คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 1066 แย่แล้วหมอฉู่
ตอนที่ 1066 แย่แล้วหมอฉู่
หลงถิงถูกขังอยู่บนเตียงอย่างล่องลอย ดวงตาทั้งสองมองเพดานไม่ขยับ
ที่หน้าเตียงทนายความของหลงถิงกับสมาชิกระดับสูงหลายคนของMBKมองหน้ากัน ทุกคนมีความคิดของตัวเอง เพียงแต่ไม่มีแสดงมันออกมา
ไม่กี่นาทีต่อมาประตูห้องพักผู้ป่วยถูกเปิดออกจากด้านนอก ร่างสีดำก็เดินเข้ามาอย่างไม่เร่งรีบ
กลิ่นอายที่คุ้นเคยแผ่ออกมาเป็นสายลมเย็นๆ หลายๆคนที่ไม่ได้หันมาก็ยังรู้สึกได้ถึงลมหายใจของหลงเซียว พวกเขาหลบไปข้างๆ เหลืองตำแหน่งตรงกลางให้เขาอย่างรู้จักวางตัว
หลงจื๋ออ้าปากโดยไม่ส่งเสียง เขายืนอยู่ด้านหลังเล็กน้อยใกล้กับหัวเตียง ไหล่อีกครึ่งหนึ่งอยู่ข้างหลังหลงเซียว ดวงตามองออกไปจากข้างหูหลงเซียวมองออกไปสามารถมองเห็นใบหน้าของหลงถิงได้
ทนายความของหลงถิงพยักหน้าให้หลงเซียว หลงเซียวส่งสายตากลับมาบ่งบอกว่าเขารู้
ทนายความทำลายความเงียบตรงหน้า "ท่านประธานครับ หมอได้วินิจฉัยแล้วว่าคุณหลงถิงเสียความสามารถในการคิดและไม่สามารถตัดสินใจทางแพ่งใดๆได้ด้วยตนเอง ตอนนี้สิทธิ์และอำนาจทั้งหมดของเขาจะต้องถูกโอนไปที่ทายาทคนแรกคุณหลงจื๋อ เราทำการส่งมอบจนเสร็จสิ้นตามขั้นตอน"
หลงเซียวมองผู้ชายที่อยู่ใต้เปลือกตาของเขาโดยไม่แสดงออกใดๆ ปากของเขาเบี้ยวมีน้ำไหลออกมาจากมุมปาก ค้างที่ปากด้วยความลำบากใจ จากนั้นก็ไหลจากคางลงมาที่คอ จนทำให้หมอนเปื้อน
ไม่รู้ว่าปากเขาบ่นพึมพำอะไร บนผ้าห่มมีมือและนิ้วเพียงนิ้วเดียวที่กระแทกขึ้นลงอย่างผิดปกติ
หลงเซียวสอดมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋ากางเกงแล้วโน้มตัวเข้ามาใกล้เขา "ผมเป็นใคร?"
พอได้ยินเสียงหลงถิงก็หันไปมองหลงเซียวเหมือนหุ่นเชิดที่ฟื้นคืนสติขึ้นมา ทันทีจับจ้องใบหน้าเขา 1 วินาทีก็ร้องโหยหวน "มู่เส้าเอิน! มู่เส้าเอิน! อย่าเข้ามา! อย่าเข้ามา!"
พอหลงถิงตะโกนเช่นนั้นทุกคนในห้องก็ตกตะลึง
หลงจื๋อกลืนไอเย็นแอบมองแผ่นหลังของพี่ชาย
ริมฝีปากบางของหลงเซียวถูกดึงขึ้น "คุณกลัวฉันมากหรอ?"
"อย่า…อย่าเข้ามา ไม่ต้องเข้ามา!"
หลงถิงปัดมืออย่างควบคุมไม่ได้ พยายามจะสลัดเงาที่น่าสยดสยองตรงหน้า เขาขดตัวกลมอยู่ใต้ผ้านวม เตียงก็ส่งเสียงดังเอี๊ยดจากการเคลื่อนไหวที่รุนแรงของเขา
หลงเซียววางมือใหญ่บนหัวเตียง "ทำไมถึงฆ่าฉัน?"
เสียงต่ำนั้นไม่ได้ดัง แต่หลงถิงกลัวมากจนเขากลัวจนร่างทั้งร่างกระตุกหดเป็นลูกบอล "ฉัน…ฉัน…"
เขาและฉันไม่ได้พูดสิ่งนี้มาระยะหนึ่งแล้ว
อย่างไรก็ตามกลิ่นแปลกๆในอากาศดึงดูดความสนใจของทุกคน กางเกงของหลงถิงเปียกเป็นรอยใหญ่ทำให้ยิ่งพะอืดพะอม
หลงเซียวขมวดคิ้วแน่นปล่อยมือแล้วยืดตัวสูงขึ้น "บ้าเหรอ?"
เหอะ!
หลงจื๋อกระซิบ "พี่ใหญ่ พ่อผมป่วยทางจิต ความทรงจำสับสน แม้แต่ผมก็ไม่รู้จักแล้ว"
หลงเซียวขยับนิ้วในกระเป๋ากางเกง ในเมื่อเป็นบ้าไปแล้ว มันเอาเปรียบเขาเกินไป
"อืม"
หลงเซียวพูดคำที่มีความหมายลึกซึ้งคำเดียว จากนั้นหันไปมองทนาย "หุ้นทั้งหมดของเขามอบให้หลงจื๋อหมดหรอ?"
ทนายพยักหน้า "ครับ ตามคำสั่งเสียของเขาก่อนหน้านี้ หุ้นทั้งหมดในชื่อของเขาจะถูกส่งมอบให้กับหลงจื๋อ"
"อืม"
ท่านประธานหลายคนขยิบตาให้กันอย่างรู้กันว่ายุคของหลงถิงมันหมดไปแล้ว อนาคตของMBKขึ้นอยู่กับหลงเซียว ไม่มีใครกล้าต่อกรกับเขาอีก อีกหน่อยพวกเขาจะต้องยืนฝั่งหลงเซียวถึงจะถูก
พอคิดได้เท่านี้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งจึงก้าวเข้าใกล้มาใกล้ "ประธานครับ ในเมื่อคุณหลงไม่สามารถดูแลบริษัทได้อีกต่อไปแล้ว ในอนาคตคงต้องลำบากคุณแล้ว พวกเราจะสนับสนุนคุณอย่างเต็มที่"
"ท่านประธานโปรดวางใจ เราจะรักษาผลประโยชน์ของMBK เชื่อว่าคุณเหมาะสมกับการเป็นผู้นำMBK เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า"
"นับจากนี้ไปคุณกับคุณชายรองจะเป็นใจเดียวกัน เราจะไม่ทำให้ความหวังของคุณหลงต้องผิดหวัง เราอยากจะทำให้MBKอยู่ในระดับที่สูงขึ้น นี่เป็นสิ่งที่พวกเราคาดหวังร่วมกัน"
คำชมเชยจากประธานคณะกรรมการหลายคนพูดซะจนหลงเซียวดูเก่งกาจในโลกมนุษย์ซึ่งแตกต่างจากตอนหลงถิงยังมีชีวิตอยู่อย่างสิ้นเชิง
ครั้งหนึ่งหลงถิงได้พาคนสนิทของเขาไปไม่กี่คน ส่วนคนที่เหลือล้วนไม่ออกความเห็น ทั้งหมดมันไม่มีอะไรมากไปกว่าผลประโยชน์ ตอนนี้หลงถิงตกต่ำ พวกเขาก็ไม่ต้องพะว้าพะวังอีก
ใบหน้าของหลงเซียวเย็นชา เขาหัวเราะเบาๆ "ท่านทั้งหลายทรยศเขาต่อหน้า ไม่กลัวว่าเขาจะเจ็บใจบ้างหรือ? ผมจำได้ว่าตอนแรกหลายๆคนกระตือรือร้นสนับสนุนเขา ผมจำผิดหรือว่าผมดูผิดไปนะ?"
"เหอะๆๆ ท่านประธานเอาที่ไหนมาพูด พวกเราต่างทุ่มเททำงานเพื่อบริษัทมาโดยตลอด เอาอายุพวกเรามารวมกันก็ได้หลายร้อยปี จะพูดหรือทำอะไรก็ต้องมีหิริโอตตัปปะ"
มีหิริโอตตัปปะ พูดดีนี่!
หลงจื๋อกัดฟัน "ลุงทั้งหลายครับ พ่อผมยังไม่ตาย รีบตัดความสัมพันธ์ขนาดนั้นเลยหรอ?"
"คำพูดของคุณชายรองมีความลำเอียงนะครับ ตอนนี้พี่ชายของคุณเป็นประธานบริษัท เป็นผู้นำที่ถูกต้อง เราควรรับฟังคำชี้นำของเขา เรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องสงสัยนี่"
"สถานการณ์ปัจจุบันของคุณหลงถิง ผมเกรงว่าคุณชายรองจะต้องใช้เวลาดูแลเขา ส่วนเรื่องบริษัทเราจะแบกรับไว้เอง"
เหอะๆ
นี่หมายความว่าจะฉวยโอกาสลิดรอนสิทธิของเขาสินะ?
ไอ้พวกคนแก่จอมโลภ!
ครึ่งชั่วโมงต่อมา…
เหลือเพียงหลงเซียวกับหลงจื๋อในห้องพักผู้ป่วยเพียงสองคน
"เสี่ยวจื๋อเห็นชัดรึยัง?"
หลงจื๋อยิ้มอย่างขมขื่นด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว "ชัดแล้ว ไม่มีเพื่อนในวงการธุรกิจ รู้หน้าไม่รู้ใจ!"
หลงเซียวส่งเสียงเหอะ "บอกแผนของนายมาสิ"
"ที่จริงผมเคยคิดเรื่องนี้มานานแล้ว ผมเต็มใจไปบริษัทฉู่ซื่อ ตอนนี้ผมอยู่MBKก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว พวกเขาไม่ต้องการให้ผมอยู่"
กำแพงพังลง ทุกคนผลักเขาลง เหตุผลง่ายไปขนาดนี้หลงจื๋อจะไม่เข้าใจอีกเหรอ?
เขาเข้าใจ
ดังนั้นจึงไม่อยากอยู่MBKแล้ว
"นายจากไป ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากเก็บนายไว้ แต่ต้องการความเต็มใจนาย นายเป็นผู้ถือหุ้นของMBK ข้อนี้ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้"
"ผมยินดีจะไปบริษัทฉู่ซื่อด้วยความเต็มใจ ผมไม่ชอบข่าวฉาวของMBK พี่ครับ ถ้าเปรียบกันกับบริษัทฉู่ซื่อแล้ว MBKสกปรกเกินไป ผมเบื่อการต่อสู้แย่งชิงของMBK"
วันนี้ดูเหมือนดี แต่ก็ไม่แน่ว่าสักวันอาจจะเอามีดแทงข้างหลัง
"ได้ ฉันจะจัดการให้"
หลงจื๋อคิดสักพัก "แต่พี่ พี่อยู่ที่MBKคนเดียว…"
ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนมากมาย จัดการกับปัญหาที่ปวดหัวมากมาย
"ทุกคนมีหน้าที่รับผิดชอบของตัวเอง ต้องรู้ตำแหน่งของตัวเอง การยืนอยู่ในตำแหน่งนี้ก็ต้องจ่ายในราคาที่สอดคล้องกัน"
หลงจื๋อไม่มีอะไรจะตอบ แต่เขาตระหนักได้อย่างชัดเจนว่าพี่ชายของเขานั้นสูงส่งมากจนไม่สามารถสู้ได้ เขาแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้มาก
"อย่าฆ่าฉัน…อย่าฆ่าฉัน…ไม่…อย่า…"
หลงถิงกรีดร้องตัวสั่นไม่มีเหลือเค้าความเป็นคน
หลงจื๋อถอนหายใจอย่างเศร้าๆ "ผมเกรงว่าพ่อคงจะคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะเดินมาถึงจุดนี้ได้ การลงโทษนี้โหดร้ายยิ่งกว่าเข้าคุกเสียอีก"
หลงเซียวไม่ออกความเห็น โหดร้ายหรือไม่ ความคิดเห็นของทุกคนนั้นแตกต่างกัน ถ้าเทียบกับชีวิตขมขื่นของเขาที่พ่อตาย แม่ต้องอดทนซ่อนเร้น ทันเทียบกันไม่ได้เลย
แต่ว่าช่างเถอะ
ทำอะไรอย่าทำจนหมดทางถอยและอย่าผูกความแค้นกับใคร
"ก่อนผมมา พี่สะใภ้บอกฉันว่าหลงถิงทำผิดมากมาย ความผิดเขาเลวร้ายถึงขึ้นสมควรตาย สิ่งเดียวที่เขาทำถูกคือการเลี้ยงดูนายมา ด้วยเหตุนี้ความผิดของเขาจึงควรได้รับการให้อภัยและได้รับความเข้าอกเข้าใจ"
ทันใดนั้นหลงจื๋อก็น้ำตาไหล
"พี่สะใภ้…เธอพูดแบบนั้นจริงๆ…"
หลงเซียวหลับตาลง "ที่สามารถเข้าอกเข้าใจพ่อนายได้ขนาดนี้ต้องขอบคุณพี่สะใภ้นาย ถ้าไม่มีเธอ พ่อนายคงไม่มีโอกาสได้นอนอยู่ที่นี่"
หลงเซียวมองออกไปนอกหน้าต่าง วันปีใหม่ใกล้จะมาถึงแล้ว บรรยากาศในฤดูหนาวเข้มข้นขึ้นและหนาวขึ้น
โรงพยาบาลหวาเซี่ย
ลั่วหานกลับมาทำงานตามปกติในวันรุ่งขึ้นหลังจากกลับบ้าน เธอเดินเข้าไปในอาคารผู้ป่วยนอกตามปกติ
หลินซีเหวินที่เห็นเธอแต่ไกลก็วิ่งอย่างบ้าคลั่งเพื่อให้ทันลั่วหาน "พี่ลั่ว! พี่ลั่ว!"
เพราะวิ่งเร็วเกินไปจึงทำให้แก้วกาแฟกระดาษในมือของหลินซีเหวินหกออกมา แต่เธอก็ไม่สนใจ
"คิดถึงฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?"
หลินซีเหวินยกกระเป๋าที่คล้องข้อมือเธอขึ้น "คิดถึงสิ! คิดถึงมากคิดถึงโครตๆ ไม่ใช่แค่ฉันที่คิดถึงนะ แต่คนในแผนกทั้งหมดทั้งโรงพยาบาลก็คิดถึง!"
ทั้งสองเดินเข้าไปในประตูหมุนด้วยกัน พอหมอกับพยาบาลในห้องฉุกเฉินเห็นลั่วหานก็เข้ามาทักทาย
"หมอฉู่ ในที่สุดเธอก็กลับมาแล้ว!"
"สวัสดีค่ะหมอฉู่!! วันนี้อากาศดีขึ้นเลย!"
ลั่วหานพยักหน้าตอบรับจากนั้นก็หันไปคุยกับหลินซีเหวิน "เธอกับเสี่ยวจื๋อยังอาศัยอยู่ในบ้านเช่าหรอ?"
"อือ ใช่ แต่วันนี้เขาบอกฉันว่าสามารถย้ายไปอยู่บ้านเก่าได้แล้ว ยังไงซะพ่อเขาก็สภาพนั้น…เธอก็รู้" หลินซีเหวินเม้มปาก ในใจรู้สึกสับสน
ลั่วหานกดลิฟต์ "เธอรังเกียจพ่อเขา?"
"ไม่ได้รังเกียจ! ยังไงซะฉันไม่ชอบเขาอยู่แล้ว ทำสิ่งเลวร้ายเยอะซะขนาดนั้น!" หลินซีเหวินกัดฟันของเธอด้วยความโกรธ ไม่พอใจแทนมู่เส้าเอิน
ลั่วหานยิ้ม "ไม่ใช่ว่าต้องรักเขารักครอบครัวเขาหรอ? เธอเป็นสะใภ้ของตระกูลหลง เธอต้องสำนึกไว้"
"ฉันไม่สำนึก! ฉันไม่ชอบเขา!"
พอประตูลิฟต์เปิดออกลั่วหานก็ก้าวเข้าไปก่อน ขณะที่ประตูลิฟต์กำลังจะปิดก็ถูกมือหนึ่งผลักให้เปิดออก
สิ่งที่ดึงดูดสายตาคือร่างสูงของถังจิ้นเหยียน
"ลั่วหาน?"
"รองคณบดีถังฉันเป็นมนุษย์ล่องหนหรอคะ? ทำไมถึงเห็นแค่พี่ลั่ว?" หลินซีเหวินเอียงศีรษะแกล้งเขา
ถังจิ้นเหยียนเข้ามาในประตูลิฟต์ ลิฟต์ก็ค่อยๆขึ้นไป "คุณอยู่ผ่านตาผมทุกวัน เห็นจนเหนื่อยแล้ว"
หลินซีเหวินส่งเสียงเฮอะ
ลั่วหานพูด "ช่วงนี้ลำบากพวกคุณแล้ว จากนี้ฉันจะทำงานเพิ่มเยอะๆ เพื่อชดเชยให้พวกคุณ ตอนเที่ยงฉันเลี้ยงเอง"
"เลี้ยงข้าวก็หายกันแล้ว ตอนเช้าฉันกับหมอถังไปผ่าตัดมา เดาว่าจะกินข้าวเที่ยงไม่ทันซะแล้ว" หลินซีเหวินรู้สึกอัดอั้น
ถังจิ้นเหยียนควงแขนลั่วหาน "ทำไมเพิ่งกลับมาก็มาทำงานแล้วล่ะ? ไม่พักสักสองสามวัน?"
"เรื่องเล็กน้อย ฉันพักไม่ไหว"
ประตูลิฟต์เปิดออก หลินซีเหวินก็ก้าวออกไปข้างหนึ่ง เกือบถูกคนที่วิ่งผ่านมาชนกระแทกกับพื้น
"ไอ้หยา!"
คนนั้นไม่ได้ล้มลง แก้วกาแฟก็หกลงที่พื้นทำเอาพื้นเปื้อนกาแฟ
"อา…หมอหลิน ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ…" หมอหญิงขอโทษ พอเงยหน้าขึ้นมองเห็นลั่วหานกับถังจิ้นเหยียน เธอก็จับแขนของถังจิ้นเหยียนราวกับเจอคนช่วยชีวิต "รองคณบดีคะ เกิดเรื่องแล้วค่ะ!"
ประสาทถังจิ้นเหยียนหด "เกิดอะไรขึ้น?"
ลั่วหานก็เดินออกลิฟต์ตามมาพลางขมวดคิ้วแน่น
หมอหญิงกลืนน้ำลายด้วยความกลัวลั่วหาน ไม่กล้ามองตาเธอ "คือ…คือยาที่บริษัทฉู่ซื่อเพิ่งส่งมาครั้งที่แล้ว…เรา พวกเราให้ผู้ป่วยใช้ ผลคือผู้ป่วยเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้น หมอหวังกับหมอซุนไปที่ห้องฉุกเฉินแล้วค่ะ"