Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 330 สอบสวนทั้งที่ไม่มีข้อมูลอีกฝ่าย
ตอนที่ 330 สอบสวนทั้งที่ไม่มีข้อมูลอีกฝ่าย
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เฮลิคอปเตอร์ลงจอดบนดาดฟ้าอาคารหลักของบริษัทการค้าในเมืองชางจี
แสงอาทิตย์สีทองจับขอบฟ้าทางทิศตะวันออกสะท้อนดาดฟ้าของอาคาร
หลังจากฉินอวลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ เขาก็ลงลิฟต์ไปตามชั้นดาดฟ้า เห็นได้ว่าห้องสอบสวนนั้นเป็นเพียงแค่การจัดตั้งอย่างเร่งรีบ เนื่องจากที่นี่ไม่มีแม้แต่เก้าอี้เหล็กมีเพียงโต๊ะไม้อัดสองสามตัวกับหม้อน้ําชํารุดและเก้าอี้พลาสติกอีกสี่ห้าตัว
ฉินอวี่เดินมาเห็นหม้อน้ําเขาจึงตกตะลึงงัน
มีคําถามมากมายอยู่ในใจเขาตอนนี้ เรื่องจ่าสิบเอกจับพวกนั้นได้…เขาไปเจอพวกนั้นได้อย่างไร?ก่อนอาเซียวจะถูกจับทําไมไม่ส่งข้อความ มาบอกล่ะ?ทําไมเขายังไม่นิ่ง?หรือว่าเขาจะถูกบุกจับแบบกะทันหัน…แต่คนอย่างอาเซียวเนี่ยนะ? นอกจากนี้เบื้องหลังชายแก่สองคนในสถานเลี้ยงเด็กที่ถูกฆ่าคืออะไร?
ฉินอวี่เริ่มปะติดปะต่อปัญหาเหล่านี้อย่างรอบคอบในใจแต่เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
เขายังคงเป็นแบบนี้ไปประมาณสองชั่วโมงก่อนประตูเหล็กก็ถูกผลักเปิดอย่างกะทันหันผู้กํากับการตํารวจเขตเฟิงหลินมากับชายที่รู้จักกันในชื่อหัวหน้าหลี่พร้อมเจ้าหน้าที่อีกสี่ห้าคน
ฉินอขี่มองดูพวกเขาโดยไม่พูดอะไร
ทุกคนนั่งรอบโต๊ะสอบถามหัวหน้าหลี่จู่จิบน้ำก่อนจะเริ่มถามฉินอวี่“ชื่ออะไรล่ะ?”
ฉินอวี่ขมวดคิ้วพลางบอกชื่อที่เพิ่งคิดได้ “เจิ้ง”
“อาชีพล่ะ แล้วมีถิ่นที่อยู่ถาวรในฮ่งเจียงหรือไม่?” หัวหน้าหลี่ถามอีกครั้ง
ฉินอวรู้สึกงุนงงและผิดหวังเล็กน้อยเมื่อได้ยินคําถามเพราะการแสดงออกของอีกฝ่ายเป็นการสอบสวนที่ไม่ได้กดดันอะไรเลย
“ผมตกงานและไม่มีทะเบียนบ้านอยู่ในฮ่งเจียงหรอก” ฉินอวตอบตามน้ําไป “แล้วผมก็มาอยู่กับเพื่อนเท่านั้น”
หลังจากหัวหน้าหลี่ได้คําตอบเขาก็หันไปซุบซิบกับผู้กํากับสองสามคํา
ฉินอวี่มองพวกเขาขณะหน้าผากของเขาเต็มไป ด้วยเหงื่อ
“ฉันถามอะไรนายก็ตอบมาตามจริงนะเข้าใจไหม?” หลี่จี้หันหน้าไปถามฉินอวี่อีกครั้ง
เมื่อฉินอวี่เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้สงสัยตัวตนของเขาแล้ว ก็นึกได้ทันทีว่าคนอย่างอาเซียวคงไม่ได้หลุดอะไรไปง่ายๆแน่เพราะอีกฝ่ายดูไร้ความสามารถด้านการสอบสวนขนาดนี้
จากนั้นฉินอวี่จึงแสร้งทําเป็นเชื่อฟัง “ได้…เข้าใจแล้ว”
“นายรู้เรื่องที่สถานรับเลี้ยงเด็กนั่นรึเปล่า?” หลี่ฉ่ถาม
“หึม…สถานรับเลี้ยงอะไร” ฉินอวี่ทําเป็นไม่รู้เรื่อง
“นายยังไม่เข้าใจสินะ” หลี่จู่ฉินอวี่พลางพูดต่อ “ถ้านายไม่บอกอะไรก็หมายความว่านายเป็นผู้ร้ายในเรื่องนี้นะ”
“ผมไม่เข้าใจที่พวกคุณพูด บอกเรื่องอะไร?ใครเป็นผู้ร้าย?!” ฉินอวี่ตอบขณะหันมองหน้าทุกคน
หลังจากนั้นไม่นานหลี่จู่ก็หยิบโทรศัพท์มือถือที่ห่อด้วยถุงพลาสติกบนโต๊ะก่อนพูดเสียงเบา“นายรู้ไหมว่าฉันอยู่แผนกไหน?”
“ผมไม่รู้” ฉินอวี่ส่ายหัว
“ฉันขอแนะนําตัวนะ” หลี่จี่กล่าวด้วยเสียงเรียบ“ฉันอยู่กองทัพภาคสนามที่สามในเขตเก้าหัวหน้าแผนกข่าวกรองทางทหารช่างจีและสกุลของฉันคือหลี่”
ฉินอวีนิ่งไป
“นายเข้าใจยศทางทหารรึเปล่า?” หลี่จู่ถามอีกครั้งและนายรู้ไหมว่าทําไมฉันต้องมาสอบปากคํานายเป็นการส่วนตัว?”
ฉินอวี่ใจเต้นแรง เขาไม่ได้สงสัยในตัวตนของหัวหน้าหลี่คนนี้อีกต่อไปแล้ว และเริ่มเข้าใจสถานการณ์มากขึ้นไปอีกขั้น
“หลังจากเกิดเหตุในสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าเราก็ใช้การระบุตําแหน่งผ่านดาวเทียมทันทีเพื่อหาตําแหน่งรถอาชญากรและก็แค่ตามเส้นทางการ ขับขี่พวกนั้นก่อนจะเข้าไปดักจับทางหลบหนีของผู้ต้องสงสัยคดีอาญาหลายคน แถวๆประตูทางออกด้านเหนือละแวกชางจี”หัวหน้าหลี่กล่าวอย่างมั่นคง “หลังจากหาที่ตั้งได้คร่าวๆทางบริษัทสื่อสารทั้งสองก็ร่วมมือกับเราในการดูแลสัญญาณโทรศัพท์มือถือทั้งหมดบริเวณประตูทางออกทิศเหนือเราจึงพบว่าเครื่องหมายเลขสามสิบสามกําลังเชื่อมต่อกับหมายเลขอื่นอยู่ด้วย”
ฉินอวี่ได้ยินดังนั้นจึงตกใจเป็นอย่างมาก “ถึงฉันจะไม่เข้าใจคําพูดของคุณ แต่ก็งงว่ากลางดึกแบบนี้ก็มีคนโทรหากันตั้งหลายร้อยคนแต่ทําไมพวกคุณถึงคิดว่าฉันมีเกี่ยวกับเรื่องนี้ล่ะ?”
“ง่ายมาก เพราะหมายเลขโทรศัพท์ทั้งหมดที่เชื่อมต่อกับเครื่องหมายเลขสามสิบสามนั้นล้วนไม่ได้ลงทะเบียนอย่างเป็นทางการและนี่ก็เป็นเบอร์ทั้งหมดเมื่อคืน”หลี่จู่พูดขณะชี้ข้อมูลในเอกสาร
ฉินอวี่ตกตะลึงและไม่กล้าหาข้อโต้แย้งอีกต่อไปแต่ขณะเดียวกันเขาก็รู้แล้วว่าอาเซียวถูกจับได้อย่างไรแล้วทําไมอีกฝ่ายไปจับคนในฮ่งเจียงทั้งๆ ที่ไม่รู้ข้อมูลของคนนั้นเลย
พวกเขาคิดว่าฉินอวและอาเซียวร่วมงานกันเพียงเพราะโทรศัพท์ของอาเซียวได้ติดต่อกับอวี่ในช่วงเวลานั้นแต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้กํากับของซ่งเจียงที่รัฐพื้นทมิฬแสดงว่าหลังจากล็อกตําแหน่งโทรศัพท์มือถือได้แล้ว พวกเขาก็รีบไปจับกุมทันที
“ฉันจะบอกนายอย่างหนึ่ง” หลี่อู่หยิบรูปอะไรสักอย่างออกมาแล้วชี้มัน “เมื่อคืนนี้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคนและก็มีคนเสียชีวิตจากการยิงกันอี กด้วย…คนพวกนี้มีผู้ตายสองคนพวกนั้นเป็นคนมีอํานาจพอสมควรเลย หนึ่งคือหลิวเทาอดีตผู้อํานวยการฝ่ายการศึกษาในชางงีเกษียณไปเมื่อ สามเดือนก่อนแถมเขายังมีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับที่นี่มากอีกคนคือหภู่เพิ่งเฉินกรรมการบริหารธนาคารแห่งยุโรปในเขตเก้า”
ฉินอรี่ได้ยินชื่อผู้ตายก็อดไม่ได้ที่กําหมัดแน่น
หลังจากหลี่ฉ่หยุดพูดไปประมาณสิบวินาทีเขาก็พูดอีกครั้ง “ฉันบอกนายไปมากแล้วนายจะได้รู้ว่าทําไมถึงโดนจับได้และขอเตือนเลยนะว่าคดีนี้ไม่ใช่คดีทั่วไป…ถ้านายไม่ยอมให้ความร่วมมือเราจะใช้มาตรการที่รุนแรงกับนายได้เลยเพราะเราไม่ใช่กรมตํารวจเรามีสิทธิ์จะทําอะไรก็ได้ )
ฉินอวปาดเหงื่อบนใบหน้าของเขาใจเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวและเขาก็คิดว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาแล้ว
อีกห้องหนึ่ง
“ฉันชื่อหลี่ หยวนจือเป็นรองหัวหน้าหน่วยข่าวกรองทหาร” ชายหนุ่มในชุดลําลองเอนตัวลงบนโต๊ะมองหลินเหนียนเลยด้วยสีหน้ามืดมน“ถ้าเธอ เงียบหรือคิดต่อต้านเธออาจมีความผิดนะ”
หลินเหนียนเลยถูกจับใส่กุญแจมือนั่งบนเก้าอี้ราวกับนักโทษ เธอตอบกลับไปด้วยผมที่ยุ่งเหยิง“คุณแน่ใจเหรอว่าฉันมีความผิดน่ะ?”
“ฉันถามอะไรเธอก็ตอบ เข้าใจไหม?” หลี่หยวนจือถามพร้อมกับชี้หลินเหนียนเลย
“ยังไม่รู้ว่าฉันเป็นคนร้ายด้วยซ้ําแต่กลับจับมัดอย่างแน่นหนาแบบนี้น่ะเหรอ?!” หลินเหนียนเลยกําหมัดแน่นพลางตะโกนด้วยความหงุดหงิด“เฮอะ!นี่เหรอหน่วยงานของรัฐ?!”
“ใจเย็นก่อน” หลี่หยวนจือยิ้มก่อนหันไปตะโกน“ไปเรียกผู้หญิงสองคนในทีมกํากับดูแลให้เขามาสอบสวนที”
ที่ซ่งเจียง
งูเหว่ยรีบเข้าไปในอาคารสํานักงานของสภาเขตเจียงหนาน