คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 1065 น่าขำอาสอง
ตอนที่ 1065 น่าขำอาสอง
ไม่สามารถบรรยายความรู้สึกออกมาได้ น้ำตาแห่งความสุขหลั่งไหลออกมาจากดวงตา ทั้งร้อนและอบอุ่น ระบายอารมณ์ที่ซาบซึ้งมากมายในใจออกมา
นี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกของลั่วหานที่ได้ยินชูชูเรียกว่าหม่ามี๊
เธออ้ำอึ้งราวกับคนโง่ ยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชูชูจะพูดได้จริงๆ มันช่าง…เหลือเชื่อ!
"ชูชูครับ เรียกแด๊กดี้…ได้มั้ยครับ?"
หลังจากได้ฟังชูชูเรียกหม่ามี๊แล้ว ใจของหลงเซียวก็อ่อนไหวไปกับเสียงอันนุ่มนวลของเธอ เขาอุ้มเด็กน้อยอย่างตื่นเต้น เกลี้ยกล่อมให้เธอเรียกตัวเองอย่างนุ่มนวล
แต่ใครจะรู้ว่าปากน้อยๆของชูชูก็ยังเอาแต่พูด "หม่ามี๊…หม่ามี๊…"
หลังจากพูดออกมาครั้งแรกได้ จากนั้นการออกเสียงก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ท่าทางน่ารักกับเสียงที่นุ่มนวลไพเราะทำให้คนฟังรู้สึกว่าน่ารัก!
หลงเซียวไม่ค่อยยินดีแต่ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก "ชูชู พ่อ…"
หลงเซียวกลัวว่าคำว่าแด๊ดดี้จะพูดไม่คล่องจึงเปลี่ยนวิธีการ ให้ชูชูพูดคำว่าพ่อก่อน
ชูชูยังคงไม่รับรู้สัญญาณที่เขาส่งให้ ปากสีชมพูเอาแต่ยืนกรานพูดคำว่า "หม่ามี๊…"
"55 สมกับที่เป็นเสื้อนวมปุยฝ้ายตัวน้อยของหม่ามี๊จริงๆ หม่ามี๊รักหนูมากๆเลยนะ!"
ลั่วหานอุ้มชูชูไว้ในอ้อมแขนอย่างมีความสุข หอมแก้มของเด็กน้อยอย่างรักใคร่ เด็กน้อยไม่กลัวอีกต่อไป ตอนนี้ตรงที่ตกลงมาก็ไม่เจ็บแล้ว ดวงตากลมโตแวววาวมองหม่ามี๊สุดที่รัก ดวงตากลมโตใสสะอาดสดใสของเธอเต็มไปด้วยภาพสะท้อนของหม่ามี๊
หลงจื๋อทนไม่ไหวจึงเอนตัวไปจับมือข้างหนึ่งของชูชูแล้วเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า "ชูชู อา…เรียกอา…คนเก่ง เรียกอาสิคะ เดี๋ยวอาจะซื้อของเล่น ซื้อเสื้อผ้า หนูอยากได้อะไรอาจะซื้อให้หมดเลย!"
อาสองช่างน่าขันจริงๆ แด๊ดดี้ของเธอมีเงินมากกว่าอาอีกนะ? พ่อตัวเองยังไม่เรียก ทำไมต้องหันกลับมาเรียกตนด้วย?
ลั่วหานคิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกมา ยังไงซะตอนนี้หน้าที่ที่สำคัญที่สุดก็คือพยายามให้ลูกสาวฝึกพูด
เป็นไปตามคาด หลงจื๋อไม่ได้คำตอบที่ต้องการ ชูชูไม่พูดคำว่าอาสองก็ช่างเถอะ ตอนนี้แม้แต่หม่ามี๊ก็ไม่พูดแล้ว
ฮึ พวกผู้ใหญ่โลภมาก เด็กน้อยไม่พอใจแล้ว
"เหอะๆๆ ลูกโกรธแล้ว ไม่ต้องบังคับเธอแล้ว รีบเอาขวดนมมาให้ฉันเร็ว"
ลั่วหานเกลี้ยกล่อมเด็กน้อยกินนมอย่างมีความสุข ชูชูคาบจุกนมในปาก แก้มก็ปูดออกมา เธอดูดนมอย่างแรง
"จริงสิ! สามีรีบโทรหาแม่เร็ว! ถ้าแม่รู้ว่าชูชูพูดได้แล้วต้องดีใจมากแน่ๆ!"
ตอนนี้เธอมัวแต่ตื่นเต้นมากจนลืมเรื่องสำคัญไปแล้ว!
"ได้"
หลงเซียวโทรออกหาหยวนชูเฟิน ไม่นานอีกฝั่งก็รับสาย
แต่คนรับไม่ใช่หยวนชูเฟิน แต่เป็นส้งชิงเซวี๋ยน
ส้งชิงเซวี๋ยนมองหยวนชูเฟินที่กำลังนอนคดอยู่บนเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์เดินไปที่หน้าต่าง "เซียวเซียว แม่นายกำลังพักผ่อนอยู่ มีเรื่องอะไรพูดมาได้เลย"
หลงเซียวดูเวลา นอนพักตอนนี้เนี่ยนะ?
"แม่เป็นอะไร? ร่างกายไม่โอเคตรงไหน?"
ความวิตกกังวลอย่างหนักทำให้ประสาทของหลงเซียวถูกบีบโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้สภาพร่างกายของแม่เรียกได้ว่าอันตรายมาก การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยอาจทำให้เกิดผลที่ไม่อาจคาดเดาได้
ส้งชิงเซวี๋ยนไม่กล้าบอกความจริงกับหลงเซียว เขาสัญญากับหยวนชูเฟินแล้วว่าจะปิดบังทุกอย่าง "ไม่มีอะไรหรอก แค่วาดภาพจนเหนื่อยเกินไป"
หลงเซียวเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง "ชูชูพูดได้แล้ว แต่ตอนนี้เรียกได้แค่หม่ามี๊เท่านั้น"
"อะไรนะ! ชูชูพูดได้! ชูชูของเราพูดได้แล้ว!"
ส้งชิงเซวี๋ยนตื่นเต้นทันทีเสียงจึงดังขึ้นสองเท่าจึงปิดปากอย่างรวดเร็ว "พระเจ้า! เกิดขึ้นตอนไหน? เธอเพิ่งอายุไม่กี่เดือนเอง โอ้พระเจ้า! คิดไม่ถึงว่าจะพูดได้แล้ว? ฉันมีชีวิตอยู่ตั้งนาน นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ได้ยินว่าเด็กตัวเล็กขนาดนี้พูดได้!
ชูชูล่ะ? ให้เธอพูดว่าหม่ามี๊ให้ฟังหน่อย พูดอะไรก็ได้ให้ฉันฟัง"
หลงเซียวมองชูชูที่กำลังกินนม "เธอยังไม่ว่าง รอคุณกลับมาค่อยฟัง"
ส้งชิงเซวียน "…"
เห็นได้ชัดว่าสำลัก แต่ก็ยังมีความสุขและตื่นเต้นมาก "โอเคๆๆ ฉันจะต้องบอกแม่นาย ถ้าเธอรู้ว่าชูชูพูดได้แล้วจะต้องมีความสุขมากกว่าฉันแน่ๆ วันนี้เธอยังบอกฉันอยู่เลยว่า สิ่งที่เสียดายที่สุด…"
ส้งชิงเซวียนพูดอย่างเพลินจนเกือบจะพูดในสิ่งที่หยวนชูเฟินพูดออกมาแล้ว โชคดีที่หยุดได้ทันเวลา "เหอะๆๆ เยี่ยมมาก! ชูชูของเราเก่งมาก! เก่งมาก!"
คิ้วของหลงเซียวขมวดตรงประโยคที่เขาพูดไม่จบ "ลุงส้งครับ ผมหวังว่าลุงจะบอกความจริงกับผมอย่างตรงไปตรงมา แม่ผมเป็นอะไรกันแน่?"
ลั่วหานได้ยินน้ำเสียงของหลงเซียว สังเกตได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงตั้งใจฟัง
"เอ่อ…เซียวเซียว อาการป่วยของเธอต้องเตรียมใจไว้บ้างนะ"
ลูกกระเดือกหลงเซียวขยับขึ้นลง นิ้วเรียวบีบแน่น "เวลาของแม่เหลือไม่มากแล้วใช่มั้ย?"
ส้งชิงเซวียนลังเล "อืม…ไม่มากแล้ว"
หลงเซียวเอามือข้างหนึ่งกดหน้าผาก "ผมจะพาแม่กลับ"
หลงจื๋อก็สังเกตเห็นความเย็นชาที่แผ่ลงมาอย่างต่อเนื่องจากพี่ชายขณะที่เขากำลังคุยโทรศัพท์ ราวกับแผ่นน้ำแข็งสิบไมล์ที่ทำให้ทุกสิ่งรอบตัวเย็นลง
แม่น่าจะไม่ไหวแล้ว
ชูชูดื่มนมเสร็จก็มุ่ยปากเบาๆหลับไปในอ้อมแขนขอลั่วหาน หลังจากยืนยันว่าเด็กน้อยหลับแล้ว ลั่วหานก็พาเธอกลับไปนอนที่ห้องเลี้ยงเด็กแล้วจึงออกมา
หลงจื๋อออกไปแล้วตอนที่เธอออกมา
"เสี่ยวจื๋อล่ะ?"
หลงเซียวนั่งบนโซฟา "เห็นกดรับสาย บอกว่ามีธุระขอตัวไปก่อน"
ลั่วหานนั่งลงข้างๆเขา จับมือข้างหนึ่งของเขาแน่น "แม่เป็นยังไงบ้าง?"
"ลุงส้งบอกว่าเวลาเธอเหลือไม่มากแล้ว" หลงเซียวหลับตาแน่น ความเศร้าโศกก็พุ่งออกมาจากเส้นเลือดฝอยทุกเส้นไปรวมตัวกันที่คิ้วราวกับดาบ
ลั่วหานไม่ได้พูดอะไรแต่วางศีรษะไว้บนหน้าอกเขาแล้วลูบหลังเขาเบาๆ
ผ่านไปพักหนึ่ง ลั่วหานถึงพูดว่า "ให้แม่กลับมาอยู่กับชูชูสักสองสามวันเถอะ…แม่เห็นชูชู จะดีสำหรับอาการป่วยของเธอ"
"ฉันจัดการให้"
ลั่วหานสูดหายใจเข้าลึกๆ นิ้วลูบไล้เส้นผมเขา ตอนนี้ผู้ชายคนนี้กำลังบอบบางมากไม่เหมือนกับท่านเซียวที่เฉียบขาด
เขาเจ็บปวดจริง
——
"พ่อ?"
หลงจื๋อเปิดประตูห้องพักผู้ป่วยของหลงถิง ในห้องมืดมาก ผ้าม่านทั้งหมดถูกปิดหมด ม่านทึบบังแสงเกือบทั้งหมด ทำให้ทั้งห้องก็มืดราวกับว่าเป็นเวลาเที่ยงคืน
หลังจากตะโกนแล้วไม่มีใครตอบกลับ หลงจื๋อก็ก้าวเข้าไปข้างใน "พ่อ?"
ยังคงไม่มีใครตอบ
หัวใจของหลงจื๋อสั่นไปชั่วขณะ จึงดึงผ้าม่านออก แสงอาทิตย์แสบตาสาดเข้ามาในห้องผู้ป่วย การเปิดอย่างกะทันหันทำให้อดไม่ได้ที่จะหลับตาเพื่อให้ตาปรับแสง
"พ่อ! เกิดอะไรขึ้นครับพ่อ?!"
ในห้องที่สว่างไสวหลงจื๋อเห็นหลงถิงนอนขดตัวอยู่ที่มุมกำแพงในชุดผู้ป่วยลายทางสีฟ้าขาว สายตาเขาอ่อนแอ ผมยุ่งเหยิง ร่างกายสั่นเทา หลังมือมีเลือดที่ยังไม่แห้ง เห็นได้ชัดว่าเขาดึงเข็มออกมาด้วยตัวเอง
หลงจื๋อเดินเข้าไปสองก้าวอย่างระมัดระวัง ยังไม่ทันที่จะถึงตัวหลงถิง หลงถิงก็สะดุ้งโหยงถอยหลังออกแรงชิดกับกำแพง
หลงจื๋อหยุดเท้าราวกับถูกไฟฟ้าดูด "พ่อครับ…ผมหลงจื๋อ ผมคือเสี่ยวจื๋อ พ่อดูสิครับ ผมเป็นลูกชายของพ่อ"
หลงถิงมองหลงจื๋อเหมือนสัตว์ร้ายที่กำลังหวาดกลัว เขายกมือขึ้นทำท่าทางที่ไม่รู้ว่าคืออะไร "แก…แกเป็นลูกฉันหรอ?"
"พ่อไม่…ไม่รู้จักผมเหรอ?"
ในหัวของหลงจื๋อส่งเสียงร้อง เลือดในร่างกายแข็งตัว!
พ่อไม่ได้ความจำเสื่อมใช่มั้ย!
หลงถิงครุ่นคิดอย่างหนักจากนั้นก็ส่ายหัว "แกเป็นลูกของฉันเหรอ? ลูกชายฉันอายุแค่แปดขวบ…แกไม่ใช่ลูกฉัน!"
อายุแปดขวบ?
หลงจื๋อยกกางเกงขึ้นแล้วย่อตัวลง "พ่อครับ ลองดูดีๆสิ ผมคือเสี่ยวจื๋อ พ่อลืมไปแล้วเหรอ? ผมคือเสี่ยวจื๋อ"
หลงถิงมองอย่างจริงจังสักพักหนึ่ง ดวงตาที่ขุ่นมัวของเขาก็เกิดความสงสัย "ไม่ แกไม่ใช่เสี่ยวจื๋อ ลูกชายฉันอายุแค่แปดขวบ ลูกชายฉันอายุแค่แปดขวบ แกไม่ใช่ลูกฉัน…"
หลงตื๋อตะลึงอยู่กับที่ ปากเขากระตุก ร้องไห้ไม่ออก หัวเราะไม่ออก "พ่อ…"
เขาจับไหล่พ่อด้วยมือทั้งสองข้างอย่างระมัดระวัง อยากจะปลอบอารมณ์กระวนกระวายของเขา แต่พอมือของเขาสัมผัสกับหลงถิง จู่ๆหลงถิงก็กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง "อ๊ากกกก อ๊ากกกก!!!"
ขณะที่หลงถิงกรีดร้อง เสียงฝีเท้าที่กำลังเร่งรีบเดินมาจากทางเดิน หมอทั้งสี่คนก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย "คุณชายรองครับ ปล่อยมือก่อนครับ"
หลงจื๋อปล่อยมืออย่างงงงวย ใช้สายตาที่ไม่อยากจะเชื่อถามหมอ
หมอส่ายหัวอย่างอ่อนแรง "คุณชายรองครับออกมาสักหน่อยเถอะครับ ผมจะเล่าอาการตอนนี้ของพ่อคุณ"
5 นาทีต่อมา…
หลงจื๋อเหมือนถูกจับตรึงไว้ที่เก้าอี้ ดวงตาของเขาไม่สามารถขยับห่างจากเอกสารวินิจฉัยได้เลย จนกระทั่งโฟกัส เขาถึงเพิ่งรู้ตัวว่าเขากำลังร้องไห้
"คุณชายรองครับ อาการประสาทของพ่อคุณมีอาการผิดปกติ เขาเริ่มมีอาการตั้งแต่เมื่อวาน ขอโทษครับ…"
หมอขยับแว่นสายตาแล้วถอนหายใจ
ตาของหลงจื๋อบวมและร้อน แล้วพูดอย่างขมขื่น "อัลไซเมอร์?"
"ไม่ ไม่ใช่ครับ พ่อของคุณมีอาการทางจิตแบบกู่ไม่กลับซึ่งแตกต่างจากกลุ่มอาการของโรคอัลไซเมอร์ทั่วไป ในระยะแรกจะระงับได้ด้วยการกินยา แต่ช่วงนี้ความกดดันทางจิตใจของพ่อคุณสูงมากเกินไปซึ่งมันเป็นตัวกระตุ้นให้โรคที่มีอยู่เดิม"
"มีวิธีรักษา…มั้ยครับ?"
ใช้เวลาหนึ่งนาทีเต็มกว่าหลงจื๋อจะได้ยินเสียงตัวเอง
"เราสามารถใช้การรักษาเพื่อยับยั้งอาการผิดปกติทางระบบประสาทไม่ให้เกิดอาการหลอนของพ่อคุณได้ แต่ความจำ ความคิดของเขาจะวุ่นวาย ดังนั้นแม้แต่คุณเขาจึงไม่รู้จัก"
หมอพยายามพูดอย่างนิ่มนวล
"พ่อจำแค่ผมตอนอายุแปดขวบ" หลงจื๋อก้มหน้า พยายามกดเส้นเลือดบนหน้าผากที่ปูดออกมา
"คุณชายรอง…ยังมีอีกเรื่องที่ผมต้องบอกคุณ…"
หมอเปิดลิ้นชักแล้วหยิบกรณีตัวอย่างโรคออกมา
"นี่คือ…"
"รายงานการตรวจร่างกายของคุณพ่อคุณ ลองดูเถอะ หากสงสัยอะไรก็ถามผมได้"
หมอทนไม่ไหวจึงบอกเขาตรงๆ บางทีถ้าบอกอย่างมีศิลปะอาจจะอ่อนโยนลง
แต่สำหรับหลงจื๋อเมื่อต้องเผชิญหน้าความจริงไม่ว่าจะแสดงออกยังไงก็เจ็บปวดเหมือนกัน
"ไตวาย?"
"อาการไตวายของคุณพ่อคุณเข้าสู่ระยะสุดท้ายแล้ว วิธีเดียวที่จะรักษาไตได้คือเปลี่ยนไต แต่คุณชายรองครับ…จากสภาพปัจจุบันของคุณพ่อ เราไม่แนะนำให้เปลี่ยนไตให้เขา พูดตรงๆ…
เราไม่สามารถรับประกันได้ว่าเขาจะมีชีวิตจากการผ่าตัดได้"
ประโยคนี้ทิ่มแทงลงไปในใจของหลงจื๋อราวกับเป็นคำขาดสุดท้ายที่จะตัดสินประหารชีวิต
วันนี้มาถึงเร็วมาก…เร็วจัง…