ตอนที่ 9.3 การใคร่ครวญของยูเมซากิ 3
KingZer
Get by Url
Get Detail by Url
Notification
Setting
Get By URL
Link
https://www.nekopost.net/novel/12811/9.3
Solved Puzzle NovelZa
Title
記憶喪失の俺には、三人カノジョがいるらしい . ตัวผมคนเดิมก่อนที่จะความจำเสื่อมนั้น ดูเหมือนว่าจะมีแฟนสาวอยู่สามคนครับ การใคร่ครวญของยูเมซากิ 3
Content
บทที่ 9.3 การใคร่ครวญของยูเมซากิ (3)
โรงเรียนยูซากินั้นมีลานกว้างอยู่สองจุด
หนึ่งในนั้นคือลานกว้างที่มีต้นไม้อายุสองร้อยปีตั้งอยู่ เป็นจุดยอดนิยมของนักเรียนหลายคน
ไม่ว่านักเรียนชั้นไหนก็จะสนุกสนานกับการกินอาหารกลางวันร่วมกันได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วนักเรียนจะว่างกันแค่พักกลางวัน ช่วงเวลาอื่นจะไม่ค่อยมีคน
…และตอนนี้เป็นเวลาที่ผมจะต้องนั่งกินข้าวกับยูเมซากิ
ตอนนี้เลือดขยันไปเลี้ยงสมองผมจนลืมเรื่องที่จะคุย ต้องใจเย็นกว่านี้
เอาจริง ๆ ถ้าเป็นช่วงเลิกเรียนก็คงจะคนน้อยกว่านี้ แถมไม่ต้องพะวงเรื่องเวลาด้วยอะนะ
[รีบหาที่นั่งเถอะ]
[อะ อา]
ผมตอบยูเมซากิด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย
น้ำเสียงที่ยูเมซากิใช้แตกต่างกับตอนที่พูดกับฮินะอย่างชัดเจนเลย
….ทำไมถึงได้ต่างกันขนาดนี้เนี่ย
ผมเดินตามยูเมซากิไประหว่างที่คิดเรื่องนี้ไปด้วย จากนั้นก็นั่งบนม้านั่งที่เจอแล้วรีบเปิดข้าวกล่องทันที
เป็นข้าวกล่องที่ผมทำเองคนเดียวเมื่อเช้า
ดูจากมุมไหนก็เห็นกันเลยว่าผมทำอาหารไม่เก่ง ขนาดว่าเป็นอาหารแช่แข็งซะส่วนใหญ่ยังกินเวลาไปเยอะเลยกว่าจะเสร็จ
แถมยังใส่กล่องได้เละทเะด้วย
น้ำจากแกงซึมใส่โคร็อกเกะ แล้วโคร็อกเกะก็ไปทับติดกันกับเนื้อไก่อีก
[แหวะ สีใช้ไม่ได้เลยนะ]
ยูเมะซากิจ้องข้าวกล่องของผมแล้วพึมพำออกมา
ผมสีแดงเพลิงลอยเข้ามาโดนจมูกของผมพอเลยถอยออกมาหน่อย
ได้กลิ่นเฉพาะตัวของผู้หญิงด้วย แต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะสนใจนัก
ผมปล่อยเรื่องนั้นทิ้งไปแลัวพูดในสิ่งที่จำเป็นออกมาก่อน
[แหม ผู้ชายทำอาหารนี่นะ]
[อะไรละนั่น ร่างกายจะพังเอานะ?]
ยูเมซากิพูดเสร็จก็เปิดข้าวกล่องตัวเองออก
ข้าวกล่องทำมาจากไม้ ถึงตอนนี้จะมีความรู้สึกที่ไม่ลงรอยกัน แต่พอเห็นเมนูข้างในก็ต้องตกใจอยู่ดี เป็นเนื้ออบหลากสีสัน กุุ้งราดซอสที่ดูแพงเกินราคา แล้วข้าง ๆ ก็มีถั่วดำเป็นเครื่องเคียง
—-แถมยังเห็นฟัวกราส์ชิ้นเล็ก ๆ ด้วย
[ยูเมซากิ…เป็นคนรวยสุดยอดจริง ๆ ด้วยสินะ]
ยูเมซากิได้ยินแบบนั้นก็กระพริบตาแล้วถอนหายใจใส่
[หา ซานาดะก็รู้ไม่ใช่เหรอ? เรื่องบริษัทที่บ้านฉันน่ะ นี่แค่เงินค่าขนมน่ะ ]
[ค่าขนมสิเนอะ…]
พวกบทความที่เคยอ่านตอนเข้าโรงพยาบาลก็มีคำพวกนี้อยู่เหมือนกัน แต่ควรจะมีเรื่องแบบนี้อยู่กับนักเรียนม.ปลายเหรอ
ส่วนพวกมังงะที่เคยอ่านก็ไม่ค่อยจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับเงินเท่าไหร่นะ
แต่แล้วยูเมซากิก็ยิ้มเหย ๆ แล้วตอบกลับมา
[ก็แค่ค่าขนมละนะ แหม แต่ว่าถ้าแค่นี้ละก็พอจะให้นายได้อยู่นะ]
พูดเสร็จก็เอากุ้งใส่เข้ามาในข้าวกล่องของผม
แค่นั้นยังไม่พอ มีการเอาเนื้อหลายชิ้นใส่มาให้ผม แล้วก็พูดว่า [อย่าลืมกินผักนะ] พร้อมกับใส่สลัดมาด้วย
หลังจากพอใจแล้วก็เบนสายตาไปข้างหลัง
ไม่นานก็มีลมพัดอย่างแรงจนทำให้ต้นไม้ส่งเสียงโหวกเหวก
ผมไม่ได้พูดลเลยสักคำว่าต้องการอาหารพวกนี้ ทำให้ตกใจอยู่พอควรเลย
ผมคิดว่าควรจะกล่าวขอบคุณดีไหม แต่ก็สรุปได้ว่านี่มันคนละเรื่องกัน
[ขอบใจนะ]
[ไม่หรอก]
ยูเมซากิยิ้มให้แล้วเอาเนื้ออบเข้าปาก
ไม่มีจังหวะให้คุยอะไรกันจนเวลาผ่านไปสักประมาณสิบวินาที
เพื่อเป้าหมายของผมหลังจากนี้ ผมจำเป็นต้องล้วงข้อมูลออกมาให้ได้มาที่สุด
พอคิดอยู่สักพักนึงก็ได้สิ่งที่น่าจะเกี่ยวกับยูเมซากิออกมา
[คุณค่าของเงินกับคุณค่าของมนุษย์งั้นเหรอ]
—จะตัดบทตรงนี้เลยไหม
[กำลังพูดถึงว่าคุณค่าของมนุษย์จะเอาไปเทียบกับอะไรได้แค่ไหนน่ะ]
[อ่าฮะ นายเป็นพวกชอบพูดอะไรเท่ ๆ เหรอ?]
ยูเมซากิอ้าปากค้างแล้วพูดต่อ
[มนุษย์แต่ละคนก็มีคุณค่าต่างกัน ช่วยอย่าจงใจพูดเรื่องธรรมดา ๆ ที่ใครก็รู้ทีได้ไหม]
[…นั่นมันก็จริงนะ]
สำหรับผมแล้ว ทั้งอาสึกะ อริสึคาวะหรือฮินะก็เป็นตัวตนที่แสนพิเศษ
ผมที่มีบางสิ่งต่างออกไปจากคนอื่น ๆ ก็คิดว่าควรจะโอบกอดผู้คนเหล่านี้ไว้
เพียงแต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะประเมินค่าพวกเขาแต่อย่างใด
อย่างคุณค่าของตัวผมนั้นก็แตกต่างจากยูเมซากิโดยสิ้นเชิง
[ก็ถ้าไม่ใช่แบบนั้นป่านนี้ใครไปสมัครงานบริษัทไหนก็ผ่านหมดน่ะสิ]
ผมเม้มปากตัวเองในขณะที่อริสึคาวะพูดออกมา
เข้าใจเลยว่าตัวยูเมซากินั้นอยู่กับโลกของผู้ใหญ่มาตั้งแต่เด็กจึงไม่แปลกที่จะมีค่านิยมแบบนี้
และเพราะถูกเลี้ยงดูมาแบบนั้น ทำให้มักจะหงุดหงิดอยู่เสมอที่ไม่ได้ดั่งใจตัวเองและทำให้รู้สึกไม่ชอบที่มีใครที่เหนือกว่าตัวเองงั้นสินะ
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปก็คงจะมีแต่น้ำไม่มีเนื้อแน่นอน ถ้าอยากจะรู้เรื่องของยูเมซากิให้มากกว่า ผมต้องถามให้ลึกไปอีก
[พวกคนรวยเนี่ยมีของที่อยากได้บ้างหรือเปล่า? เพราะว่าของส่วนใหญ่ก็สามารถหามาได้นี่นา]
[กระทันหันจังนะ ของแบบนั้นก็ต้องคิดให้ดีก่อนสิ]
ยูเมซากิเอาสลัดคืนไปจากข้าวกล่องของผมแล้วพูดต่อ
[ถ้ามีเงินก็จะซื้อของได้หลายอย่างก็จริง แต่ของที่ซื้อไม่ได้ก็มีนะซึ่งฉันก็อยากได้ของที่ซื้อไม่ได้นั่นแหละ อะไรทั่ว ๆ ไปไม่ใช่เป้าหมายของฉันหรอก]
[อย่างเช่นอะไรเหรอ?]
[ชื่อเสียงละมั้ง]
[ไม่น่างั้นนะ ของแบบนั้นเอาเข้าจริงก็ซื้อด้วยเงินได้นี่]
ยูเมซากิยักไหล่และหัวเราะให้กับท่าทางของผม
[ก็นะ แต่ว่าก็มีของที่อยากทำให้เป็นจริงด้วยตัวเองก็มีนี่นา? คุณอริสึคาวะก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน]
[เรื่องอริสึคาวะสินะ เห็นเป็นคู่แข่งกันงั้นเหรอ]
[แหม ในบรรดาสามฝ่ายใหญ่ก็ถูกนินทาอยู่…บ่อย ๆ ละนะ เอาเข้าจริงก็ไม่อยากให้ใครมาพูดแย่ ๆ ให้ฟังหรอก]
ยูเมซากิหลุบตาเล็กน้อย ผมพลันนึกถึงตอนที่ฮินะบอกผมเกี่ยวกับเรื่องที่มีคนพูดถึงให้ฟัง
ถ้านั่นไม่ใช่ความเห็นส่วนตัวของฮินะคนเดียวแต่เป็นของทั้งโรงเรียนละก็ แสดงว่ายูเมซากิมีนิสัยที่ไม่น่าคบเอาซะเลยไม่ใช่เหรอนั่น
[ซานาดะเนี่ย ทำไมถึงสนิทกับคุณอริสึคาวะเหรอ?]
[เอ๊ะ–…]
ถ้าให้พูดเรื่องแบบนั้นทั้งแบบนี้คงจะอายแย่เลย ตอนนี้กลบเกลื่อนไปก่อนดีกว่า
[ทำไมถึงได้ถามกันละ แต่ก็นะ คงจะแปลกที่สนิทกันสินะ? เอาจริงคิดว่าเป็นเรื่องปกติเลยนะ]
….ถ้าไม่นับว่าความทรงจำไม่มีละก็ คงหาเหตุผลที่ดีกว่านี้ไปตอบได้แหละ
[…เวลาที่นายพูดถึงคุณอริสึคาวะกับคุณมินาโตะแบบนั้นน่ะนะ คนที่ได้ฟังก็คงจะคิดว่านายแค่ยกยอตัวเองเท่านั้นแหละ คนอย่างพวกฉันน่ะขี้อิจฉาจะตาย ระวังหน่อยนะ]
[โอะ…โอ้]
เมื่อกี้ใช้คำว่า “พวกฉัน” สินะ
เหมือนจะมีความสนิทกันมากกว่าที่คิดแฮะ
แต่คงไม่ใช่ฐานะเพื่อน แค่ถูกดึงดูดจากสิ่งตัวที่ดูโดดเด่นเท่านั้นเอง
ตัวผมคนเดิมก็ดูเหมือนจะเป็นอะไรแบบนั้นเหมือนกัน แต่ก็ทำให้ตอนนี้ทำอะไรสะดวกขึ้นนะ
[แหม แต่คนแบบนั้นจริง ๆ ก็ปล่อยทิ้งไปก็ได้นี่ มีคนอย่างคุณอริสึคาวะกับคุณมินาโตะอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ แต่ก็เป็นแค่คำพูดของตัวประกอบน่ะนะ]
ยูเมะซากิพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สง่างาม ผมกระพริบตาหนึ่งครั้งแล้วหันไปมองยูเมซากิ
…ตอนนี้ควรจะถามแล้วไหมนะ
พอสบตากันสีหน้าอันนุ่มนวลก็พลันหายไป เธอเอามันเทศชิ้นสุดท้ายในข้าวกล่องสุดหรูนั่นเข้าปาก
เสียงปิดฝานี้เป็นสัญญาณให้รู้ว่าบทโหมโรงได้จบลงแล้ว
[—แล้ว มีธุระอะไร]
ยูเมซากิหรี่ตาอันเย็นชาของเธอ
สายลมเดือนห้าที่พัดผ่านลานกว้างไปนั้นก็พลันทำให้รอบ ๆ เย็นเฉียบขึ้นในทันใด
[…ทำไมเธอถึงได้มีส่วนแขนของฟิกเกอร์นั่นได้]
พอผมถามออกไปยูเมซากิก็จ้องมาที่ผม
จากนั้นก็สีสันจากใบหน้าก็หายไป
[อ๊ะ..โดนจับได้จริงด้วยเหรอเนี่ย?]
ยูเมซากิยักไหล่ให้ผม
[คงงั้นสินะ ถึงได้มาชวนกินข้าวด้วยกันเนี่ย]
[…ถ้าอยากจะเป็นนางแบบก็มีวิธีตั้งเยอะไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นต้องไปยุ่งกับฮินะแบบนั้นเลย]
[ฮ่าฮ่า ทั้งที่จำชื่อฉันไม่ได้แท้ ๆ แต่ยังเดาใจเก่งจริงนะ]
ยูเมซากิพูดต่อจากเรื่องที่ผมพูดไปก่อนหน้า
[อย่างที่นายพูดเลยว่าฉันไม่ชอบหน้าฮินะเลยสักนิด เพราะวันนั้นฉันป่วยนอนซมอยู่ที่บ้านทำให้ไม่ผ่านออดิชั่น แล้วก็ถูกแย่งตำแหน่งที่ว่างนั่นไปไงละ]
ยูเมซากิวางกล่องข้าวไว้ข้าง ๆ ตัวแล้วเรียบเรียงคำพูดต่อ
[ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็คงจะซื้อได้ก็จริง แต่การทำแบบนั้นฉันถือว่าเป็นเรื่องขี้ขลาด]
[…ทั้งที่มีความคิดที่น่ารังเกียจขนาดนี้ยังอยากจะเป็นนางแบบอีกงั้นเหรอ]
[น่ารังเกียจก็ไม่เป็นไรนี่ ฉันน่ะไม่อยากจะสร้างโรงเรียนที่ไม่มีใครเอาชนะฉันได้นี่ เรื่องสามฝ่ายใหญ่ก็มีไว้ให้ฉันกลืนกินเหมือนกัน เพื่อจะโค่นคุณอริสึคาวะให้ได้ก่อนอื่นก็ต้องเป็นนางแบบที่สมบูรณ์ให้ได้และทำให้ทุกคนรู้ว่าใครเป็นที่หนึ่งของโรงเรียนนี้]
[ที่โรงเรียนเนี่ยนะ…]
[คิดว่าเป็นแค่จุดเล็ก ๆ ใช่ไหมละ? แต่โรงเรียนก็คือแบบจำลองสังคมและโรงเรียนนี้ก็ให้ความสำคัญกับงานวงการบันเทิงมาก ถ้าเกิดทำให้ทุกคนยอมรับว่าฉันเป็นที่หนึ่งไม่ได้ก็ไม่มีอนาคตให้เดินหรอก]
เพื่อให้ใครก็ไม่รู้ยอมรับในตัวเราให้ได้ ทำให้คนเราต้องทำกันขนาดนี้เลยงั้นเหรอ
เพียงแต่ผมมีสิ่งนึงทียังไม่เข้าใจ
[ถ้าแบบนั้นก็เอาชนะอริสึคาวะไม่ได้น่ะสิ]
[…ทำไมละ?]
[ก็พยายามหนีคนเก่งกว่- ไม่สิ หมายถึงว่าทั้งที่กดดันฮินะแบบนั้นแต่ดันไม่ทำอะไรอาสึกะนี่มันยังไงกัน ทั้งที่ยัยนั่นก็โดนอริสึคาวะทาบทามอยู่แน่ ๆ แต่ไม่เห็นโดนอะไรเลย]
เพราะผมไม่เห็นร่องรอยว่าอาสึกะกับยูเมซากิมีปัญหากันเลย
อริสึคาวะเองก็ติดต่อกับอาสึกะตลอดด้วย เรื่องนี้ไม่ผิดแน่
พอจี้จุดเข้าไปแล้วยูเมซากิก็ทำแค่ขมวดคิ้วเท่านั้น
[…ไม่ทำไม่พูดถึงอาสึกะเลยแท้ ๆ แต่กลับทำกับฮินะแบบนั้น คิดคำอื่นไม่ออกเลยนอกจากว่าขี้ขลาดน่ะ]
[…ถ้าเกิดทำอะไรกับคุณมินาโตะก็เกิดข่าวลือแย่เลยสิ? การรังแกฮินะลับหลังมันทำได้ง่ายกว่าด้วย แล้วช่วงนี้ยูโกะกับฮารูนะก็คอยบอกสถานที่ที่สองคนนั้นอยู่ให้ด้วย]
ยูเมะซากิยิ้มเยาะออกมาแล้วพูดต่อ
[จะได้เดบิวต์ตั้งแต่ม.ปลายแล้วทำไม สุดท้ายพื้นเพนิสัยก็ยังเหมือนเดิมไม่ใช่หรือไง]
ผมนึกถึงรอยยิ้มของอาสึกะขึ้นมา
ถึงขีดจำกัดแล้วแฮะ
[…ยูเมซากิ เธอน่ะพอได้แล้วน่า]
[หา?]
ยูเมซากิส่งเสียงตอบมา
จนถึงตอนนี้ไม่รู้สึกเลยว่าเราได้คุยกันจริง ๆ
แต่จังหวะที่เห็นสีหน้าของผมแล้วก็ได้รับรู้ว่าตัวเองกำลังถูกต่อต้านอย่างหนัก
คิ้วค่อย ๆ ย่นตัวเองลง มีเสียงลมหายใจออกมาจากปาก
[….แล้ว?]
เสียงที่เย็นชานั่นบ่งบอกว่าให้เลือกคำพูดต่อไปให้ดี
เพราะถ้าจี้จุดขึ้นมาอาจจะจบไม่สวยก็เป็นได้
เพียงแต่ผมก็มีเรื่องที่อยากจะพูดอยู่เหมือนกัน
[เธอปลุกปั้นข่าวลือทั้งของฮินะและของอาสึกะทั้งหมดเลยงั้นเหรอ? เธอรู้อะไรเกี่ยวกับสองคนนั้นบ้างไหม]
หลังจากพูดออกไป คำนั้นก็กลับมาสะท้อนที่ตัวผม
ผมเองก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกเธอเหมือนกัน
ทั้งเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งเวลาที่ใช้ร่วมกันนั้นก็น้อยนิดเสียเหลือเกิน
…เพียงแต่
ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ผมก็มั่นใจว่าได้ใช้มันร่วมกับกันพวกเธอแน่นอน
เป็นสิ่งที่ผมยืนยันด้วยตาตัวเองมาแล้วไงละ
คนที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง แค่วิ่งเต้นไปตามข่าวลือเท่านั้น คนที่ปล่อยเรื่องพวกนี้ออกมาทำไปเพราะความอคติ หรือว่ามีจิตมุ่งร้ายกันแน่นะ
ยกโทษให้ไม่ได้ อย่างน้อยผมก็คิดแบบนั้น
ถ้าได้มีประสบการณ์ที่เห็นด้วยตัวเองละก็ คงไม่ทำแบบนี้แน่นอน
ทั้ง ๆ ที่ตัวผมไม่มีอะไรเลยแท้ ๆ
[…นายน่ะ เอาเปรียบฉันมากเกินไปแล้วนะ]
เสียงที่เดือดดาลนั่นบ่งบอกว่ากำลังปลดปล่อยสิ่งที่อดกลั้นเอาไว้
[เอ๊ะ?]
เสียงนั้นของยูเมซากิทำให้ผมตามไม่ทัน
เพียงแต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ผมคาดการณ์ไว้แล้ว
แค่ผมไม่ได้คิดว่า “เอาเปรียบ” จะออกมาจากปากของเธอได้เท่านั้น
ตัวผมน่ะ เมื่อไหร่—
ยูเมซากิเดาะลิ้นใส่แล้วทำสีหน้าไม่พอใจ
เสียงตอบกลับนั้นทำให้ผมลืมตาขึ้นอีกครั้ง
[ตอนนี้อยู่กันสองคนเพราะฉะนั้นจะพูดต่อนะ สรุปแล้วมีเป้าหมายอะไรแน่ละ? อย่าบอกนะว่าลืมไปแล้ว—]
ถ้าตัวผมคนเดิมรู้จักยูเมซากิละก็
ถ้าเกิดไม่ได้ลืมตัวตนของเธอไปละก็
[—-ทั้งทีนายน่ะ เป็นคนทิ้งฉันไปแท้ ๆ ]
ยูเมซากิพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
หัวผมโล่งไปหมด
เพราะการตอบสนองของผมหรือเปล่านะ ยูเมซากิถึงได้กัดฟันด้วยความโกรธ
[ก็เรื่องของเราสองคนไง เรื่องนี้ไม่ค่อยมีคนรู้เรื่องนี่ เรื่องที่เรารู้จักกันมาก่อนน่ะ เพราะไม่ค่อยมีคนรู้เยอะนัก…จะแกล้งทำเป็นลืมเพื่อปิดบังไว้แค่นี้ยังพอทำเนา]
เพราะแบบนั้นถึงได้ทำตัวแปลก ๆ ในห้องเรียนงั้นเหรอ
เพราะแบบนั้นถึงได้คุยต่อกันไปเหมือนเจอกันครั้งแรกงั้นเหรอ
[แต่ว่าครั้งนี้ดันไปตัวติดอยู่กับฮินะซะได้…อย่ามาล้อเล่นนะ]
ผมตกใจกับท่าทางโกรธเกรี้ยวของยูเมซากิ
ความโกรธนี้เป็นของจริง
สรุปก็คือผมเป็นต้นเหตุให้ยูเมซากิกับฮินะไม่ลงรอยกัน
ความผิดของผมงั้นเหรอ?
…แต่ว่า
[เรื่องนั้น—]
—ถึงจะมาบอกฉันก็เถอะ
ตอนนี้ไม่มีคำพูดใด ๆ ผุดขึ้นมาในหัวผมเลย
ถึงผมจะไม่มีความทรงจำเลย แต่คำพูดของยูเมซากิเป็นเรื่องจริงแน่นอน
เรื่องที่ผมทำร้ายยูเมซากิไปนั้น ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน
ก่อนอื่นก็คงต้องให้ฟังเรื่องที่ความจำเสื่อมซะก่อน คงต้องแบบนั้น
แต่ใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันได้ก็ไม่ได้ แต่ถ้าแค่ปากเปล่าละก็—-
….แต่ว่านั่นเป็นแค่การระงับความโกรธที่มีต่อผมเท่านั้น
ถ้าช่วยฮินะไม่ได้ละก็ ทางเลือกแบบนั้นก็เป็นแค่การหนีเท่านั้นแหะล
[งั้นคนที่ทำให้ฮินะต้องลำบากแบบนี้—ก็คือฉันเองสินะ]
[ก็แค่ส่วนนึงเท่านั้นแหละ เหตุผลที่ฉันทำแบบนั้นไม่ใช่เพราะแค่หมั้นไส้อย่างเดียวสักหน่อย แค่อยากจะผลักตัวเองให้เดินไปข้างหน้าได้เท่านั้น….เป็นวิถีเพื่อให้ฉันได้เป็นที่หนึ่งไงละ]
[วิถีเพื่อให้ตัวเองได้เป็นที่หนึ่งเหรอ?]
ยูเมซากิเบือนหน้านี้แล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย
[ถ้าเกิดว่าฮินะกำลังลำบากละก็รู้เลยว่านายต้องมาช่วยแน่นอน ถ้าเป็นนายที่มีเป้าหมายเพื่อจะมาช่วยฮินะละก็ จะต้องฟังคำขอของฉันไม่ผิดแน่]
หรือก็คือจงใจให้ผมเห็นภาพที่กำลังทำลายหนังสือเรียนตอนนั้นสินะ
[อย่างที่พูดเลย ฉันไม่สามารถจะทำอะไรนายหรือคุณมินาโตะได้ เพราะถ้าอยากจะอยู่ในโรงเรียนนี้อย่างสงบก็ไม่ควรสร้างศัตรูเพิ่มอีก และสิ่งสำคัญที่ทำให้ทุกคนยอมรับได้คือหน้าตา ดังนั้นฉันก็เลยอยากจะขอความร่วมมือจากนาย เข้าใจไหม?]
ผมคิดว่าที่ยูเมซากิทำแบบนั้นกับฮินะเพราะว่าไม่พอใจเสียอีก
แต่ความจริงแล้วเป็นแรงจูงใจทั่ว ๆ ไปของเด็กที่ว่า “อยากจะเป็นคนที่ทั้งโรงเรียนยอมรับ” เท่านั้นเอง
และการที่ผมลืมยูเมซากิไปทำให้ไปกระตุ้นเธอเข้าอีก สุดท้ายก็เลยจบลงที่ไปทำร้ายฮินะ
ฮินะก็ไม่ยอมมาพึ่งพาผม เพราะคิดว่าจะรบกวนเลยพยายามกันผมออกนอกวง
สิ่งที่จะทำให้จบเรื่องราวนี้ได้คือการที่ผมต้องรวบรวมความไม่พอใจในตัวฮินะมาไว้ที่ผม
ก็คิดว่าเป็นเรื่องยากเหมือนกัน
—แต่ตัวผมที่เป็นต้นต่อ เป็นแรงจูงใจของยูเมซากิจริง ๆ เรื่องก็ง่ายขึ้นเยอะ
ตัดสินใจแล้วก็ลุยเลย
[แล้วคำขอที่ว่าคืออะไรละ]
ยูเมซากิยิ้มส่งยิ้มให้แล้วสะบัดผมสีแดงเพลิงด้วยความกล้าหาญเต็มเปี่ยม
[จะพูดอีกครั้งนะ นายน่ะ มาคบกันฉันซะ]
….ตอนนี้ผมมีเรื่องที่ไม่เข้าใจอยู่อย่างนึง
คำพูดนั้นปนเจือด้วยอารมณ์มาด้วย หรือไม่มีกันแน่
[ขอถามยืนยันนิดนึงนะ นี่เธอชอบฉันก็เลยสารภาพรักมางั้นเหรอ?]
[ไม่หนิ ตัวนายมีประโยชน์ให้ใช้หลากหลายมากต่างหาก เลยอยากจะให้มาคบกันน่ะ]
[งั้นก็ไม่มีเหตุผลจำเป็นให้ต้องคบกันตรงไหนเลยนี่]
[เป็นอย่างงั้นเหรอ แค่ขึ้นชื่อว่าได้คบกับนายก็น่าจะมีภาษีไปต่อรองกับคุณอคริสึคาวะมากขึ้นแล้วนะ]
[ตัวฉันไม่ได้สลักสำคัญอะไรสำหรับอริสึคาวะมากนักหรอกนะ]
ยูเมซากิยิ้มให้กับคำพูดของผม
[คนโกหก ที่คุณมินาโตะถูกทาบทามก็เพราะเป็นเพื่อนสมัยเด็กของนายไม่ใช่เหรอ คุณอรึสึคาวะยอมรับในตัวนายด้วยนี่? ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว]
เป็นคำตอบที่ตรงจุดมากเลยละ อริสึคาวะเอ๋ย ตรงจุดสุด ๆ เลย
ก็ตอนวิชาคหกรรมอริสึคาวะเล่นพูดจากปากตัวเองเลยว่าแนะนำงานให้ค่ายได้เนี่ย แล้วตอนนี้ผมพูดอะไรก็ไม่ได้ผลแล้วสิ
[ถึงคุณอริสึคาวะจะรู้สึกดี ๆ กับนายก็เถอะ แต่คงจะรักษาสัญญาใช่ไหม? ถ้าเป็นแนวที่ถูกนายทิ้งไปแต่ก็ยังเดินหน้าต่อได้แม้จะยังหลงเหลือความรู้สึกอยู่ละก็จะเป็นสุดยอดสถานการณ์เลยละ เพราะฉะนั้นนะ…]
อริสึคาวะปรบมือเพื่อเตรียมพูดต่อ
[ถ้านายทำให้ฉันโค่นคุณอริสึคาวะและกลายเป็นนางแบบได้ ถ้ารักษาสัญญาว่าจะทำสองเรื่องนี้ให้ฉันจะไม่แตะต้องฮินะอีกเลย]
[เดิมทีที่เธอไปรังแกฮินะเนี่ยก็เพราะเหตุผลเด็ก ๆ แบบนี้งั้นเหรอ]
[ถ้าเพื่อจะให้ตัวฉันยังเป็นตัวฉันได้จะว่าเป็นเด็กก็ช่างมันสิ ใครจะว่าฉันยังไง ฉันจะเห็นแก่ตัวแค่ไหนก็ได้แค่ให้สิ่งที่ฉันต้องการสำเร็จก็พอ]
ผมเผลอเบิกตากว้าง…จากคำที่ไม่อยากให้ออกมาจากปากของยูเมซากิเลยสักนิด
ยูเมซากิยกมุมปากขึ้นแล้วพูดต่อราวกับว่าเข้าใจความรู้สึกของผม
[ถ้าเป็นนายละก็คนรอบข้างก็คงจะรับกันได้ ส่วนที่นายจะได้—จริงด้วย ถ้าใช้ “ตั๋วทำอะไรก็ได้” ดูละ?]
[…ตั๋วนั่นก็ใช้ไปแล้วนี่ไง]
[งั้นจะให้อีกใบก็ได้ เพราะถ้าฉันไม่ได้เป็นที่หนึ่งของโรงเรียนก็จบกัน ดังนั้นแค่นี้ให้ได้อยู่แล้ว]
ยูเมซากิยิ้มอย่างบิดเบี้ยวแล้วพูดต่อไป
[ฉันจะตอบแทนนายแน่นอน เอาไง?]
—-พอแล้วละ
เพื่อฮินะแล้วต้องทำสัญญาสองข้อนั่นให้ลุล่วง
พอผมพยักให้ยูเมซากิก็คลายแก้มอย่างพึงพอใจ
เป็นรอยยิ้มที่ดูจริงใจยิ่งกว่าที่เห็นในห้องเรียนหรือที่ไหนเสียอีก
[ถ้าว่าตามนั้น งั้นจะให้ฉันทำอะไรเป็นอย่างแรก—]
ยูเมซากิเดินเข้ามาใกล้ ๆ แล้วกระซิบข้าง ๆ ผม
[—-อยากจะเห็นความคุ้มค่าในตัวนายก่อน ฉันอยากให้นายไปสารภาพรักกับฉันต่อหน้าคุณอริสึคาวะ ถ้าเป็นแบบนั้นทุกคนคงแตกตื่นแย่เลยเนอะ?]
[ความคุ้มค่าของฉันเหรอ…เข้าใจแล้ว วันนี้ในห้องหลังเลิกเรียนแล้วกัน]
[ดีมาก ฉันตั้งตารออยู่นะ]
ยูเมซากิยกปากขึ้น
หัวผมรู้สึกปวดขึ้นมา
ความคุ้มค่าในตัวผมงั้นเหรอ—-
Chapters
Comments
- ตอนที่ 11 บทส่งท้าย (จบเล่ม 1) พฤษภาคม 29, 2023
- ตอนที่ 10 สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ พฤษภาคม 27, 2023
- ตอนที่ 9.3 การใคร่ครวญของยูเมซากิ 3 พฤษภาคม 26, 2023
- ตอนที่ 9.3 การใคร่ครวญของยูเมซากิ 2 พฤษภาคม 26, 2023
- ตอนที่ 9.1 การใคร่ครวญของยูเมซากิ 1 พฤษภาคม 26, 2023
- ตอนที่ 8 ตัวผมคนก่อน ตัวผมคนนี้ พฤษภาคม 25, 2023
- ตอนที่ 7.2 ชาดำเย็นกับเมฆฝนที่ก่อตัว 2 พฤษภาคม 24, 2023
- ตอนที่ 7.1 ชาดำเย็นกับเมฆฝนที่ก่อตัว 1 พฤษภาคม 23, 2023
- ตอนที่ 6.3 กิจกรรมโอชิของฮินะ 3 พฤษภาคม 22, 2023
- ตอนที่ 6.2 กิจกรรมโอชิของฮินะ 2 พฤษภาคม 22, 2023
- ตอนที่ 6.1 ดูเหมือนว่าจะมีแฟนสาวอยู่สามคนครับ กิจกรรมโอชิของฮินะ 1 พฤษภาคม 20, 2023
- ตอนที่ 5.3 อริสึคาวะที่นั่งข้าง ๆ กัน 3 พฤษภาคม 19, 2023
- ตอนที่ 5.2 อริสึคาวะที่นั่งข้าง ๆ กัน 2 พฤษภาคม 18, 2023
- ตอนที่ 5.1 อริสึคาวะที่นั่งข้าง ๆ กัน 1 พฤษภาคม 18, 2023
- ตอนที่ 4.2 ไปโรงเรียนครั้งแรก 2 พฤษภาคม 18, 2023
- ตอนที่ 4.1 ไปโรงเรียนครั้งแรก 1 พฤษภาคม 18, 2023
- ตอนที่ 3 มินาโตะ อาสึกะ พฤษภาคม 15, 2023
- ตอนที่ 2.4 แฟนสาวสามคน 4 พฤษภาคม 13, 2023
- ตอนที่ 2.3 แฟนสาวสามคน 3 พฤษภาคม 12, 2023
- ตอนที่ 2.2 แฟนสาวสามคน 2 พฤษภาคม 12, 2023
- ตอนที่ 2.1 ดูเหมือนว่าจะมีแฟนสาวอยู่สามคนครับ แฟนสาวสามคน 1 พฤษภาคม 11, 2023
- ตอนที่ 1.3 ความจำเสื่อม 3 พฤษภาคม 10, 2023
- ตอนที่ 1.2 ความจำเสื่อม 2 พฤษภาคม 9, 2023
- ตอนที่ 1.1 ความจำเสื่อม 1 พฤษภาคม 8, 2023
- ตอนที่ 0 บทนำ พฤษภาคม 8, 2023
MANGA DISCUSSION