เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 194 เอายามาสองเม็ด
บทที่ 194 เอายามาสองเม็ด
จี้จิ่งเชินเสียงทุ้ม แล้วค่อยๆพูดขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่ตัวแข็งทื่ออยู่นั้น ก็หันหน้ามา
“ฉันไม่รู้ว่านายกำลังทำอาหารอยู่”
จริงๆแล้วจี้จิ่งเชินนั้นรู้สึกยากลำบากนิดหน่อย ก่อนหน้านี้ที่เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนกับแม่ครัวทำอาหารนั้นดูง่ายมาก
เดิมทีคิดจะขุนเวินเที๋ยนเที๋ยนให้อ้วนสักหน่อย เลยตัดสินใจลงมือทำครัว
แต่คาดไม่ถึงว่า พอลงมือทำด้วยตัวเองแล้ว จากยากมากมายขนาดนี้
แถมท่าทางที่ทุลักทุเลเมื่อกี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ดันมาเห็นพอดี
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นสีหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยความหม่นหมอง จึงทำได้แต่เพียงเดินไป
“ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันแค่สงสัยเท่านั้นเอง”
จี้จิ่งเชินไม่ได้พูดอะไร จู่ๆเขาก็โน้มตัวมาข้างหน้า แล้วอุ้มเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้
เวินเที๋ยนเที๋ยนตกใจ แล้วรู้สึกได้ว่าจี้จิ่งเชินอุ้มเธอขึ้นมา และอุ้มเธอผ่านข้ามหน้าต่าง มาถึงข้างในห้องครัว
“ในเมื่อเธอเห็นแล้ว งั้นฉันก็จะไม่ให้เธอไปอีกแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่เห็นห้องครัวมีข้าวของระเกระกะเต็มไปหมด ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
จี้จิ่งเชินพูดขึ้นว่า:“เธอก็เห็นแล้ว ว่าฉันไม่ค่อยเหมาะกับการทำอาหารสักเท่าไหร่”
เขาก้มลงมองมือทั้งสองข้างของตัวเอง มือคู่นี้เซ็นสัญญาได้ กุมความเป็นความตายของบริษัท และก็ยังคุมเศรษฐกิจสำคัญของวงการค้าขายไว้ด้วย
แต่เมื่อหยิบมีดทำครัวขึ้นมานั้น กลับทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาสะงั้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่มองดูเขาก็พูดขึ้นว่า:“งั้นให้ฉันช่วยนาย?”
จี้จิ่งเชินกลับปฏิเสธอย่างหนักแน่น
“ไม่ได้ๆ ฉันต้องทำให้เธออ้วนด้วยมือของฉันเอง”
นี่มันความคิดอะไรกัน?
เวินเที๋ยนเที๋ยนหมดคำจะพูด
ดูจากจี้จิ่งเชินทำอาหารกับฝีมือของเขาในตอนนี้แล้ว ก่อนที่เธอจะถูกขุนให้อ้วน คงต้องผมตายก่อนแน่ๆ?
“งั้นฉันอยู่ข้างๆคอยกำกับนายละกัน”
จี้จิ่งเชินจึงค่อยพยักหน้า
“ก็ได้”
แล้วเขาก็อุ้มเธอขึ้นมา แล้วเลือกที่ที่ปลอดภัยและสบายให้เธอ และวางเธอลงก่อนจะวงพื้นรอบๆเหมือนเป็นที่กั้น
“อย่าออกมาจากตรงนี้นะ”
“รู้แล้วน่า”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดอย่างเหนื่อยใจ แต่เธอก็ถูกเสื้อกันเปื้อนสีชมพูลายhello kittyของจี้จิ่งเชินดึงดูดสายตาไว้
“เสื้อกันเปื้อนของนาย……ซื้อมาจากที่ไหนหรอ?”
สีหน้าของจี้จิ่งเชินแสดงถึงความอึดอัดใจเล็กน้อย
“ของในครัวเป็นของแม้ครัวทั้งหมด เสื้อกันเปื้อนนี่ก็เป็นของเธอ ฉันจะถอดมันออกเดี๋ยวนี้ล่ะ”
พอพูดจบ เขาก็กำลังจะแกะเชือกเสื้อกันเปื้อนออก
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบห้ามเขาเอาไว้
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวตอนทำกับอาหารนายก็ต้องใช้ แถมตอนนายใส่ก็น่ารักดีออก”
พอพูดจบ เธอก็หัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจ
จี้จิ่งเชินที่ฟังออกถึงน้ำเสียงที่ดูหัวเราะหยอกล้อของเธอ ก็เงยหน้าแล้วยิงฟันใส่เธอ
“ระวังไว้เถอะฉันจะกัดเธอ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหัวเราะแล้วพูดว่า:“มากัดสิ?”
จี้จิ่งเชินยื่นมือออกไป แล้วโอบเอวของเธอไว้ แล้วโน้มตัวลงพรมจูบลงบนริมฝีปากของเธอ
เขาจูบอยู่นานพอสมควร ถึงจะค่อยๆผละตัวออก
“กัดเธอไม่ลงน่ะ จูบแทนละกันคงไม่ว่าอะไรเนอะ?”
จี้จิ่งเชินเดินมาที่เคาท์เตอร์แล้วหยิบมีดขึ้นมา คิ้วเข้มๆขมวดขึ้นอีกครั้ง สีหน้าเหมือนกับกำลังจะลงมือผ่าตัด
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่ยืนอยู่ที่เดิม ก็ชะโงกคอออกมาคอยกำกับเขา
เขาพูด และจี้จิ่งเชินก็จะทำตาม
“หั่นหัวไชเท้าเป็นชิ้นๆ……อ่อ ชิ้นใหญ่เกินไป……อืม เล็กเกินไป……หั่นหัวไชเท้าขนาดประมาณต้มหนึ่งชั่วโมงแล้วจะนิ่มพอดี……”
จี้จิ่งเชินหันหน้ามามองเธอ แล้วอดไม่ได้ที่จะพูดว่า:“บรรยายได้ชัดเจนจริงๆ!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้ว่าเขากำลังกระแนะกระแหนอยู่ จึงพูดใหม่อีกว่า:“หั่นกว้างประมาณสามเซนติเมตร”
จี้จิ่งเชินยกมีดขึ้นมา แล้วบรรจงหั่นเป็นชิ้นลูกเต๋า
ใช้เวลาทำมาหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ ในที่สุดก็ทำกับข้าวสองอย่างแล้วก็ซุปออกมาสำเร็จ มันถูกเสิร์ฟมาวางบนโต๊ะ
จี้จิ่งเชินรีบถอดเสื้อกันเปื้อนhello kittyสีชมพูออก แล้ววางไว้บนโต๊ะ สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่ชอบ
แล้วรีบพูดขึ้นว่า:“วันนี้ฉันจะให้คนไปซื้อเสื้อกันเปื้อนสีดำมาวางไว้ในบ้านสิบผืนเลย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหัวเราะพลางมองบนพื้นที่ไม่มีวงล้อมรอบแล้ว
“ฉันออกไปได้หรือยัง?”
“รอแปปนึง”
จี้จิ่งเชินหันหลังไปล้างมือ แล้วเช็ดให้แห้ง แล้วเดินมาที่ข้างหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วยื่นมือไปโอบเอวเธอ แล้วอุ้มเธอขึ้นมา
แล้วค่อยๆเคลื่อนออกมาหนึ่งก้าว จึงวางเธอลง
“แบบนี้ โอเคแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่เห็นท่าทางของเขาดูเป็นเด็กๆขึ้นเรื่อยๆก็เหนื่อยใจ แต่ก็ยังคล้อยตามเขาและเดินไป
จี้จิ่งเชินหยิบถ้วยตะเกียบมาวางไว้หน้าเธอ เขามองเธอด้วยใบหน้าที่เป็นด้วยความหวังและรอคอย
“ชิมดูสิ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนจ้องมองกับข้าวสองอย่างกับน้ำซุปหนึ่งถ้วยที่วางไว้บนโต๊ะ ดูจากหน้าตาอาหารแล้วกลับดูใช้ได้
หัวไชเท้าที่หั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า มันจะไม่เป๊ะได้ไงล่ะ?
จี้จิ่งเชินตักน้ำซุปหัวไชเท้าให้เธอก่อน
เวินเที๋ยนเที๋ยนกินไปคำนึง แล้วลองลิ้มรสอย่างละเอียดดู
จี้จิ่งเชินจ้องไปที่ท่าทางของเธออย่างกังวล มันเครียดกว่าตอนที่แข่งขันการประมูลราคาเป็นพันล้านเสียอีก
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าเล็กน้อย
“ก็ไม่เลวหนิ”
จี้จิ่งเชินสบายใจขึ้นมาแล้ว เขาให้เธอลองชิมกับข้าวอย่างอื่นบ้าง
บอกได้เลยว่า จี้จิ่งเชินที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้น ทำได้ดีมากจริงๆ
เข้าครัวแล้วทำออกมาได้ขนาดนี้ ก็ถือว่าไม่เลว
เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนชอบมากขนาดนี้ จี้จิ่งเชินเผยรอยยิ้มพลางนั่งลง แล้วชิมอาหารที่ตัวเองทำ
อาหารจานที่หนึ่ง ก็ทำให้เขาขมวดคิ้ว
อาหารจานที่สอง เขายิ่งขมวดคิ้วเข้าไปใหญ่
กินอาหารจานที่สามเสร็จ เขาก็วางตะเกียบลงทันที
“ไม่กินแล้ว”
เขามองไปที่เวินเที๋ยนเที๋ยนที่ยังคงกินอยู่ ก็ยื่นมือไปหยิบถ้วยและตะเกียบของเธอมา“ไม่อร่อย อย่ากินเลย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบหลบมือของเขาทันที
“ฉันไม่ได้พูดสักหน่อยว่าไม่อร่อย ฉันว่ามันก็ไม่เลวนะ”
จี้จิ่งเชินมองไปที่เธอ ถึงแม้ว่ารสชาติอาหารจะเทียบไม่ได้กับที่แม่ครัวทำ แต่วันนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนกินอย่างมีความสุข แถมกินได้มากกว่าครั้งก่อนที่เขาบังคับให้เธอกินเสียอีก
เขาค่อยๆวางใจขึ้นมานิดหน่อย รอยยิ้มที่มุมปากไม่ว่าจะหุบยิ้มยังไงก็ทำไม่ได้
พ่อบ้านที่รอข้างนอกอยู่นาน ไม่ได้ข่าวคราวของจี้จิ่งเชินเลย ก็รีบร้อนเดินเข้ามา
เขาเดินมาพลางส่งเสียงดัง:“少爷?คุณเสร็จแล้วยังครับ?คุณหนูไม่รู้ไปไหนแล้ว?”
เขาที่พึ่งเดินเข้ามาในห้องครัว ก็เห็นทั้งสองคนนั่งลงที่โต๊ะอาหาร แล้วเริ่มกินข้าวแล้ว
จี้จิ่งเชินที่ได้ยินเสียง ก็เหลียวหลังไปมองพ่อบ้าน
พ่อบ้านก็หยุดนิ่ง แล้วเงียบลง เขาเข้าใจที่จี้จิ่งเชินพยักหน้า ก่อนจะค่อยๆเดินออกไปอย่างเงียบๆ
กับข้าวสองอย่างกับน้ำซุปหนึ่งถ้วย ถูกเวินเที๋ยนเที๋ยนกินจนเกือบหมด
ถึงแม้ว่าจี้จิ่งเชินจะไม่ได้กิน แต่เขาก็ดีใจมากๆ เขาตั้งใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าเขาจะทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนอ้วนด้วยมือของเขาเองให้ได้
พอเห็นเธอกินอาหารจนหมด จี้จิ่งเชินก็เดินไปส่งเธอที่รถของตระกูลหล่อนอย่างอิ่มอกอิ่มใจ เขารอจนรถขับไปไกลจนมองไม่เห็น จึงจะหันหลังกลับไปอย่างพอใจ
เขาเดินไปพลางคิดว่าพรุ่งนี้จะทำอาหารอะไรดี
อีกด้านหนึ่ง เวินเที๋ยนเที๋ยนที่นั่งอยู่บนรถ ได้เหลียวหลังกลับไปมองปราสาทที่ค่อยๆไกลออกไป จึงพูดกับคนขับรถว่า:“ลุงหลิว แวะร้านยาให้ฉันหน่อยได้ไหม?”
คนขับรถมองเธอย่างตกใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดขึ้นว่า:“ฉันอยากได้ยากระเพาะสักสองเม็ด”