คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 136 หลงเซียวไม่ใช่คนที่จะมีเรื่องด้วย
ตอนที่ 136 หลงเซียวไม่ใช่คนที่จะมีเรื่องด้วย
เช้าวันถัดไป บริษัทMBK ห้องทำงานประธาน
จี้ตงหมิงยื่นนิตยสารการเงินให้กับหลงเซียวด้วยความวิตกกังวล จากนั้นกัดฟันแน่นเอ่ย “ประธาน เมื่อเช้านี้หุ้นบริษัทตกฮวบตั้งแต่เปิดเลยครับ นี่เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์บริษัทMBK ทางด้านคณะกรรมการระอุเป็นไฟแล้วครับ ขอคำอธิบายจากท่าน”
ท่านเซียวเพียงแค่ตอบรับเบาๆ คำอธิบายที่พวกเขาต้องการ คงไม่ใช่เพียงแค่ราคาหุ้นตกต่ำเป็นแน่
หากแต่ ท่านเซียวไม่ใส่ใจใดๆ เพียงแค่จรดเขียนอย่างสบายใจ “นอกจากผู้จัดการการเงิน ยังมีอะไรอื่นอีกไหม?”
จี้ตงหมิงส่ายหน้า ในเวลาแบบนี้เขาไม่กล้าคลุมเครือพลาดผิดอย่างแน่นอน “ นักข่าวเมื่อคืน นอกจากอำนาจนิตยสารการเงิน คลิปวิดีโอ รูปถ่ายถูกยึดหมดแล้วครับ จึงไม่มีข่าวลือใดๆ ทางด้านนายหญิง ปลอดภัยดีครับ”
เช่นนั้น เป็นดี
สิ่งที่เขาห่วงมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น
เขาโยนนิตยสารและหนังสือพิมพ์ไปอีกทาง พลันเหลือบเห็นด้านบนปรากฏตัวอักษรสีดำเข้มหนาใหญ่
“หลงเซียวและภรรยาเปิดตัวอลังการ คลื่นรักที่งานเลี้ยงบริษัทตระกูลโม่”
“ประธานบริษัทMBKรับแต่งงานกับภรรยาร่วมสามปี รับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นกับคุณหนูตระกูลโม่ก่อนแต่งงาน…..ฉู่ลั่วหานประกาศเรื่องน่าตกใจ ทั้งหมดเพราะตนมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน”
แผนการโปรโมท? เรื่องจริง? หรือมีอื่นใดแอบแฝง…..
คำเหล่านี้ปรากฏขึ้นในวงสนทนาของบรรดานักข่าว หลงเซียวที่เข้ากล้องบ่อยครั้งด้วยธุรกิจครอบครัว ไม่ว่าไข่เจียวงาดำเรื่องเล็กแค่ไหนก็ถูกขยายใหญ่สู่สาธารณชน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ที่เกี่ยวโยงกับอำนาจอีกตระกูล
“เจ้านาย ต้องการอุดปากเหล่านักข่าวง่ายดายนัก แต่ข่าวก็เป็นเช่นนี้เสมอ ถูกละเลยอย่างรวดเร็ว ท่านไม่ต้องกังวลไป”
หลงเซียวไม่ได้คิดมากแต่อย่างใด หากกังวล เขาเป็นห่วงเพียงภรรยาเขา ครั้งนี้ไม่รู้จะถูกพูดถึงอย่างไรบ้าง นึกได้เช่นนี้ หลงเซียวย่นคิ้วเป็นปม “ติดต่อโรงพยาบาล พรุ่งนี้ฉันจะไปตรวจร่างกาย”
เอ๋? หัวข้อสนทนาเปลี่ยนเร็วไปไหม
“ครับ! ผมจะจัดการเดี๋ยวนี้ครับ”
ขณะนี้เอง สายเรียกเข้าภายในดังขึ้น โต๊ะเลขานุการโทรศัพท์เข้ามา
“ท่านประธาน เหล่าคณะกรรมการมาถึงกันหมดแล้ว อีก5นาทีเริ่มประชุม ท่านเตรียมตัวให้พร้อม”
“ได้”
ประชุมบอร์ดในห้องประชุมที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทMBK หลงเซียวยังไม่ปรากฏตัว ข้างในนั้นปะทุเป็นไฟอยู่สองนาน เวลานี้ประชุมบอร์ดชั่วคราวแค่เพียงสอบปากคำ จี้ถามแผนการสู้รบของหลงเซียว หุ้นตกต่ำเป็นโอกาสแผนการเท่านั้น
ประตูไม้บานคู่ถูกผลักออกด้วยมือของผู้ช่วย เงาร่างสูงปรากฏขึ้น หลงเซียวสาดสายตาอันเย็นยะเยือก ส่องไล่ไปตามบรรดาคณะกรรมการทั้งหลาย ตื้นลึกหนาบาง เขารู้เป้าหมายของคนเหล่านี้เป็นอย่างดี!
เหล่าคณะกรรมเห็นหลงเซียวเข้ามา ความเกรงอกเกรงใจฉาบบนใบหน้าเหล่าทั้งหลาย ในที่ประชุมบอร์ด ประธานใหญ่บริษัทMBKไม่ได้ปรากฏตัวด้วยตัวเอง เพียงแค่นั่งดูละครฉากนี้ในห้องทำงานส่วนตัว จอทีวีที่ห้องทำงานประธานใหญ่ถูกเปิดขึ้น ภาพบนจอประชุมบอร์ดกำลังดำเนินไป
“ประธาน หุ้นบริษัทในวันนี้ตกฮวบเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ สิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อบริษัทอย่างมาก”
“ประธาน ความสัมพันธ์ของท่านกับภรรยาเราไม่มีสิทธิ์ยุ่งเกี่ยว แต่นี่เกี่ยวโยงกับชื่อเสียงและผลประโยชน์ของบริษัท คนเก่าคนแก่อย่างพวกเราไม่ห่วงไม่ได้”
“ตระกูลฉู่ในวงการชื่อเสียงไม่ดีมาตลอด ท่านกับคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ทำเช่นนี้ ส่งผลให้ประชาชนมองเราในด้านลบไปด้วย หวังว่าท่าน…..”
เช่นนี้ สมาชิกคณะกรรมการกว่า20คนต่างยื้อแย่งเอ่ยทีละประโยคที่ต่างกันอย่างวุ่นวาย เผชิญกับหลงเซียวที่นิ่งสุขุม เหตุเพราะคิดว่าหลงเซียวพูดไม่ออกไร้คำอธิบาย จึงต่างใส่สีตีไข่ไปไกล
หลงเซียววางมือทั้งสองข้างไว้บนเข่า นิ้วมือแตะดีดหัวเข่าไปมา เผชิญกับคำวิจารณ์ของคณะกรรมการ เขาไม่รีบร้อนที่จะอธิบาย
เพียงคิดสนุก
แต่ก่อนเก่าเขาแบกรับวิกฤตของบริษัทMBKนับครั้งไม่ถ้วน เพื่อให้กงล้อใหญ่หลบหลีกขวากหนามลุล่วงไปด้วยดี เขาคนเดียวเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กว่านับ10ครั้ง แถมยังช่วยให้บริษัทMBKฝ่าวิกฤตครั้งก่อนโดยไร้การสูญเสีย
ความทุ่มเทที่เขามีต่อบริษัท คนพวกนี้ลืมง่ายเสียจริง
บัดนี้เพียงเพราะข่าวคราวส่วนตัว กลับร่ำร้องหุ้นตกครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งเปิดการประชุมบอร์ดเพื่อสู้รบกับเขาอย่างใหญ่โต?
เหอะ!
เสวยสุขบนความสงบร่มเย็น ไม่มีอะไรจะทำ
จี้ตงหมิงพิจารณาปฏิกิริยาเจ้านายตนอย่างเงียบเชียบ เขาสามารถนิ่งสงบเช่นนี้ เพราะเขายังคิดวิธีแก้ปัญหาไม่ออก
หากแต่เจ้านายทรงคิ้วผิดรูป เป็นการยืนยันกระตุกหนวดเสือนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดี
เวลาดำเนินไปกว่าชั่วโมง เสียงที่ดังลั่นภายในห้องประชุมค่อยๆแผ่วลง เมื่อเห็นว่าหลงเซียวไร้การตอบโต้ เหล่าที่เหลือจึงค่อยๆลดเสียงลง
กระทั่งทั้งหมดเงียบลง หลงเซียวจึงค่อยๆยืดตัวตรงด้วยความขี้เกียจ เขาไล่มองคณะกรรมการที่อยู่ในตำแหน่งอย่างไม่ใส่ใจ แสร้งถามราวกับไร้หนทางรับมือ “ในเมื่อทุกคนมีความคิดเห็นกับเรื่องนี้มากมาย ถ้าอย่างนั้นลองบอกผมมาสิ จะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไรดี”
ภายใต้ความนอบน้อมถ่อมตน นี่เป็นแผนเจ้าเล่ห์ของหลงเซียว
พวกตาแก่เห็นช้างขี้ขี้ตามช้าง คิดว่าเขาดูไม่ออกหรือ?
เช่นนั้น บรรดาผู้ชมต่างใบ้รับประทานกับปฏิกิริยาของหลงเซียว
ชายหนุ่มที่นั่งด้านบนขวาเอ่ยด้วยความกังวล “ประธาน เพื่อภาพลักษณ์ของบริษัท ท่านควรสำรวมชีวิตส่วนตัว จะให้ดี กับบริษัทฉู่ ติดต่อให้น้อยลงเป็นดีที่สุด”
หืม? พูดอยู่ครึ่งค่อนวัน คิดได้แค่นี้เองหรือ?
หลงเซียวไม่พอใจ “ประธานเฉิน หากผมจำไม่ผิด ทานก็เป็นหนึ่งในคนเก่าคนแก่คนบริษัทฉู่ หลังท่านประทานฉู่เสียชีวิตท่านถึงเปลี่ยนมาอยู่ที่บริษัทMBK บัดนี้กระดูกของท่านยังไม่ทันแห้งสนิทดี กลับแทงข้างหลังเจ้านายเก่าแบบนี้ เรื่องนี้ ผมควรพิจารณามากกว่านี้ หรือตอนนี้ผมกำลังคิดมากเกินไป?”
ประโยคแดกดันของหลงเซียว กระแทกประธานเฉินจนสีหน้าเขียวปั้ด!
หลงถิงที่นั่งบนเก้าอี้ประธานใหญ่ เห็นลูกชายจี้จุดอ่อนของบรรดาคณะกรรมการ สายตาอันแหลมคมหลี่ลง
เขาปีกกล้าขาแข็งขึ้นเรื่อยๆ ไม่แน่วันไหนเขาอาจไม่สามารถควบคุมเขาได้อีก…..
นึกมาถึงตรงนี้ หลงถิงจรดนิ้วมือเหี่ยวย่นลงบนโต๊ะไม้มะฮอก พลางเผยดวงตาดุกร้าว
เหล่าคณะกรรมการปิดปากแน่น เห็นได้ชัด พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลงเซียว ภายใต้กลุ่มชนเขาใช้แผนเชือดไก่ให้ลิงดูอย่างแยบยล ใครกล้าสู้กับอำนาจของเขา?
หลงเซียวหัวเราะอย่างเย็นชา ชายหนุ่มอายุน้อยผู้หล่อเหลาเห็นได้ชัดเขาผ่านการฝึกฝนที่หนักหนากว่าคนในวัยเดียวกัน “หุ้นมีขึ้นมีลง การตลาดเปรียบเสมือนรังแตนแต่ไหนแต่ไร ใครไม่กล้าเสี่ยงสามารถออกไปได้เลยตอนนี้ ใครที่อยากเติบโตไปกับบริษัทMBK ก็ช่วยแหกตาดูสถานการณ์เศรษฐกิจตอนนี้ด้วย มีเวลาติดตามชีวิตส่วนตัวของผม เอาเวลาไปหาข้อมูลอสังหาริมทรัพย์จะดีกว่า ไม่แน่วิกฤตครั้งต่อไป กำลังเตรียมตัวรออยู่แล้ว”
อะไรนะ?
พวกเราไม่รู้เรื่องอย่างสนิทใจ!
หลงถิงหรี่ตาลงอย่างดุร้าย น้ำเสียงแหบกร้านราวงูพิษ “เล่าเหลียง วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ที่หลงเซียวว่า น่าเชื่อถือมากแค่ไหน?”
เหลียงจ้งซุนยืดตัวขึ้นเอ่ย “ท่านประธาน แม้ผมจะไม่แน่ใจในทิศทางของอสังหาริมทรัพย์ แต่คุณชายใหญ่มองปัญหาทะลุปรุโปร่ง เขาบอกมีปัญหา ความเป็นไปได้สูงมากครับ”
หลงถิงเพียงตอบรับเสียงแผ่ว พลันเหลือบสายตาเห็นตัวอักษรบนหนังสือพิมพ์ “มีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน?”
วิกฤตนี้แก้ปัญหาได้ทันท่วงที เพียงแค่ยืมจมูกคนอื่นหายใจ หลังพายุโหม ใครจะย้อนกลับมาสืบหา? ใครที่กล้าย้อนกลับมาสืบหา?
เป็นครั้งแรก ที่หลงถิงมองฉู่ลั่วหานเปลี่ยนไป อย่างน้อย เขาเห็นความกล้าหาญในตัวเธอ ไม่ได้สวยแค่รูปจูบไม่หอม
ประชุมคณะกรรมการที่ตื่นตัวเป็นระลอกสิ้นสุดลง หลงเซียวไม่สนใจคนทั้งห้องที่นิ่งอึ้งไปตามๆกัน เขาผุดลุกขึ้นยืน ยืดอกเดินออกจากห้องประชุม
ไม่เอาจริงเอาจังซะบ้าง คนพวกนี้จะคิดว่าตนเป็นผู้พิพากษา!
จี้ตงหมิงสาวเท้ายาวไล่ตามหลงเซียวออกไป พลันเอ่ยเสียงแผ่ว “เจ้านาย ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วครับ โรงพยาบาลกลางมี
แพลนไปแอฟริกาจริงๆครับ แต่ยังมีอีกเรื่อง”
เช่นนี้หรือ? หลงเซียวคลายปมหว่างคิ้วออก ลั่วหานไม่ได้โกหกเขา
“เรื่องอะไร?”
จี้ตงหมิงยิบจดหมายลาออกของฉู่ลั่วหานที่ยื่นกับคณบดีเฉินส่งให้หลงเซียว “นายหญิงลาออกจากโรงพยาบาลแล้วครับ ฉะนั้นแม้มีแพลนไปแอฟริกา แต่นายหญิงไม่สามารถไปในนามหมอของโรงพยาบาลครับ”
หลงเซียวขมวดคิ้วที่คลายออก นิ้วเรียวเปิดซองจดหมาย ด้วยลายมือ งดงามละเอียด จริงจังและจริงใจ
แน่วแน่ที่จะลาออกเหนือคาดหมาย
ทำไมถึงลาออกกะทันหัน? หรือสิ่งที่เธอบอกกับนักข่าว เป็นเรื่องจริง?
“เตรียมรถ กลับรีสอร์ท”
จี้ตงหมิงนิ่งไปสักพัก “เจ้านาย เรื่องที่บริษัท…..”
“ค่อยว่ากัน กลับไปก่อน”
“ครับ!”
ยังไม่ทันที่หลงเซียวได้เคลื่อนตัว หลงถิงพลางโทรศัพท์เข้ามา
“มาที่ห้องทำงานของฉันเดี๋ยวนี้ ฟังนะ เดียวนี้”
จบคำปลายสายกดวางทันที
สายตาคมกร้าวของหลงเซียวปล่อยแสงเศร้า น้ำเสียงทุ้มต่ำรีบร้อนอย่างไม่ได้ดั่งใจ “เตรียมรถรอฉัน”
“ครับ!”
ขณะนี้ ณ รีสอร์ทหยีจิ่ง
หลังเธอลืมตาตื่นขึ้นโทรศัพท์ของฉู่ลั่วหานดังต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน
โรงพยาบาล เพื่อนเก่า ฉู่ซีหราน ลู่ซวงซวง…..
เธอรับโทรศัพท์จนปวดหัวไปหมด
ขณะนี้ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง
บนหน้าจอ อันนี้จริงควรเป็นคนแรกที่โทรเข้ามา แต่กลับมาช้าเอาป่านนี้
“รองคณบดี”
ถังจิ้นเหยียนกำหนังสือพิมพ์ไว้ในมือ พาดหัวด้วยรูปขนาดใหญ่ ทั้งคู่ยืนท่ามกลางแสงไฟสาด จัดฉากพลอดรักใหญ่โต
ดอกพุดงามสง่าส่งให้หญิงสาวมีออร่าเป็นธรรมชาติ ต่อให้เป็นภาพหนังสือพิมพ์ที่คุณภาพต่ำ แต่ยังคงรับรู้ถึงออร่าที่ฉายแววทะลุหนังสือพิมพ์
“เธอลาออกจากโรงพยาบาลแล้ว ตอนนี้ฉันไม่ใช่หัวหน้าเธอ เธอสามารถเปลี่ยนชื่อเรียกแทนได้แล้วใช่ไหม? “ เขากลับไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นสิ่งแรก
ฉู่ลั่วหานนิ่งงัน “มีอะไรรึป่าว? หรือคุณจะถามฉันเรื่องแผนการไปแอฟริกา?”
เธอเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา พลอยให้ถังจิ้นเหยียนคิดพิเคราะห์ประโยคเปิดหัวข้อครึ่งค่อนวันที่ใช้การไม่ได้ “อืม ตอนนี้เธอยังยืนยันอยู่หรือไม่?”
เมื่อคืน ได้ชักพาคลื่นยักษ์มหึมา…..
“ฉันจะไปแอฟริกา ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเพราะเรื่องนี้อย่างแน่นอน”
ถังจิ้นเหยียนแทนที่จะสบายใจแท้ๆ แต่กลับรู้สึกแน่นหน้าอกมากกว่าเดิม นิ้วมือที่สะอาดเอี่ยมขยับปรับเน็คไทไปมา “หากเธอไม่อยากไป จะยกเลิกก็ได้ หากเธออยากเก็บช่วงเวลาสุดท้ายให้กับเขา ฉันจะไม่ห้าม”
เพราะความอ่อนโยนเอาใจใส่ ทำให้ฉู่ลั่วหานยิ่งก้าวยิ่งไกล
ฉู่ลั่วหานหัวเราะ “ฉันสัญญากับคุณแล้วจะไปแอฟริกาด้วยกัน ฉันไม่ผิดคำพูดหลอกนะ คุณสัญญาต่อหน้าพ่อแม่ของฉันแล้ว จะอยู่กับฉันจนวินาทีสุดท้าย ฉะนั้น ฉันจะไปกับคุณ”
คำมั่นสัญญาอันแน่วแน่ ลอยเข้าหูหลงเซียวไม่ผิดเพี้ยน ช่วงเวลาขณะที่ผลักประตูห้องออก กลับได้ยินภรรยาตนให้คำมั่นกับคนอื่น!
หลงเซียวกำมือจับประตูแน่น สายตาที่เย็นยะเยือกฉาบไปด้วยความโกรธและเจ็บปวด!
“เมื่อกี้ เธอพูดกับใครอยู่?”
น้ำเสียงทุ้มต่ำทำลายความเงียบขรึมในห้อง
ฉู่ลั่วหานหันหลังขวับ ดวงตาที่เบิกกว้างประสานเข้ากับดวงตาสีดำขลับ- -