Advent of the Archmage - ตอนที่ 503: ตํานานของราชาตาเดียว (2)
นิยาย Advent of the Archmage Chapter 503: ตํานานของราชาตาเดียว (2)
เวลาบ่ายสาม 1 ชั่วโมงหลังจากที่ลิงค์สร้างปราสาทเสร็จ ก็มีกลุ่มปีศาจที่มาจากหมู่บ้านใกล้ๆเดินทางมาหา หัวหน้ากลุ่มนั้นยังคงเป็นผู้อาวุโสคนเดิม
มองลงมาจากระเบียง ลิงค์เห็นพวกปีศาจดูเป็นกังวลและกระสับกระส่าย ดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างที่น่าเหลือเชื่อเกิดขึ้น
ในตอนที่กลุ่มเดินมาถึงระยะ 100 ฟุตก่อนถึงปราสาท พวกเขาก็หยุด พวกเขามาหยุดอยู่ตรงหน้าประตู ดูเหมือนว่าพวกเขาจะอยากเข้าไป แต่ว่าพวกเขากําลังตกตะลึงกับความสวยงามของสิ่งก่อสร้างที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขา
พวกเขายืนปรึกษากันว่าควรเข้าไปข้างในดีรึเปล่า
ลิงค์ที่ยืนอยู่ตรงระเบียงอยากจะหัวเราะ แสงสีขาวปรากฏขึ้น และเขาก็ไปปรากฏตัวที่บนกําแพงปราสาท ปีศาจที่อยู่ด้านล่างสังเกตเห็นเขาในทันที พวกเขาเงียบลงและนั่งคุกเข่า จากนั้นผู้อาวุโสก็เป็นคนเริ่มพูด ในครั้งนี้ ลิงค์เข้าใจแทบทั้งหมด
“ท่านผู้ส่งสารของเทพเจ้าสูงสุดในโลกมนุษย์ ข้ามีเรื่องสําคัญมากๆที่อาจจะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของท่านมาบอก”
ลิงค์พอเดาได้อยู่แล้วว่าเขาจะพูดเรื่องอะไร เขาตั้งใจรอประมาณ 2-3 วินาที เพื่อให้พวกปีศาจตกใจกลัวจนเริ่มเหงื่อออก และในที่สุดเขาก็พูดออกมา “ไหนว่ามาซิ”
เสียงของเขาไม่ค่อยดังแต่ว่ามันค่อนข้างชัด เพราะผลของเวทมนตร์
ผู้อาวุโสเริ่มพูดอีกครั้ง “ท่านเทพสูงสุด”
“พอแล้ว เข้าเรื่องซักที” ลิงค์ขัดจังหวะ
“ท่านผู้ส่งสารของเทพ ข้าอยากจะบอกท่านว่า ป่านี้เป็นดินแดนของราชาตาเดียว โมโรเฟียร์ เขาแข็งแกร่งมากและมีอารมณ์ที่รุนแรง เขาไม่ชอบให้มีคนมาอาศัยอยู่ในป่า”
ราชาตาเดียวนั้นมีชื่ออยู่จริงๆ ซึ่งนี่ก็หมายความว่าชายคนนี้มีตัวตนอยู่จริงๆ หลังจากคิดอยู่ซักพัก ลิงค์ก็ถาม “คุณเคยเห็นเขามาก่อนรึเปล่า?”
ผู้อาวุโสกับคนที่แข็งแกร่งข้างๆเขาพยักหน้าอย่างรุนแรง ผู้อาวุโสอ้าแขนออกกว้างและทําท่า ทางอย่างเกินจริง “เคยเห็นครับ เขาสูงเท่าภูเขา ตอนที่ท่านยืนอยู่ข้างล่างเขา ท่านจะมองไม่เห็นหัวของเขาด้วยซ้ํา แขนของเขาหนากว่าเอวของช้างแดงหลายเท่าตัว เขาสามารถตบท่านและทําให้ท่านกลายเป็นเนื้อบดได้ เขาใช้ต้นไม้เป็นอาวุธ เขาสามารถดึงต้นไม้เก่าแก่ที่หลายคนโอบก็ยังไม่รอบออกมาได้ จากนั้นเขาก็จะฟาดต้นไม้ใส่ทุกคนที่มองเห็น ไม่มีใครสู้เขาได้ แถมเขายังมีลูกน้องที่แข็งแกร่งอยู่อีกหลายคนด้วยครับ!”
การอธิบายของเขาดูเกินจริงและเต็มไปด้วยคําอธิบายที่ดูหลอกลวง แต่ว่าในตอนที่เขาพูด ปีศาจทุกคนต่างก็พยักหน้าเป็นการเห็นด้วย ซึ่งนี่หมายความว่าคําพูดส่วนใหญ่ของเขาถูกต้อง พวกเขาอาจจะเคยเห็นโมโรเฟียร์มาก่อนจริงๆก็ได้
ในตอนที่ลิงค์ได้ยินประโยคสุดท้าย เขาก็ทําได้แค่ยิ้ม การต่อสู้ด้วยต้นไม้นั้นเป็นวิธีการต่อสู้แบบดั้งเดิม เขาอาจจะเป็นยักษ์ที่มีพลังไร้ขีดจํากัด แต่เมื่อวัดจากขนาดของต้นไม้แล้ว เขาน่าจะสูงประมาณ 100 ถึง 150 ฟุต ซึ่งแน่นอนว่า นั่นเป็นขนาดที่คนธรรมดาไม่สามารถหยุดได้
พอคิดได้เช่นนั้น เขาก็สะบัดมือ “เข้าใจแล้ว” เขาพูด “พวกคุณกลับไปเถอะ”
ก่อนที่ชาวบ้านจะได้ตอบกลับ ลิงค์ก็สะบัดมือแล้วใช้ข้ามมิติส่งพวกเขากลับไปที่หมู่บ้าน
พอกลับมาที่ปราสาท ลิงค์เห็นว่าเกรเทลกําลังเล่าเรื่องผีให้พวกเด็กๆฟังอยู่ พวกเขาตัวสั่นด้วยความกลัว และขดตัวกลมเหมือนกับลูกบอล แต่ว่าพวกเขาก็ชอบเรื่องนี้ พวกเขาตัวสั่นเหมือนกับลูกนก ซึ่งนั่นทําให้เกรเทลหัวเราะออกมา
พอเห็นว่าลิงค์กลับมาแล้ว พวกเด็กๆก็รีบยืนขึ้น และพูดพร้อมกันในทันที “คุณพ่อบ้าน”
เกรเทลคิดไม่ถึงเลยว่าลิงค์จะสอนเด็กได้เก่งขนาดนี้ เธอหัวเราะออกมาอีกครั้ง หลังจากที่เธอหัวเราะเสร็จ เธอก็ถามขึ้น “แสดงว่าราชาตาเดียวมีตัวตนอยู่จริงๆสินะ?”
“ใช่ เขาน่าจะเป็นยักษ์ภูเขา แล้วเขาก็มีชื่อด้วยนะ รู้สึกจะชื่อว่าโมโรเฟียร์” ลิงค์ตอบพร้อมกับหัวเราะ
ยักษ์ภูเขาคือยักษ์ธาตุดินในฟิรุแมน พวกเขาตัวใหญ่เท่าภูเขา และมีขนาดทั่วไปที่ 120 ฟุต แถมพวกเขายังต่อสู้ด้วยการดึงต้นไม้แล้วก็แข็งแกร่งมากเลยด้วย พลังธาตุดินที่อยู่ในตัวพวกเขาปกติจะมีเลเวลตั้งแต่ 8 ขึ้นไป
สําหรับคนธรรมดา นี่อาจจะดูเป็นตัวตนระดับพระเจ้า แต่สําหรับคนแข็งแกร่งอย่างพวกเขา มันก็เป็นแค่พลังในระดับมนุษย์ บุคคลระดับตํานานสามารถฆ่าพวกยักษ์หลายพันคนพร้อมกันได้ด้วยการโจมตีเดียว
พอได้ฟังแบบนี้ เกรเทลก็ไม่กังวลอีกต่อไป เธอพูดพลางหัวเราะ “ถ้างั้นข้าจะยกหน้าที่นี้ให้เจ้าแล้วกันนะ คุณพ่อบ้าน”
ลิงค์หัวเราะแบบแปลกๆ หลังจากนั้นเขาก็พูดต่อ “ผมจะไปเสริมพลังให้ปราสาทซักหน่อยนะ”
เขาไม่ได้เสริมพลังเพื่อป้องกันการโจมตีของราชาตาเดียว แต่ว่ามันเอาไว้เพื่อป้องกันคลื่นกระแทกจากการต่อสู้
ลิงค์ไปทํางาน ส่วนเกรเทลดูเหมือนว่าเธอจะชอบเด็กปีศาจพวกนี้มาก เธอรวบรวมพวกเขาและเล่าเรื่องผีอีกครั้ง พวกเขาหวาดกลัวมากและตัวสั่นไปด้วย
ในอีกด้านนึง ลิงค์ได้ออกไปด้านนอกของปราสาท
ปราสาทหลังนี้ใช้หินรูนธรรมดาที่มีเลเวล 4 ถ้า เกิดว่าคนที่มีเลเวล 4 เตะมันด้วยแรงทั้งหมด มันจะสร้างความเสียหายได้เล็กน้อย แต่ว่ามันไม่พอต่อคนที่มีเลเวล 8 อย่างแน่นอน ลิงค์ใช้เดินอากาศลอยไปรอบๆปราสาท แล้วเคาะรูนอย่างต่อเนื่อง
กําแพงปราสาทเคยมีสีขาวมาก่อน แต่หลังจากที่เขาวนไปรอบๆรูน โล่โปร่งแสงที่เหมือนกับหยกหนา 20 เซนติเมตรก็ปรากฏขึ้นที่กําแพง มันคือวัตถุดิบเลเวล 9 ต่อให้ราชาตาเดียวโจมตีใส่มันตรงๆ มันก็ยังสามารถทนได้อยู่พักนึง
หลังจากนั้น ลิงค์ก็ไปศึกษาหินอวกาศ หลังจากที่บินอยู่พักนึง เขาก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้า มันเป็นเวลา 4 โมงเย็นแล้ว ซึ่งมันเริ่มจะมืดและถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ก่อนที่เกรเทลจะโดนผนึกพลัง เรื่องนี้คงไม่สําคัญอะไร เธอสามารถอยู่ได้เป็นปีโดยที่ไม่กินอะไรเลย แต่ตอนนี้มันต่างออกไป เธอไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าคนธรรมดา เธอต้องการอาหารวันละ 3 มื้อเพื่อเติมพลังงานให้ร่างกายเธอ
ด้วยความคิดนี้ในหัว ลิงค์ก็บินไปทางป่า หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็แบกสัตว์ที่คล้ายกับแพะป่ากลับมา
ก่อนจะเข้าปราสาทเขาได้ไปยังลําธารที่อยู่ไม่ไกลจากปราสาทเพื่อจัดการร่างของแพะด้วยเวทมนตร์ เขาแยกเนื้อ กระดูก และเส้นเอ็นออกมา จากนั้นก็นึกถึงอาหารอร่อยๆที่เขาเคยกินมาก่อน แล้วเขาก็เริ่มใช้เวทมนตร์ทําอาหารอยู่ที่ลําธาร
มันดูจะสิ้นเปลืองเกินไปหน่อยหากปรุงเนื้อด้วยเวทย์ไฟ แต่ว่ามันรวดเร็ว ภายใน 10 วินาที รสชาติของมันก็ได้ที่อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม, เขาชอบความสมบูรณ์แบบมากและต้องทําทุกอย่างให้ออกมาให้สมบูรณ์แบบ
หลังจากที่เขาลองทั้งหมด 109 ครั้งใน 15 นาที เขาก็ทบทวนสูตรไปเรื่อยๆจนเขารู้ถึงปริมาณไฟและปริมาณเนื้อที่เหมาะสม
ในตอนที่ผลลัพธ์สุดท้ายออกมา ลิงค์ก็ลองชิมดู แล้วเขาก็ถึงกับตีปากของตัวเอง เขาพึงพอใจในรสชาติของมันมากๆ
แค่เนื้ออย่างเดียวคงยังไม่พอ ลิงค์เจอพืชกินได้แถวๆลําธารด้วย เขาใช้น้ําเล็กน้อยกับเวทย์ไฟในการทดลอง ซึ่งเขาทดลองอยู่หลายครั้ง จนได้ผลลัพธ์ที่ดีออกมา
หลังจากที่เตรียมอาหารทุกอย่างเสร็จ ลิงค์ก็บนกลับไปที่ปราสาท
“ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว!”
ในตอนที่พูด เขาก็โบกมือไปด้วย จานที่สวยงามมากมายได้ปรากฏขึ้นบนโต๊ะกินข้าวยาวที่อยู่ในปราสาท มันเต็มไปด้วยอาหารและดูน่าอร่อยมาก ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของลิงค์
เกรเทลพาเด็กๆเข้ามา เธอนั่งลงหัวโต๊ะและลองชิมฝีมือลิงค์ จากนั้นดวงตาของเธอก็เป็นประกาย และมองมาที่เขา เธอยิ้มอย่างพึงพอใจและพูด “อืมม ก็ไม่เลวนี่ พยายามต่อไปนะ”
ลิงค์ยิ้มแบบแหยงๆ เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาทําให้ตัวเองช่วยเข้าแล้ว ยังไงก็ตาม เขาแค่ต้องรอจนกว่าพลังของเกรเทลจะกลับมา ซึ่งเขาไม่จําเป็นต้องทนนานขนาดนั้น
เธอหันมาหาพวกเด็กๆ และพูด “เด็กๆ กินซะสิ”
เด็กทั้งห้าคนจ้องอาหารมาซักพักแล้ว พวกเขาต้องการจะกระโจนเข้าไปหาอาหาร แต่ด้วยความที่มีลิงค์อยู่ พวกเขาจึงไม่กล้าทํา พวกเขาใช้ช้อน ส้อมกินอาหารที่ละน้อย พวกเขาดูระมัดระวังมากๆ
ลิงค์เองก็กินอาหารที่ละน้อยเหมือนกัน มันเป็นเหมือนกับขนมสําหรับเขา ในตอนที่ทุกคนกินเสร็จ เขาก็ใช้เวทย์ทําความสะอาดในการทําความสะอาดทุกอย่าง และในท้ายที่สุดเขาก็ไปยังห้องเงียบๆที่ชั้นบนสุดของปราสาทเพื่อศึกษาหินอวกาศ
หินอวกาศนั้นมีสีม่วงเข้มและมีอุณภูมิเท่ากับห้องในตอนที่สัมผัส ในตอนที่เขาเคาะมัน มันก็จะส่งเสียงออกมาเบาๆ ซึ่งมันดูแปลกมาก
ลิงค์ร่ายเวทย์ทลายความว่างเปล่าลูกเล็กๆออกมา มันระเบิดใส่พื้นผิวของหินอวกาศ หลังจากที่ไฟหายไป หินอวกาศก็ยังอยู่เหมือนเดิม แม้แต่อุณหภูมิของมันก็ไม่เปลี่ยนแปลง
เป็นหินที่น่าสนใจจริงๆ แต่ว่ามันทนอุณหภูมิได้มากแค่ไหนกันนะ?
ถ้ามันจะถูกใช้เป็นกันชนจริงๆ ลิงค์คาดว่ามันจะต้องสามารถทนการโจมตีเลเวล 20 ได้ เพื่อที่จะสร้างกันชนที่สามารถทนต่อการระเบิดของเอกพจน์ได้
เลเวล 20 นั้นเป็นพลังระดับพระเจ้า ลิงค์ไม่สามารถทํามันได้ด้วยตัวเอง แต่ว่าเขาสามารถใช้ผนึกเวทมนตร์ในการจําลองมันขึ้นมาได้ แต่ก็แน่นอน ผนึกเวทมนตร์นั้นจะต้องซับซ้อนและใช้วัตถุดิบมากมาย
ยังไงซะนี่ก็เป็นการทดลองที่จําเป็น ลิงค์เก็บหินอวกาศไปและเอาวัตถุดิบทั้งหมดออกมา จากนั้นเขาก็เริ่มทําการสร้างผนึกเวทมนตร์ระดับสูงในห้อง
มันยากมากในการสร้างผนึกเวทมนตร์เลเวล 20 ทั้งที่เขามีเลเวลแค่ 11 ลิงค์ใส่ทุกอย่างที่เขารู้และวัตถุดิบทุกอย่างที่เขามีลงไป หลังจากใช้เวลาอยู่ 5 วัน ในที่สุดเขาก็สร้างผนึกเวทมนตร์ขนาดใหญ่ได้
ลิงค์มองไปรอบห้อง มันเต็มไปด้วยรูนมากกว่า 10,000 ตัว มันคือเทคนิคและความรู้ด้านเวทมนตร์ทั้งหมดของเขา พร้อมกับเศษชิ้นส่วนการเวลา
ลิงค์วางหินอวกาศลงบนรูนทดลอง และจากนั้นก็เริ่มใส่พลังมังกรลงไปในผนึกเวทมนตร์
อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ผนึกเวทมนตร์จะรวบรวมพลังเลเวล 11ของเขาให้เป็นเลเวล 20 ถ้าเขาอยากปล่อยพลังเลเวล 20 ออกมา ลิงค์จะต้องใส่พลังมังกรของเขาเข้าไปเป็นจํานวนมหาศาล
ลิงค์ใส่พลังเข้าไปเรื่อยๆ 1 ชั่วโมง 2 ชั่วโมง 3 ชั่วโมงจนมาถึงชั่วโมงที่ 10 ผนึกเวทมนตร์ขนาดใหญ่ก็ยังคงไม่ตอบสนอง สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปก็คือรูนเปล่งแสงออกมามากกว่าเดิมเล็กน้อย
ฉันต้องการพลังมังกรอย่างน้อยสองล้านแต้ม ในการที่จะไปถึงพลังเลเวล 20 ฉันหวังว่าคงจะไม่มีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้นหรอกนะ
ถ้าเกิดว่าผนึกเวทมนตร์ล้มเหลว และพลังมังกรทั้งหมดระเบิดออก ปราสาทจะต้องพังแน่ๆ ซึ่งนั่นคงจะแย่มาก
เรื่องดีเพียงอย่างเดียวก็คือเกรเทลได้พาพวกเด็กๆอออกไปเก็บสมุนไพรทํายา ดังนั้นจึงไม่มีใครอยู่ในปราสาท ลิงค์สามารถทําการทดลองได้โดยไม่ต้องห่วงใคร
ผนึกเวทมนตร์นี้ต้องการพลังมังกรสองล้านแต้ม ยังไงก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่าพลังเลเวล 20 นั้นจะเท่ากับพลังมังกรสองล้านแต้ม
ในความเป็นจริง คนที่มีเลเวล 20 นั้นคงคิดว่า ผนึกเวทมนตร์นี้หยาบมาก กระบวนการทั้งหมดของมันเสียพลังงานมากเกินไป ลิงค์คาดว่าพลังประมาณ 99.9% จะเป็นพลังงานเสีย และมีเพียง 0.1% เท่านั้นที่จะถูกเปลี่ยนไปเป็นพลังเลเวล20 จริงๆ
ลิงค์ถอนหายใจ สุดท้ายแล้ว ความรู้ของเขาก็ยังไม่พออยู่ดี
หลังจากพักผ่อน เขาก็ใส่พลังต่อไปอีก 5 ชั่วโมง ในตอนที่ใกล้จะครบ 5 ชั่วโมง พลังงานส่วนเกินขนาดเล็กก็ปรากฏขึ้นที่ปลายผนึกเวทมนตร์
พลังนั้นดูแข็งและเบาบางเหมือนกับเข็ม มันมีสีขาวและไม่ได้สว่างมาก แต่ว่าเมื่อมองไปที่มันจะรู้สึกเหมือนกับว่าถูกเจาะเข้าที่ตา ลิงค์ไม่กล้าที่จะมองมันนาน เขาเบนสายตาหนีในทันที
พลังนี้กระจายออกในทันทีที่มันปรากฏขึ้นมาจากการคาดเดาของลิงค์ มันได้กระจายออกมา 1 เซนติเมตร มันถูกลดพลังจนเป็นขนาดธรรมดา ซึ่งพลังเช่นนี้ไม่มีประโยชน์ในการต่อสู้เลย; มันสามารถใช้ได้สําหรับการทดลองเท่านั้น
มันพุ่งผ่านหินอวกาศไป จากนั้นด้วยเสียงเบาๆ หินอวกาศสีม่วงเข้มก็ละลายกลายเป็นของเหลวสีม่วง มันไม่สามารถต้านทานพลังเลเวล 20 ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
ลิงค์รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
หินอวกาศแข็งแรงไม่พอ มันยังห่างไกลอีกมาก แต่ว่ามันคือวัตถุดิบที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขามีแล้ว เขาไม่สามารถหาอะไรมาแทนมันได้ ดังนั้นเขาจําเป็นต้องเสริมพลังมัน
แต่ว่าจะทํายังไงหล่ะ? การปรุงยาและการเสริมพลังคือตัวเลือกเดียว
ถ้าเขาอยากจะปรุงยา ก็ต้องไปถามเกรเทล แต่ว่าเธอยังไม่ได้ฟื้นพลังกลับมาก็เลยทําไม่ได้ ลิงค์คิดอยู่พักนึงและตัดสินใจไปหาเกรเทล เขาจะไปช่วยรักษาเธอก่อน
เขาได้ให้หินรูนติดตามกับเกรเทลเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงเทเลพอร์ทไปหา ด้วยแสงกระพริบสีขาว เขาก็มาอยู่ข้างๆเกรเทล
เธออยู่ในป่าที่ไกลออกไปเป็นไมล์ ในตอนที่ลิงค์มาถึง เธอกําลังมองรอยเท้าขนาดใหญ่อยู่
เมื่อเห็นว่าลิงค์มา เกรเทลก็พูดขึ้น “รอยเท้านี้ดูใหม่มาก ดูจากขนาดของมันแล้ว มันน่าจะมีน้ําหนักอย่างน้อย 300 ตัน มันใหญ่กว่ายักษ์ภูเขาอีกนะเนี่ย”
ลิงค์มองดู รอยเท้านั้นมีความลึก 2 ฟุต ยาว 15 ฟุต และกว้าง 6 ฟุต มีรอยเท้าสองจุด และรอยเท้าทั้งสองก็อยู่ห่างกันประมาณ60ฟุต
“มันใหญ่มากจริงๆ พวกเราควรไปตรวจสอบดูมั้ย?” ลิงค์ถาม
เกรเทลส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ข้าไม่อยากเป็นตัวถ่วงของเจ้า เจ้าไปเถอะ ข้าได้สมุนไพรที่ข้าต้องการแล้ว ถ้าเกิดว่าเจ้าเจอพวกมันระหว่างทาง เก็บพวกมันมาเผื่อข้าด้วย ยิ่งเก็บได้เยอะก็ยิ่งดี”
ลิงค์หยิบกระดาษออกมาวาดตัวอย่าง รูปวาด,yนดูสมจริงมากและมีรายละเอียดสูง
“ผมเข้าใจแล้ว ระหว่างที่ผมออกไปตรวจสอบ ระวังตัวด้วยนะ