'รักข้ามรุ่น' กับคุณลุงจอมขรึม - ตอนที่ 113 เธอเป็นคนที่ตาต่อตาฟันต่อฟันเลือดก็ต้องแลกด้วยเลือดหลานซาน
- Home
- 'รักข้ามรุ่น' กับคุณลุงจอมขรึม
- ตอนที่ 113 เธอเป็นคนที่ตาต่อตาฟันต่อฟันเลือดก็ต้องแลกด้วยเลือดหลานซาน
นี่คือกลิ่น…?
เมื่อเห็นว่าเธอกำลังมองไป ชายคนนั้นก็เก็บอารมณ์ทั้งหมดของเขาไว้จากนั้นโค้งคำนับด้วยความเคารพ “ขอโทษด้วย รบกวนคุณแล้ว”
“ไม่ ไม่เป็นไร”
ภายในใจของเยี่ยหลานซานนั้นเกิดความสงสัยขึ้น แต่เธอก็ยังคงเดินลงไปด้านล่าง
บริกรชายที่แปลกประหลาดคนนั้นก็ยังคงเดินตามมาด้านหลังของเธอ
รู้สึกเหมือนกับว่ากำลังโดนติดตาม
บันไดเงียบจนน่ากลัว มีเพียงเสียงฝีเท้าของพวกเขาสองคน
สิ่งแรกคือเสียงที่ชัดเจนของรองเท้าส้นสูงที่กระทบกับพื้น อีกเสียงคือเสียงรองเท้าหนังที่เหยียบลงบนพื้น
เยี่ยหลานซานรู้สึกเสียวสันหลังวูบอย่างไม่สามารถอธิบายได้ เธออดไม่ได้ที่จะเร่งความเร็วของฝีเท้าเพื่อไปลงยังอีกชั้น เธอรีบออกจากประตูของบันไดและซ่อนตัวอยู่มุมกำแพง เธอตั้งใจฟังเสียงฝีเท้าของชายคนนั้น
โชคดี ที่เขาไม่ได้ตามมา เสียงฝีเท้าของเขาก็ไกลออกไป
เหมือนกับว่าจะลงไปชั้นถัดไปแล้ว
“ฟู่ว…”
เธอถอนหายใจ
ไม่รู้ว่าเพราะเธอนั้นคิดมากไปหรือเปล่า เธอรู้สึกว่าพนักงานเสิร์ฟคนนั้นมีท่าทีแปลก เขาดูอึมครึม แล้วก็ ร่างกายของเขามีกลิ่นที่คล้าย…
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นด้านหลังเธอ “หลานซาน!”
“!!!”
เยี่ยหลานซานรีบหันหลังกลับไปในทันที เธอก็พบเข้ากับหานเวยที่แต่งหน้าแบบจัดเต็ม
“เธอมาแล้วทำไมไม่เข้าไป ยืนอยู่ตรงนี้ทำไม?” หานเวยกล่าวและหุบยิ้มบนใบหน้าของเธอ “ทำไมทำสีหน้าแปลกแบบนั้น?”
“เปล่าเสียหน่อย”
เยี่ยหลานซานเก็บความสงสัยเอาไว้ภายในใจ เธอเดินตามหานเวยไปยังห้องVIPและถาม “ไม่ใช่ว่าอยู่ห้องโถงใหญ่ชั้นหนึ่งหรือ มาทำไมที่นี่?”
หานเวยเบ้ปากของเธอ “บอกว่าเป็นงานเลี้ยงของเฉียวหย่วนฟาน แต่จริงๆแล้วเป็นงานที่สร้างเสริมความสัมพันธ์ของคนรวยๆต่างหาก เธอคิดจริงๆเหรอว่าเขาเชิญเรามางานเลี้ยงวันเกิดน่ะ?”
บนใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มเยาะเย้ย
เยี่ยหลานซานถาม “ทำไมแบบนั้น?”
“อย่างแรก ให้เรามาสร้างสีสันบรรยากาศในงานเลี้ยง เขาไม่สามารถให้ลูกสาวคนรวยมาร้องรำทำเพลงได้ใช่ไหมล่ะ? สองคือการโปรโมท จิ้งจองเก้าหาง ผ่านทางทีวีดาวเทียม เผยความฮอตต่อผู้คน เราได้เดินพรมแดงและแสดงตัวต่อหน้าสื่อแล้ว ตอนนี้ไม่มีสื่อใดๆบนเรือลำนี้ เขาให้เราแสดงตัวได้อย่างเป็นธรรมชาติ”
หานเวยเผยให้เห็นว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเจอเรื่องราวเช่นนี้ “ก่อนหน้านี้เขาก็ทำเช่นนี้ ไม่ใช่เพียงครั้งสองครั้ง”
ภายในใจของเยี่ยหลานซานโล่งใจมากขึ้น “ไม่จำเป็นต้องสนใจ พวกเรามาสนุกด้วยกันก็พอแล้ว”
ช่องว่างระหว่างสังคม นี่คือข้อเท็จจริงที่น่ากลัว ต่อให้ไม่ต้องเกรงใจก็คงทำไม่ได้ หานเวยเปลี่ยนหัวข้อเรื่องอย่างรวดเร็ว “แล้วทำไมเธอมาที่นี่ไวจัง? พวกเธอเสร็จภารกิจกันแล้วเหรอ?”
มุมปากของเยี่ยหลานซานกระตุก เธอกล่าวเน้นย้ำ “พวกเราทั้งสองไม่มีอะไรกันทั้งนั้นแหละ”
“เธออย่ามาโกหกฉัน”
หานเวยแสดงสีหน้าว่าเธอนั้นรู้ทุกอย่าง “…….”
เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของหานเวยดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ เธอจึงกล่าวให้เธออารมณ์ดียิ่งขึ้น “เรื่องของแม่เธอ เขารับเรื่องไปแล้ว พวกเราก็รอข่าวได้เลย”
สีหน้าของหานเวยนั้นประหลาดใจ “จริงเหรอ?”
“ใช่”
ด้วยการยืนยันของเยี่ยหลานซวาน รอยยิ้มบนใบหน้าของหานเวยก็สดใสและมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น
……..
เมื่อเทียบกับเมืองหลวงบรรดาผู้ดีที่ร่ำรวยและมั่งคั่งรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนเพื่อดื่มสังสรรค์ ห้องVIPนี้เงียบกว่าเป็นเท่าตัว มีเพียงไม่กี่คนที่สังเกตเห็นว่าเยี่ยหลานซานสวมชุดสีม่วงที่ดูลึกลับและงดงามเดินเข้ามาภายในงาน
หานเวยกล่าวเตือนพวกเขา “เมื่อกี้ใครบอกว่าเป็นแฟนคลับของคุณเยี่ยนะ? เหมือนกับว่าเธอมาแล้ว ไม่รีบไปต้อนรับเหรอ?”
เมื่อสิ้นเสียงของเธอ หลี่ฮ่าวเฉิงนักแสดงสมทบและนักแสดงหน้าใหม่คนหนึ่งหน้าแดง จากนั้นพวกเขาก็ลุกขึ้น
“เยี่ยหลานซาน เพลงที่คุณร้องก่อนหน้านี้ไพเราะมาก”
“ขอบคุณ”
เยี่ยหลานซานยิ้มตอบรับ
หลังจากเกาซินซินดื่มไวน์หมดแก้วก็เห็นว่าเยี่ยหลานซานและหานเวยยืนพูดคุยกับหลี่ฮ่าวเฉิง พวกเขากำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
นึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่เยี่ยหลานซานร้องเพลงที่น่าทึ่งต่อหน้าทุกคน รูปลักษณ์ที่งดงามของเธอได้สร้างหน้าสร้างตาให้กับบริษัทและขโมยความฮอตของเธอไป สิ่งนี้ยิ่งกระตุ้นความไม่พอใจของเฉียวหย่วนฟานที่มีต่อเธอ เธอไม่พอใจ!
ตอนนี้เธอควรจะที่ดื่มฉลองและพูดคุยกับคนที่มั่งมีภายในห้องนี้ ไม่ใช่ว่าให้นักแสดงตัวประกอบเหล่านั้นมาพูดคุยอย่างสนุกสนาน!
หากว่าวันนี้คนที่งดงามและสง่าคือเธอ เธอจะไม่ได้รับการปฏิบัติแบบนี้!
ก้นบึ้งของจิตใจเธอก่อเปลวไฟขึ้นในทันตา
ทั้งหมดต้องโทษเยี่ยหลานซานที่โกหกเธอ!
เมื่อจ้องมองไปที่ความงามอันน่าหลงใหลนั้น ความขยะแขยงฉายขึ้นในดวงตาของเธอ แต่เธอก็ยังแสร้งทำเป็นทักทายเธอด้วยท่าทางที่หวังดี “พี่ พี่มาแล้ว พวกเรารอพี่ตั้งนาน”
“….”
เยี่ยหลานซานไม่สนใจเธอ ตรงไปยังข้างกายของผู้กำกับต่งและทักทายทุกคน
“เมื่อกี้ที่เธอร้องเพลงน่ะเสียงดีกว่าต้นฉบับอีก เอาใจคนทั้งห้องไปเลย มีคนอัปโหลดเสียงร้องเพลงของเธอไปลงบนยูทูปด้วย หลายคนบอกว่านี่คือเสียงไพเราะอย่างธรรมชาติ”
“ใช่ ตอนนั้นฉันยังได้ยินอีกว่ามีคนรวยบางคนจะจ่ายเงินเพื่อให้เธอร้องเพลงด้วยล่ะ!”
“ไม่ได้ ไม่ได้ พวกเป็นทีมเดียว เธอต้องร้องเพลงให้เราฟังอีก!”
“……..”
ผู้คนต่างส่งเสียงร้องโห่มากขึ้น
แม้แต่ผู้กำกับต่งก็ยังยิ้มและพูดว่า “หลานซาน เธอทำให้ฉันประหลาดใจมาก ฉันคิดไว้ว่าจะให้เธอร้องเพลงประกอบละครจิ้งจองเก้าหาง”
เยี่ยหลานซานไม่คาดคิดว่าเธอจะทำได้
เธอถูกเกาซินซินบังคับให้ร้องเพลง ในตอนนี้เธอได้รับกระแสตอบรับอย่างดี ได้รับโอกาสให้ร้องเพลงประกอบละคร?
แต่…
ให้ตาย เธอร้องเพลงนั้นได้แค่เพลงเดียว!
เกาซินซินเห็นความลำบากใจบนใบหน้าของเธอ และนึกได้ว่าเธอเคยบอกไว้ว่าเธอร้องได้แค่เพลงนั้นเพลงเดียว ภายในใจของเธอก็รู้สึกภูมิใจในทันที
ดังนั้นเธอจึงกระตุ้นรอบข้าง “พี่ อย่าเขินอายไปเลย ทุกคนอยากได้ยินเพลงที่น่าอัศจรรย์ของพี่อีกครั้ง พี่แค่ร้องเพลงอีกสักเพลง แค่นี้ ผู้กำกับต่งก็จะได้วางใจให้พี่ร้องเพลงประกอบละครไง!”
“ไม่งั้นคนอื่นๆก็คงคิดว่าพี่น่ะคงจะไม่เหมาะสม”
สีหน้าของเกาซินซินจงใจกระตุ้นเธอ
เยี่ยหลานซานมองไปเห็นการเยาะเย้ยในดวงตาของเธอ
เธอหัวเราะเบาๆและดึงเกาซินซินให้ลุกขึ้น “อย่างที่บอกไปว่าเราสองคนจะเต้นคนนึง ร้องเพลงคนนึง แต่ตอนนั้นมีแค่ฉันที่ร้องเพลง แต่เธอกลับไม่ได้เต้น น้องพี่ ไม่อย่างนั้น ฉันจะร้องเพลงอีกครั้ง เธอก็เต้นเพลงนี้ให้จบเสียก่อน?”
เกาซินซิน “……” !!!
เมื่อไหร่กันที่เยี่ยหลานซานมีไหวพริบขนาดนี้?
เธอยังคงเป็นคนก่อนหน้านี้ที่ไม่ชอบต่อสู้กับตนเอง ไม่ชอบทำอะไรเกินตน ดูเหมือนกับว่าเป็นเยี่ยหลานซานที่ไม่มีความปรารถนาและไม่มีความต้องการใดๆเลยใช่ไหม?
เธอไม่รู้เลยว่าเยี่ยหลานซานคนที่อ่อนข้อก่อนหน้านี้ เป็นเพราะว่าห่วงใย
ห่วงใยดั่งแม่และลูก
ห่วงใยดั่งพี่น้อง
เธอคิดเสมอว่าความอดทนในช่วงเวลานั้นของเธอจะสามารถทำให้เธอเข้ากับตระกูลเกาคนนี้ได้บ้าง
แต่น่าเสียดาย ทุกอย่างเป็นเพียงภาพในจิตนาการของเธอ
ตอนนี้เธอแยกออกจากตระกูลเกาโดยสมบูรณ์ ความสัมพันธ์ทางสายเลือดนี้เป็นโซ่ตรวนมัดเธอไว้ได้อย่างไร?
เดิมทีเธอเป็นคนที่ต้องชำระแค้นคืน เป็นคนที่ตาต่อตา ฟันต่อฟัน เลือดก็ต้องแลกด้วยเลือดหลานซาน!