คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 135 จะไปก็ได้ แต่จะกลับมาอีกไหม
ตอนที่ 135 จะไปก็ได้ แต่จะกลับมาอีกไหม
ประโยคที่เอ่ยไป ต่างนิ่งอึ้งไม่ไหวติง
แต่ กลับเผยรอยยิ้มเรียบเฉย เสมือนว่านึกอะไรขึ้นได้กะทันหัน ใบหน้ารูปไข่ขาวนวลเผยให้เห็นรอยยิ้มอย่างสุขสันต์
ราวโลกใบนี้ปกคลุมด้วยความมืดมน ส่องแสงสว่างไสวเพียงแค่บุคคลเดียว
เธอแบกรับความตระหนกและนิ่งอึ้งเมื่อครู่ของหลงเซียว เขาหวาดหวั่นจนข้อนิ้วสั่นสะเทือน เธอเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “หลงเซียว ขอบคุณนะคะที่เซอร์ไพรส์ฉัน ฉันชอบมากเลย ต่อให้ฉันตายไปแล้ว ก็ยังจะมีความสุขยิ้มร่า”
บ้าเอ้ย! เธอพร่ำบ้าอะไรอยู่ วิกฤตไม่ได้แก้ปัญหาด้วยวิธีนี้!
จี้ตงหมิงงงตาแข็ง นายหญิงสู้เกินไปไหม เพื่อไม่ให้หลงเซียวตกอยู่ในวิกฤตชื่อเสียงเหม็นหึ่ง ถึงกับบอกนักข่าวว่าตนใกล้ตายแล้ว?
นี่เธอตบมุขล้อเล่นอะไรอยู่! เธอจะไม่รู้ได้อย่างไร ต่อให้ไร้ชื่อเสียงใดๆ ความสามารถหลงเซียว เขายืนหยัดขึ้นใหม่ได้เสมอ เธอกลับเสียสละตนเอง?
พระเจ้า! จี้ตงหมิงบีบนวดขมับอย่างเจ็บปวด เจ้านายต้องโมโหจนคลั่งแน่
กู้เยนเซินอุทานเสียงหลง เกือบถูกสำลักตาย ให้ตาย ผู้หญิงของหลงเซียววู่วามเสียจริง ไม่เพียงแต่หลอกเขาเรื่องเอดส์ ยังประกาศเรื่องต่อต้านฟ้าดินกับนักข่าว? คิดว่าคนเหล่านั้นเล่นละครลิงอยู่หรือไง?
หลงเซียวพลิกกุมมือเธอตอบ น้ำเสียงทุ้มต่ำจับจ้องเธออย่างแน่วแน่ ไร้ท่าทีหยอกล้อ ไม่เหมือนกับประโยคแถลงการณ์กับนักข่าว ถ้าอย่างนั้นหมายความว่าอย่างไร?
“เธอพูดอะไรอยู่? เธอพูดบ้าอะไร?”
ฉู่ลั่วหานไม่ตอบคำถามนั้น เพียงแค่ถามกลับ “หากฉันกำลังจะสิ้นใจในไม่ช้า คุณยอมพูดประโยคเมื่อครู่กับฉันไหม?”
บ้าเอ้ย! หลงเซียวเริ่มไร้ความอดทน ผู้หญิงคนนี้ถูกครอบงำหรือไง?
“อย่าซี้ซั้ว ไม่หลอก! ฉันไม่มีวันยอม!”
ฉู่ลั่วหานยิ้มหวาน มีความทะเล้นซ่อนอยู่ นัยน์ตาพร่างพราววับวาวฉาบไปด้วยความสุขเหลือล้น “เธอไม่ตอบ ฉันจะถือว่าเธอตกลง”
“ไปกันเถอะ ฉันจะบอกคุณทุกอย่าง หวังว่าคุณจะไม่เสียใจทีหลัง”
ทิ้งนักข่าวและแขกเหรื่อที่ยืนงุนงงไว้ข้างหลัง ทิ้งลู่ซวงซวงและหลงจื๋อที่ถูกไฟฟ้าช็อตไว้ข้างหลัง และกู้เยนเซินที่เซลล์ในร่างกายพลุ่งพล่านลนจนสามารถระเบิดออกมาทุกเมื่อ
พวกเขาจับมือจากไปเช่นนี้หรือ!
ไปแล้ว!
บ้าที่สุด ทั้งคู่ทำอะไรกันอยู่ เล่นละครหรือ? ให้ตายเนื้อเรื่องดำเนินไปแบบนี้ได้อย่างไรกัน?
ลู่ซวงซวงขยี้ตาอย่างแรง พลางสะกิดถามคนข้างๆที่สติหลุดลอยอย่างหลงจื๋อ “คุณชายรองตระกูลหลง เมื่อครู่พี่ใหญ่นายกับนางฟ้าของฉันเล่านิทานใช่ไหม? ทำไมฉันฟังไม่ได้ศัพท์สักนิด?”
หลงจื๋อตอบกลับอย่างมึนมัว “เช่นนี้ ไม่ใช่เพราะหูตาฉันมีปัญหา ว่าแต่พี่สาว พี่สะใภ้ผมเป็นอะไร? พี่กลับไม่รู้อย่างนั้นหรือ? ผมคิดว่าพวกพี่สนิทกันจนสามารถใส่ชุดกระโปรงด้วยกันได้เสียอีก”
ลู่ซวงซวงสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอแหงนมองท้องฟ้า “นางฟ้าของฉัน สุขภาพแข็งแรงจะตาย จะใกล้ตามได้อย่างไร? ฮ่าฮ่าฮ่า นางฟ้าของฉันตลกจริง อย่าคิดมากไปเลย”
หลงจื๋อลูบไล้สันดั้งไปมา แขนข้างหนึ่งวางบนไหล่อันบอบบางของลู่ซวงซวง พลางกดทับลู่ซวงซวงให้เตี้ยลงหลายเซ็น
“นี่พี่สาว พี่สะใภ้ผมกับรองคณบดีที่โรงพยาบาล พวกเขาเป็นอะไรกัน”
ลู่ซวงซวงตะโกนลั่น “เอามือนายออกไปซะ!”
หลงจื๋อยกแขนสองข้างขึ้น “ผมว่านะพี่ ร่างพี่ก็ไม่ใหญ่ ทำไมโมโหง่ายจัง ระวังเจ้านายรับไม่ไหวกับไฟโทสะอันแรงกล้านะ ระเบิดเอาได้”
นายบ้าเอ้ย!
“คุณชายรองหลง ฉันว่า นายหุบปากจะดีกว่านะ แล้วก็ ลั่วลั่วเป็นคนที่ฉันรักที่สุดในชีวิตนี้ ฉันต้องเห็นเธอมีความสุข ส่วนพี่ใหญ่นาย ฮ่าฮ่าฮ่า มหาเศรษฐีแล้วยังไง? ให้ความสุขกับนางฟ้าฉันไม่ได้ ก็ผ่านไปได้เลยเช่นกัน”
เอาจริงหรือเนี่ย!
หลงจื๋อทีเล่นทีจริงจับจ้องหญิงสาวที่เตี้ยกว่าตนอย่างลู่ซวงซวง สายตาหยอกเย้าประเมินสายตาที่ฉาบไปด้วยไฟโกรธ
“บังเอิญจังเลย ผมว่าพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ผมอยู่ด้วยกันเป็นคู่ที่มีสุขสันต์ที่สุด ใครหน้าไหนที่ที่คิดจะแยกพวกเขาออกจากกัน ผมจะทีละคน…..กรอบแกรบ!”
เขาทำท่าทางคอหัก แลบลิ้นออกมาครึ่งหนึ่ง ขบขันแถมน่าต่อย
ลู่ซวงซวงหัวเราะลั่น “ไสหัวไปเลย!”
ลีมูซีนคันดำเคลื่อนตัวออกไป ทิ้งเงาหรูหราอร่ามไว้ข้างหลังไกลออกไป สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ สร้างความสับสนวุ่นวายใจให้กับทั้งคู่
ภายในรถ หลงเซียวบังคับรีโมท เบาะโซฟาค่อยๆหย่อนลงมา จี้ตงหมิงถูกบดบังไว้ข้างหน้า ข้างหลังบรรจุด้วยหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่มีความเป็นส่วนตัวสูง
หลงเซียวจับไหล่ฉู่ลั่วหานให้พิงกับพนักเบาะ พลางถามอย่างจริงจัง “บอกฉัน เธอเป็นอะไร? ทำไมถึงพูดแบบนั้นกับนักข่าว”
ฉู่ลั่วหานละสายตา จับจ้องไปยังทิวทัศน์อันว้าวุ่นนอกหน้าต่าง หมู่ดาวระยิบ ดวงจันทร์เกี้ยวพาราสี เครื่องยนต์อยู่บนถนนสายหลัก ดวงไฟสองข้างทางสาดส่องไม้ต้นเขียวขจีจนเกิดเงามืดใหญ่ค่อยๆถอยหลังต่อเนื่อง
“หลงเซียว ฉันเหนื่อยแล้ว ฉันแบกรับความหาญกล้ามากมายไม่ไหว”
เธอเอ่ยประโยคขึ้นอย่างไม่มีที่มาที่ไป น้ำเสียงอ่อนไร้เรี่ยวแรง ชายหนุ่มข้างกายเส้นเอ็นทั่วร่างกลับยึดแน่น
น้ำเสียงหลงเซียวกลืนไปกับราตรี เขาผ่อนเสียงเบาบาง “ฉันอยู่ตรงนี้ เธอจะกลัวอะไร? ไม่มีปัญหาที่ฉันแก้ไม่ได้ เชื่อฉัน”
“หลงเซียว ฉันอยากไปจากที่นี่สักระยะนึง หวังว่าคุณจะอนุญาต” เธอไม่ตอบรับคำถามเขา เสมือนอยู่ในโลกอีกใบที่ตนสร้างขึ้น ไม่สนใจประโยคของเขาแม้แต่น้อย
หลงเซียวไม่ตอบรับในทันที “ไปไหน? ไปนานแค่ไหน? ไปกับใคร?”
คำถามสามประโยคที่สำคัญที่สุด เธอกลับไม่เบี่ยงเขาไม่มีวันปล่อยมือ เธอคงรู้แก่ใจดี
ฉะนั้นฉู่ลั่วหานจึงไม่คิดปิดบังแต่อย่างใด เธอเอ่ยเสียงแผ่วแต่กลับหนักแน่น “ไปแอฟริกา ไปเป็นหมออาสาที่นั่น หมอคือความฝันของฉัน ช่วยเหลือคนเจ็บป่วยเป็นหน้าที่ของฉัน ฉันอยากไปแต่ไหนแต่ไรแล้ว สถานการณ์เช่นนี้ เหมาะที่จะไปที่นั่น”
เขาจะเชื่อไหม? เธอบอกกระทั่งโรคเอดส์มีชีวิตอยู่ได้ไม่นานเช่นนี้!
“พูดความจริง ฉันบอกให้เธอพูดความจริง”
“ความจริงก็เป็นแบบนี้แหละ ฉันอยากเปลี่ยนบรรยากาศ อยากไปผ่อนคลาย ช่วงนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย ตระกูลฉู่ ตระกูลหลง ตระกูลโม่ ฉันแบกรับเรื่องราวมากมายแบบนี้ไม่ไหว จึงอยากออกไปสูดอากาศหน่อย”
ความกดดันและโมโห เอ่ยจนเขาน้ำท่วมปากไร้คำพูด เป็นจริงทุกประการ เป็นคำร้องเรียนที่เจ็บปวด เป็นความผิดของเขาเอง
“ขอโทษ ฉันปกป้องเธอไม่ดีพอ หากเธออยากไป ฉันจะไม่ห้าม แต่ว่า…..” เขาหยุดชะงักไปชั่วครู่ เสมือนว่าส่วนลึกของหัวใจโล่งหวิวราวขาดอะไรไปบางอย่าง ยังไม่ทันที่เธอจะไป เขากลับรับรู้ถึงความเจ็บปวด
ชัดเจนคมลึก ทิ่มแทงปาดลึกลงไปยังกระดูก
“ยังจะกลับมาไหม?”
เขาถาม ยังจะกลับมาหรือไม่? ไม่ว่าไปไหน? ทำอะไร? ยังจะกลับมาอยู่ไหม?
ฉู่ลั่วหานริมฝีปากสั่นเครือ คำพูดที่ติดอยู่ในลำคอไม่รู้จะพูดออกไปอย่างไรดี นัยน์ตาระยับพร่างพราวแปรเปลี่ยนเป็นหยดน้ำตา เธอเก็บกลั่นโศกเศร้า เอ่ยอย่างยากลำบาก “ฉัน…..”
ทันใดนั้นเขายกนิ้วเรียวยาวขึ้น แตะลงบนริมฝีปากของเธอเบาๆ “ฉันจะรอเธออยู่ตรงนี้ ไม่ว่านานเท่าไร ฉันก็จะรอ”
เขาใจกว้างขึ้นมากะทันหัน เธอปรับรับไม่ทันเล็กน้อย พลางกัดริมฝีปากแน่น ความตึงเกร็งของหญิงสาวข้างกายค่อยๆหดลดลงทีละน้อย เธอเอ่ยอย่างยากลำบาก “หลงเซียว หากช่วงนี้มีเวลาไปตรวจร่างกายหน่อยไหม ปีละครั้ง มีโรคก็รักษา ไม่มีโรคก็ป้องกัน”
ประโยคไม่ผ่านการไตร่ตรองอีกแล้ว
แต่เขากลับตกลงอย่างว่าง่าย ไม่ขัดขืน ไม่ต่อต้านใดๆ “ได้ เธอไปกับฉัน “
ฉู่ลั่วหานเม้มริมฝีปากแน่น หลับตากลั่นน้ำตาที่ไหลริน ไม่ให้ชายหนุ่มเห็นเธอร่ำไห้ เพียงแค่เขยิบซบลงบนอกแกร่งของเขา ทิ้งความกดดันเศร้าโศกทั้งหมดลงที่ไหล่กว้าง “อือ”
_ _
“เธอว่าไงนะ ฉู่ลั่วหานบอกกับนักข่าวว่าตนมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน จึง…..”
โม่หรูเฟยผุดลุกขึ้น นิ้วมือประคองหว่างเอว กลัวกระทบต่อเด็กในท้อง เธอดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่
พลันอุทานอย่างหยิ่งยโส “เธอว่าแบบนั้นจริงๆ แต่ ฉู่ลั่วหานไม่ได้ป่วยสักหน่อย ในเวลาอันสั้นไม่ตายอยู่แล้ว”
โม่หรูเฟยกัดฟันแน่นอย่างเกลียดชัง “ฉู่ลั่วหาน นังแพศยา! ทำไมไม่ไปตายซะ!”
“แต่ว่า ฉันได้ยินมาว่าช่วงนี้เธอไปแอฟริกา เฟยเฟย ที่อย่างแอฟริกา ไม่สามก็ห้าวันก็ตายแล้ว เธอร่ายยาวบ่นกระปอดกระแปด ความหมายลึกล้ำ แล้วแต่จะตีความ
โม่หรูเฟยกำหวีในมือแน่น บรรจงสางผมต่อหน้ากระจก อย่างช้าๆ “หมายความว่า หลงเซียวตัดสินใจที่จะอยู่กับเธอแล้ว ไม่ไตร่ตรองใดๆแล้ว ฉู่ลั่วหานเลือกที่ได้ดีจริงๆ!”
เกาหยิ่งจือพิงบนเก้าอี้โยกในคฤหัสถ์ หลับตาลงอย่างเย็นชา “เฟยเฟยหลงเซียวตัดสินใจอยู่กับฉู่ลั่วหานแน่แล้ว เขาดูถูกเธอต่อหน้าผู้คน ไม่ไว้หน้าตระกูลโม่สักนิด ต่อให้ฉู่ลั่วหานตายแล้ว เธอคิดว่าเธอยังมีโอกาสไหม?”
โม่หรูเฟยยิ้มแห้ง น้ำเสียงอ่อนแรงปกคลุมไปด้วยความอาฆาตพยาบาท “พี่ รอให้พี่รักใครสักคนขึ้นมาพี่จะเข้าใจ ต่อให้ในใจเขาไม่มีพี่ รั้งตัวเขาเอาไว้ได้ก็ดี ฉันเสียเวลากับเขามาห้าปี ฉันรอเขาอย่างยากลำบากมาห้าปี จะพ่ายให้กับเธอไม่ได้เด็ดขาด”
“เฟยเฟย แล้วเธอรู้ไหม ทำไมฉันถึงช่วยเธอ?”
โม่หรูเฟยทำทีท่าสงสัย ตามหลักแล้ว ฉู่ลั่วหานอยู่กับหลงเซียว เธอถึงมีโอกาสใกล้ชิดถังจิ้นเหยียนสิ แต่เธอกลับทำตรงกันข้าม
เกาหยิ่งจือเอ่ย “ยังมีคนอีกแบบ ต่อให้เธอพยายามแค่ไหน ก็มีแค่หวัง หัวใจกับร่างกาย ไม่ได้อะไรทั้งนั้น ในเมื่อชะตากำหนดมาให้ต้องเจ็บ ฉันเจ็บปวดคนเดียวโดดเดี่ยวเกินไป อย่างนั้นเราเจ็บปวดด้วยกันเถอะ”
ตระกูลหลง คฤหัสถ์เก่าตระกูลหลง
“เพล้ง!”
เสียงแจกันตกแตกละเอียดดังมาจากชั้นบน หลงถิงคว้ามือถือขึ้นด้วยความโมโหสุดขีด หลงเซียวไม่กล้ารับโทรศัพท์ เขาสามารถระเบิดห้องของเขาได้ทุกเมื่อ!
“หลงเซียว! แกกลับบ้านเดี๋ยวนี้!”
หลงเซียวเพิ่งถึงรีสอร์ท เขาอุ้มฉู่ลั่วหานกลับห้องนอน เขารับโทรศัพท์ขณะที่สายเรียกเข้าเป็นรอบที่เก้า
“คุณพ่อ มีเรื่องอะไรครับ?”
เขาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบเบาหวิว พลางปิดประตูห้องนอนก่อนเดินลงไปชั้นล่าง
หลงถิงปะทุอารมณ์คว้าเอกสารบนโต๊ะขึ้นฉีกเป็นเศษละเอียดกองกับพื้น!
“ไสหัวกลับมาเดี๋ยวนี้! เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ แกอธิบายมาเดี๋ยวนี้!”
“คุณพ่อก็เห็นแล้วนี่? ยังอยากได้คำอธิบายอะไรอีก?”
ต่อต้านงั้นหรือ!
“หลงเซียว แกใช้สถานะอะไรในการต่อต้านตระกูลโม่? ห๊า? !”
นิ้วมือเรียวยาวแตะหว่างคิ้วเบาๆ “คุณพ่อ การตัดสินใจของผม ต้องดูสีหน้าตระกูลโม่ด้วยอย่างนั้นหรือ? ในสายตาคุณพ่อ ลูกชายคนโตอย่างผมแบกรับความกดดันตระกูลโม่ไม่ได้อย่างนั้นใช่ไหม หรือคุณพ่อคิดว่าอำนาจตระกูลหลง ต้องถอยให้กับตระกูลโม่?”เพล้ว!” แจกันถูกหลงถิงผลักตก
“ได้ งั้นฉันจะบอกแกให้ อำนาจตระกูลหลงไม่จำเป็นต้องยอมตระกูลโม่ แต่ว่าหลงเซียว แกยังไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจแทนตระกูลหลง ประชุมคณะบริหารในวันพรุ่งนี้ ฉันจะรอดูว่าแกจะทำยังไง!”