Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 341 คนเรามีหลายด้าน
ตอนที่ 341 คนเรามีหลายด้าน
หลี่จู่ได้ยินที่อีกฝ่ายพูดแล้วจึงรีบพยักหน้าทันที “งั้นฉันเข้าใจแล้วว่าสามารถเก็บตํารวจพวกนี้ได้ใช่ไหม?”
“อย่าเพิ่งรีบร้อนไป หาหลักฐานมาให้ได้ก่อนเถอะ จากนั้นค่อยโยนผู้ต้องหาให้กองกํากับการเขตเฟิงหลิน ให้พวกเขารีบจัดการมันก็สิ้นเรื่อง” หัวหน้าฟางออกคําสั่ง
“เข้าใจแล้ว” หลี่จู่พยักหน้า
“ได้ เดี๋ยวฉันจะไปที่สถานีสักหน่อย กลับไปค่อยคุยเรื่องสถานรับเลี้ยงเด็กกําพร้า
“ได้”
เมื่อทั้งสองคุยกันเรียบร้อยแล้วจึงรีบจบบทสนทนาทันที
ในห้องทํางานของกรมทหาร
หลี่จู่ตะโกน “หลี่หยวนจือ เรียกหลี่หยวนจือเข้ามา”
ประมาณห้าถึงหกนาทีผ่านไป หลี่หยวนจือก็รีบเดินเข้ามาจากด้านนอก “ลูกพี่ไปคุยกับอีกฝ่าย มาแล้วเหรอ?”
“ใช่ ไม่ต้องสนใจฉินอวีแล้ว แต่ไอ้ตํารวจคนนั้นยังไงก็หนีไปไม่ได้” หลี่ฉพูเสียงเบา “นายรีบไปบอกทางสถานรับเลี้ยงเด็กซะ ว่าให้พวกเขามายืนยันตัวคนร้าย จากนั้นค่อยรวบรวมวิดิโอที่เรามีแล้วงัดหลักฐานออกมาให้พอความหมายของหัวหน้าฟางก็คือต้องกําจัดไอ้ตํารวจคนนั้นให้เร็วที่สุดและไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายนอกอีก”
“ถ้างั้นก็ง่ายเลยล่ะ” หลี่หยวนจือพยักหน้า “หลักฐานที่ตรวจพวกนี้ฆ่าคนน่ะมีเยอะมากเราแค่สร้างมันขึ้นมาหน่อยก็พอที่จะจัดการพวกมันได้แล้วล่ะ”
“งั้นก็รีบจัดการซะ” หลี่จู่พยักหน้า
“ได้ ฉันจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”
สองชั่วโมงผ่านไป
นายทหารคนหนึ่งเดินมายังห้องสอบสวนของฉันอวก่อนจะส่งจดหมายลับให้กับเขา “มานี้แกมาดูนี่ว่าของของแกมีอะไรหายบ้างไหม”
นอวนิ่งไป “แบบนี้มันหมายความว่ายังไง?”
“เบื้องหลังจองแกใหญ่ใช้ได้เลยนะ หลินเฉินมาช่วยนายแล้ว” นายทหารพูดด้วยน้ําเสียงประชดประชัน“เราทําอะไรแกไม่ได้ งั้นก็ปล่อยแกไปก็แล้วกัน”
ฉินอวนิ่งไปอยู่นาน “นายพลหลินเฉิง คือคนที่มารับผู้หญิงคนเมื่อกี้ไปหรอ?”
“อย่ามาแกล้งโง่ไปหน่อยเลย เขามาช่วยแกขนาดนี้ แกจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นใคร?!” นายทหารขมวดคิ้ว “ตรวจดูของซะ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรเดี๋ยวรอให้หลี่หยวนจือมาพานายออกไป”
ฉินอวไม่รู้จริงๆว่าหลินเฉิงคือใครกันแน่ เพราะหลินเหนียนเลยไม่เคยพูดถึงคนคนนี้ให้ฟัง เขาต้องช่วยฉินอวี่เพื่อหลินเหนียนเลยแน่นอน แต่อย่างน้อยข้างในนี้ก็ต้องมีคนของคุณอาหลอยู่บ้าน
แต่ไม่ว่ายังไง กรมทหารก็กําลังโจมตีอยู่ ดังนั้นฉันอวี่จึงใจลล่งขึ้นบ้าง
“ส่งให้สถานีนพื้นที่เหรอ? แกคิดบ้าอะไรอยู่? แกออกไปได้ก็ถือว่าเป็นบุญหัวแกแล้ว” นายทหารกลอกตา “พวกมันไม่มีทางออกไปได้หรอก”
ฉินอรี่ได้ยินจึงนิ่งอยู่กับที่
บนทางเดิน
ชายร่างใหญ่กว่าเจ็ดแปดคนถูกเรียกมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกําพร้า แล้วยืนเรียงกันเป็นแถวอยู่ข้างกําแพง
หลี่หยวนจือเดินขึ้นมาข้างหน้าแล้วเอื้อมมือผลักประตูห้องสืบสวน “มา เอาตัวมันออกมา”
ผ่านไปไม่นาน พี่เซียวก็ถูกคนพยุงออกมาจากห้อง
“แกอัดวิดีโอซะ” หลี่หยวนจือเอ่ยปากสั่งเพื่อนร่วมทีมแล้วถามคนของสถานรับเลี้ยงเด็กก่าพร้าทั้งเจ็ดแปดคนนั้น “พวกแกตั้งใจดูให้ดีว่าตอนนั้นมันเป็นคนยิงใช่ไหม?”
ทุกคนได้ยินจึงพากันสํารวจพี่เซียว จากนั้นก็ยิ้มขณะยืนอยู่ตรงปากประตู “คนอย่างพวกแกยังสามารถอยู่รอดในเส้นทางนี้อยู่อีกเหรอ? ฉันรู้ว่ากรมทหารเป็นที่พึ่งของพวกแกฉันเองก็หนีไปไม่ได้ งั้นก็ฆ่าพวกนายให้ตายหมดนี่ไม่ดีกว่าเหรอ?! ถือว่าเรียกร้องความเป็นธรรมให้เด็กพวกนั้นแล้วใช้เป็นความดีความชอบของตัวเองซะยังดีกว่า”
“แกหุบปากได้แล้ว!” หลี่หยวนจือชี้หน้าด่าพี่เซียว
“แอ๊ด!”
ทันใดนั้น ประตูของห้องสืบสวนที่อยู่เบื้องออกไปก็เปิดออก ฉินอวี่เดินออกมาและเมื่อหันหน้า มาก็เจอเข้ากับพี่เซียวทันที
ทั้งสองสบตากันสักพักก่อนพี่เซียวจะยิ้ม “ออกไปแล้วเหรอพวก?!”
ฉินอวกาหมัด “ไม่ได้พูดอะไรออกไปเลยเหรอ?”
“ถ้าพูดก็ผิดกฏสิ” สีหน้าของพี่เซียวยิ้มแย้ม “ตอนนี้ฉันมันเหมือนคนตายที่ยืนได้เลยโว้ย!”
ปากของฉันอวกระตุก “อย่าเพิ่งใจร้อนไป ฉันออกไปได้แล้วพี่ก็ใล้แล้วล่ะ”
พี่เซียวครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะส่ายหน้าให้กับฉินอวี่ “ฉันคงตายแล้วล่ะ”
เฉินอวได้ยินก็รู้สึกอึดอัดใจอย่างอธิบายไม่ถูก
“แกรีบไปได้แล้ว” นายทหารผลักฉันอวออกไป
พี่เซียวครุ่นคิดสักพักก่อนจะเงยหน้าพลางตะโกน “ที่จริงฉันคิดไว้แล้วว่าถ้ากลับไปได้อย่างราบรื่นแล้วต่อไปเรามาเล่นด้วยกันหน่อยแต่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะไม่มีโอกาสแล้ว…เสี่ยวอวฉันยังมีพวกอีกหลายคนรออยู่ข้างนอก นายช่วยดูแลด้วยล่ะ!”
ฉินอวี่เคยเจอกับพี่เซียวมาก็หลายครั้ง แต่เขากลับรู้สึกถูกชะตาและประทับใจสุดๆ
พี่เซียวไม่ใช่คนดีอะไร แต่เขาเป็นนักฆ่ามืออาชีพที่พึ่งความรุนแรงในการอยู่รอดถ้านําคดีของเขามากางเรียงไว้บนโต๊ะคงจะไม่ใช่น้อยๆจนทําให้หลายคนตะลึงแน่นอน
ตาถ้ามองลึกลงไปอีก พี่เซียวก็เป็นคนที่ใจดีอีกคนหนึ่งไปเลย คนคนนี้ไม่เพียงแต่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับฉันอวตายังรักษาสัญญากับคนที่จ้างเขาทุกคนอีกด้วย
ไม่ว่าจะเป็นการลักพาตัวพี่คังจากเจียงโจวหรือเรื่องการย้ายของหวูเวินเซิง ไม่ว่าทีมของพี่เซียวจะขาดทุนมากแค่ไหนก็ไม่เคยผิดสัญญากับผู้จ้างเลยสักครั้ง
ความดื้อรั้นในการรักษาจรรยาบรรณของอาชีพนี้เป็นสิ่งที่คนเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ไม่มี
หลังจากเกิดสงครามในสถานรับเลี้ยงเด็กกําพร้า ทั้งๆ ที่พี่เซียวสามารถหนีออกไปได้แต่สุดท้ายแล้วเขากลับเลือกที่จะยื้อเวลาให้กับเด็กที่ถูกกักขังและฆ่าสองเฒ่าที่นิสัยเยี่ยงสัตว์เดียรัจฉานนั้น
ถ้าเปลี่ยนให้คนอื่นมาทําเรื่องแบบนี้ คิดว่าคนคนนั้นจะทําได้ไหม?
งานของตัวเองเสร็จแล้วก็หันหลังเดินจากไปไม่ดีกว่าเหรอ?
แต่พี่เซียวไม่ได้ทําแบบนั้น เพราะเขารู้สึกว่าอาชีพนักฆ่าแบบนี้ยังไม่สามารถทําเรื่องที่โหดเหี้ยมเยี่ยงสัตว์ได้ พวกเขาที่มีกินมีใช้ร่ํารวยขนาดนี้ ทําไมถึงกล้าทําตัวเหมือนสัตว์ได้?
ทุกๆ ฉากในสถานรับเลี้ยงเด็กกําพร้ากระทบกับขีดจํากัดความอดทนของพี่เซียว เขารู้สึกว่าเขารับไม่ได้และตอนนั้นในมือของเขาก็ถือปืนเอาไว้พอดี เมื่อเขาโมโหจึงฆ่าสองเฒ่านั้นตาย ทันที
ที่ทําครั้งนี้ไม่ได้ทําเพื่อเงิน แต่ทําเพราะความขัดหูขัดตา
บางทีคนที่ดูเหมือนไม่มีขีดกําจัดกลับเป็นคนที่กําหนดขีดจํากัดเอาไว้ชัดเจนมาก
อย่างเช่นพี่เซียว
บนทางเดิน
ฉันอขี่มองพี่เซียวก็รู้สึกผิดในใจ เพราะเขารู้สึกว่าพี่เซียวไม่ได้ออกไปเหมือนกับตัวเองแบบนี้ต่อไปคงออกไปได้ยาก
“ไปเถอะพวก” พี่เซียวยิ้มพลางโบกมือ “ถ้าฉันตายแล้วก็มาเจอกันที่สุสานนะ!หนี้”
ฉินอวสบตาเขาอยู่นานก่อนจะกําหมัดแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
หลายนาทีผ่านไป
หลินเหนียนเลยโทรมาหาฉันอรี่และบอกกับเขาทันทีว่า “คนพวกนั้นน่ะ…ฉันไม่สามารถช่วย ได้จริงๆ”
“ขอบคุณมากนะ เลยเล่ย”
“ฉันอยากไปรับคุณ” หลินเหนียนเล่ยก้มหน้าลังเลอยู่สักพักก่อนจะพูดอย่างอ่อนโยน
อีกฝั่งหนึ่ง
หม่าเหลาเอ่อลากซื้อเหมาจ่อและต้าส่วงเอาไว้ และกลับมายังถนนเถ้าธุลีเรียบร้อยแล้ว