เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 193 ขุนเธอให้อ้วน
บทที่ 193 ขุนเธอให้อ้วน
จี้จิ่งเชินที่ได้ยินนั้น สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที
พอเขาจะเปิดปากพูด จี้คางที่เร็วกว่านั้นก็โพล่งขึ้นมาก่อน
“หุบปาก!”
เขาค้อนเสียงขึ้นมา
ฉวีช่วยฉินเห็นเขากล้าตำหนิเธอ ก็หันหน้ามาแล้วจ้องไปที่เขา
“ตอนนี้เธออยู่ข้างเขาแล้วใช่ไหม?เพราะเห็นว่าเขาไปได้ด้วยดีกับคุณนายหล่อน ก็อยากที่จะไปด้วยใช่ไหมละ?”
“ฉันคงฝันไป ถ้าปราสาทถูกคนต่างชาตินั่นเอาไป ใครมันจะไปเห็นหัวจี้จิ่งเชินแล้วล่ะ!โชคดีมันไม่ได้อยู่กับเราตลอดไปจริงๆ!”
เขาพูดตำหนิเสียดสี แล้วหันไปมองเวินเที๋ยนเที๋ยน
จี้คางนั้นทำอะไรเธอไม่ได้อยู่แล้ว ทำได้เพียงหันไปหาเวินเที๋ยนเที๋ยน
“ขอโทษด้วยนะ ฉันดูแลไม่ดีเอง เธออย่าไปคิดเล็กคิดน้อยกับเขาเลยนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดขึ้นว่า:“เมื่อก่อนฉันก็ไม่เคยคิดเล็กคิดน้อย แน่นอนว่าตอนนี้ฉันก็ขี้เกียจที่จะคิดเล็กคิดน้อยกับเธอแล้ว”
ฉวีช่วยฉินรีบหันหน้ามาทันที
“เธอหมายความว่าไง?”
ในขณะนั้นจี้จิ่งเชินรีบเดินมา แล้วขั้นเธอเอาไว้ แล้วมองฉวีช่วยฉินที่อยู่ด้านหน้าด้วยสายตาที่ดุดัน
“ไสหัวออกไป!ปราสาทนี้ไม่ต้อนรับเธอ!”
ฉวีช่วยฉินเบิกตากว้างแล้วมองไปที่เขา คิดไม่ถึงว่าจี้จิ่งเชินจะกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าเขา
เธอหัวเราะอย่างเย็นชาขึ้นมาทันที
“ยังไม่รู้เลยว่าสุดท้ายแล้วปราสาทหลังนี้จะเป็นของใคร พูดแบบนี้คงจะเร็วไปหน่อยละมั้ง!”
ในขณะนั้น จี้ยี่หยันที่เดินเข้ามาจากข้างนอก ก็หัวเราะขึ้น
“ฉันเชื่อในตัวพี่ เขาต้องรักษาปราสาทนี้ไม่ให้ใครเอาไปได้แน่นอน”
ฉวีช่วยฉินที่เห็นจู่ๆก็เห็นเขาในตอนนี้ แถมยังช่วยจี้จิ่งเชินพูดอีก ก็พูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ:“ยี่หยัน ตกลงแล้วลูกยืนข้างใครกันแน่?”
“ผมต้องยืนฝั่งที่ถูกต้องแน่นอน”จี้ยี่หยันพูดขึ้น
พอพูดจบ แววตาที่อมยิ้มของเขาก็มองไปที่เวินเที๋ยนเที๋ยน
“ฉันพาแม่ฉันกลับก่อนนะ พวกเราค่อยเจอกันใหม่ ฉันยังมีเรื่องที่อยากพูดกับเธออีกเยอะแยะเลย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับขมวดคิ้ว
“ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับนาย”
จี้ยี่หยันไม่ได้โกรธอะไร เขาหัวเราะพลางดึงฉวีช่วยฉินให้เดินออกมาพร้อมเขา
จี้คางที่คล้อยหลังไป ก็หันไปมองจี้จิ่งเชิน
“เธอก็ระมัดระวังตัวด้วยนะ ถ้าเกิดรักษาเอาไว้ไม่ได้จริงๆ เธอก็ย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านตระกูลจี้ได้นะ”
จี้จิ่งเชินไม่มองเขาด้วยซ้ำ แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“ไม่ต้องหรอก ถึงฉันจะต้องนอนข้างถนน แต่ฉันก็ไม่มีทางเข้าไปที่บ้านนั้นแน่”
สีหน้าของจี้จิ่งเชินนั้นดูแย่ไปชั่วขณะ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร และได้เดินจากไป
พอทุกคนไปหมดแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงพูดขึ้นว่า:“พวกเขามาทำไมกัน?”
“มาแบ่งผลประโยชน์”จี้จิ่งเชินพูดขึ้นอย่างง่ายๆ
พอพูดจบ เขาก็หันไปมองเวินเที๋ยนเที๋ยน แววตาแฝงไปด้วยรอยยิ้ม
“คิดถึงฉันขนาดนั้นเลยหรอ ผ่านไปไม่กี่วันก็มาหาฉันอีกแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดขึ้นอย่างเหนื่อยใจ:“เวลาแบบนี้ นายยังมีกระจิตกระใจจะล้อเล่นอีก?”
จี้จิ่งเชินที่ไม่ได้คิดอะไรพูดขึ้นว่า:“ปราสาทหลังนี้เป็นได้แค่ของฉันเท่านั้น ฉันยังรอที่จะมอบให้คนคนหนึ่งอยู่นะ”
คงจะรอมอบให้คนที่เขารอมาสิบสองปีคนละสิ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย ในใจรู้สึกเจ็บปวด
ในเมื่อตัวเองดันไปยุ่งเรื่องคนอื่นสะเอง
“ในเมื่อนายมั่นใจขนาดนี้ งั้นฉันกลับก่อนละกัน”
พอเธอจะหันหลังกลับ และกำลังจะเดินออกไป จู่ๆจี้จิ่งเชินก็ยื่นมือไปดึงตัวเธอเอาไว้
“เดี๋ยว ช่วยอยู่กินข้าวกับฉันก่อนได้ไหม?”
พอเวินเที่ยนเที๋ยนได้ฟังแล้ว ก็นึกถึงอาหารมื้อเมื่อวาน ดูเหมือนว่าจี้จิ่งเชินยังคงอยากจะดำเนินการยัดเยียดอาหารให้เธอจนถึงที่สุด
เธอลังเลนิดหน่อย พอกำลังจะปฏิเสธ จี้จิ่งเชินก็พูดไม่หยุดแล้วลากเธอเข้าไป
“ในเมื่อเธอมาที่นี่แล้ว ก็อย่าคิดจะหนีเลย ตอนนี้เธอนั่งอยู่ที่นี่ ไม่ก็ไปเล่นที่สวนก่อนก็ได้ พอถึงเวลาแล้วค่อยกลับมาทานข้าว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่ได้ฟังน้ำเสียงของเขา ก็เหมือนเขากำลังกำชับเด็กอยู่
พอเธอจะเงยหน้ามาแย้งกลับบ้าง แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก จู่ๆจี้จิ่งเชินก็โน้มตัวลงมา แล้วจูบลงบนหน้าผากของเธอ
“เชื่อฟังกันหน่อยสิ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ แล้วค่อยๆก้มหน้าลง คำพูดที่จะโต้แย้งกลับเมื่อกี้ไม่มีอีกแล้ว มีแต่บ่นพึมพำเล็กน้อย
“นายจะทำอะไรกันแน่”
แล้วก็รีบหันหลังกลับแล้วเดินออกไปข้างนอก
สวนดอกไม้รอบๆปราสาทของจี้จิ่งเชินกินพื้นที่ไปเยอะมาก กว้างถึงหลายร้อยตารางเมตร
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินเล่นไปแล้วหนึ่งรอบ ก็ใช้เวลาไปครึ่งชั่วโมงกว่าๆแล้ว
เธอยังอยากกลับเข้าไปดูสักหน่อย พอเดินถึงหน้าประตู กลับถูกพ่อบ้านขวางไว้
พ่อบ้านยิ้มหยิมๆแล้วบอกกับเธอว่า:“คุณเวินครับ ยังไม่ถึงเวลาเลยครับ คุณเดินเล่นอีกหน่อยเถอะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้าไปมา
“ฉันเหนื่อยแล้ว ฉันจะเข้าไปนั่งข้างในสักหน่อย”
“งั้นคุณหนูก็ไปนั่งที่ชิงช้า พักผ่อนสักหน่อยนะครับ”
เห็นได้ชัดว่าพ่อบ้านไม่อยากให้เธอเข้าไป และยังคงขวางไว้ที่ประตูอยู่อย่างนั้น
“ตกลงแล้วจี้จิ่งเชินทำอะไรอยู่ข้างในกันแน่?ฉันจะเข้าไปดู”
พ่อบ้านรีบกางแขนออก แล้วขวางประตูเอาไว้
“ยังไม่ได้ครับ คุณผู้ชายให้ผมรออยู่ตรงนี้ ไม่ให้คุณเข้าไป คุณหนูอย่าทำให้ผมลำบากใจเลยนะครับ”
พ่อบ้านแสดงท่าทางออกมาเหมือนจะร้องไห้ น่าสงสารมาก
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่รู้จะทำยังไง เลยได้แค่เดินจากไป
พอเดินในสวนไปได้ไม่นาน จู่ๆก็เห็นแม่บ้านที่กำลังคุยกับคนสวนอยู่ไม่ไกล เธอตกใจเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปหา
“คุณแม่ครัวคะ คุณไม่ได้อยู่ในห้องครัวทำกับข้าวหรอกเหรอคะ?”
แม่ครัวหันมามองเธอ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“วันนี้คุณผู้ชายให้ฉันพักน่ะค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเธอด้วยความสงสัย
วันนี้แม่ครัวไม่ได้ทำอาหาร แล้วใครทำล่ะ?
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย คิดถึงท่าทางของจี้จิ่งเชินเมื่อกี้ ไหนจะยังพ่อบ้านที่จะให้ตายยังไงก็ไม่ยอมเธอเข้าไปข้างในอีก ในหัวเธอนั้นก็เดาไปมา
คงไม่ใช่จี้จิ่งเชินทำอาหารหรอกนะ?
ผู้ชายคนนั้นแค่ต้มน้ำเปล่ายังมีปัญหา จะทำอาหารได้ยังไงกัน?
จู่ๆเวินเที๋ยนเที๋ยนก็กังวลขึ้นมา อยากจะเข้าไปดูเต็มทีว่ามันใช่จริงๆหรือเปล่า
แต่พ่อบ้านกลับขวางประตูไว้ไม่ให้เธอเข้าไป
เธอคิดไปคิดมา ก็เปลี่ยนไปเดินทางอื่น
เธอเดินอ้อมมาครึ่งปราสาท ก็มาถึงด้านหลังปราสาท แล้วทันใดนั้นก็เห็นหน้าต่างบานหนึ่ง
มันเป็นห้องครัวพอดี
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง แล้วค่อยๆย่อตัวลงแล้วหมอบลงบนหน้าต่าง แล้วชะโงกหน้ามองเข้าไปข้างใน
จี้จิ่งเชินที่สวมผ้ากันเปื้อนสีชมพูที่ตัดกับเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสูทสีดำ ทำให้เกิดความรู้สึกที่แปลกและดูไม่เข้ากันชอบกล
เวินเที๋ยนเที๋ยนหมอบอยู่ตรงหน้าต่างอย่างระมัดระวัง และมองดูจี้จิ่งเชินที่หน้านิ่วคิ้วขมวด ทั้งสองมือกำลังหมุนหัวไชเท้าไปมาอยู่
ท่าทางแบบนั้นเหมือนกำลังทำการผ่าตัดให้ผู้บาดเจ็บอยู่เลย ใบหน้าดุดัน
แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขานั้นตั้งใจมาก เขาทำไปแล้วก็ดูสูตรทำอาหารที่ปริ้นท์ออกมาด้วย
เขาเดินไปเดินมาเป็นสิบๆรอบ ในถังขยะมีวัตถุดิบที่ใช้ไม่ได้แล้วอยู่เยอะแยะไปหมด
ตอนนี้ผ่านไปเกือบจะหนึ่งชั่วโมงแล้ว แต่เหมือนจะไม่มีอะไรคืบหน้าเลย
ถ้าให้เขาทำจริงๆ มื้อนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนคงได้ทานพรุ่งนี้ละมั้ง?
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่ดูอยู่ครู่หนึ่ง ก็กำลังจะเดินจากไป
เดินไปเพียงก้าวเดียว จู่ๆก็ดันเหยียบเข้ากับกิ่งไม้ เสียงกิ่งไม่หักดังขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนตกใจจนรีบย่อตัวลง ไม่กล้าขยับไปไหน
จี้จิ่งเชินที่ได้ยินเสียง ก็วางมีดลง แล้วมองไปที่หน้าต่าง
แล้วเดินตรงมาที่หน้าต่าง และพบกับหนูน้อยที่แอบมองอยู่
“เธอกำลังแอบดูหรอ”