Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 337 ดีดพิณ
ตอนที่ 337 ดีดพิณ
ในเมืองเขตช่างจี
หลินเฉิงรู้ตัวว่าเป็นคนค่อนข้างอ่อนไหว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ไปที่กองทหารรักษาการณ์ และไม่ได้ไปยังกองระดมพลหรือกองพิเศษแต่อย่างใด แต่กลับไปยังโรงแรมที่พักประจําทันที
ในห้องพัก
หลินเฉิงนั่งอยู่บนโซฟาพลางก้มมองแล็ปท็อป
จากนั้นจึงมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนทหารอากาศจะเปิดประตูหลีกทางให้หลินเซียวเข้ามา “อาครับ น้าชายโทรมาหาผมแล้ว”
หลินเฉิงขมวดคิ้ว “เรื่องอะไรเหรอ?”
“รัฐมนตรีที่รับผิดชอบข่าวกฎหมายเกี่ยวกับสถานีโทรทัศน์ซ่งเจียงเป็นหัวหน้าของเล่ยเล่ย” หลินเซียวพูดเสียงเบา “ตอนอยู่ฮ่งเจียงวเขาดูแลเล่ยเล่ยเป็นอย่างดีเลยล่ะ”
“เออ แล้วยังไง?” หลินเฉิงพยักหน้า
“กลุ่มคนที่เราเจอที่ห้องโถงของกองทหารเมื่อนี้ คือผู้กํากับของรัฐพื้นทมิฬ พวกเขามาหาฉินอวี่น่ะ” หลินเซียวพูดด้วยน้ําเสียงอ่อนโยน “หัวหน้าที่นามสกุลหลี่บอกว่าอยากจะเจอกับอาในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีเหมือนกัน”
หลินเฉิงหันมองแล็ปท็อปก่อนจะถามเสียงเบา “คนที่ชื่อฉินอวี่นั่นเป็นไอ้เด็กที่สนิทกับเล่ยเลยใช่ไหม”
“ใช่ครับ” หลินเซียวพยักหน้า
“คนของซ่งเจียงอยากจะให้ช่วยสินะ” หลินเฉิงหัวเราะ
“แบบนั้นแหละครับ” หลินเซียวพยักหน้า
“อย่าไปสนใจพวกมัน” หลินเฉินโบกมืออย่างไม่ลังเล “การแย่งชิงดินแดนวุ่นวายแบบนั้น เราจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวด้วยแล้วเราก็ไม่สามารถไปพูดอะไรได้ ที่ไปรับเล่ยเล่ยกลับมาก็เพราะเป็นคนของตระกูลเราไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคนอื่นๆ”
“ผมเข้าใจความหมายของอาครับ” หลินเฉิงพยักหน้า
หลินเฉิงเงียบไปสักพักก่อนจะเอ่ยปากถาม “แล้วเด็กดื้อเล่ยเล่ยนั่นกําลังทําอะไรอยู่”
“บนตัวมีแผลนิดหน่อย ผมเลยเรียกให้แพทย์หญิงของกองมาช่วยดูอาการให้เธอน่ะ”
“นายไปบอกให้เธอมาเจอฉันหน่อย” หลินเฉิงออกคําสั่ง
“ได้ครับ” หลินเฉิงพยักหน้า
สิบกว่านาที่ผ่านไป
เฒ่าหลี่รับโทรศัพท์ของจ่าวปู่ขณะอยู่บนรถ “เป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่เจอ” จ่าวส่ายหน้า
แววตาของเฒ่าหลี่ค่อนข้างท้อแท้เมื่อได้ยินแบบนี้ เพราะเขาเดาผลของเรื่องนี้ออกตั้งแต่แรกแล้ว แต่ยังอยากจะลองดู
“ฉันบอกกับนายตั้งแต่แรกแล้วว่าคนอื่นอยู่สูง เกินไป เราเอื้อมไม่ถึงหรอก” จ่าวปู่ถอนหายใจ “ปัญหาเรื่องที่ดินก็วุ่นวายอยู่แล้ว แล้วเรื่องนี้ก็ยังไปเกี่ยวกับกรมทหารอีก คนของตระกูลหลินพวกนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ พวกเขาจะช่วยเราได้ยังไงล่ะ?”
“ฉันรู้แล้ว” เฒ่าหลี่ไม่ได้โทษอีกฝ่าย
“นายมีวิธีอื่นอีกไหม?”
“ฉันกําลังลองดูอยู่” เฒ่าหลี่ตอบกลับด้วยสีหน้าอ่อนล้า “ทําให้ดีที่สุด แล้วอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด”
“แค่ลงมือทําก็พอแล้วล่ะ”
“ฉันเข้าใจแล้ว”
“งั้นแค่นี้ก่อนนะ”
พูดจบ ทั้งสองก็จบบทสนทนา
เฒ่าหลี่นั่งอยู่ภายในรถ หลังจากตั้งใจครุ่นคิดสักพัก จึงรีบโทรหาแมวเฒ่าทันที
“ฮัลโหล ฉินอวี่เป็นยังไงบ้าง? !” แมวเฒ่ารับโทรศัพท์ ก่อนจะถามอย่างรีบร้อน
“นายเอาเบอร์ของเล่ยเลยมาให้ฉัน” เฒ่าหลี่พูดด้วยน้ําเสียงแหบแห้งหลังจากครุ่นคิดสักพัก
ภายในห้องสอบสวน
ชายร่างกํายําสี่คนมักพี่เซียวเอาไว้ก่อนจะกดลงกับพื้น
“ฉันไม่อยากจะเสียเวลากับแกแล้ว” หลี่ฉ่ถาม ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “แกบอกฉันมาว่าฉินอวี่เป็นคนสั่งให้พวกแกไปฆ่าคนในสถานรับเลี้ยงเด็กกําพร้าใช่ไหม? แล้วมันรับบทบาทอะไรในคดีนี้?”
“ฉินอวี่คือใคร ฉันไม่รู้จัก” พี่เซียวตอบกลับ ขณะหมอบอยู่กับพื้น
“จะไม่บอกใช่ไหม” มุมปากของหลี่กระตุก เขายกขาขึ้นเหยียบไหล่ของพี่เซียว: “ทุกหมัดที่แกโดนชกไม่มีรับแทนแกหรอกนะ แกยิงสังหารคนในสถานเลี้ยงเด็กกําพร้า หลักฐานแน่นหนาแบบนั้น แกไม่มีโอกาสได้ออกไปไหนหรอก ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าแกจะซื่อสัตย์ไปทําไม!”
พี่เซียวเงยหน้ามองอีกฝ่าย จู่ๆ ก็ยิ้มพลางถาม “ฉันถึงบอกไงว่าช่วยปล่อยฉันออกไปหน่อยได้ไหม?”
“ฉันสามารถปกป้องแกจากความตายได้น่า” หลี่ฉ่พูดอย่างจริงจัง
“แกคิดว่าฉันเป็นเด็ก 3 ขวบเหรอ!” พี่เซียวกัดฟันพลางตวาดกลับไป “ฉันรู้ว่าฉันทําอะไรลงไป ถ้าแกจะตัดสินฉัน ฉันไม่ว่าอะไรสักคํา แต่ถ้าแกอยากจะสืบหาความจริงเราคุยกันไม่ได้หรอก แกเข้าใจไหม?”
“พูดไม่ได้เหรอ!”
หลี่ณุโมโห จึงเอื้อมมือไปหยิบกระบองรูปตัวทีที่เตรียมไว้บนโต๊ะ ก่อนจะก้มหน้าถาม “แกรู้ไหมว่ากรมข่าวกรองทหารมีไว้ทําอะไร มันเป็นสถานที่ที่เชี่ยวชาญในการสอบสวน ถ้าฉันจัดการแกไม่ได้ ฉันจะเป็นผู้กํากับไปทําพระแสงอะไรวะ? !”
เมื่อสิ้นเสียงหลี่จู่ก็เงยหน้าพลางตะโกน “ดีด พิณมันซะ”
เมื่อได้ยินเสียง ชายร่างกํายําทั้งสี่คนก็โน้มตัวลงทันที พวกมันจับแขนขารวมถึงหัวของพี่เซียวเอาไว้ จากนั้นก็ดัดตัวของเขาให้เป็นรูปตัวย
ทําให้กระดูกซี่โครงทั้งสองข้างของพี่เซียวก็ปูดออกมาจากผิวทันที
หนุ่ใช้สองมือจับหัวและท้ายกระบอก ก่อนจะใช้ตรงกลางของกระบองดามไปที่เอวของพี่เซียว
“แม่งเอ๊ย แกมันเล่ห์เหลี่ยมเยอะซะจริงๆ!” พี่เซียวตอบพลางถอนหายใจพร้อมกับใบหน้าเหงื่อที่เต็มหน้าผาก
เข่าขวาของหลี่จ่ทับร่างกายของพี่เซียวเอาไว้ “แกคงยังไม่เคยโดนดีดพิณสินะ? เดี๋ยวฉันจะให้แกได้ลองคืนนี้แหละ”
เมื่อสิ้นเสียง หลี่จู่ก็ใช้สองมือจับกระบองแล้วกดลงสุดแรง
กระบองแข็งถูกกดลงไปบนกระดูกที่ปูดออกมาจนส่งเสียงดังกรอบแกรบ
พี่เซียวเจ็บปวดทั้งตัวจนสีหน้าซีดเผือด
“เป็นไง! แกทนได้ไหม? ถ้าทนไม่ไหวแกค่อยร้องออกมาก็แล้วกัน!” หนุ่กัดฟันพลางกดกระบองลงไปอีกครั้ง จนติดแน่นลึกอยู่ในช่องว่างระหว่างซี่โครง ก่อนจะกดขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง
“ตึงตึง!”
พี่เซียวทรุดตัวลงด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะใช้หัวกระแทกพื้น ก่อนเอ่ยปากตะโกน “แรงกว่านี้อีก ฉันทนได้”
“ให้ตายเถอะ! แกอย่าปากดีให้มันมาก” หนุได้ยินแล้วจึงถลึงตาพลางออกแรงกดกระบองหนักกว่าเดิมและกดลงเร็วกว่าเดิม
ในห้องข้างๆ
ฉินอวี่ได้ยินเสียงคร่ําครวญของพี่เซียวจึงทรมานอยู่ในใจ
ถ้าพี่เซียวทนไม่ได้แล้วหลุดปากออกมา ฉินอวี่ก็ต้องจบเห่แน่นอน เมื่อมีหลักฐานแน่นหนาแล้ว กรมทหารต้องจัดการพวกของตัวเองและพี่เซียวแน่นอน
แต่ถ้าพี่เซียวไม่พูด แล้วใครจะช่วยเขาล่ะ? ตัวเขาเองจะทนได้สักแค่ไหนเชียว?
ภายในโรงแรม
“ขอบใจพวกคุณมาก”
หลินเหนียนเลยรวบผมขึ้นก่อนจะพูดกับแพทย์หญิงสองคนที่อายุเยอะกว่าตัวเอง “ฉันมีธุระด่วนนิดหน่อย ถ้ากลับมาแล้วเดี๋ยวฉันจะทําการขอบคุณต่อหน้าอีกครั้งแน่นอน”
“ไม่เป็นไรค่ะ” แพทย์หญิงที่อยู่ทางฝั่งซ้ายยิ้ม
“ขอโทษที่รบกวนทุกคนด้วยนะ ฉันขอตัวก่อน” หลินเหนียนเล่ยกล่าวขอบคุณแล้วจึงยื่นมือหยิบเสื้อกันหนาวแล้วสวมรองเท้าแตะของโรงแรม ฝืนทนเจ็บแล้วเดินออกไปข้างนอก
หลินเหนียนเลยเดินออกจากห้องส่วนตัวไปอย่างเร่งรีบ พลางก้มหน้ามองโทรศัพท์ ขณะที่เธอกําลังจะโทรออกหาเบอร์โทรศัพท์เบอร์หนึ่งก็ได้ยินเสียงคนตะโกนเรียกมาจากทางเดินข้างซ้าย “เล่ยเล่ย!”
หลินเหนียนเล่ยได้ยินแล้วจึงหันไปก่อนจะยืนนิ่งอยู่กับที่
“แกจะไปไหนเหรอ?” หลินเซียวถามด้วยใบหน้าเฉยชา
หลินเหนียนเลยครุ่นคิดอยู่นาน “ฉันจะออกไปข้างนอก
“ไปหาใคร?” หลินเซียวถามขณะเอามือไขว้หลัง “คนในฮ่งเจียงใช่ไหม?”
“ใช่” หลินเหนียนเลยยอมรับ
“ไม่ได้” หลินเซียวคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ “คุณอาเรียกหาแก”
“พี่ปล่อยฉันนะ” หลินเหนียนเลยทําตาโตพลางตะโกน “ปล่อย!”
เฒ่าหลี่กําลังยืนรออย่างเงียบๆอยู่บนพื้นหิมะในชั้นล่างของโรงแรม