คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 159 เผ่นไปแอฟริกา ท่านเซียวโมโหจนถึงขีดสุด
ตอนที่ 159 เผ่นไปแอฟริกา ท่านเซียวโมโหจนถึงขีดสุด
“ลั่วลั่ว! ทำฉันตกใจหมดเลย! ได้ยินพวกเขาพูดว่าเธอโดนจับเข้าคุกไปแล้ว ฉันแทบจะตกใจตาย เธอเป็นยังไงบ้าง…หน้าเป็นอะไรไปน่ะ? !ทำไมเธอถึงได้ผอมลงแบบนี้!”
ยังไม่ทันฟังความเป็นห่วงที่ลั่วลั่วราวกับปืนกลของเธอจบ ฉู่ลั่วหานกดไหล่ของเธอเอาไว้ ล้วงเอากล่องผ้าออกมาจากข้างในกระเป๋ายัดใส่เข้าไปในมือของซวงซวง “สิ่งนี้ รอหลังจากที่หลงเซียวออกจากโรงพยาบาล เธอหาโอกาสมอบให้เขากับมือนะ”
ลู่ซวงซวงตกตะลึงไปชั่วขณะ มองพิจารณากล่องผ้าสี่เหลี่ยมจัตรัสใบนี้ “ข้างในนี้คืออะไร? แล้วก็ ทำไมให้ฉันมอบให้เขา? ให้ฉันพูดอะไรกับเขาล่ะ?”
อย่าพูดถึงเอาของให้เลย ลู่ซวงซวงมองเห็นหลงเซียวต่างก็แผ่นหลังเย็นวูบไปหมด ออร่าของเจ้าหนุ่มนั่นช่างแข็งแกร่งช่างเยือกเย็นช่างอาจหาญจริงๆ หัวใจของเธอไม่ค่อยจะดี
“เธอก็บอกว่าเป็นของที่ฉันให้กับเขา เขาเห็นก็เข้าใจแล้ว”
ลู่ซวงซวงเอียงศีรษะมองฉู่ลั่วหานขึ้นๆลงๆ แอบรู้สึกว่าที่ไหนไม่ปกติ “ลั่วลั่ว เธอเป็นอะไรไปกันแน่? ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเธอดูเหมือนมีความในใจไม่ได้บอก”
“ฉันไม่ได้เป็นอะไร เพียงแต่ช่วงนี้ฉันจะเข้าร่วมทีมกู้ภัยทางการแพทย์ ต้องจากประเทศจีนไปสักระยะ เธอต้องดูแลตัวเองดีๆนะ เจอผู้ชายที่ชอบก็อย่าเล่นๆอีก เอาตัวเองแต่งออกไป แต่ว่าจะต้องเป็นแบบที่ซื่อสัตย์จริงใจต่อเธอถึงจะได้ ไม่เช่นนั้นจะส่งตัวเองออกไปตามใจชอบไม่ได้นะ”
“ให้ตายเถอะ!อย่าพูดเหมือนแม่ฉันสิ แล้วเธอจะกลับมาเมื่อไหร่? ถึงแอฟริกาก็ต้องรักษาการติดต่อกับฉันนะ โพสต์รูปลงโซเชียลเยอะๆล่ะ”
“ได้!”
เธอตอบกลับอย่างตรงไปตรงมามาก แต่ว่าสถานที่แบบนั้น จะมีอินเตอร์เน็ตรึเปล่าก็ยังไม่รู้ จะให้โพสต์อะไรล่ะ?
ลู่ซวงซวงคือเพื่อนเพียงหนึ่งเดียวของเธอในเมืองหลวง คนอื่นๆนั้น…ฉู่ลั่วหานไม่อยากทำให้รู้กันไปจนหมด แล้วก็ไม่อยากติดต่อกับใครใดๆอีก
“คุณฉู่ เชิญเถอะครับ”
บอดี้การ์ดร่างสูงในชุดเครื่องแบบสีดำเปิดประตูรถ ฉู่ลั่วหานหันกลับไปมองโรงพยาบาลครู่หนึ่ง ลมหายใจติดอยู่ที่หน้าอกทำยังไงก็หายใจเข้าได้ไม่เต็มปอด สีหน้าซีดเผือดไร้สีสัน ใช้พลังที่มีอยู่ทั้งหมดถึงทำให้ตัวเองค้ำเอาไว้ได้
รถวิ่งห่างจากโรงพยาบาล ฉู่ลั่วหานนั่งอยู่บนเบาะทางด้านหลังน้ำตาก็ไม่ได้หยุดไหลอีก
…
หลังจากนั้นสองวัน เคนยา
แผ่นดินที่อยู่ในแถบเส้นศูนย์สูตร แสงอาทิตย์แผดเผาโดยตรง หลังจากที่ลงจากเครื่องบิน ฉู่ลั่วหานรู้สึกได้ถึงความร้อนระอุ ความร้อนระดับสูงแบบนี้ เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อน
ไม่กล้าแหงนมองท้องฟ้าเลยแม้แต่น้อย ผิวหนังนอกร่มผ้าใดๆต่างก็มีโอกาสถูกรังสีอัลตราไวโอเล็ตแผดเผาได้ภายในชั่วพริบตา ความแสบร้อนที่ทิ่มแทงผิวหนัง เรียกให้ใจของคนแทบจะเป็นบ้าตาม
“ที่นี่…ในตำนานเล่าว่ากับโซมาเลีย มีโอกาสที่จะมีการดวลปืนกันได้ตลอดเวลา ทุกวินาทีต่างก็ใช้ชีวิตอยู่บนความเป็นความตาย…ก็คือที่นี่ ดีจริงๆ” เธอหัวเราะทั้งน้ำตา
ถังจิ้นเหยียนนำผ้าคลุมไหล่ผืนใหญ่คลุมไปบนร่างกายของเธอ “มนุษยศาสตร์แย่ไปหน่อย แต่ทิวทัศน์ธรรมชาติจะยอดเยี่ยมมาก” เขายิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
ฉู่ลั่วหานก็ยิ้มตามเช่นเดียว ตอนที่โรงพยาบาลจัดมาที่นี่ก็ไม่เคยคิดว่าจะปล่อยคนไป มีโอกาสตายที่นี่ได้ตลอดเวลา?
หึ !
หลังจากที่ลงจากเครื่องบิน ทั้งสองคนโดยสารรถบัสใช้เวลาสี่ห้าชั่วโมงถึงจะถึงที่หมายสุดท้ายในที่สุด สามด้านล้อมด้วยภูเขา ด้านนึงเป็นเขตปศุสัตว์ที่โล่งกว้าง ประชากรเบาบาง ดูแล้วค่อนข้างเหมือนฉากในหนังคาวบอยตะวันตก
ลงจากรถ สภาพสองแง่สองง่ามระหว่างฉากที่รกร้างกับอุณหภูมิที่ร้อนระอุ ฉู่ลั่วหานค่อนข้างมึนจริงๆ
ถังจิ้นเหยียนวางกระเป๋าเดินทางลง “ด้านหน้าก็คือสถานที่ที่ทีมแพทย์พักอาศัย ผมได้เตรียมห้องเดี๋ยวไว้ให้กับคุณล่วงหน้าแล้ว”
เดินตามถังจิ้นเหยียนไปด้านหน้า ด้านหน้ามีหญิงท้องถิ่นที่สวมเครื่องแต่งกายสีสันสดใสอยู่สองสามคน บอกว่าคือเครื่องแต่งกาย ที่จริงแล้วดูเหมือนผ้าผืนใหญ่ห่อคลุมร่างกายเอาไว้เสียมากกว่า เผยให้เห็นผิวที่เข้มและมันวาว มองแวบแรกแทบจะแยกไม่ออกหรอกว่าใครคือใคร
ฉู่ลั่วหานดึงผ้าพันคอชีฟองสีขาวผืนหนึ่งออกมาจากในกระเป๋า คลุมศีรษะและครึ่งค่อนใบหน้าเอาไว้
“ตอนนี้ยังไม่ต้องให้ใครรู้สถานะของฉันจะดีกว่า” เธอหัวเราะขึ้นอย่างปิดบังเรื่องที่จะทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะตัวเอง ม้วนผ้าพันคอเล็กน้อย มองไม่เห็นความรู้สึกบนใบหน้า
ถังจิ้นเหยียนถือโอกาสประคองกระเป๋าเดินทางแล้วมองสังเกตเธอ จากนั้นก็พยักหน้าอย่างพิจารณาและมั่นใจแล้วก็ไม่ปาน “ไม่เลว ค่อนข้างมีกลิ่นอายของต่างบ้านต่างเมือง”
ประเทศจีน เมืองหลวง
“บอสครับ ติดต่อคุณหญิงไม่ได้จริงๆ เธอไม่ได้ทำซิมใหม่ อีกทั้งคำยืนยันจากโรงพยาบาลทางนั้น คุณหญิงไม่ได้อยู่ในรายชื่อทีมแพทย์ที่ติดตามครับ ”
หลงเซียวขมวดคิ้วขึ้น มองดูหน้าจอโทรศัพท์มือถือด้วยสีหน้าที่จริงจัง ก่อนที่เธอจะไปไม่ได้สวมใส่นาฬิกาเรือนนั้นเอาไว้!
“ค้นหาเที่ยวบิน! จำเป็นจะต้องหาเธอให้เจอ!” หลงเซียวเลิกผ้าห่มขึ้นฝืนจะลงจากเตียง
จี้ตงหมิงพอเห็นอารมณ์ของท่านประธานได้รับแรงกระตุ้นที่มากเกินไป สองมือก็กดไหล่ของเขาเอาไว้เอ่ยเตือนขึ้นอย่างหนักแน่นจริงจัง “ท่านประธาน สถานการณ์ร่างกายของคุณในตอนนี้ยังไม่เสถียร จะต้องพักรักษาแผลให้ดีก่อน ไม่เช่นนั้นจะมีเรี่ยวแรงไปหาคุณหญิงได้ยังไงกัน? คุณวางใจครับ ผมจะต้องพยายามอย่างสุดความสามารถค้นหาที่อยู่ของคุณหญิงให้ได้”
หลงเซียวกำหมัดแน่น“ปึ้ง”ทุบลงบนขอบเตียง “บ้าจริง!ผมควรจะเดาออกว่าเธอจะทำเช่นนี้!”
เพียงแต่ผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนเป็นกล้าขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน คิดไม่ถึงว่าจะกล้าหลอกเขา! เขาจะต้องจับกลับมาสอบถามให้ชัดเจนให้ได้!
จี้ตงหมิงเช็คเที่ยวบิน แต่กลับพบว่าไม่ปรากฏชื่อของฉู่ลั่วหานอย่างประหลาด
เขาหาไม่พบแน่นอน ในขณะที่ฉู่ลั่วหานขึ้นเครื่องหลงถิงก็สั่งให้คนลบบันทึกการเดินทางของเธอไปตั้งนานแล้ว
จี้ตงหมิงนำข่าวบอกกับหลงเซียว “ท่านประธาน ดังนั้นคุณหญิงน่าจะยังอยู่ในประเทศ ไม่มีการขึ้นเครื่องบิน ดังนั้นสามารถพิสูจน์ได้ว่าเธอยังไม่ได้ไปไหนไกล บางทีคุณหญิงเพียงแค่อยากจะสงบสติอารมณ์สักสองสามวันกระมัง ถึงอย่างไรเรื่องที่เกิดขึ้นหลายวันมานี้ก็มากมายจริงๆ”
ดวงตาที่ล้ำลึกแหลมคมของหลงเซียวกวาดไปทางจี้ตงหมิงราวกับปลายดาบแหลมก็ไม่ปาน ริมฝีปากบางเยือกเย็นภายใต้ความโกรธและร้อนใจ บีบถามเอาคำตอบทีละคำทีละประโยคว่า “เรื่องอะไร? ช่วงนี้เกิดอะไรขึ้น?”
จี้ตงหมิงก้มศีรษะลงต่ำ คางแทบจะลากลงต่ำไปบนท้อง ไม่กล้าปริปากแม้แต่คำเดียว จบเห่แล้ว เมื่อกี้ตื่นเต้นเกินไปหน่อย ควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่อยู่
บ้าจริง !
“พูด!” น้ำเสียงของหลงเซียวบีบบังคับจนทำให้คนหวาดกลัว มือข้างเดียวคว้าคอเสื้อของจี้ตงหมิงเอาไว้ หากเขากล้าโกหกแม้แต่ประโยคเดียว หลงเซียวทำลายเขาได้ตลอดเวลา !
จี้ตงหมิงกัดฟันแน่น แผ่นหลังชุ่มไปด้วยเหงื่อ ถ้าหาก… บอสได้รับแรงกระตุ้นมากจนเกินไปจนเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน…
“ผมให้คุณพูด! คุณมันฟังไม่เข้าใจหรือยังไง!”
ถูกบีบบังคับโดยแรงกดดันของหลงเซียว กับกลัวเขาในตอนนี้จะได้รับแรงกระตุ้นมากจนเกินไปจนเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน จี้ตงหมิงได้แต่นำเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงนี้อธิบายออกไปจนหมด
ฟังจี้ตงหมิงบรรยายความไม่เป็นธรรมที่ลั่วหานได้รับจบ หัวใจของหลงเซียวบีบรัดจนเจ็บปวดอย่างแรง!
บาดแผลที่ยังไม่สมานเข้าหากันหลังการผ่าตัดราวกับถูกคนราดด้วยกรดซัลฟิวริก กัดกร่อนอวัยวะภายในจนแตกกระจาย
ดวงตาที่ดำสนิทของหลงเซียวราวกับลูกไฟขึ้นมาอย่างกะทันหัน เปลวไฟเผาไหม้อย่างรุนแรงจนไม่อาจขัดขวาง สองมือคว้าปกคอเสื้อของจี้ตงหมิงเอาไว้แน่น บีบบังคับถามต่อไปว่า “ยังมีอะไรอีก!”
เห็นว่าปิดบังต่อไปไม่ไหวแล้ว จี้ตงหมิงได้แต่กัดฟัน ตัดใจ นำเรื่องที่โม่หรูเฟยแท้งบอกกับบอสของตนเอง หลังจากพูดจบ จี้ตงหมิงแทบจะคุกเข่ายอมรับความผิด คิดไม่ถึงว่า มือคู่นั้นที่จับตัวเองเอาไว้กลับคลายออก
ชายหนุ่มที่หล่อเหลาอย่างหาใดเปรียบแต่กลับเหี่ยวแห้งจนราวกับถูกสูบเลือดจนหมดนั่งลงบนเตียง หัวเราะอย่างประชดประชันหึหึสองสามที สายตาที่เยือกเย็นว่างเปล่า ใบหน้าที่เห็นเค้าโครงอย่างชัดเจน ค่อยๆสูญเสียอุณหภูมิอย่างช้าๆ ที่มาแทนก็คือความเลือดเย็นของใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก
แท้ง?
ลั่วหานทำร้าย?
ไอ้พวกสารเลว! ไอ้พวกโง่งม!
ลั่วหานของเขาไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้เป็นอันขาด!
จี้ตงหมิงนิ่งอึ้งไปหลายวินาที สังเกตการเปลี่ยนแปลงความรู้สึกบนใบหน้าของบอสอย่างจริงจัง บอสคือปวดใจหรือว่าเป็นอะไรไปกันแน่? นี่คือปฏิกิริยาตอบสนองอะไรกัน?
“บอสครับ ถึงแม้ลูกจะไม่อยู่แล้ว แต่ยังดีที่ร่างกายของคุณโม่ไม่ได้มีอุปสรรคร้ายแรงอะไร เพียงแต่เดือนนี้ต้องพักฟื้น ถึงอย่างไรแท้งก็ยังต้องอยู่ไฟ”
“งั้นก็ให้เธอพักผ่อนให้ดีก็แล้วกัน!”
น้ำเสียงที่พูดไม่ใช่ความห่วงใยอย่างแน่นอน โม่หรูเฟยตอนนี้เป็นยังไง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาเลยแม้แต่น้อย บุญคุณในการช่วยชีวิตเขาได้ตอบแทนแล้ว สำหรับเด็ก…
ท่านเซียวเพียงแค่อยากหัวเราะออกมาอย่างประชดประชัน เด็กคนนึงที่ถูกพวกเธอใช้เป็นเครื่องมือในการไต่เต้าเป็นคุณหญิงของตระกูลหลง ให้เขาไปใส่ใจ? ไปรักใคร่เอ็นดูอย่างจริงใจ?
เห็นว่าท่านเซียวนิสัยดีขนาดนั้นจริงๆ?!
ภายในห้องผู้ป่วย ความกดอากาศต่ำมาก บรรยากาศอึมครึมเป็นอย่างมาก ผู้ชายที่อยู่บนเตียงใบหน้าบึ้งตึง ดุจดังอสูร
“ติดต่อถังจิ้นเหยียน” นิ้วมือของหลงเซียวทาบไปบนหน้าผากกุม ชื่อที่ทำให้เขาปวดหัวอย่างหาใดเปรียบนี้ บ้าจริง เขายังต้องพูดอีกกี่ครั้งกันแน่?
จี้ตงหมิงพยักหน้า ลองกดเบอร์โทรออก ด้านในแจ้งเตือนว่าไม่สามารถติดต่อได้
สายตาที่เยือกเย็นของท่านเซียวราวกับรังสีที่แผ่ออกไป “ลั่วหานหายตัวไป ถังจิ้นเหยียนก็ติดต่อไม่ได้ งั้นก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้ว”
หลงอุทานออกมาอย่างประชดประชัน ออกคำสั่งไปในทันทีว่า “เรียกคณบดีเฉินมาหาผม!”
จี้ตงหมิงพยักหน้า “ครับ บอส!”
ใช้เวลาเพียงแค่ไม่ถึงสิบนาที คณบดีเฉินก็ถูกคนเชิญตรงมาจากห้องทำงานถึงยังห้องผู้ป่วยของหลงเซียว จี้ตงหมิงเฝ้าอยู่ที่ด้านนอกประตู ใครก็ไม่สามารถเข้าไปที่ด้านในได้
ภายในห้องผู้ป่วย ชายหนุ่มที่อยู่บนเตียงสีหน้าสงบนิ่ง ถึงแม้จะผ่านโลกมาหลายสิบปีคณบดีเฉินก็ดูไม่ออกว่านัยน์ตาของเขาซ่อนอะไรเอาไว้
เขาเอ่ยถามขึ้นอย่างร้อนอกร้อนใจเป็นอย่างมาก “คุณหลง เรื่องอะไรกันแน่ครับ?”
หลงเซียวกลับไม่ร้อนใจ เผชิญหน้ากับคณบดีเฉินคนที่รุ่นแกกว่าแบบนี้ เขาก็ยังคงมีการได้รับการปลูกฝังมาอย่างดีมาก “คณบดีเฉินครับ ได้ข่าวว่าโรงพยาบาลของคุณส่งทีมแพทย์ชุดหนึ่งออกไปต่างประเทศ?”
คณบดีเฉินเหงื่อตก โชคยังดี สุดท้ายตอนที่ออกเดินทางฉู่ลั่วหานไม่ได้อยู่ในนั้น ไม่เช่นนั้นเขาได้ตายเป็นหมื่นครั้งแน่ๆ
“เป็นเรื่องจริงครับ…เมื่อวานช่วงเช้าออกเดินทาง”
มือที่เห็นท่อนกระดูกชัดเจนของหลงเซียวเคาะไปบนปกเอกสารครั้งแล้วครั้งเล่า
มือของหลงเซียวเคาะปกเอกสารครั้งแล้วครั้งเล่า “ไปที่ไหนหรอ? มีใครไปบ้าง? ผมหวังว่าคณบดีเฉินจะบอกกับผมด้วยตนเองนะครับ”
ไม่ว่าคณบดีเฉินจะชำนาญโลกอีกสักแค่ไหน เผชิญหน้ากับหลงเซียวก็ยังคงหวาดกลัวอยู่ดี
“ทำไมครับ? คณบดีเฉินมีอะไรที่ไม่สะดวก?” ความหมายนั้นก็คือ หากไม่สะดวกที่จะพูด ให้ผมช่วยคุณเป็นไง?
คณบดีเฉินจะกล้าไม่ตรงไปตรงมาได้ที่ไหนกัน พิจารณาไตร่ตรองอยู่สักพัก “พวกเขาไปที่เคนยาครับ”