ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 137 จิ้งอ๋องพาหยุนชางพบซุ่นชิ่งอ๋อง
ทุกคนตะลึง เห็นจิ้งอ๋องสวมเสื้อคลุมสีม่วงเข้ม ก้าวเข้ามาจากประตูสวน ใบหน้าที่หล่อเหลา คิ้วที่คมชัด ดั้งจมูกที่สูงเด่น และริมฝีปากที่บางแต่เต็มอิ่ม ดวงตาที่คมและลึกล้ำ ให้ความรู้สึกที่กดดันอย่างไม่รู้ตัว ชายชุดแดงที่อยู่ข้างหลังเขานั้นงามล่มบ้านล่มเมือง ไม่เหมือนหญิงแต่งามกว่าหญิงสาวทั่วไป แต่มีรอยยิ้มที่เจ้าชู้บนใบหน้าของเขา ดวงตาของเขามองไปมาระหว่างหยุนชางและจิ้งอ๋อง
หยุนชางขมวดคิ้ว จิ้งอ๋องคนนี้ ช่างรู้วิธีสร้างศัตรูให้กับนางจริง หยุนชางมองดูหญิงสาวด้านหลังที่มีท่าทางค่อนข้างคลั่งไคล้ ในใจก็หงุดหงิดมากขึ้น นับว่านางเข้าใจแล้วว่า หญิงสาวเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในลานที่เหล่าหญิงสาวรวมตัวกัน แต่มานั่งฟังพระชายาซุ่นชิ่งสนทนาพูดคุยกับฮูหยินทั้งหลายแทน ก็เพื่อ คงจะรอจิ้งอ๋องมากล่าวคำอวยพรให้พระชายาซุ่นชิ่ง
พระชายาซุ่นชิ่งขอให้นางพาหญิงสาวเหล่านี้ออกมา เกรงว่าพวกนางจะไม่ค่อยมีความสุขนัก แต่เพราะนางเป็นองค์หญิง จำต้องฝืนใจตามมา และบางทีพวกนางอาจอยากจะดูว่า หญิงที่จะมาเป็นชายาของจิ้งอ๋องมีความพิเศษเยี่ยงไร?
"ชิชะ ลั่วชิงเหยียนเจ้าใจร้ายจริงๆ ข้าไม่รู้เลยว่า เจ้ากับองค์หญิงหยุนชางมาถึงจุดที่ไม่ใช่เจ้าไม่ขอแต่งเลยรึ โถสวรรค์ คำพูดเช่นนี้ก็ออกจากปากของเจ้าได้ ข้าควรที่จะต้องไปดูสักหน่อย ว่าหิมะที่ตกลงมาในเมื่อคืนนี้เป็นสีแดงหรือเปล่า" แววตาที่เกินจริงของหวังจิ้นฮวนดึงดูดสายตาเหล่าหญิงสาวเล็กน้อย ชายหนุ่มผู้นี้งามเหลือเกิน
หยุนชางเบ้ปากอย่างครุ่นคิด "ข้าก็ไม่รู้มาก่อนว่า ตั้งแต่เมื่อใดกันที่เสด็จอา รักข้ามากมายเช่นนี้… เสด็จอา หากท่านพูดเช่นนี้ ท่านก็ไม่กลัวว่าคุณชายหวังจะงอนท่านหรือเพคะ บทละครนี้คือ สมจริงมากเพคะ" พูดจบ ก็ไม่เปิดโอกาสให้จิ้งอ๋องได้โต้เถียง ยิ้มแล้วหันหลังเรียกเหล่าหญิงสาวที่อยู่ข้างหลังนาง "คุณหนูทั้งหลาย เราไปเดินเล่นที่สวนด้านหน้ากันเถอะ" หลังจากพูด นางก็เดินนำเหล่าหญิงสาว เดินเลี่ยงผ่านจิ้งอ๋องและหวังจิ้นฮวน และออกไปที่ประตู
แต่ว่าตอนที่เดินผ่านหวังจิ้นฮวน นางก็แอบยื่นมือออกมา และดีดเข็มใส่ด้านหน้าของหวังจิ้นฮวนหวังจิ้นฮวนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ร้องด้วยความเจ็บปวด และกระโจนใส่จิ้งอ๋อง "ลั่วชิงเหยียน เจ้าลอบทำร้ายข้า?"
เมื่อทุกคนได้ยินเสียงและหันไปมอง ก็เห็นหวังจิ้นฮวนกอดจิ้งอ๋องอยู่ เม้มปากและมองไปที่จิ้งอ๋องด้วยน้ำตาที่คลออยู่ในดวงตาของเขา มันเป็นฉากที่ลำบากใจที่จะพูดจริงๆ! หญิงสาวที่อยู่ตรงนั้นล้วนเป็นหญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานจากตระกูลชั้นสูง ได้เห็นฉากดังกล่าว ต่างก็หน้าแดง และรีบตามหยุนชางออกจากสวนอย่างรวดเร็ว
ในสวนเหลือเพียงจิ้งอ๋องและหวังจิ้นฮวน หวังจิ้นฮวนดูสับสน เขากำลังคิดว่าจะทำผลงานได้ดีต่อหน้าสาวๆเหล่านั้น แต่ใครจะรู้จู่ๆเขารู้สึกปวดเท้าอย่างกะทันหัน เขารู้สึกว่า เขาจะเสียหน้าคนเดียวไม่ได้ จึงจงใจลากจิ้งอ๋องมาเกี่ยว แต่ตอนนี้ มันมีบางอย่างผิดปกติ
จิ้งอ๋องมองไปที่แสงสีเงินบนพื้น เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ยื่นมือออกไปอย่างเงียบๆ และทำลายเข็มเงินไม่ให้เหลือร่องรอย
"เจ้าไม่ใช่บอกว่าจะไปอวยพรวันเกิดให้พระชายาซุ่นชิ่นหรอกรึ ยังชักช้าอยู่ทำไม ทำไมยังไม่รีบเข้าไปล่ะ" จิ้งอ๋องพูดอย่างเย็นชา
หวังจิ้นฮวนขดปาก ยืนขึ้น และเดินเข้าไปในห้อง ยังไม่ทันจะเดินเข้าไป ก็ได้ยินเขาตะโกนเสียงดังว่า "พระชายา กระหม่อมมาเยี่ยมท่านแล้ว! คิดถึงกระหม่อมไหมขอรับ
…"
หยุนชางก้มศีรษะลง ในหัวกำลังคิดอยู่ว่า ควรตรวจสอบหวังจิ้นฮวนอย่างละเอียดดู แม้ว่าคนๆนี้ดูเหมือนจะไม่น่าเชื่อถือ แต่เขาในฐานะลูกชายของเจ้ากรมกลาโหม แต่มักจะอยู่กับจิ้งอ๋องตลอดเวลา มันยากมากที่จะไม่ทำให้คนไม่รู้สึกสงสัยในตัวเขา
"อ่า มันเป็นเช่นนี้เองหรอกหรือ องค์หญิงก็อย่าได้ทรงเศร้าพระทัยไปเลยนะเพคะ…" จู่ๆ จิ่งเหวินซีก็พูดขึ้น แต่คำพูดที่ดูเหมือนกำลังปลอบโยนนั้น กลับทำให้คนที่ได้ฟังรู้สึกว่ามีความยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่นอยู่ในน้ำเสียงเล็กน้อย
หยุนชางถอนหายใจอย่างเงียบๆ "ไม่เป็นไร จริงๆแล้วชางเอ๋อร์รู้เรื่องนี้มานานแล้ว เสด็จอาขอให้เสด็จพ่อประทานงานอภิเษกสมรส เพียงเพราะเขากลัวว่าเรื่องของเขากับคุณชายหวังจะถูกแพร่งพราย ข่าวลือจะทำร้ายคุณชายหวัง และชางเอ๋อร์สุขภาพไม่แข็งแรงมาตลอด และไม่ชอบออกไปไหน ย่อมเป็นเกราะกำบังที่ดีที่สุด เพียงแต่ว่าคำเหล่านี้และสิ่งที่พวกเจ้าเห็นในเมื่อครู่นี้ ชางเอ๋อร์หวังว่าจะลืมไปเสียแต่ตอนนี้ เสด็จอามีนิสัยไม่ดีนัก และท่านปกป้องคุณชายหวังเป็นพิเศษ ถ้าท่านทราบเรื่องนี้ เกรงว่าชางเอ๋อร์ก็จะไม่สามารถปกป้องพวกเจ้าได้"
ทุกคนตอบรับซ้ำๆ แต่หญิงคนก่อนที่โต้ตอบจิ่งเหวินซีหันมา มองที่หยุนชางด้วยสายตาที่กำลังค้นหาอะไรบางอย่าง
"นี่คือน้องสาวของพระชายาซื่อจื่อ เวินหยูอวี้ เป็นบุตรสาวนางสนม แต่ได้รับความโปรดปรานอย่างมาก มีนิสัยไม่ดีนัก" เสียงของเฉี่ยนอินดังขึ้นอีกครั้ง
หยุนชางพยักหน้า ยิ้มและหันศีรษะไปที่เวินหยูอวี้ "คุณหนูเวินช่างงามเหลือเกิน เป็นหญิงที่งามที่สุดเท่าที่ชางเอ๋อร์เคยพบเห็น"
เวินหยูอวี้เลิกคิ้ว แต่หลบสายตาและหันมองระยะไกล ไม่ตอบรับคำใดๆ
ดวงตาของจิ่งเหวินซีฉายแววโหดเหี้ยม แล้วนางยิ้มอย่างไร้เดียงสา "พี่เวินเป็นบุตรสาวที่ได้รับความโปรดปรานมากที่สุดในตระกูลเวิน แน่นอนว่ารูปงามมากจริงๆ เครื่องประดับที่พี่เวินใช้ไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกเราที่เป็นบุตรสาวตำหนักใหญ่เลย อีกทั้งเวลามีงานเลี้ยง เวินฮูหยินก็จะพาพี่เวินมาด้วยตลอด ในอนาคตพี่เวินจะได้แต่งกับคนดีๆอย่างแน่นอน มีบุญมากกว่าเรามาก ดังนั้นจึงไม่ชอบสนใจใคร องค์หญิงโปรดอย่าเกรี้ยวเลยเพคะ"
หยุนชางหรี่ตาเล็กน้อย ดูเหมือนว่า จิ่งเหวินซีที่ดูไร้เดียงสา นางถูกเวินหยูอวี้ปราบปรามตลอด แต่นางก็ไม่เกรงกลัวเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนนางจะไม่ได้กังวลมากนัก แต่คำพูดนี้ชี้ให้เห็นทันทีว่าเวินหยูอวี้เป็นบุตรสาวนางสนม และทำให้บุตรสาวในตำหนักใหญ่ทุกนางรู้สึกว่าเวินหยูอวี้ในฐานะบุตรสาวนางสนม เครื่องประดับที่ใช้ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าของพวกนาง จึงทำให้หญิงสาวเหล่ารู้สึกคิดร้ายต่อเวินหยูอวี้เล็กน้อย และอีกทั้งรูปลักษณ์ที่สวยงามของเวินหยูอวี้ ทางตระกูลเวินก็ตั้งใจให้นางสานสัมพันธ์กับคุณชายของตระกูลอื่น อยากให้นางได้แต่งงานกับตระกูลชนชั้นสูง อีกทั้ง มีความหยิ่งผยอง รู้สึกว่าตนสามารถสมรสกับคนฐานะดี ดังนั้นนางจึงไม่อยากจะสนใจใครแม้แต่องค์หญิงอย่างตน ผู้คนในระดับชนชั้นสูงใดที่ไม่สนใจแม้แต่องค์หญิงล่ะ แน่นอนย่อมเป็นราชวงศ์ แม้จะไม่มีคำพูดที่ชัดเจน แต่ความหมายมันก็ชัดเจนมาก ต้องการจะให้ตนสกัดกั้นเวินหยูอวี้ เพื่อไม่ให้นางเข้าวังได้
หยุนชางยิ้มและพูดว่า "คุณหนูเวินมีนิสัยที่จริงใจไม่น้อยเลย" จากนั้นเดินไปในสวนที่มีหญิงสาวโดยไม่พูดอะไรอีก
จิ่งเหวินซีเห็นว่าหยุนชางพูดเช่นนี้ ก็ได้แต่นิ่งเงียบไป โดยคาดว่าหยุนชางต้องโกรธเวินหยูอวี้ มีความปิติยินดีเล็กน้อยในใจนาง และรีบติดตามหยุนชางอย่างใกล้ชิด
แม้ว่าในลานที่หญิงสาวกำลังพักผ่อนอยู่ คนส่วนใหญ่จะเป็นคนที่หยุนชางรู้จักมาก่อนในชีวิตภพที่แล้ว แต่ภพนี้หยุนชางยังไม่เคยได้ทำความรู้จักกัน จึงไม่สามารถรีบเร่งเข้าหาได้ ดังนั้นนางหาที่นั่งพักผ่อน และนั่งซักพัก มีเพียงจิ่งเหวินซีเท่านั้นที่มีความสนใจ พูดคุยกับหยุนชาง สนทนากันในเรื่องตั้งแต่เสื้อผ้าและเครื่องประดับที่เป็นที่นิยมในเมืองหลวง จนถึงเรื่องพี่น้องในจวน หยุนชางเพียงแต่รับฟัง ไม่ได้ตอบอะไร
หลังจากนั่งได้สักพัก ก็ถึงเวลาจัดงานเลี้ยง ทางจวนจึงมอบหมายให้พระชายาซื่อจื่อมาเชิญทุกคนไปที่ห้องโถงใหญ่ เพื่อทานอาหารเย็น
จิ้งอ๋องเห็นหยุนชางแต่ไกล ลุกขึ้นยืน เดินลงบันไดไปทางหยุนชาง ยิ้มแล้วกล่าวว่า "ทำไมถึงเพิ่งมาป่านนี้ ไป มานั่งทางนี้ เสด็จอาบอกอยากจะพบเจ้า"
เสด็จอาจากปากของจิ้งอ๋องก็คือซุ่นชิ่งอ๋อง
หยุนชางก้มศีรษะ ตามจิ้งอ๋องไปที่ที่นั่งแขกอย่างเชื่อฟัง พูดกับซุ่นชิ่งอ๋องและพระชายาซุ่นชิ่งว่า "ชางเอ๋อร์ขอคารวะซุ่นชิ่งอ๋อง พระชายาซุ่นชิ่ง"
ซุ่นชิ่งอ๋องได้ยินเข้าก็หัวเราะเสียงดัง และกล่าวว่า "ดี ดี ดี วันส่งท้ายปีเก่าไม่มีโอกาสได้ทักทายเจ้า ตอนนี้ชางเอ๋อร์ก็โตขนาดนี้แล้ว ครั้งสุดท้ายที่ข้าเห็นเจ้า เจ้ายังเป็นเด็กน้อยอยู่เลย ชิงเหยียนอยู่คนเดียวมาตั้งหลายปี ข้าคิดว่าเขาไม่มีเจตนาที่จะแต่งงานแล้ว แต่ไม่อยากคิดว่าเขาจะหมายปองเด็กน้อยอย่างเจ้า คนที่ชิงเหยียนหมายตานั้นแน่นอนว่าต้องเป็นหญิงที่ดีมาก"
จิ้งอ๋องเกี่ยวปากแล้วยิ้ม "หลานมิใช่ไม่อยากจะแต่งงาน มันเป็นความจริงที่ว่าก่อนที่หลานจะได้พบกับหยุนชาง ก็ไม่มีใครเคยทำให้ใจของหลานหวั่นไหวได้เลย หลานรู้สึกว่า การที่ได้พบกับหญิงที่ทำให้มีความสุขในชาตินี้ อีกทั้งสามารถอยู่ด้วยกันได้ มันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย หลานโชคดีเหลือเกิน"