Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 333 มิตรภาพในกระดานหมากรุก
ตอนที่ 333 มิตรภาพในกระดานหมากรุก
ในห้องสอบสวน
ทันใดนั้นสมองของฉินอวี่ก็แล่นทันที เขากําลังเตรียมกลยุทธ์ในการรับมือกับการสอบปากอย่างมีเหตุผล อย่างแรกคือเขารู้ว่าตอนนี้ตัวเองออกไปไม่ได้แน่นอน อย่างที่สองคือเขาต้องยื้อเวลา และรอให้คนข้างนอกเคลื่อนไหว และที่สําคัญก็คือต้องให้คดีนี้เผยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ออกมาให้ได้
เมื่อฉินอวี่ครุ่นคิดอยู่นานเพื่อที่จะสรุปคดีแล้ว จึงตัดสินใจไม่ทนกับความลําบากพลางเงยหน้า มองหลี่จู่ “ใช่ ชื่อเหมาจ่อตายแล้ว”
“ตายได้ยังไง?” หลี่ฉุรีบถามต่อทันที
ถึงแม้ว่าระยะเวลาที่ฉินอวี่เป็นเจ้าหน้าที่ตํารวจไม่นานมาก แต่ยังไงเขาก็เคยผ่านคดีใหญ่ๆ มาก่อน ดังนั้นจึงรู้ได้ทันทีว่านี่เป็นหลุมพรางอย่างหนึ่งที่อีกฝ่ายกําลังขุดฝังตัวเองอยู่
ถ้าพี่เซียวบอกสาเหตุการตายของชื่อเหมาจ่อมาแล้ว และถ้าตัวเองสร้างเรื่องขึ้นมาก็จะถูกจับได้ทันที
แต่ในใจของฉินอวี่มั่นใจมากว่าชื่อเหมาจ่อยังไม่ตายแน่นอน เพราะก่อนที่พี่เซียวจะถูกจับ ไม่มีข่าวอะไรแบบนี้หลุดออกมาแต่กลับบอกกับเขาว่าทํางานสําเร็จแล้ว
ดังนั้นตอนนี้ชื่อเหมารือยังคงอยู่ข้างนอกอยู่ และยังถูกคนที่โดนจับควบคุมอีกด้วย
ถ้าอย่างนั้นทําไมพี่เซียวถึงสร้างเรื่องโกหกที่บอกว่าชื่อเหมาจ่อตายแล้วด้วยล่ะ?
ฉินอวี่คิดแล้วก็รู้ทันทีว่า ซื้อเหมาจ่อต้องเป็นบุคคลสําคัญแน่นอนและเป็นหมากต่อรองในมือของตัวเองเท่านั้น
“ฉันถามนายอยู่นะว่าชื่อเหมาจ่อตายได้ยังไง?” หลี่ฉุถาม
“ฉันไม่รู้สถานการณ์แน่ชัด พวกเขาบอกเรื่องนี้กับฉันตอนที่กําลังจะออกนอกเขต” ฉินอวี่ตอบกลับเสียงเบา
“แล้วจับซื้อเหมาจ่อไปทําไม?”
“เรียกค่าไถ่”
“เรียกค่าไถ่ทําบ้าอะไรล่ะ?” หลี่ฉุรีบพูดอย่างรวดเร็ว
ฉินอวี่ครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะตัดสินใจ และเดาว่าพี่เซียวคงยังไม่หลุดปากออกไป ดังนั้นจึงเงยหน้าพลางตอบกลับ “มีพ่อเลี้ยงคนหนึ่งมาหาฉัน และบอกให้ฉันลักพาตัวซื้อเหมาจอ แล้วเขาให้เงินค่าจ้างเยอะมากด้วย ฉันเลยรับงานนี้ แล้วเจอกับคนที่พวกนายจับตัวไว้”
“พ่อเลี้ยงคนนั้นชื่ออะไร เป็นคนที่ไหน?”
“ไม่แน่ใจว่าเป็นคนที่ไหน แต่คนที่แนะนํามาคือคนรู้จัก เขาชื่อพี่หงปินน่ะ” ฉินอวี่พูดเสียงเบา “เราเจอกันครั้งแรกที่ถนนเถ้าธุลีเมืองซ่งเจียง แล้วเขาก็ให้เงินมัดจํากับฉันมาหนึ่งแสน”
“พี่หงปินเหรอ?” หลี่นฉูก้มหน้าบอกดูรายละเอียดที่จดเอาไว้
สถานีรถไฟฟ้าเมืองชางจี
รองผู้กํากับตงและเฒ่าหลี่เดินมุ่งหน้ามารับชายหนุ่มสามคน
“สวัสดี ฉันคือเฒ่าตง คนที่เราคุยโทรศัพท์กัน เมื่อครู่นี้นะและนี่คือเฒ่าหลี่ เป็นอดีตผู้กํากับ” รองผู้กํากับตงเดินไปข้างหน้าพลางแนะนําด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เมื่อชายหนุ่มที่หัวหน้าของอีกฝ่ายเห็ทั้งสอง คนแล้วจึงยื่นมือออกมา “ฉันคือหลิวต้า เป็นรองผู้อํานวยการสํานักงานกรมโฆษณาชวนเชื่อของการบริหารทั่วไปของจีน”
“สวัสดี!”
“สวัสดี!”
เฒ่าหลี่และรองประธานตงจับมืออีกฝ่ายด้วยท่าทางอ่อนน้อม
“เรื่องนี้พวกนายควรให้ตํารวจเข้าไปคุยโดยตรงนะ” หลิวต้าพูดเตือนด้วยใบหน้าไม่พอใจ “โทรศัพท์ไปที่สํานักใหญ่แบบนี้ นายไม่คิดว่านายรีบไปหน่อยเหรอ?”
เฒ่าตงได้ยินจึงตอบกลับทันที “หัวหน้าที่ถูกจับคนนี้โด่งดังมากเลยนะ คนในทีมที่อยู่ต่ํากว่าเขาได้ยินเรื่องนี้ก็พากันร้อนรนกันหมด และขอร้องให้สถานีตํารวจของเราไปช่วย แต่การดําเนินงานของทางนั้นช้าหน่อย ไอ้ลูกน้องพวกนั้นเลยตื่นตระหนกจนโทนมาที่สํานักงานใหญ่”
“ไว้คุยกันระหว่างทางเถอะ” หลิวต้าทิ้งท้าย ก่อนจะมุ่งหน้าเดินไป
รองผู้กํากับตงและเฒ่าหลี่รู้ดีว่าจริงๆ แล้วคนของสํานักงานใหญ่ไม่ได้อยากทําคดีนี้เลยด้วยซ้ํา และคนที่ถูกสั่งให้มาก็ไม่ได้มีความกระตือรือร้นกับความเป็นความตายของฉินอวี่เลยสักนิด แต่คนที่อยู่ในทีมพวกนั้นกลับร้อนรนใจจนอธิบายสถานการณ์ทุกอย่างให้สํานักงานใหญ่ฟัง และแน่นอนว่าถ้าเบื้องบนไม่ทําอะไรสักอย่างคงไม่ได้ แล้ว ดังนั้นหลิวต้าจึงถูกบังคับให้มาจัดการเรื่องนี้
คนที่ทําหน้าที่รับส่งหลิวต้าก็คือรองผู้กํากับของสถานีตํารวจเฟิงหลิน ทุกคนนั่งอยู่บนรถและรีบมุ่งหน้าไปยังกองทัพทหารทันที
เกือบสี่สิบนาที่ผ่านไป
หลี่นุ่มุ่งหน้าไปยังห้องสอบสวนอีกห้องหนึ่ง พลางเงยหน้ามองพี่เซียว
“แกนี่ก็ปากแข็งดีเหมือนกันนะ!” หลี่ญี่พิงอยู่บนโต๊ะทํางานและถามด้วยแววตาเคร่งขรึม
“คดีมาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันรู้ดีและเข้าใจถึงจุดจบของตัวเองตั้งแต่แรกแล้ว” พี่เซียวเงยหน้าขึ้น “ที่ฉันบอกนายได้ฉันก็บอกไปหมดแล้ว ซื้อเหมาจ่อก็ตายไปแล้ว ที่พวกฉันจับมันก็เพราะอยากได้เงิน ส่วนเหตุปะทะกันในสถานรับเลี้ยงเด็กกําพร้า นั้นเป็นแค่เหตุสุดวิสัย…ที่พูดได้ก็มีเท่านี้แหละ”
“พอตายแล้วจะไม่บอกเพื่อนร่วมคดีหน่อยเหรอ?”
“บอกไม่ได้นะ เจียงหูก็มีกฎของเจียงหู” พี่เซียวหัวเราะ
หลี่จู่เห็นท่าทางแบบนั้นของพี่เซียวแล้วจึงถามด้วยใบหน้าเฉยชา “แกรู้จักคนชื่อจางกั่วหมิงไหม?!”
พี่เซียวได้ยินคําถามของอีกฝ่ายแล้วจึงนิ่งอึ้งอยู่กับที่ทันที
“รู้จักไหม?” หลี่ฉูตะโกนถาม
พี่เซียวกะพริบตาพลางยิ้ม “นายกําลังขู่ฉันเห รอ?”
“นี่เรียกว่าขู่เหรอ?” หลี่จี่ก้มหน้าหยิบบุหรี่ขึ้นมา พลางถามอย่างอบอุ่น “ฟู
ซิน ฉินเจิ้ง พี่หงปินล่ะ แกรู้จักไหม?”
พี่เซียวได้ยินคําพูดนี้แล้วก็ถึงกับเหงื่อตกทันที
เขาเป็นคนขี้เล่นและเป็นคนที่ผ่านอุปสรรคมาอย่างโชกโชน ดังนั้นเขาจึงมีประสบการณ์ในการให้ปากคํามากกว่าคนปกติทั่วไป
ในใจของพี่เซียวรู้ดีว่าหลี่ฉิ่ไม่ได้ตั้งใจจะถามชื่อพวกนี้กับตัวเอง เขาต้องรู้อะไรมาแน่นอน ถึงได้ลองใจตัวเองแบบนี้
“ฉันถามนาย ว่านายรู้จักคนพวกนี้ไหม?” หลี่ฉูถามต่อ
พี่เซียวกําหมัดแน่นและปากแข็งขึ้นทันที “ฉันไม่รู้จัก”
หนุ่มองท่าทางของพี่เซียว “แกเก่งมาก แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร”
พี่เซียวนิ่งไป
หลี่ฉูดูดบุหรี่ ก่อนจะหันหลังเดินออกไป
บนทางเดิน
หลี่หยวนจือที่ทําหน้าที่ควบคุมตัวหลินเหนียนเลยเดินมาก่อนจะเอ่ยปากถามอย่างห้วนๆ “เป็นยังไงบ้างท่านฉู?”
“ไอ้เด็กที่นามสกุลฉินนี่กําลังเล่นลิ้นอยู่และกําลังยืดเวลาอยู่”
“ตัดสินใจว่ายังไงเหรอ?” หลี่หยวนจือถาม
“เสนอรายชื่อชื่อหนึ่งออกมา หลี่ฉูตอบกลับ เสียงเบา”ฉันเอาชื่อนี้และชื่อของเขามารวมกันในชื่อปลอมสองสามชื่อแล้วถามคนร้ายพวกนั้น แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรและไม่พูดอะไรต่อ”
หลี่หยวนจือนิ่งไป
“นายหน้าระหว่างผู้จ้างและลูกจ้าง แกะเงินออกมาเร็วขนาดนี้ ถ้าเป็นคนร้ายทั่วไปจะไม่มีการตอบโต้ใดๆ ด้วยการใช้อารมณ์ และไม่แสดงผู้คุมที่อารมณ์ร้อน” หลี่ฉ่อธิบายเสียงเบา “ดังนั้นก็มีความเป็นไปได้แค่อย่างเดียวก็คือชื่อพวกนี้ไม่ใช่ชื่อจริง เขาคิดว่าฉันกําลังขู่เขา จึงไม่กล้าพูดต่อ”
“แม่งเอ๊ย งั้นก็รับโทษ” หลี่หยวนจือขมวดคิ้ว “ผู้หญิงที่ถูกจับตัวมายังแข็งแกร่งได้เลย”
หลี่ฉ่ครุ่นคิดอยู่นาน “ต้องรู้ให้แน่ชัดก่อนว่าคน ที่ถูกจับในเมืองซ่งเจียงนั้นเป็นใครกันแน่ ถ้าไม่อย่างงั้นเราคงทําอะไรต่อไม่ได้แน่นอน…”
ทันใดนั้น ก็มีเด็กชายคนหนึ่งวิ่งมาจากไกลๆ พลางตะโกน “หลี่ฉู คนของสํานักงานตํารวจใหญ่ และคนของกองกํากับการรัฐพื้นทมิฬ ให้ตามรองผู้กํากับของเขตเฟิงหลินมา”
“พวกมันมาทําไม?” หนุ่ขมวดคิ้วพลางถาม “พวกเขาบอกว่าคนของเราที่ถูกจับตั้งแต่ที่เราอยู่เมืองซ่งเจียง” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ําเสียงรีบร้อน
“อะไรนะ?” หลี่ฉูอึ้งมากจนนิ่งอยู่กับที่
ในขณะเดียวกัน
พี่เซียวนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องสอบปากคํา ก่อนจะครุ่นคิดอยู่นาน จากนั้นจึงเอ่ยปากพูดบ่น “จบแล้ว…หรือเกิดอะไรขึ้นกับโทรศัพท์ เสี่ยวอ..ก็เข้ามาแล้วเหมือนกัน”