เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 192 งั้นก็คิดถึงฉันละสิ
บทที่ 192 งั้นก็คิดถึงฉันละสิ
เวินเที๋ยนเที๋ยนหงุดหงิดนิดหน่อย จี้จิ่งเชินที่เห็นว่าเธอกินไม่ลงแล้วจริงๆนั้น สุดท้ายก็ต้องยอม
“งั้นก็กินน้ำซุปสักหน่อย”
พอพูดจบ เขาก็ยื่นซุปถ้วยเล็กๆไปให้เธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนทำได้เพียงแต่รับมา แล้วค่อยๆฝืนกินทีละนิด
จี้จิ่งเชินที่กำลังมองเธออยู่นั้น เธอเหมือนแมวน้อยที่กำลังถือถ้วย แล้วค่อยๆกินทีละคำๆ แววตาของเขาเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มอันแสนอบอุ่น
“กินเสร็จแล้ว ฉันจะพาเธอเดินไปรอบๆปราสาท”
เวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ที่นี่มาพักใหญ่แล้ว เธอคุ้นเคยกับที่นี่มาตั้งนานแล้ว
ยังจะพาเดินไปอะไรกันอีก?
แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะพูดออกไป แม้ว่าใครๆก็รู้ แต่กลับไม่มีใครกล้าพูดเลย
เธอพูดได้เพียงแค่:“ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ฉันว่าฉันกลับก่อนดีกว่า”
ราวกับว่าจี้จิ่งเชินรอคำพูดนี้อยู่ เขาจึงพูดออกไปว่า:“ในเมื่อดึกแล้ว งั้นก็ค้างที่ปราสาทนี้ก่อนสิ ที่นี่มีห้องเยอะแยะ เธอจะอยู่ห้องไหนก็ได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนตกใจจนรีบส่ายหน้าไปมาทันที
“ไม่ล่ะ ฉันกลับก่อนจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นคุณนายหล่อนกับพ่อบ้านที่รออยู่ที่บ้านคงร้อนใจแย่”
จี้จิ่งเชินมองไปที่เธอ แววตาเคร่งขรึมและดุดัน
เขาบอกกำตัวเองซ้ำๆว่า ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ต้องให้เวลาเวินเที๋ยนเที๋ยนอีกหน่อย
พอย้ำอยู่ในใจหลายรอบอย่างนั้น เขาจึงหยักหน้า
“โอเค งั้นเดี๋ยวฉันเดินไปส่ง”
คนขับรถที่พึ่งทานข้าวที่พ่อบ้านเอามาให้ ก็เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินออกมา จึงรีบลุกขึ้น
“คุณหนู จะกลับแล้วหรอครับ?”
“อื้ม”เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า“กลับกันเถอะ”
พ่อบ้านที่ยืนอยู่อีกฝั่ง ก็มองเวินเที๋ยนเที๋ยนที่ขึ้นรถไป รถค่อยๆไกลออกไป จนกระทั่งรถได้ไปไกลจนมองไม่เห็นแล้ว เขาจึงละสายตา
“คุณชายครับ เมื่อไหร่คุณเวินจะกลับมาอีกล่ะครับ?”
เขาถอนหายใจ และบ่นพึมพำ
จี้จิ่งเชินเอามือไขว่หลัง แล้วหันกลับมามองปราสาท
“อีกไม่นานหรอก”
ความขัดแย้งไม่ลงลอยของจี้จิ่งเชินกับเว่ยเอ๋อ ในวันถัดมาเรื่องนี้ก็แพร่สะพัดไปถึงเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว
ใครๆก็อยากรู้ว่าปราสาทโบราณหลังนี้ สุดท้ายแล้วอำนาจจะตกอยู่ที่ตระกูลไหน ถ้าหากถูกเว่ยเอ๋อยึดไปละก็ งั้นจี้จิ่งเชินก็คงถูกยึดข้าวของแล้วโดนไล่ออกจากปราสาทจริงๆ
บางคนก็รอที่จะดูเกมหมากนี้ บางคนก็ไม่พอใจกับพฤติกรรมของเว่ยเอ๋อ
คุณเว่ยเอ๋อถือได้ว่าเป็นคนที่เปิดเผยและตรงไปตรงมา หลังจากวันนั้น เขาก็ไม่ไปที่ปราสาทนั้นอีกเลย และก็ไม่ได้มีลูกไม้หรือเล่ห์เหลี่ยมอะไร แถมยังส่งหลักฐานที่มีไปให้สำนักงานอัยการ และขอให้พวกเขาตัดสิ้นเรื่องนี้
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินข่าวนี้แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะไปปราสาทอีกรอบ
ยังไม่ทันที่จะได้เข้าไป รถก็ถูกคนขวางเอาไว้
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้ามอง ก็เห็นว่าจี้ยี่หยันยืนอยู่นอกรถ
เขาสวมชุดสูท และยืนอยู่บนถนน เขายิ้มอย่างอ่อนโยนและมองมาที่เวินเที๋ยนเที๋ยน
พอเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนที่มองมา เขาก็รีบโบกมือ แล้วเดินมาพิงที่ประตูรถ
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เที๋ยนเที๋ยน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้ว
ในตอนนี้คนขับรถก็ได้พูดขึ้นว่า:“คุณหนู เราจะอ้อมไปดีไหมครับ?”
เธอโบกมือเล็กน้อย
“ไม่ต้องหรอก”
พอพูดจบ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ผลักประตูแล้วเดินลงมา
จี้ยี่หยันเดินมาที่ด้านหน้าของเธอแล้วพูดขึ้นว่า:“ฉันรู้ว่าเธอจะไม่เป็นอะไร ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอละก็ ฉันคงรู้สึกเสียใจมากแน่ๆ”
ตอนแรกเขากับเจี่ยงเนี่ยนเหยาตกลงกันไว้แล้ว ว่าจะไม่ทำร้ายเวินเที๋ยนเที๋ยน แต่ภายหลัง เธอกลับกลับคำ
พอนึกถึงเรื่องนี้ เขาก็หรี่ตาลงเล็กน้อย และไม่พอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่กำลังมองเขาอยู่ก็ถามขึ้นว่า:“นายมาอยู่ที่นี่ได้ไง?”
จี้ยี่หยันหัวเราะเล็กน้อย
“ฉันมากับพ่อแม่น่ะ ครั้งนี้ทะเลาะกันใหญ่โต พวกเราเป็นห่วง เลยมาดูสักหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น”
จี้คางกับฉวีช่วยฉินก็มาด้วยหรอ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนมีความทรงจำที่ไม่ดีกับคนของครอบครัวจี้จิ่งเชินเท่าไหร่นัก ตั้งแต่รุ่นก่อนก็ได้ทำเรื่องไม่ดีเอาไว้ ยากที่จะกลับไปคืนดีกันได้
แต่เธอรู้สึกว่า อีกฝั่งมาด้วยเจตนาที่ไม่ดี
พอฟังเขาพูดจบ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เดินเข้าไปข้างในทันที
จี้ยี่หยันที่เห็นว่าเธอไม่ได้สนใจเขาเท่าไหร่นัก ก็รีบยืนมือไปจับตัวเธอเอาไว้
“เป็นอะไร?ทำไมถึงเย็นชาขนาดนี้?อารมณ์ไม่ดีหรือยังไง?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่มองเขาแม้แต่น้อย และได้สะบัดมือเขาออก
“ตอนแรกคนที่พาฉันกับหมินอันเกอออกจากโรงพยาบาล แล้วก็สร้างข่าวเสียๆหายๆคือนายกับเจี่ยงเนี่ยนเหยาใช่ไหม?พวกนายรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่?มีจุดประสงค์อะไร?”
แค่คำพูดของเวินเที๋ยนเที๋ยนประโยคเดียว ก็ทำให้จี้ยี่หยันอึ้งไปในชั่วพริบตา
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงจะค่อยๆยกมุมปากขึ้น แต่แววตาไม่ได้แฝงไปด้วยรอยยิ้มใดๆเลย แถมยังแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์อีกด้วย
“เธอรู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้ตอบอะไร แล้วเดินมุ่งหน้าเข้าปราสาทต่อไป
ในห้องรับแขก จี้คางและฉวีช่วยฉินกำลังถกเถียงกับจี้จิ่งเชินอยู่
พวกเขาที่ได้ข่าวเรื่องปราสาทแล้ว ก็ใช้โอกาสนี้มาดูๆสักหน่อย แต่คาดไม่ถึงว่าจี้จิ่งเชินจะไม่รู้อะไรเลย และทำเหมือนกับพวกเขาเป็นอากาศ และก็ไม่ได้สนใจอะไรพวกเขาเลย
ฉวีช่วยฉินไม่พอใจทันที และพูดด้วยความโกรธว่า:“พวกเราก็แค่เป็นห่วงเธอ แต่เธอล่ะ?พวกเราหวังดี กลับมองว่าเรามาร้ายซะงั้น นี่มันกี่ครั้งแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเธอใช้สกุลจี้ ใครมันจะไปสนเรื่องบ้าๆของเธอกัน?”
จี้จิ่งเชินช้อนสายตาขึ้นมองคนที่อยู่ด้านหน้าทั้งสองคน
ฉวีช่วยฉินนะหรอที่เป็นห่วงเราเลยมาหา?
เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว!
มาขอแบ่งผลประโยชน์ซะมากกว่า?
ส่วนจี้คางที่อยู่ข้างๆนั้น เขาไม่อยากจะพูดอะไรมาก มันไม่มีอะไรสำหรับเขาที่จะพูด
จี้จิ่งเชินตอบกลับไปว่า:“ในเมื่อทั้งสองท่านคิดว่าผมต้องรับได้ไม่ดี งั้นก็เชิญกลับไปได้แล้ว”
“นี่เธอ!”
ฉวีช่วยฉินชักสีหน้าไปที่เขา กำลังจะเปิดปากด่าออกมา
ในตอนนั้น จี้จิ่งเชินแววตาเป็นประกาย จู่ๆเขาก็ลุกขึ้นมา ให้กับคนที่อยู่ด้านหลังพวกเขา
“เธอมาแล้วหรอ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดไม่ถึงว่า พอจี้จิ่งเชินเห็นตัวเองแล้วจะมีปฏิกิริยาแบบนี้ เธออึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า
ในตอนนั้นจี้คางและฉวีช่วยฉินก็มองมาด้วย ในสายตาที่มองมาที่เธอนั้นแฝงไปด้วยความสับสน ยากที่จะบรรยายได้
จี้จิ่งเชินเดินตรงไปที่เธอ แล้วหัวเราะออกมาเบาๆ
“คิดถึงฉันอีกแล้วละสิ ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่รู้มาก่อนว่าจี้จิ่งเชินจะหน้าหนาได้ขนาดนี้ เธอไม่ได้ตอบโต้อะไร แล้วก็เดินเข้าไปข้างใน
“ฉันได้ยินมาว่าเว่ยเอ๋อได้ยื่นฟ้องศาลแล้ว ฉันเลยมาดูๆนายสักหน่อย”
จี้จิ่งเชินพยักหน้าแล้วพูดว่า:“งั้นก็แปลว่าคิดถึงฉันแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกจนใจ จนกระทั่งคิดว่าจี้จิ่งเชินที่อยู่ตรงหน้ากับคนที่เคยอยู่ในความทรงจำนั้นเป็นคนละคนกันเลยทีเดียว เขามีความเป็นเด็กน้อยขึ้นมานิดหน่อย
แต่กลับไม่มีทางที่จะโกรธเขาได้เลย
เธอที่พึ่งเดินเข้ามา ฉวีช่วยฉินที่ได้เจอเธอ ก็ตำหนิขึ้นมาทันที
“นี่ลูกสาวบุญทำของคุณนายหล่อนไม่ใช่หรอ?มีเวลาว่างมาที่นี่ได้ไง?”
เสียงที่ฟังดูเสียดสีกระแนะกระแหน ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนต้องเหลียวหลังกลับไป แล้วมองไปที่เธอ
ฉวีช่วยฉินที่เห็นแววตาของเธอนั้นก็พูดขึ้นว่า:“ทำไม?หรือที่ฉันพูดมันไม่จริง?”
ในสายตาเธอ ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านั้น เพราะเห็นแก่เงินเลยแต่งงานกับจี้จิ่งเชิน ไม่อย่างนั้นก็เป็นได้แค่เด็กกำพร้าที่อยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ไม่มีใครเอา
ถึงแม้จะถูกคุณนายหล่อนชุบเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม ก็ไม่มีใครเอาอยู่ดี!