Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 325 มีคนตายบนถนนสองคน
ตอนที่ 325 มีคนตายบนถนนสองคน
เตายบนถนนสองคน
ฉินอวี่นั่งอยู่ในรถพลางก้มหน้าคุยโทรศัพท์ “มีพวกของเราหลายคนที่เจอเรื่องมาบ้าง ตอนนี้ฉันไม่มีเวลามาชื่นชมความสวยของคุณ คุณอย่าเพิ่งมาเซ้าซี้ ฉันกําลังคุยโทรศัพท์อยู่”
ถึงแม้ว่าหลินเหนียนเล่ยจะรู้สึกโกรธในใจและรู้สึกว่าทุกครั้งที่ฉินอวีนัดกับเธอก็เอาแต่จิตใจว่อกแว่ก แต่เมื่อเธอเห็นว่าเขาจริงจัง ในใจจึงเข้าใจว่าเขากําลังทํางานอย่างจริงจังอยู่
“เด็กดี ฉันขอยุ่งกับงานสักแป๊ปนะ” ฉินอวี่ลูบหัวหลินเหนียนเล่ยอย่างอ่อนโยน
“ไป อย่ามายุ่งกับผมของฉัน” แล้วหลินเหนียนเล่ยก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น
บริเวณใกล้ด่านเขตพิเศษที่อยู่ทางเหนือของเมืองชางจี พี่เซียวพยุงชายไว้หนวดด้วยมือข้างเดียวพลางพูดเสียงเบา “อดทนอีกสักหน่อย”
ชายไว้หนวดจับขาที่ดามด้วยแผ่นไม้เล็กพลางพยักหน้า “ไม่เป็นไร ฉันยังไหว”
“กดแรงมาที่ฉันได้เลย อย่าให้กระทบกระดูกมาก”
“อืม!” ตาหนวดพยักหน้า
ขณะทั้งสองกําลังคุยกันอยู่ จู่ๆ ก็มีเสียงนกหวีดดังขึ้นจากรอบๆ
พี่เซียวรีบหันกลับไปมองก่อนใช้มือขวาคลําไปที่เอวและไม่ขยับ
“เกร็ง!”
จากนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากกระเป๋าของพี่เซียว
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร คนที่มารับเราน่าจะมาแล้ว” ตาหนวดรีบโบกมือให้กับเพื่อนร่วมทีมที่กําลังจะลั่นปืน
พี่เซียวใช้โทรศัพท์ติดต่อกับคนที่จะมารับตลอดทาง เขารู้รหัสของอีกฝ่าย ดังนั้นจึงตะโกนออกไป “เราคือคนที่จะออกประตู
ผ่านไปสองถึงสามนาที่ชายวัยกลางคนคน หนึ่งเดินมาจากกําแพงเขตพิเศษอันมืดมิด ในมือถือเพียงโทรศัพท์หน้าจอสว่างเพียงเครื่องเดียว “นายโทรมาเหรอ?”
“ใช่” พี่เชียววิ่งเข้ามาพลางยื่นมือออกมา “รบกวนด้วย”
ชายวัยกลางคนยกแขนขึ้นมาก่อนจะใช้โทรศัพท์ส่องไปยังกลุ่มคนที่กําลังอึ้งอยู่ข้างหลัง
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” พี่เซียวถาม
“พวกนายไม่ได้มีกันหกเจ็ดคนหรอกเหรอ?” ชายหนุ่มสงสัย “ทําไมถึงเหลือแค่ครึ่งเดียวล่ะ? รวมคนที่พวกนายจะพาออกจากช่างจีด้วยรึเปล่า?”
“ตัวประกันกับพวกของฉันบาดเจ็บกันหมดน่ะ เลยหยุดอยู่กลางทาง” พี่เซียวพูดเสียงเบา “ไม่ได้พาออกมาด้วย”
“นายแล้วเหรอ?” ชายหนุ่มนิ่งไป “ตายอยู่ข้างในนั้นเหรอ?”
“ใช่” พี่เซียวพยักหน้า
“แล้วคนพวกนั้นล่ะ?” ชายวัยกลางคนถาม
“จัดการเรียบร้อยแล้ว”
“คงไม่ได้ปล่อยคนกับรถไว้ที่เดียวกันหรอกนะ?” ชายหนุ่มดูระมัดระวังเป็นอย่างมาก
“เปล่า ฝังไปแล้วล่ะ” พี่เซียวส่ายหน้า
ชายวัยกลางคนพยักหน้าพลางหยิบโทรศัพท์ส่องสํารวจผู้คน “ถ้างั้นก็ออกไปทั้งหมดห้าคนใช่ไหม?”
“ใช่”
“ตามฉันมา” ชายหนุ่มตะโกนเรียกก่อนจะหันตัวเดินกลับไป
“ตามไป” พี่เซียวยื่นมือพยุงตาหนวดพลางโบกมือให้กับลูกน้องที่อยู่ด้านหลัง
คืนนี้ท้องฟ้ามืดสลัว รอบๆเขตพิเศษก็ไม่มีแสงไฟใดๆ ดังนั้นถนนจึงมืดมาก ต้องอยู่ในระยะใกล้เท่านั้นถึงจะมองเห็นเงาคนจางๆได้
ในขณะนั้นต้าฮ่วงและชื่อเหมาจ่อก็ไม่ได้อยู่ในแถวแล้ว ดังนั้นในใจของทุกคนเลยค่อนข้างไม่มั่นใจ คนขับรถที่มารับเมื่อครู่จึงเดินไปข้างๆ พี่เซียว “ไม่ไว้ใจคนที่อยู่ตรงกลางเหรอ?”
“เปล่า” พี่เซียวส่ายหน้า “ฉินอวี่แนะนํามาน่ะ คงไม่มีปัญหาอะไร”
“แล้วทําไม…?” คนขับรถถามยังไม่ทันจบ
“ใช้เวลานานเกินไปแล้ว ฉันไม่ค่อยแน่ใจแล้วล่ะ” พี่เซียวตอบกลับเสียงเบา “ลองเดินๆ ไปก่อนเถอะ”
“อืม” คนขับรถพยักหน้า
ทั้งสองพูดคุยกันสักพักแล้วจึงเดินตามชายหนุ่มที่สูงประมาณร้อยห้าสิบเซนติเมตรไป
“หยุด” ชายวัยกลางคนหันกลับมาพลางตะโกน
พี่เซียวหยุดเดินทันทีและมองอีกฝ่ายเปิดไฟฉายโทรศัพท์ส่องไปยังกําแพง
แสงไฟขยับเล็กน้อย พี่เชียวและคนอื่นๆ มองประตูเหล็กขึ้นสนิมตรงกําแพงของเขตพิเศษที่ทําจากซีเมนต์ และมีป้ายไม้สีขาวที่เขียนว่า “ห้ามคนนอกเข้าก่อนได้รับอนุญาต ไม่งั้นถูกยิง” แขวนอยู่ข้างๆ
“นี่มันที่ไหนกันเนี่ย?” ชายไว้หนวดเอ่ยปากถาม ชายวัยกลางคนด้วยความงุนงง
“เกิดความวุ่นวายขึ้นขณะก่อตั้งเขตพิเศษ ดังนั้นตอนที่สร้างกําแพงจึงเหลือทางเข้าออกและลิฟต์ไว้เพื่อให้สะดวกต่อการขนถ่ายสินค้าทางทหาร” ชายหนุ่มตอบกลับ “ตอนนี้ปิดตายและไม่ให้เข้าแล้วล่ะ”
“แล้วไม่มีคนคอยเฝ้าเหรอ?” พี่เซียวถามด้วยความกังวล
“คืนนี้เป็นเวรของฉัน วันนี้ทหารเวรบอกให้ฉันดูแลน่ะ” ชายวัยกลางคนตอบกลับอย่างเฉยชา
ชายไว้หนวดได้ยินแล้วจึงโล่งใจพลางหัวเราะ “พวกของกองพันเหรอ?”
ชายวัยกลางคนได้ยินแล้วจึงขมวดคิ้ว
“หุบปาก!” พี่เซียวรีบเตือนทันที
ตาหนวดเกาไปที่จมูกและไม่ได้พูดอะไรอีก
ชายวัยกลางคนโน้มตัวลงพลางใช้กุญแจเปิดประตูหลังแล้วกวักมือเรียก “เร็วเข้า รีบเข้ามา”
“โอเค”
พี่เซียวพยักหน้าและพาพวกของตัวเองเดินผ่านประตูและเข้าไปในกําแพงเขตพิเศษ
ข้างในนั้นมีที่ดินกว้างมาก เวลาที่พูดคุยกันจึงได้ยินเสียงสะท้อนกลับเล็กน้อย แต่ยังคงมีไม่มีแสงสว่างเหมือนเดิม ดังนั้นจึงทําให้รอบๆนั้นมืดกว่าเดิม มีเพียงชายวัยกลางคนที่ถือโทรศัพท์ในมือพลางส่องไฟฉาย
ทุกคนไม่กล้าแม้แต่จะถอนหายใจ และทําได้เพียงสาวเท้าเดินตามชายคนนั้นไป
ประมาณห้าถึงหกนาที่ผ่านไป เมื่อทุกคนเลี้ยวกันไปหลายครั้งจนมาถึงข้างๆ ประตูเหล็กอีกครั้ง
ขณะที่ชายวัยกลางคนกําลังก้มหน้ามองโทรศัพท์พลางพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “พวกนายรอที่นี่สักเดี๋ยวนะ ฉันจะส่งเสียงผ่านวิทยุสื่อสารถามพวกเขาสักหน่อยว่าอยู่ที่ไหนกัน”
“โอเค” พี่เซียวพยักหน้า
เมื่อชายวัยกลางคนเดินไปแล้ว ตาหนวดจึงเอ่ยปากด้วยความกังวล “ฉินอวี่รู้จักคนเยอะจริงๆ ขนาดอยู่ในที่แบบนี้ก็ยังหาคนที่สามารถติดต่อได้เลย”
“ฉินอวี่ก็เป็นคนที่ชอบช่วยเหลืออยู่แล้ว แต่เขาทํางานหนักมากเลยล่ะ” พี่เชียวหัวเราะ “เด็กคนนี้อยากจะลากฉันไปทํางานกับมันด้วย”
“เขาทํางานเก่งมากเลยล่ะ เพียงแต่ตอนนี้ร่างกายของเขาอ่อนแอไปหน่อย” ชายไว้หนวดครุ่นคิดสักพัก “แต่ถ้าทุกคนสามารถปรองดองกันได้จริงๆ การทํางานด้วยกันสักหน่อยก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร”
“เหอะๆ” พี่เซียวหัวเราะก่อนจะก้มหน้าหยิบระเบิดขึ้นมาเขย่า “นายดูนี่สิ พูดถึงโจโฉว โจโฉวก็มาทันทีเลย”
“เขาส่งข้อความมาให้นายเหรอ?” ตาหนวดถาม
“ใช่” พี่เซียวก้มหน้าตอบข้อความ “เขาเป็นห่วงสถานการณ์ของเราน่ะ”
ซ่งเจียง
ฉินอวลงจากรถพลางก้มหน้ามองโทรศัพท์และเห็นเพียงข้อความที่ว่า “กําลังออกไปข้างนอกแล้ว ตอนนี้ขั้นตอนผ่านไปอย่างราบรื่นดี”
ฉินอวี่เห็นข้อความจึงยิ้มออกก่อนจะยิ้มร่าพลางเอ่ยปากพูดคุยกับหลินเหนียนเล่ย “ที่รัก เราไปหาที่นอนพักกันเถอะ
“ทําไมนายเป็นแบบนี้นะ นึกจะเปลี่ยนใจก็เปลี่ยนดื้อๆแบบนี้เลยเหรอ?”
“ไปไหม? ไปไหม? ฉันถามนายว่าจะไปไหม?”
“ไปบ้านคุณสิ!” หลินเหนียนเล่ยกลอกตา “เดี๋ยวนี้คุณเริ่มเรียนรู้ความหน้าด้านมาจากแมวเฒ่าแล้วเหรอ?”
ในกําแพงเขตพิเศษ
ชายวัยกลางคนเดินกลับไปและเปิดประตู “คนยังไม่กลับมา เร็วเข้า”
“โอเค”
พี่เซียวได้ยินแล้วจึงรีบออกจากประตูเหล็กทันที ขณะเงยหน้าขึ้นมองก็รู้ว่าตัวเองยืนอยู่นอกประตูแล้ว เพราะประตูนอกด่านก็อยู่ห่างออกไป จากขวามือของตัวเองไม่กี่กิโลเมตร ห่างจากนอกเขตประมาณสามสิบเมตรก็มีหอคอยอยู่และสว่างไสวสุดๆ
ตาหนวดยืนอยู่นอกเขตและรู้สึกโล่งอกและหันไปหาพี่เซียว “บอกเขาตอนนี้เลยว่ายังมีคนของ เราอีกสองคนติดอยู่ข้างใน ให้เขามารับไปหน่อย”
พี่เซียวหันหน้าไปมองบนถนน เห็นรอบๆ ไม่มีรถเลยสักคัน และไม่มีอะไรผิดปกติจึงรีบหันกลับไปทันที “ได้ เดี๋ยวฉันจะไปบอกเขา”
“งั้นฉันขอไม่ส่งพวกนายแล้วกัน” ชายวัยกลางคนเดินมาก่อนจะชี้ไปในป่าพลางพูดสั่ง “พวกนายเดินไปที่นั่นผ่านป่าผืนนั้นไป เดี๋ยวจะมีคนโทรมาและขับรถมารับ”
“พวก มีเรื่องนึงที่ฉันยังไม่ได้พูดกับนาย…” พี่เซียวกําลังจะอ้าปากเพื่อพูดความจริง
“อ้ากๆ !”
ทันใดนั้น จู่ๆ ก็มีเสียงนกร้องดังขึ้นในอากาศ