I Was Kidnapped By The Strongest Guild - ตอนที่ 33 ดันเจี้ยน
หลังจากที่กินอาหารเช้าพร้อมกันกับทุกคน พวกเราก็ดื่มชาแดนดิไลออนเป็นของหวานอย่างเอร็ดอร่อย
ในตอนที่พวกเราดื่มชา ยอรึมก็เชิญจองยูนาและชเวจินฮยอกมาร่วมดื่มด้วย
เพื่อผลประโยชน์จากเอฟเฟคบัฟที่พวกเขาบอกว่ามันอยู่ในชาของฉัน
“เป็นไง ชาของคยออุลสุดยอดไปเลยใช่ไหมล่ะ?”
“ใช่ สุดยอดมาก…”
ชเวจินฮยอกดื่มชาร้อน ๆ ลงไปภายในอึกเดียว
เขาไม่ได้สะดุ้งเลย ราวกับน้ำชาไม่ได้ร้อน
นักผจญภัยระดับสูงเช่นเขาคงจะต้องฝึกฝนแม้กระทั่งภายในเพื่อให้ทนต่อความร้อนแบบนี้ได้
“คยออุล เดี๋ยวพี่จะมาจ่ายค่าน้ำชาหลังจากที่พี่กลับมาจากดันเจี้ยนนะ โอเคไหม?”
“คุณไม่จำเป็นต้องจ่ายหรอก รอบ ๆ ที่นี่มีดอกแดนดิไลออนอยู่เต็มไปหมดเลย”
พวกเขาช่วยฉันมาเยอะมาก
ฉันไม่อยากเก็บเงินพวกเขาสำหรับชาทุกแก้ว
“ไม่ได้หรอก คยออุลไม่ได้เข้าใจเลยว่าบัฟอันนี้มันสุดยอดมากแค่ไหน”
ใช่แล้ว ใช่แล้ว
จองยูนาและชเวจินฮยอกเห็นด้วยกับคำพูดของยอรึม
“แต่มันก็แค่ชาแก้วเดียว…”
“ไม่ต้องไปกังวลเรื่องนั้นหรอก พี่ต้องไปแล้ว ไว้เราค่อยคุยกันทีหลังนะ”
ยอรึมรีบวิ่งหนีไปที่ไหนสักที่พร้อมกันกับอีกสองคน
ดันเจี้ยนที่พวกเขามุ่งหน้าไปคือดันเจี้ยนระดับ 5
มันเป็นดันเจี้ยนที่อันตรายที่ซึ่งความสามารถในปัจจุบันของฉันไม่สามารถทำอะไรได้
เป็นเรื่องที่ค่อนข้างตลกที่ภายในนั้นมีแต่กระต่ายมีเขา
‘…ฉันกำลังดูถูกกระต่ายมีเขาอยู่’
จากผู้ที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยดิ้นรนเพื่อจับกระต่ายมีเขาเพียงแค่ตัวเดียว สู่ผู้ล่าก็อบลินในตอนนี้
ฉันค่อย ๆ รู้อย่างช้า ๆ ว่าทั้งหมดเป็นเพราะยอรึม
‘หากแต่เพียงเธอไม่ได้ปกปิดอะไรบางสิ่งบางอย่างเอาไว้’
แต่ถึงอย่างนั้น
หนี้ที่ฉันติดเธอไว้ก็มีอยู่มากโข
ดังนั้นการเสิร์ฟน้ำชาให้เธอทุกวันแบบฟรี ๆ จึงเป็นสิ่งที่ฉันพอจะทำได้
หลังจากอาหารย่อยแล้ว ฉันก็รีบคว้าคันธนูและลูกธนูพร้อมกับสวมเสื้อที่เย็บไว้เมื่อเช้านี้
ฉันคิดเอาไว้ว่าจะไปดันเจี้ยนในตอนรุ่งเช้าเพื่อเอาอย่างสมาชิกในกิลด์
ฉันคิดเอาไว้ว่าจะเอาแบบอย่างสมาชิกกิลด์ที่มุ่งหน้าไปที่ดันเจี้ยนตั้งแต่เช้าตรู่
“…คยออุล นี่เจ้าจะใส่ชุดนั้นจริง ๆ งั้นเหรอ?”
โซเฟียมองเสื้อผ้าของฉันด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ
ฉันรู้ว่ามันไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีเท่าไหร่ แต่ฉันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
ฉันอยากสวมเสื้อผ้าที่ฉันจะไม่เสียใจแน่ ๆ ถ้าหากฉันสูญเสียมันไป
มันคือบทเรียนที่ฉันได้เรียนรู้มาจากหัวขโมยเมื่อคืนนี้
“ใช่ เสื้อตัวนี้เปรียบเสมือนเครื่องรางสำหรับฉัน”
พอมาคิดดูแล้ว เสื้อตัวนี้เป็นเสื้อตัวเดียวกับตอนที่ฉันถูกกระต่ายมีเขาแทงเข้าที่ท้อง
ฉันลูบส่วนที่ขาดของเสื้อผ้าโดยไม่รู้ตัว
“โซเฟีย ฉันคิดว่ามันเป็นชุดที่ค่อนข้างมีสไตล์เลยนะ”
“จริงด้วย! ท่านผู้นำท่านดุร้ายมาก!”
เอนเซียและอาร์โก้ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉัน
ต่างจากโซเฟีย พวกเขามักเข้าข้างฉันอยู่ตลอด
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าฉันไม่ชอบโซเฟีย
เธอให้คำแนะนำและคอยชี้แนะเพื่อผลประโยชน์ของฉัน
อันที่จริงแล้ว เป็นเอนเซียกับอาร์โก้ที่เอาแต่พูดสิ่งดี ๆ ต่างหากที่ฉันควรระวัง
ไม่ใช่ว่าเพราะพวกเขาเป็นคนไม่ดีหรอก
“…แฟชั่นคือสิ่งที่อยู่ในขอบเขตของความพึงพอใจของตัวเราเอง บางทีฉันอาจจะทำเรื่องที่มันไร้เหตุผลอยู่”
โซเฟียพยักหน้าและคว้าไม้เท้าของเธอ
ได้เวลาที่ต้องลืมเรื่องเสื้อผ้าและมุ่งตรงไปยังพื้นที่ล่าแล้ว
ฉันพาทุกคนไปที่นั่น
ฉันมักที่จะรู้สึกแปลก ๆ อยู่เสมอในเวลาที่ได้เป็นผู้นำของกลุ่ม
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ผัวะ!
ลูกศรแทงทะลุหัวของก็อบลิน
มันเป็นก็อบลินที่อยู่ห่างไกลออกไปพอสมควร แต่ตอนนี้ ความสำเร็จดังกล่างไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกภูมิใจอีกต่อไปแล้ว
“วันนี้ฉันจัดการได้สิบตัวแล้ว”
“ถ้างั้นเราก็กลับกันเถอะ จะเป็นการเสียมารยาทต่อนักผจญภัยคนอื่น ๆ ถ้าหากเราจัดการพวกมันมากจนเกินไป”
“โอเค”
ฉันรีบรวบรวมหินมานาและเตรียมตัวเพื่อที่จะออกไป
ในขณะที่ฉันหยิบมีดออกมาจากกระเป๋า ฉันก็ได้ยินเสียงของก็อบลินที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่มอยู่ในที่ห่างไกล
“ฮะ?
ฟังจากเสียงแล้ว น่าจะมีก็อบลินอยู่ที่ประมาณห้าตัว
แต่ท่ามกลางพวกมัน มันมีเสียงที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนอยู่
เป็นเสียงฝีเท้าที่หนักกว่าก็อบลินทั่วไป
และเสียงร้องของพวกมันก็รุนแรงมากขึ้น
มันอาจจะเป็นมอนสเตอร์ที่รู้จักกันในฐานะ ‘ชื่อ’
“ตรงนั้นมีอะไรแปลก ๆ งั้นเหรอ?”
“ใช่ มีก็อบลินที่ไม่ธรรมดาอยู่ตรงนั้น”
“อืม…”
โซเฟียลูบครางอย่างครุ่นคิด หลังจากนั้นเธอก็แตะหลังของฉันและแนะนำให้พวกเราไปดู
“มันไม่อันตรายเหรอ?”
“พวกเรามีเอนเซียและอาร์โก้อยู่ด้วย เพราะงั้นไม่เป็นอะไรหรอก”
“…โอเค”
มอนสเตอรฺที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าก็อบลิน
ถึงแม้หัวใจของฉันจะเต้นรัวด้วยความตึงเครียด แต่ความหยิ่งยโสในการอยากเอาชนะก็พุ่งพล่านอยู่ภายในใจฉัน
การหยิ่งผยองแบบนั้นไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย
หลังจากที่หายใจเข้าลึก ๆ อยู่หลายครั้ง ฉันก็พาทุกคนไปยังตำแหน่งของมอนสเตอร์ที่มีชื่อว่า
“นั่นมัน…”
“ฮอบก็อบลิน”
“ฮอบก็อบลิน?”
“ใช่ ถ้าให้เปรียบเทียบก็คือ ก็อบลินที่เราเห็นอยู่ทั่วไปก็คือประชาชนทั่วไป ส่วนฮอบก็อบลินก็คือทหารที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี”
ก็อบลินทหาร
ฉันอยากลองจัดการมันดูสักครั้ง
แต่ฉันใช้โควต้าของวันนี้ไปหมดแล้ว
ในขณะที่ฉันกำลังจับคันธนูเล่นด้วยความรู้สึกเสียใจ โซเฟียก็ถามฉันอย่างจริงจัง
“อยากลองจัดการมันดูไหม?”
“มันจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมถ้าฉันทำ?”
“แน่นอนสิ การเติบโตของเจ้าคือสิ่งที่สำคัญมากที่สุด”
เมื่อได้รับการสนับสนุนจากโซเฟีย ฉันจึงพาดลูกศรลงบนสายของคันธนูอย่างรวดเร็ว
ฮอบก็อบลินสวมหมวกเหล็กอยู่
ฉันกำลังสงสัยว่สลูกธนูของฉันจะสามารถเจาะทะลุมันไปได้หรือเปล่า
ในขณะที่ฉันดึงสายของคันธนูด้วยความลังเล พลังที่ไม่รู้จักก็ระเบิดออกมาจากแถว ๆ กับหัวใจ
“……!”
มันเป็นพลังงานอันเข้มข้นที่ฉันไม่เคยได้สัมผัสมันมาก่อน
รู้สึกราวกับกล้ามเนื้อของฉันมันขยายใหญ่ขึ้น
ฉันสามารถทำได้
ในขณะที่ฮอบก็อบลินกำลังสั่งพวกก็อบลินอยู่ ฉันก็รีบปล่อยลูกธนูออกไป
ปัง!
ลูกศรที่รวดเร็วยิ่งกว่าเมื่อก่อน พุ่งเข้าใส่หมวกเหล็กของฮอบก็อบลินอย่างเต็มกำลัง
หมวกนิรภัยยับยู่ยี่และมีรอยถูกเจาะ แสดงให้เห็นถึงพลังทำลายล้างอย่างชัดเจน
แม้แต่สมองของฮอบก็อบลินก็ยังถูกแทงทะลุ
เคี๊—
ฮอบก็อบลินล้มลงพร้อมกับเสียงกรีดร้องอันบางเบา
ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะสามารถฆ่าสิ่งมีชีวิตที่มีชื่อได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
“แฮ่ก”
ฉันกระพริบตาด้วยความไม่อยากเชื่อ และหันหน้าไปทางโซเฟีย
แต่เธอก็สะกิดไหล่ของฉันเพราะต้องการให้ฉันกลับสู่ความเป็นจริง
“อย่าเพิ่งฉลอง ยังมีเศษที่ต้องจัดการอยู่”
“อ๊ะ จริงด้วย”
คำพูดของเธอเป็นความจริง
ฉันไม่สามารถลดการระวังตัวลงได้ถ้าหากก็อบลินยังไม่ถูกจัดการไปจนหมด
ฉันดึงลูกธนูสองอันออกมาจากด้านหลังทันที ไม่ใช่เพียงแค่หนึ่ง
‘อาจจะได้ผล…’
ฉันพาดลูกศรสองอันลงบนสายของคันธนู
มันอาจจะดูโผงผาง แต่ด้วยสภาพของฉันในตอนนี้ ฉันมั่นใจว่ามันเป็นไปได้
หวืด—
ฉันปรับมุมของลูกธนูอย่างละเอียดด้วยมือของฉัน และยิงพวกมันใส่ก็อบลินที่กำลังอยู่สภาพระส่ำระสายเนื่องจากผู้นำของพวกมันเพิ่งถูกจัดการไป
ปัง—
ลูกศรทั้งสองลอยออกไปพร้อมกัน
ช่างน่าแปลกใจที่ลูกศรแต่ละลูกพุ่งตรงเข้าหาก็อบลินที่แตกต่างกันได้อย่างแม่นยำ
“ว้าว…!”
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะมันจะได้ผลจริง ๆ
ความมั่นใจของฉันเพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ฉันตัดสินใจใช้วิธีเดิมในการจัดการพวกก็อบลินที่เหลืออยู่
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
วันนี้ ฉันจัดการก็อบลินได้ 15 ตัว
หนึ่งในนั้นคือมอนสเตอร์ที่มีชื่อฮอบก็อบลิน
ฉันนอนอยู่บนที่นอน ตรวจสอบมานาสโตนที่ได้มาจากฮอบก็อบลิน
มันเป็นมานาสโตนที่สว่างไสว และขนาดของมันก็เท่ากับหนึ่งข้อนิ้ว
“ว้าว”
ฉันไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตของฉันจะสามารถล่าอะไรที่ตัวใหญ่กว่ากระต่ายมีเขาได้
ฉันจ้องมองมานาสโตนของก็อบลินด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็ลุกขึ้นจากที่นอนทันที
“โซเฟีย ช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม?”
“อยากให้ข้าช่วยเรื่องอะไรล่ะ?”
“ฉันอยากขายมานาสโตนทั้งหมดที่เราได้รับมาในวันนี้และทำอาหารให้กับทุก ๆ คน”
เหตุผลที่ฉันเติบโตขึ้นมาได้มากถึงขนาดนี้ ก็เป็นเพราะว่าฉันได้รับความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง
ถ้าหากฉันไม่แสดงความขอบคุณออกไปบ้าง ฉันก็คงไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากสัตว์ป่า
แต่ก่อนอื่นเลย ฉันต้องแจกจ่ายมานาสโตนให้กับสมาชิกในปาร์ตี้ซะก่อน
จริงอยู่ที่ฉันเป็นคนล่าเองทั้งหมด แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็รู้ตัวดีว่าฉันคงทำแบบนั้นไม่ได้หรอกถ้าหากไม่มีพวกเขาคอยอยู่ข้าง ๆ
ฉันไม่อยากกลายเป็นคนโลภในเรื่องนั้น
“ความคิดยอดเยี่ยมมาก ข้าเห็นด้วยกับเรื่องนี้”
“ขอบคุณ…”
ฉันโค้งคำนับโซเฟียด้วยความขอบคุณและออกไปข้างนอกเพื่อเอามานาสโตนไปขาย
การเข้าไปในตึกกิลด์ยังคงเป็นเรื่องที่น่าอึดอัด ที่จริงฉันอยากขอให้คนอื่นเอามันไปขายให้ แต่สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจทำเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
นี่คือการแสดงออกถึงความจริงใจของฉัน
“เอ่อ คือว่า…”
ฉันเข้าไปในตึกกิลด์ผ่านทางประตู
ฉันเดินไปรอบ ๆ และเห็นนักผจญภัยในตึกกิลด์นั้นยุ่งมาก ฉะนั้นฉันเลยไม่รู้ว่าต้องขายหินมานาให้กับใคร
“นี่ ทีมที่เข้าไปในดันเจี้ยนวันนี้ขาดการติดต่อไป…”
“นายกำลังพูดถึงทีมของยอรึมอยู่ใช่ไหม?”
“ใช่ ตอนนี้พวกเขาการติดต่อไปเพราะดันเจี้ยนปิดกั้นมานา”
ทีมของยอรึมขาดการติดต่อ
ใจของฉันจมอยู่กับข่าวนี้
“…ดันเจี้ยนที่ปิดกั้นมานา?”
“ใช่แล้ว เหตุผลที่พวกเขาไม่สามารถติดต่อสื่อสารหรือเคลียร์ดันเจี้ยนได้ก็มาจากเหตุผลข้อนี้”
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่มีกระต่ายมีเขาอยู่ในดันเจี้ยนระดับ 5”
“เรื่องนี้เลวร้ายมาก…”
นักผจญภัยทั้งสองคนที่กำลังพูดคุยเรื่องนี้ก็รีบวิ่งไปที่ไหนก็ไม่รู้
ฉันมองดูร่างของพวกเขาที่กำลังค่อย ๆ หายไปอย่างเคว้งคว้าง หลังจากนั้นฉันก็ก้าวเดินออกมาจากตึกกิลด์
เนื่องจากทุกคนยุ่งมาก ฉันจึงตัดสินขายหินมานาในภายหลัง
‘ความคิดของฉันถูกต้อง…’
การล่ากระต่ายมีเขาโดยที่ไม่มีมานาเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เหมือนกับการเอาชีวิตไปแขวนไว้บนเส้นด้าย
กลุ่มของยอรึมจะรับมือได้ไหม?
ด้วยความกังวล ฉันจึงรีบกลับไปที่บ้านสำเร็จรูป
ความทรงจำในตอนที่ล่ากระต่ายมีเขาโดยที่ไม่มีมานาเมื่อไม่นานมานี้ของฉันก็ค่อย ๆ ผุดขึ้นมา ทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจเลย
‘พวกเขาจะต้องจัดการได้แน่’
ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาคือนักผจญภัยระดับสูงที่ต่อสู้เสี่ยงชีวิตมาโดยตลอด
ฉันไม่ควรกังวลมากเกินไป
สำหรับตอนนี้ ฉันควรมุ่งเน้นไปที่งานของตัวเอง
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━