I Was Kidnapped By The Strongest Guild - ตอนที่ 34 ผู้เชี่ยวชาญกระต่ายมีเขา (1)
“อ๊าาา!”
ยอรึมกรีดร้องออกมาในขณะที่เธอวิ่งตัดผ่านทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่
กระต่ายมีเขาหลายสิบตัวกำลังวิ่งไล่เธออยู่
ในขณะที่เธอวิ่งหนี เธอก็มองไปรอบ ๆ แต่กลับไม่เห็นเพื่อนร่วมงานของเธอหรือนักผจญภัยคนอื่น ๆ จากกิลด์ที่เข้ามาด้วยกันเลย
ทุกคนหลงทางอย่างนั้นเหรอ?
ไม่ใช่หรอก เป็นฉันเองซะมากกว่าที่หลงทาง
ยอรึมปีนขึ้นต้นไม้และหอบให้ใจอย่างหนักอย่างที่ไม่ได้เป็นมานานแล้ว
“อ่า ให้ตายเถอะ”
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องยากหากไร้ซึ่งมานา แต่การที่เธอฝึกฝนกล้ามเนื้ออยู่ตลอดก็ทำให้เธอปีนต้นไม้ได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าไหร่
‘นี่มันบ้าไปแล้ว’
ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมดันเจี้ยนกระต่ายมีเขาถึงถูกจัดให้อยู่ในระดับ 5
เมื่อเราเดินเข้าไป มานาทั้งหมดก็จะถูกปิดกั้น ช่างเป็นดันเจี้ยนที่โหดร้ายมาก
ลองคิดดูสิถ้าหากเราไร้มานา เราจะจัดการกระต่ายมีเขาอย่างไร?
ในขณะที่คร่ำครวญ ฮันยอรึมก็คิดถึงคยออุลที่อยู่ที่กิลด์อย่างไม่ได้ตั้งใจ
‘…นี่ฉันกำลังถูกลงโทษอยู่เหรอ?’
ไม่ใช่ มันเป็นไปไม่ได้หรอก
เธอส่ายหัวในขณะที่มองดูกระต่ายมีเขาหลายสิบตัวที่อยู่รอบ ๆ ต้นไม้
อย่างน้อยที่นี่ ก็ไม่มีใครหัวเราะเยาะเย้ยเธอที่ไม่สามารถจัดการกระต่ายมีเขาได้
มันดีกว่าสถานการณ์ของคยออุลอย่างน่าเศร้า
“อึ๋ย”
ถ้าหากฉันรอดชีวิตออกไปจากที่แห่งนี้ได้ ฉันจะทำดีกับคยออุลอีกร้อยเท่าเลย
ในขณะที่ยอรึมคิดตกกับเรื่องนี้ เธอก็ได้ยินเสียงสะอื้นของผู้หญิงดังออกมาจากที่ไหนสักแห่ง
“ฮะ…?”
เป็นเพราะว่าไร้ซึ่งมานาใช่ไหม?
เธอถึงได้รับรู้สภาพแวดล้อมโดยรอบได้ช้ามาก
ยอรึมจับกิ้งไม้และมองไปรอบ ๆ เพื่อหาที่มาของเสียง
“ย-ยูนา?”
จองยูราเกาะลำต้นของต้นไม้เอาไว้ราวกับจั๊กจั่น และค่อย ๆ ไหลลงมาในขณะที่เธอพยายามยึดเกาะมันเอาไว้
“ยอรึม ช่วยฉันที…”
จองยูนาเงยหน้ามองยอรึมด้วยน้ำตาและใบหน้าที่แสนน่าสงสาร
สีหน้าเหมือนกับตอนที่คยออุลกำลังกลัวเลย
“เธอก็ปีนขึ้นไปอีกสิ”
“ร่างกายของฉันมันหนักเกินไป ฉันปีนไม่ได้”
กรี๊ด—
ร่างกายของจองยูนาค่อยไถลลงมา
กระต่ายที่อยู่ข้างร่างสัมผัสได้ถึงโอกาศ พวกมันจึงกระโดดเข้าหาเธอ
จึก!
เขาของกระต่ายมีเขาแทงเข้าไปที่ขาด้านซ้ายของจองยูนา
โชคดีที่เขาไม่ได้ยาวพอที่จะแทงทะลุต้นขาของเธอได้
“ระ-เร็วเข้า…”
จองยูนาตัวสั่น
ยอรึมรีบเอื้อมมือไปหาเธอ
“ยูนา จับมือฉัน”
ยอรึมดึงยูนาขึ้นมา
มันหนักนิดหน่อยในการดึงเธอขึ้นมา แต่ยอรึมก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเพราะเธอเห็นแก่อีกฝ่าย
“…ขอบใจ”
จองยูนานั่งบนกิ้งไม้และลูบแขนของตัวเอง
ผิวที่ระเอียดอ่อนของเธอมีรอยขีดข่วนและแผลที่ได้มาจากการถูกับต้นไม้ที่หยาบกร้าน
“ไม่เห็นรู้เลยว่าเราไม่สามารถใช้มานาในดันเจี้ยนได้”
“ใช่ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
สายตาของทั้งคู่เหม่อลอยไปในอากาศ ทั้งสองต่างเข้าใจได้โดยสัญชาตญาณว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่
เด็กคนนั้นที่ปกติก็จับกระต่ายมีเขาโดยที่ไร้ซึ่งมานา
ภาพของเด็กคนนั้นเข้ามาในหัวของฉัน
จองยูนากัดริมฝีปากของเธอด้วยความรู้สึกผิด
“ยูนา เรามาโฟกัสไปที่การเคลียร์ดันเจี้ยนกันก่อนเถอะ เพราะนั่นคือวิธีเดียวที่เราจะชดใช้ให้คยออุลได้”
“อืม…”
ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นสิ่งที่ต้องทำ
จองยูนาพยักหน้าอย่างอ่อนแรง
เป็นอย่างที่ยอรึมบอก สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการหาวิธีเคลียร์ดันเจี้ยน
เนื่องจากยูนาไม่สามารถใช้เวทย์มนตร์ได้ เธอเลยไม่แน่ใจว่าตัวเองจะช่วยเหลืออะไรได้หรือเปล่า
“ยูนา เธอเห็นจินฮยอกอยู่แถว ๆ นี้บ้างไหม?”
“ไม่เลย ฉันไม่เห็น ฉันมัวแต่วิ่งหนีเพราะถูกไล่น่ะ”
“แล้วนักผจญภัยคนอื่น ๆ ล่ะ?”
“เอ่อ…ฉันว่าฉันเห็นคนจากกิลด์อึนฮาอยู่แถว ๆ ทะเลสาปเมื่อตะกี้นี้นะ แต่ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาจะยังอยู่ที่นั่นอยู่หรือเปล่า”
ทะเลสาป
มันอยู่ทางเหนือ
ยอรึมกระโดดลงจากต้นไม้อย่างระมัดระวังหลังจากที่แน่ใจแล้วว่ากระต่ายมีเขาจากไปแล้ว
“ยูนา ปลอกภัยแล้วละ ลงมาสิ”
“……”
จองยูนาไม่สามารถพาตัวเองลงมาได้ เธอไม่รู้วิธีลงจากต้นไม้โดยที่ไม่มีมานา
“ยูนา?”
“…ยอรึม ช่วยจับฉันหน่อยได้ไหม?”
“อ่า โอเค”
ยอรึมจับร่างกายของยูนาที่กำลังห้อยลงมาจากกิ่งไม้
จองยูนาหันหน้าสีแดงด้วยความเขินอายออกไปทางทุ่งหญ้าอันห่างไกล
‘ฉันอ่อนแอมาก’
ถ้าไร้ซึ่งมานา ร่างกายของเธอก็ไม่ได้แตกต่างไปจากคนธรรมดาทั่วไปเลย
เธอปีนขึ้นต้นไม้แบบดี ๆ ก็ไม่ได้ด้วยซ้ำ
เธอรู้สึกว่าตัวเองช่างไร้ประโยชน์
ในสถานการณ์อันขมขื่นนี้ จองยูนาก็นึกถึงคยออุลที่อยู่ที่บ้านสำเร็จรูป
เด็กคนนั้นก็คงจะรู้สึกแบบนี้อยู่ตลอดเกือบเวลาทั้งชีวิต
เธอคร่ำครวญถึงความไร้พลังและไร้ประโยชน์ของตัวเธอเอง
พอมาอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ก็เพิ่งได้เข้าใจ
เธออยากจะตบหน้าของตัวเองที่ไม่สามารถเข้าใจได้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ แต่เธอก็ไม่สามารถทำได้ เพราะกลัวว่ากระต่ายมีเขาจะได้ยินเสียงและเข้ามา
ตั้งแต่นี้ไปเธอจะเลิกโอ้อวดความสามารถของตัวเองและใจดีกับผู้คนโดยรอบให้มากกว่านี้
ยอรึมกระซิบในขณะที่เดินไปหายูนา
“เราเดินตามต้นไม้กันเถอะ จับตาดูกระต่ายมีเขาด้วย”
“โอเค เข้าใจแล้ว…”
คยออุลทำอย่างเต็มที่แม้แต่ในสถานการณ์ที่ไร้พลัง
จองยูนาตัดสินใจเอาคยออุลเป็นเยี่ยงอย่างและค้นหาสิ่งที่ตัวเองทำได้
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
สามวันผ่านไปนับตั้งแต่ที่ยอรึมเข้าไปในดันเจี้ยน
ทุก ๆ คนภายในกิลด์แล้วก็ฉันต่างก็กระวนกระวาย
“ยังติดต่อไม่ได้งั้นเหรอ?”
“ใช่ หรือว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น?”
“ไม่รู้สิ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในดันเจี้ยน…”
บางคนแนะนำให้ส่งทีมกู้ภัยเข้าไป ส่วนอีกบางคนบอกให้รออีกสักหน่อยเพราะเชื่อใจเพื่อนของพวกเขา
ท่ามกลางความคิดต่าง ๆ ฉันก็ได้แต่มองไปรอบ ๆ อย่างสิ้นหวัง
และสงสัยว่าเมื่อไหร่เธอจะกลับมา
“นานเกินไปแล้ว…”
เมื่อหลายวันก่อน ฉันปรารถนาให้พวกเขาหายไป
แต่ตอนนี้ ความกังวลคือความรู้สึกเดียวของฉัน
ถ้าหากมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้นภายในดันเจี้ยนล่ะ?
ฉันเดินเตร็ดเตร่อยู่แถว ๆ ตึกกิลด์ด้วยความคับข้องใจและไม่มีสมาธิ ในตอนนั้นเองโซเฟียก็เดินเข้ามาหาฉัน
“ยอรึมยังไม่กลับมาใช่ไหม?”
“ใช่…”
“น่ากังวลจริง ๆ ”
โซเฟียพยายามปลอบใจฉันด้วยการตบไหล่ของฉัน
แต่การปลอบใจของเธอช่วยบรรเทาหัวใจของฉันได้เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น
“เธอ…ยังไม่ตายใช่ไหม?”
“ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้า แต่เจ้าต้องใจเย็น ๆ มีเวลาให้เศร้าอีกเยอะหลังจากที่
“…ข้าเข้าใจว่าเจ้ารู้สึกยังไง แต่เจ้าต้องสงบใจเข้าไว้ มีเวลาให้เศร้าอีกเยอะเมื่อทุกอย่างจบลง”
“ฉันก็หวังให้ฉันทำได้ แต่มันไม่ง่ายเลย…”
ความคิดของฉันล่องลอยไปในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด
ฉันถอนหายใจออกมาด้วยความคับข้องใจ
สายตาของฉันตกลงไปที่พื้นพร้อมกับลมหายใจแรง ๆ ของฉัน
“เอาน่า ร่าเริงเข้าไว้ ถึงแม้ว่าเจ้าจะต้องฝืนก็ตาม จงยืดหูและหลังให้ตรง”
โซเฟียยกหูของฉันขึ้นด้วยความไม่พอใจกับสภาพที่หมดอาลัยตายอยากของฉัน
หูของฉันตั้งตรงชั่วขณะ แต่ก็ตกลงอีกครั้งทันทีเมื่อเธอปล่อยมัน
ทั้งร่างกายของฉันรู้สึกอ่อนแรงด้วยความกังวลที่สมาชิกภายในกิลด์หายไป
“ถึงแม้จะใช้มานาไม่ได้ แต่ทำได้กิลด์รุ่งอรุณถึงไม่สามารถออกมาจากดันเจี้ยนกระต่ายมีเขาได้ล่ะ?”
ขนาดฉันเองยังสามารถจัดการกับกระต่ายมีเขาได้ด้วยหนังสติ๊กเลย
ฉันเลยไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาที่ซึ่งเผชิญหน้ากับความยากลำบากของดันเจี้ยนมาอย่างมากมายถึงต้องมาดิ้นรนกับแค่กระต่ายมีเขา
โซเฟียลูบคางครุ่ยคิดกับคำถามของฉันอย่างสับสน
“อืม…บางทีที่พวกเขาต้องดิ้นรนก็เพราะว่าเป็นกระต่ายมีเขาเนี่ยแหละ”
“เพราะมันเป็นกระต่ายมีเขา?”
“ใช่ พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใคร ๆ ก็จัดการได้ เพราะงั้นมันจึงไม่มีกลยุทธ์สำหรับพวกมัน”
“อ่า…”
จริงด้วย
แค่ยอรึมสะบัดแขนทีเดียวก็สามารถจัดการกระต่ายมีเขาได้เป็นร้อยแล้ว
แม้แต่คนธรรมดาก็สามารถจัดการพวกมันได้อย่างไม่ยากเย็น
ดังนั้นจึงไม่มีกลยุทธ์สำหรับจัดการกับกระต่ายมีเขา เพราะว่าไม่ว่าใครก็สามารถจัดการได้แต่ไม่ใช่สำหรับฉัน
ฉันเป็นคนเดียวในโลกที่ไม่มีมานา
บางทีเหตุผลที่พวกเขาช้าก็เพราะว่าพวกเขากำลังหาวิธีจัดการกับกระต่ายมีเขาโดยที่ไม่มีมานาอยู่
เมื่อรับรู้ว่าตัวเองคือผู้เชี่ยวชาญในการล่ากระต่ายมีเขาโดยที่ไม่ต้องใช้มานา ฉันก็รู้สึกราวกับตัวเองโดนฟ้าผ่า
‘ฮะ?’
ถ้าฉันเข้าไปในเจี้ยน ฉันก็จะสามารถช่วยได้มากเลยใช่ไหม?
ด้วยความคิดที่มีความหวัง ฉันจึงหันหน้าไปหาโซเฟีย
“โซเฟีย คุณรู้ไหมว่าดันเจี้ยนกระต่ายมีเขาอยู่ที่ไหน?”
“เกตที่ยอรึมเข้าไปในครั้งนี้น่ะเหรอ?”
“ใช่”
“ฉันจำได้ว่า เธอบอกว่าจะไปที่ซังกัมดงละมั้ง?”
ซังกัมดง
ซังกัมดง
ฉันพูดย้ำตำแหน่งกับตัวเอง จากนั้นก็วิ่งไปที่บ้านสำเร็จรูป
“เจ้าจะไปไหนน่ะ?”
“จะไปที่ซังกัมดงสักหน่อยน่ะ”
“…เจ้าคิดที่จะเข้าไปในดันเจี้ยนใช่ไหม?”
ฉันหยุดอยู่ที่คำถามของโซเฟีย
ฉันคิดทึ่จะโกหกเธอเพื่อให้เธอสบายใจ แต่สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจที่จะพูดออกไปตรง ๆ
“การจัดการกระต่ายมีเขาโดยที่ไม่ต้องใช้มานาคือความสามารถพิเศษของฉัน”
“ข้ารู้ แต่เจ้าจำเป็นต้องเข้าไปจริง ๆ งั้นเหรอ…?”
“อย่ากังวลเลย ฉันจัดการกระต่ายมีเขาแบบนี้มาเป็นร้อยตัวแล้ว”
มันไม่ใช่เรื่องโกหก
โซเฟียใช้ไม้เท้าเคาะพื้นเมื่อเห็นถึงความมุ่งมั่นของฉัน ใบหน้าของเธอในตอนนี้เต็มไปด้วยความกังวล
“เจ้าสัญญาได้ไหมว่าเจ้าจะไม่ประมาท”
“อืม ฉันสัญญา”
ในเรื่องของการจัดการกระต่ายมีเขาโดยที่ไม่ต้องใช้มานา ไม่มีใครทำได้ดีไปกว่าฉันแล้ว
ถ้าไม่ใช่ฉันก็คงไม่มีใครช่วยพวกเขาได้อีกแล้ว
“…ถ้างั้นก็ไปเถอะ แต่ระวังตัวด้วย”
“อืม…!”
ฉันกลับไปที่บ้านสำเร็จรูปและหยิบคันธนูกับลูกธนูไป
หยิบหนังสติ๊กและลูกแก้วไปด้วยเผื่อได้ใช้
เสื้อผ้าที่ฉันใส่ก็ดีพอแล้ว
เพราะมันเป็นตัวที่สกปรกที่สุดเท่าที่ฉันมี
ฉันไม่ได้ล่ากระต่ายมีเขามานานแล้ว ถ้านับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ล่า
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━