Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 309 ม้าตัวแรกที่ถูกฆ่าและการกลับมา ของฉวีหยาง
- Home
- Special District 9 เขตพิเศษที่ 9
- ตอนที่ 309 ม้าตัวแรกที่ถูกฆ่าและการกลับมา ของฉวีหยาง
ตอนที่ 309 ม้าตัวแรกที่ถูกฆ่าและการกลับมา ของฉวีหยาง
ฉินอวี่ก้มหน้าพลางเช็ดหน้าของตัวเองและเอ่ย ปากพูดขณะนั่งอยู่บนโซฟา “เว่ยจือตายแล้ว ก็แสดงว่าฉวีหยางต้องไม่ลงรอยกับเปียเตอหยงแน่นอน และข่าวก็ไม่ได้หลุดออกมาจากเขาด้วย”
“แต่บุคลากรชํานาญการพิสูจน์คดีอย่างเสียวหาว เซินเซินต้องรู้แน่ว่าสองคนนี้คือคนขับรถตัวปลอมเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว”
“ใช่ มีแค่คนที่ไม่เข้าใจสถานการณ์จริงและคน ที่ถูกนายหลอกเท่านั้น ถึงจะให้ข่าวผิดๆ ให้กับเปยเตอหยงได้” เหว่ยแสดงความเห็นด้วย
“ก็มีเหตุผล” ฉินอวพยักหน้า “แต่ไม่ว่าจะอยู่ใน ศูนย์กลางหรืออยู่รอบนอกก็หาไอ้หนอนบ่อนไส้คนนี้เจอ เพราะมันต้องอยู่ใกล้ตัวพวกเราแน่นอน”
“ใช่” แมวเฒ่าพยักหน้า
“ฉันรู้สึกว่าตอนนี้เราต้องคุยกับฉวีหยางให้ดีแล้วล่ะ” ฉินอวี่เงยหน้าขึ้น “เว่ยจือตายด้วยน้ํามือของเปียเตอหยง งั้นความเป็นไปได้ที่มันจะร่วมแก้แค้นกับเราต้องมากขึ้นเรื่อยๆแน่นอน”
“นายจะไปคุยกับมันเหรอ?” แมวเฒ่าถาม
“เปล่า เดี๋ยวมันก็มาหาเราก่อนเอง” ฉินอวี่ก้มหน้ามองนาฬิกา “รอไปก่อนเถอะ”
เวลากลางคืน
ฉินอวีโทรศัพท์หาผู้กํากับตงและพูดอย่างตรงไปตรงมา “จับคนร้ายที่มาโจมตีได้แล้ว ตอนนี้ขาดที่กักขังที่ปลอดภัยอยู่ อาลองหาวิธีดูนะ!”
“ไปที่เรือนจําพิเศษสิ” ผู้กํากับตงครุ่นคิดสักพัก “เดี๋ยวฉันไปขอเอง”
“ได้ครับ” ฉินอวี่พยักหน้า
“งานนี้จัดการให้สวยมาก” ผู้กํากับตงเอ่ยปาก
ชม
“เหอะๆ การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ยังมาไม่ถึง” ฉินอวี่พูดเสียงต่ํา “เหมือนว่าฉวีหยางจะอยู่ใกล้กับเราแค่เอื้อมแล้ว”
“ดี ดี!” ผู้กํากับตงพูดคําว่าดีไปถึงสองรอบ
“ได้ งั้นก็เอาตามนี้ไปก่อน เดี๋ยวฉันจะไปเสนอเรื่องที่กักขังเอง”
“นายไปเถอะ”
เมื่อทั้งสองเจรจาตกลงกันเสร็จ ฉินอวีจึงรีบตรงไปยังโรงพยาบาลในสังกัดตํารวจทันที
ในโกดังใหญ่ย่านหนานหยาง
เบี้ยเตอหยงหยิบเงินหนึ่งแสนออกจากได้โต๊ะ ก่อนจะจัดเรียงบนโต๊ะน้ําชาอย่างเป็นระเบียบ
อันธพาลที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามครุ่นคิดสักพักก่อนเอื้อมมือหยิบเงิน
“พลั่ก!”
เป่ยเตอหยงยื่นมือไปขวางและสบตากับอีกฝ่าย “รู้ไหมว่าทําไมฉันถึงให้นายเพิ่มอีกแปดหมื่น?”
“ค่าปิดปากไงล่ะ” ชายฉกรรจ์ตอบอย่างห้วนๆ
“ทําไมต้องให้ค่าปิดปากด้วยล่ะ?” เปียเตอหยงถามอีก
“นายวางใจเถอะ คนที่เข้าไปจะไม่สาวถึงพวกนายแน่นอน” ชายฉกรรจ์พูดด้วยเสียงแหบแห้ง “เรื่องเงินเดี๋ยวฉันจะแบ่งเอง ถ้าพวกมันหลุดปากในนั้น เดี๋ยวฉันจะเข้าไปฆ่าพวกมันข้างในเพื่อแก้แค้นให้พวกนายเอง ข้อเสนอนี้โอเคไหม?”
“ดี!” เบียเตอหยงยกนิ้วโป้งขึ้น
ชายหนุ่มก้มหน้าเก็บเงินใส่กระเป๋าก่อนจะลุกขึ้น “ฉันไปล่ะ”
“นายแน่ใจนะ ว่าคนสองคนที่ฝ่ายนั้นจับตัวไป ไม่ใช่โหยวจือกับเสียวหู?” เป๊ยเตอหยงถาม
“ฉันมั่นใจ” ชายฉกรรจ์พยักหน้า “เฒ่าหลิว เข้าไปดูผู้ต้องหาที่ถูกมัดเอาไว้ใน
ห้องด้วยตาตัวเองได้เลย”
“งั้นก็ดี” เปียเตอหยงพยักหน้า
“มีอะไรค่อยบอกฉันละกัน” เฒ่าหลิวถือถุงเงินก่อนจะเดินจากไป
เป่ยเตอหยงส่งอีกฝ่ายแล้วจึงก้มหน้าสูบบุหรี่
“เว่ยจือตายแล้ว ฉวีหยางมันจะก่อเรื่องอะไรไหมนะ?” หวังหงถามด้วยเสียงเบา “ความสัมพันธ์ของพวกมันสองคนแน่นแฟ้นมากเลยล่ะ”
เบี้ยเตอหยงไม่พูดไม่จา
“ถึงแม้ฉันจะบาดหมางกับเว่ยจือ แต่ถ้าคิดในมุมของบริษัทแล้ว จริงๆฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการฆ่ามันหรอกนะ” หวังหงพูดเสริม “แบบนี้ก็เท่ากับว่าเป็นการบังคับให้ฉวีหยางร่วมมือกับอีกฝ่ายน่ะ
เปียเตอหยงมองหวังหง “แกจะไปรู้อะไร?! เรารู้กันชัดเจนอยู่แล้วว่าฉวีหยางคิดยังไง แต่เว่ยจือคิดจะโจมตีและช่วยคนอื่นฆ่าฉัน”
หวังหงนิ่งไป
“นายว่าใครเป็นคนคิดจะแยกออกจากทีมของเราเหรอ? ฉันจะบอกนายให้นะว่าชนวนเหตุก็คือเว่ยจือ” เป๊ยเตอหยงหัวเราะเยาะ “พวกนายคิดว่า ฉันจะไม่ติดต่อกับคนข้างล่างเหรอ ไม่รู้เลยรึไงว่า คนข้างล่างเขาคิดอะไรกัน? ฉันขอบอกนายไว้เลยนะ ในเมื่อฉันเป็นหัวหน้าทีมในบริษัท ฉันรู้ดีว่ามันดื่มเหล้ากับใครและพูดอะไรบ้าง”
หลังจากที่ได้ยินคํานี้ หวังหงมีสีหน้างุนงงและมีความวิตกกังวลซ่อนอยู่ในแววตา
“ฉันให้ตําแหน่งกับพวกมัน เพื่อให้พวกมันเก็บเงิน ให้พวกมันได้ใช้ชีวิตเหมือนคนอยู่ในฮ่งเจียง แต่พวกมันไม่ได้แค่ไม่รู้บุญคุณ แต่ยังปีกกล้าขาแข็งยังอยากจะถอนหุ้น ถึงขั้นจะร่วมมือกับอีกฝ่ายเพื่อมากําจัดฉันอีกด้วย” เบียเตอหยงนั่งไขว่ห้าง “นายว่าถ้าฉันปล่อยคนแบบนี้ไว้ ฉันจะไม่รู้สึกผิดกับตัวเองเหรอ?”
“ใช่ๆๆ” หวังหงสนับสนุนอย่างเชื่อฟัง
เปียเตอหยงสูบบุหรี่ “ฉวีหยางมันอยากจะเปลี่ยนทีมก็ปล่อยมันไป ฉันเลี้ยงมันได้ ฉันก็กําจัดมันทิ้งได้เหมือนกัน”
เวลาเช้าตรู่
ในห้องผู้ป่วยพิเศษโรงพยาบาลสังกัดตํารวจ บนหัวของฉินอวี่เต็มไปด้วยเหงื่อขณะกินลูกชิ้นเผ็ดๆ “พวกนายเป็นคนที่ไหนเหรอ?”
ชายถูกจับที่เป็นหัวหน้านอนหลับตาอยู่บนเตียงไม่พูดไม่จา
“ไม่ต้องหยิ่งขนาดนี้หรอก คุยกันสักหน่อยสิ” ฉินอวหัวเราะ
“แกอย่ามาถามเลย ฉันไม่มีทางหลุดปากออกมาหรอก” ชายหนุ่มพูดด้วยท่าทางที่เบลอเล็กน้อยในขณะที่ใบหน้าของเขามีผ้าก๊อซพันอยู่รอบใบหน้า
ฉินอวี่ครุ่นคิดสักพัก “เป้ยเตอหยงให้ค่าปิดปากนายเท่าไหร่เหรอ?”
“ไม่เกี่ยวกับเงินหรอก” ชายหนุ่มท่าทางเฉยชา
“แล้วมันจะเป็นเรื่องอะไรล่ะ?”
“สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในธุรกิจของเราก็คือการเลี้ยง ไม่เชื่องและการมีหนอนบ่อนไส้” ชายหนุ่มอธิ บายเสียงเบา “ถ้าฉันหลุดปากออกมา อย่างแรกก็จะกระทบกับคนที่ทํางานกับฉันโดยเฉพาะเพื่อนของฉันที่โชคดีและหนีไปได้ อย่างที่สองก็คือกระทบกับคนในบ้านของฉัน ถ้าฉันทําผิดกฎ พวกมันไม่มีทางไว้หน้าฉันแน่ แล้วเรื่องนี้ก็ต่อรองไม่ได้ ด้วย”
“นายกลัวว่ามันจะไปทําร้ายครอบครัวนายใช่ไหม?” ฉินอวี่ถาม
“ใช่” ชายหนุ่มพยักหน้า
ฉินอวถอนหายใจ “โอเค ฉันเข้าใจ งั้นนายพักผ่อนเถอะ”
ชายหนุ่มนิ่งไปและนึกไม่ถึงว่าฉันอวจะไม่ถามต่อ
ฉินอวี่ถือถ้วยลูกชิ้นแล้วเดินออกจากห้องผู้ป่วยไปก่อนจะเดินไปกําชับติงถั่วเซิน “ไอเดียของนายยังใช้ไม่ได้ งั้นก็อย่าเพิ่งขังคนร้ายอีกสองคนรอให้รู้เหว่ยมาทํางานพรุ่งนี้แล้วค่อยขังก็แล้วกัน”
“เข้าใจแล้ว” ติงกั่วเซินพยักหน้าพลางถาม “คนที่อยู่ข้างในหลุดปากแล้วเหรอ?”
“มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก” ฉินอวี่ส่ายหน้า “ถ้าอยากให้พวกมันหลุดปากออกมาก็ต้องกําจัดความกังวลของพวกมันก่อน พรุ่งนี้รอให้รู้เหว่ยยังตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวฉันจะหาวิธีทํางานนี้ต่ออีกที”
“ได้ งั้นพี่รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ ฉันรอคนมาเปลี่ยนเวรน่ะ”
“โอเค”
ฉินอวี่พยักหน้าพลางกินลูกชิ้นที่อยู่ในถ้วยแล้วเดินจากไป
“กริ้ง!”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“ฮัลโหล?”
“ศะ…ศพของเว่ยจืออยู่ที่ไหน?” ฉวีหยางถาม ด้วยเสียงสั่นเครือ
ฉินอวี่เงียบไปสักพัก “อยู่ในห้องเก็บศพห้องที่สองของโรงพยาบาลสังกัดตํารวจ”
“แกไปรอฉันที่นั่นเดี๋ยวนี้!” ฉวีหยางกัดฟัน “ถ้าฉันยังไม่ถึง แกห้ามไปไหนเด็ดขาด!”
“ได้” ฉินอวี่พยักหน้า
เวลาเช้าตรู่ประมาณตีห้ากว่า
ขณะที่ฉินอวนอนพักอยู่ในรถก็มีเสียงทุบกระจกดังขึ้น เขาลืมตาอย่างสะลึมสะลือพลางเปิดประตูรถออก “มะ…มาแล้วเหรอ?”
“ผัวะ!”
ฉวีหยางปล่อยหมัดออกไป “แม่งเอ๊ย! แกไม่เชื่อฉันแล้วยังจะให้ฉันคุยอะไรอีก? แกรู้ไหมว่าที่พี่ชายของฉันต้องตายเพราะแก!!”