระยะเวลานี้ คุณอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนผม ได้ไหม?”
น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนมาก ราวกับเป็นการรั้งเอาไว้
“ไม่ได้ค่ะ ฉันได้รับการแจ้งประกาศแล้ว ต้องไปแอฟริกา คุณรับปากฉันเอาไว้แล้วว่าให้ฉันไป อย่ากลับใจค่ะ”
ท่านเซียวเงยศีรษะขึ้นอย่างเสียใจที่ได้ทำลงไป “บ้าจริง รู้แต่แรกว่าจะเป็นแบบนี้ก็ไม่ควรจะรับปากคุณ”
ฉู่ลั่วหานปอกแอปเปิ้ลอย่างช้าๆ ปอกเปลือกไปด้วยในใจแอบคิดไปด้วยว่าอย่าขาด อย่าขาด “คุณพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล คนมากมายขนาดนี้อยู่เป็นเพื่อนคุณ มีหรือไม่มีฉันก็เหมือนกัน อีกทั้งฉันอยู่ที่นี่จะส่งผลกระทบต่อการพักผ่อนของคุณได้”
ผ่านการกระทำที่ซ้ำไปซ้ำมาเช่นนี้ ความไม่รื่นรมย์ในคืนนั้นราวกับสูญสลายไปก็ไม่ปาน หลงเซียวคิดถึงบาดแผลที่อยู่บนร่างกายของเธอได้อย่างกะทันหัน นิ้วมือปลดกระดุมเม็ดแรกของเธอเบาๆ “ขอโทษนะ เจ็บมากใช่หรือเปล่า?”
“เจ็บค่ะ ไม่ถูกคุณกัดตายก็ถือว่าโชคดีมากจริงๆ”
หลงเซียวขมวดคิ้ว “รอผมหาย คุณก็กัดผมทีหนึ่ง ทิ้งรอยประทับของคุณไว้บนร่างกายของผม
ฉู่ลั่วหานมือสั่นขึ้น มองดูเปลือกแอปเปิ้ลที่จะต่อกันเป็นพวงขาด ในใจหนังอึ้ง ราวกับรู้สึกได้ถึงสิ่งที่ไม่ชัดเจน
“ฉันไม่ได้เกิดปีจอ ไม่ชอบกัดคนค่ะ”
เขาลองชิมแอปเปิ้ลที่เธอปอกกับมือ เคี้ยวอย่างพึงพอใจ “งั้นก็ตบผมสักยก ระบายความแค้น”
ฉู่ลั่วหานเอ่ยขึ้นอย่างประชดประชัน “ขอโทษนะคะ ฉันก็ไม่ได้มีนิสัยเสียติดตัวนี้เช่นเดียวกัน”
ท่านเซียวเลิกคิ้วขึ้น “โทรศัพท์มือถือทำไมถึงโทรไม่ติด?”
“ตอนที่เธอเกิดถูกไฟเผาแล้วค่ะ ยังไม่ทำซิมใหม่”
“ผมให้อาหมิงทำคืนกลับมาให้คุณ ต่อไปต้องเปิดเครื่องยี่สิบชั่วโมง ไม่อนุญาตให้อยู่ๆก็หายไป” เผด็จการ ค่อนข้างข่มขู่
“ไม่ต้องค่ะ ฉันทำเอง ฉันมีมือมีเท้า ไม่ชอบถูกคนปรนนิบัติ”
ในปากของหลงเซียวมีแอปเปิ้ลอยู่ ด้านบนของคิ้วทั้งสองข้างโค้งขึ้นเล็กน้อย ยิ้มจนฟันที่ขาวกระจ่างออกมา “ครับ คุณหมอฉู่อะไรก็ทำได้”
เวลาผ่านไปทีละนิด สามสิบนาทีไวมาก ไวมาก!
ฉู่ลั่วหานสูดหายใจเข้าเต็มปอด เตรียมความพร้อมเพียงพอแล้วถึงได้เอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ “ต่อไปอย่าพยายามอย่างสุดชีวิตเช่นนี้อีก จะแสดงให้เห็นว่าไม่มีสมองเป็นอย่างมาก”
ท่านเซียวขมวดคิ้วขึ้น “ไม่มีสมอง? เพราะว่าประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ผมคือ…”
“ฉันไม่ชอบฟังขั้นตอน ดูเพียงผลลัพธ์”
เวลาช้าลงหน่อยเถอะ!ช้าลงหน่อย!แค่นิดเดียว!
ท่านเซียวเอ่ยขึ้นอย่างบิดพลิ้วก็ไม่ปาน “นี่นับว่าเป็นคำสั่งกำชับที่คุณนายหลงมีต่อสามีหรือเปล่า?”
ฉู่ลั่วหานหั่นแอปเปิ้ลออกเป็นชิ้นๆ “นับมั้งคะ”
“ในเมื่อเป็นคำสั่งกำชับ ไม่ให้ผลประโยชน์กับผมหน่อย ก็ให้ผมฟังที่คุณสั่ง? คุณนายหลงไม่รู้ว่าทำธุรกิจคือการพิถีพิถันกับการลงทุนและผลตอบแทนหรอครับ?”
ฉู่ลั่วหานรู้สึกจนปัญญา “ยังไงคะ? ท่านเซียวยังขาดอะไรอีก?”
ท่านเซียวสีหน้าล้ำลึก รอยยิ้มชั่วร้าย “จูบขอบคุณ”
ดวงตาทั้งสองข้างของชายหนุ่มปิดลง มุมริมฝีปากมีรอยยิ้ม ผ่านไปนานก็ไม่ยอมเลิกรา
ได้หรอ?
จูบนึงของการแยกจาก
งั้นก็จูบเถอะ
ฉู่ลั่วหานยืดตัวขึ้น แนบลงบนริมฝีปากของเขาเบาๆ นิดนึงอย่างแมลงปอเดินบนผิวน้ำ
เพียงแต่คนบางคนกลับยังอยากจะลิ้มรสอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าไม่เพียงพอ มือใหญ่ประคองด้านหลังศีรษะของเธอเอาไว้ มอบจูบที่ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นให้กับเธอ
ลมหายใจที่เอ้อระเหย ร้อยเข้าด้วยกันอย่างละเอียด ราวกับโชคชะตาพัวพันกันและกัน ใกล้ชิดจนไม่อาจแยกออก
ในที่สุด ในตอนที่ลมหายใจเริ่มที่จะวุ่นวายนั้น เขาคลายเธอออก มองดวงตาของเธออย่างลึกซึ้งจริงใจ “ถึงแอฟริกาแล้วติดต่อกับผม อย่าเที่ยวเล่นจนหายไป ยิ่งไม่อาจจะไปแล้วไม่กลับ ผมรอคุณอยู่ที่นี่”
“ฉัน…”
“คุณฉู่ มีคนมาหาคุณครับ”
คนชุดดำตัดบทสนทนาของทั้งสองคน ถึงเวลาแล้ว
ฉู่ลั่วหานปล่อยมือของหลงเซียวออก ความเป็นจริงที่โหดร้ายทารุณที่สุด เธอยิ้มกลับบางๆ “ไม่ต้องรอฉันแล้วค่ะ ฉันไม่กลับมาแล้ว”