ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 138 ทุกย่างก้าวเกิดปทุม
หยุนชางแอบรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว แต่นางไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ เมื่อนางกำลังจะเอ่ยปากพูด แต่นางได้ยินเสียงเบาๆส่งมาว่า "ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ข้ากับเจ้าก็มีความสัมพันธ์ที่ต้องร่วมมือกัน ข้าช่วยเจ้ามาตั้งหลายครั้ง…"
ดูเหมือนคำพูดจะยังไม่จบ แต่จิ้งอ๋องไม่ได้มีการเคลื่อนไหวใดๆ หยุนชางหรี่ตาลงเล็กน้อย นี่คือกำลังข่มขู่นางหรือ หยุนชางยิ้มอย่างอ่อนโยน "เป็นพรของชางเอ๋อร์" หยุนชางก้มศีรษะและจิบชา
หนิงหลินอันเป็นลูกชายของซุ่นชิ่งอ๋อง และเป็นบุตรชายคนโต
ซุ่นชิ่งอ๋องยิ้มและกระซิบ "บอกว่า กำลังจัดเตรียมการแสดงอยู่ วันนี้มีมาคนมาก ข้าได้ให้เขาตรวจตราให้ดี เกรงแต่ว่าจะเกิดเรื่องผิดพลาด"
พระชายาซุ่นชิ่งพยักหน้า
หยุนชางเงยหน้าขึ้นและเห็นว่ามีแท่นสูงอยู่ฝั่งตรงข้าม มีผ้าสีแดงห้อยอยู่ด้านหลังแท่นสูง พร้อมปักคำว่า "อายุยืน" ขนาดใหญ่บนผ้า เพราะอยู่ชั้นบน การเคลื่อนไหวบนแท่นสูงก็จะเห็นได้อย่างชัดเจน
หญิงสาวคนหนึ่งในชุดแดงถือพิณขึ้นมา แล้วเดินขึ้นไปบนแท่นสูงจากด้านหลัง ส่วนล่างของใบหน้ามีผ้าสีขาวปิดไว้ แต่ดวงตาอันน่าหลงใหล ทำให้ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นต่างอดไม่ได้ที่จะเหม่อมอง และเสียงหอบก็ดังขึ้น
จู่ๆหวังจิ้นฮวนยืนขึ้นและกล่าวว่า "สวรรค์ เป็นเฉียนเฉี่ยน…" และหันศีรษะมามองหยุนชาง "องค์…องค์หญิง…คือเฉียนเฉี่ยน…"
หยุนชางขมวดคิ้ว ยกเท้าขึ้นเตะไปที่หวังจิ้นฮวน ภายใต้ผ้าคลุมโต๊ะสีแดงไม่มีใครเห็นการเคลื่อนไหวของหยุนชาง หวังจิ้นฮวนอ้าปากค้าง หยุนชางค่อยๆ ดึงเท้ากลับ แต่ตอนที่นางดึงเท้ากลับ ก็แตะโดนเท้าอีกข้างหนึ่ง
หยุนชางขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้นมองจิ้งอ๋อง กลับเห็นดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสัพยอก
"แม่นางคนนี้คือเฉียนเฉี่ยน นางเป็นใคร ทำไมดูมีความเย้ายวน" พระชายาซุ่นชิ่งละสายตาจากหญิงสาวชุดแดงบนแท่นสูง ขมวดคิ้วและพึมพำ
วังจินหัวเราะอย่างประจบสอพลอ รีบนั่งลงและพูดกับพระชายาซุ่นชิ่งว่า "พระชายา นางคือหญิงงามที่ร้อนแรงที่สุดในเมืองหลวงในตอนนี้ขอรับ หลานทุ่มพันตำลึง ก็ยังไม่ได้พบนาง ไม่คิดเลยว่าจะได้พบนางที่นี่… "
พระชายาซุ่นชิ่งรู้ลักษณะนิสัยของหวังจิ้นฮวนดี แน่นอนว่ารู้ว่าเขาหมายถึงอะไร นางขมวดคิ้ว "ฉะนั้น นี่คือหญิงจากหอนางโลมหรือ?"
"โถโถโถ พระชายา ท่านอย่างได้ทำเช่นนี้ คนบอกว่าวีรบุรุษไม่ถามถึงที่มา นับประสากับหญิงงามผู้นี้ คือหญิงงาม และเป็นหญิงงามที่มีความสามารถนะขอรับ? พระชายา หมากรุก พิณ ภาพเขียนของแม่นางเฉียนเฉี่ยนนั้นยอดเยี่ยม มีเพียงไม่กี่คนในเมืองหลวงที่สามารถเปรียบเทียบได้ ท่านก็แค่ถือว่าฟังเสียงพิณก็พอ" หวังจิ้นฮวนพูดเสียงดัง ปากของเขาเต็มไปด้วยการปกป้องแม่นางเฉียนเฉี่ยน
พระชายาซุ่นชิ่งส่ายหัว "เจ้าลิงขนดก ข้าบอกแล้วไงว่าอย่าเอาแต่ไปที่นั่นตลอดเวลา เจ้าไม่ยอมฟัง ถ้าเจ้ามีความสุขุมรอบคอบอย่างจิ้งอ๋องสักนิดก็คงจะดี"
หยุนชางฟังแล้ว รู้สึกว่าพระชายาซุ่นชิ่งดูเหมือนจะโปรดหวังจิ้นฮวนมาก ในหัวหยุนชางหวนนึกถึงความทรงจำบางอย่างในชาติก่อน แต่ก็ไม่พบอะไรเลย
มีเสียงกระซิบจากจิ้งอ๋อง "พระชายาซุ่นชิ่งและท่านย่าของหวังจิ้นฮวนเป็นพี่น้องกัน และพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมาก"
มิน่าล่ะ หยุนชางแอบจำเอาไว้ในใจ
เสียงพิณค่อยๆ ดังขึ้น ทุกคนก็หลงใหลในเสียงนั้นทันที บทเพลงที่เล่นบนเวทีคือเพลง "ดอกเหมยที่เย้ายวน" เสียงเพลงที่ผ่อนคลาย และเสียงลมหายใจที่เย็นยะเยือกและโดดเดี่ยวก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นในหัวใจของผู้คน เสียงพิณดุจไร้ตัวตน ราวกับมีกลิ่นหอมค่อยๆลอยเข้ามา ความหอมที่ค่อยๆซึมเข้าสู่ปอด เสียงเพลงดังขึ้นทีละน้อย เสียงที่ดังขึ้นชวนกระตือรือร้น ราวกับมีต้นบ๊วยสูงเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงหน้าของทุกคน ตระหง่านท่ามสายลมและหิมะ จากนั้นเสียงเพลงก็ค่อยๆ กลับมาสงบ ดูเหมือนว่าดอกเหมยจะสงบลงหลังจากมรสุมลมและหิมะ โชยกลิ่นหอมลึกลับออกมา
จบไปหนึ่งเพลง
ไม่มีใครพูดอะไรในชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนยังคงครุ่นคิดอยู่ในทำนอง หยุนชางยิ้มเล็กน้อย ส่งสัญญาณมือให้คนบนเวที แล้วพูดด้วยเสียงเบาๆ "นี่คือเสียงจากธรรมชาติโดยแท้"
จากนั้นก็มีเสียงปรบมือดังขึ้น
หญิงสาวบนแท่นสูงยืนขึ้นและโค้งคำนับเล็กน้อย มีคนยกพิณลงไป แต่นางไม่ได้ลงเวที ดวงตาของทุกคนเต็มไปด้วยความคาดหวัง คราวนี้ แม่นางเฉียนเฉี่ยนจะแสดงอะไรอีก
มีเพียงเสียงเพลงดังขึ้น คือเพลง "เกิดปทุม"
ตาของหวังจิ้นฮวนจ้องเขม้น หญิงในชุดแดงบนเวทียื่นมือออก แล้วบิดเอวโค้งตัวลง หวังจิ้นฮวนพูดอย่างรวดเร็วว่า "หรือว่านางจะรำ"
หยุนชางหันไปมองแขกที่โต๊ะอื่น ก็เห็นว่าทุกคนต่างมองตรงไปยังหญิงในชุดแดงบนเวที หยุนชางก็โค้งริมฝีปากเล็กน้อย ความสามารถในการเล่นพิณ หมากรุก ภาพเขียนของเฉียนเฉี่ยนนั้นไม่เป็นความลับในเมืองหลวง แต่ไม่มีใครเคยเห็นเฉียนเฉี่ยนรำมาก่อน
หญิงบนแท่นสูงชูมือยกเท้าดูมีเสน่ห์อย่างยิ่ง เพียงแค่เดินเบาๆ ไม่กี่ก้าว ก็เห็นดอกบัวบานทุกย่างก้าวที่นางเดิน จากนั้นกลิ่นหอมของดอกบัวก็แผ่กระจายไปทั่ว "ย่างก้าวเกิดปทุม งดงามดึงดูดใจอะไรเยี่ยงนี้…" มีเสียงชื่นชมด้วยเสียงอันแผ่วเบา มีแสงที่มืดมนประกายในดวงตาของหยุนชาง ยิ่งสวย ก็จะยิ่งมีพิษ
ดูเหมือนทุกคนจะจมดิ่งอยู่ในการร่ายรำที่ยอดเยี่ยมนี้ หยุนชางได้ยินเสียงเพลงที่เบาๆ เปลี่ยนทำนองและหญิงบนเวทีสูงยกมือขึ้น ผ้าคลุมบนใบหน้าของนางก็ลอยลงมาเผยให้เห็นใบหน้าที่สวยงาม ผิวที่ขาวดุจหิมะ คิ้วตาที่งดงาม ทั้งๆที่ประกายบริสุทธิ์ แต่มีแฝงด้วยเสน่ห์เล็กน้อย
หยุนชางได้ยินเสียงถ้วยและชามตกลงมาทีละใบ และรู้สึกฟุ้งซ่านเล็กน้อย
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียนเฉี่ยนก็ก้าวถอยลงไป แต่ดูเหมือนว่าทุกคนจะยังจมอยู่ในการร่ายรำนั้น ไม่สามารถดึงสติกลับมาได้เป็นเวลานาน บนเวทีสูง คณะใหม่ได้เริ่มร้องเพลง เพลงที่ร้องคือ "มังกรและนกฟีนิกซ์"
"ยอดเยี่ยมจริงๆ" จิ้งอ๋องเกี่ยวริมฝีปาก สายตาจับจ้องไปที่หยุนชางที่นิ่งเงียบ พูดอย่างเฉยเมย
หวังจิ้นฮวนกลืนน้ำลายแล้วถอนหายใจ "โลกนี้ช่างน่าทึ่งจริงๆ โลกนี้ช่างน่าทึ่ง ข้าเกรงว่าจะนอนไม่หลับไปอีกนาน"
หยุนชางให้ความสนใจกับซุ่นชิ่งอ๋อง แต่กลับเห็นว่า ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เห็นอะไรเลย สีหน้าที่นิ่งสงบ สาวใช้กำลังจัดอาหารขึ้นโต๊ะ ซุ่นชิ่งอ๋องกวักเรียกสาวใช้แล้วหันกลับไปสั่งอะไรบางอย่าง พระชายาซุ่นชิ่งยิ้มและมองไปที่หวังจิ้นฮวน "งามก็งามนะ แต่เจ้าอย่าได้มีความคิดนี้ ย่าของเจ้าจะหักขาของเจ้าแน่"
หวังจิ้นฮวนขมวดคิ้วและดื่มอย่างโกรธเคือง "ไม่เป็นไร หลานจะไปหานางอย่างเงียบๆก็ได้" พูดจบก็ก้มลงมองหยุนชาง คิดในใจว่า องค์หญิงหยุนชางเป็นนายหญิงของแม่นางเฉียนเฉี่ยน เมื่อถึงเวลานั้นก็เอาใจองค์หญิงหยุนชางให้ดีก็แล้วกัน และตอนนี้ องค์หญิงและจิ้งอ๋องสนิทสนมกันมาก ถ้าจะใช้ลูกน้องของนางก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
เมื่อคิดเยี่ยงนี้ ในใจก็มีความสุขมาก ยิ้มและพูดกับสาวใช้ที่อยู่ข้างๆว่า "ข้าอยากกินสันในหมูผัดเปรี้ยวหวาน"
พระชายาซุ่นชิ่งยิ้ม "เจ้าลิงน้อย ข้าได้เตรียมไว้ให้เจ้าแล้ว"
หวังจิ้นฮวนรีบทำเป็นออดอ้อน "พระชายาดีกับหลานที่สุด"
ขณะที่กำลังพูดอยู่ ชายชราอายุห้าสิบกว่าก็เดินขึ้นไปทำความเคารพซุ่นชิ่งอ๋องและพระชายาซุ่นชิ่ง "ข้าน้อยขอคารวะท่านอ๋อง"
ซุ่นชิ่งอ๋องพยักหน้า "บัณฑิตหวู มีเรื่องอะไรหรือ"
หยุนชางมอง ชายคนนั้นอย่างละเอียด และหลังจากใช้เวลาหนึ่งนึกคิด ก็จำได้ว่าเขาเป็นหวูฉี่จากสำนักบัณทิตฮั่นหลิน
หวูฉี่ยิ้มและกล่าวว่า "เมื่อครู่ข้าน้อยได้ยินฮูหยินของข้าน้อยพูดถึง องค์หญิงฮุ้ยกั๋วได้มอบลูกท้อมงคลหยกมรกตให้พระชายาซุ่นชิ่ง แม้ว่าฮูหยินของข้าน้อยจะเป็นแค่หญิง แต่นางก็ยังมีประสบการณ์ในการแยกแยะสมบัติอยู่บ้าง นางบอกว่านางดูสีน้ำและฝีมือการแกะสลัก น่าจะเป็นฝีมือของไต้ซือ อุบาสกจิ้งอัน ข้าน้อยชื่นชมอุบาสกจิ้งอันมานานแล้ว และลูกท้อมงคลหยกมรกตนี้มีชื่อเสียงมาช้านาน แต่ทว่าได้ยินมาว่าลูกท้อมงคลนี้อยู่ในวังของแคว้นเซี่ย มีองครักษ์ลับของแคว้นเซี่ยคอยดูแล แต่ไม่คิดว่า จะอยู่ในมือขององค์หญิงฮุ่ยกั๋ว ข้าน้อยยากที่จะเก็บความตื่นเต้นไว้ในใจ จึงได้ล่วงเกินมาขอเชยชม"
"โอ๋?" ซุ่นชิ่งอ๋องเลิกคิ้วขึ้น แม้ว่าจะเฉื่อยชา หยุนชางก็ฟังออก นี่คือกำลังสงสัยว่าลูกท้อมงคลมรกตเป็นของปลอม
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย "ชางเอ๋อร์ไม่ทราบว่าลูกท้อมงคลมีตำนานที่มาที่ไปเยี่ยงนี้ เพียงแต่ว่านั่นไม่ใช่ชางเอ๋อร์เป็นผู้มอบให้ แต่เป็นเสด็จแม่วานให้ชางเอ๋อร์มามอบให้พระชายาซุ่นชิ่ง ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมถึงอยู่ในมือเสด็จแม่นั้น ชางเอ๋อร์ไม่มีทางรู้ได้"
ซุ่นชิ่งอ๋องพยักหน้า "อาจจะเป็นเครื่องราชบรรณาการก็ได้ พระชายา เจ้าเอาลูกท้อมงคลไปไว้ที่ไหนหรือ ข้าจะให้คนไปฃหยิบมันมา"
พระชายายิ้มแล้วพูดว่า "ก่อนหน้านี้ ทุกคนต่างบอกว่าลูกท้อมงคลมีค่ามหาศาล หม่อมฉันเลยเก็บมันไว้ในห้องลับ หม่อมฉันให้เฉินมามาไปเอามาให้เจ้าค่ะ" จากนั้นก็เรียกเฉินมามาไปเอามา
ผ่านไปครู่หนึ่ง กล่องไม้จันทน์ก็ถูกนำออกมา พระชายาซุ่นชิ่งหยิบลูกท้อมงคลออกมาด้วยตนเอง แต่ในขณะที่นางหยิบมันออกมาก็ขมวดคิ้วขึ้น "เกิดอะไรขึ้นกับลูกท้อมงคลหยกมรกตนี้?
ทำไมดูเหมือนมีเลือดอยู่ในนั้น?"