บทที่ 9.1 การใคร่ครวญของยูเมซากิ (1)
สัปดาห์ที่แสนหนักหน่วงผ่านพ้นไป วันนี้เป็นวันจันทร์แล้ว
คาบที่สี่คือวิชาคหกรรม เนื้อหาเป็นสิ่งที่ทุกคนรักที่สุด ฝึกทำอาหารนั่นเอง
ความอบอุ่นที่อยู่ในห้องคหกรรมลอยผ่านมาทำให้รู้สึกมีความสุข เป็นความรู้สึกที่หาไม่ได้จากห้องเรียนเลยละ
ผมพลันนึกถึงมังงะที่อ่านตอนที่อยู่ในโรงพยาบาล เป็นเนื้อหาที่เขียนเกี่ยวกับอีเว้นต์การฝึกทำอาหารแล้วระยะห่างของนักเรียนก็จะค่อย ๆ ลดลงไป
เห็นหน้าตามีความสุขของนักเรียนคนอื่นแบบนี้ แปลว่าในโลกความเป็นจริงก็เป็นช่วงเวลาสุดจะน่าตื่นเต้นเหมือนกันสินะ
เอาจริง ๆ ผมเองตอนที่เข้ามาในห้องคหกรรมก็ทำให้ผมใจเต้นตึกตักเหมือนกัน
ตัวผมคงจะจดจำความสนุกของการฝึกทำอาหารได้ละมั้งนะ
[จัดกลุ่มละสี่คนแล้วนั่งด้วยกันได้เลยค่ะ!]
พอได้ยินครูสั่งทาคาโอะก็พุ่งมาหาผมแล้วพูดว่า [ด่วนเลยพวก!] แล้วคว้าแขนอย่างแรง
[อุหวา!?]
ระหว่างที่ผมแอบรู้สึกดีใจนิดหน่อยที่ทาคาโอะทำแบบนั้น ผมก็หันไปมองอริสึคาวะกับยูเมซากิที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันก็พบว่ายูเมซากิกำลังมองผมอยู่ แต่ก็หันหน้าหนีในทันทีเลย
[เลอค่าจังน้า~]
ทาคาโอะพูดแบบทีเล่นทีจริง
แต่พอหันไปมองข้าง ๆ ผมก็มองว่าที่ทาคาโอะพูดก็ไม่ผิดเหมือนกัน
เพราะตรงนี้มีหัวหน้าฝ่ายใหญ่อยู่สองคนเลยนี่นา
คนแรกขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่เชื่อมั่นใจตัวเองสูง นางแบบชื่อดังที่สวยสุดปังอริสึคาวะ ซากิ
คนที่สองมีความโดดเด่นอยู่ที่ผมสีแดงเพลินร้อนแรง ลูกสาวประธานบริษัทใหญ่ยูเมซากิ เคียวโกะ
อีกคนนึงคือเป็นนักสร้างบรรยากาศ ทาคาโอะ ยามาโตะ
และขาดไม่ได้เลยคือคนที่มีภาวะความจำเสื่อมซานาดะ ยูกิ
เอ๊ะ ถ้าดูแค่ชื่อนี่ผมหากยากสุด ๆ เลยนะเนี่ย
แต่น่าเสียดายที่ผมพูดเรื่องนี้ออกไปไม่ได้อะนะ
จะว่าไปแล้ว ตอนนี้มีเรื่องที่ควรจะทำมากกว่าอยู่
ผมต้องทำให้สามารถติดต่ออาสึกะได้เวลาเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินได้ทันเวลา
ทำขยับเข้าไปใกล้อริสึคาวะแล้วเปล่งเสียงกระซิบออกมา
[อริสึคาวะ]
[อะรายเหรอ? อยากแต่งงานกันแล้ว?]
[ไม่ใช่แล้ว!]
[โดนปริเสธแบบนี้เศร้าจังน้า~]
ผมเกาหัวให้กับประโยคเศร้าปลอม ๆ นั่น
ยูเมซากิกับทาคาโอะเหมือนจะคุยอะไรกันอยู่เลยคิดว่าไม่ต้องกังวลเรื่องเนื้อหาที่จะคุยนะ
แต่เผื่อไว้ก่อนเลยขยับตัวห่างจากโต๊ะยาวที่เรานั่งออกไปอีกนิดหน่อยแล้วถามต่อ
[…คือว่า อริสึคาวะสนิทกับฮินะหรือเปล่า?]
[ฮินะ…]
อริสึคาวะทำตาใส ๆ แล้วทำท่าเหมือนจะคิดอะไรอยู่
[อ๋อ ฮินะจัง? อืม- ไม่เลยนะ]
[…เมื่อกี้อย่าบอกนะว่าลืมน่ะ]
[จะเป็นแบบนั้นได้ไงล่า]
อริสึคาวะหัวเราะร่าออกมา
….เมื่อกี้ทำหน้าเหมือนนึกไม่ออกแม้กระทั่งชื่อเลยนะ แต่คงคิดไปเองมั้ง
แอบคิดเยอะไปหน่อย ผมลูบอกด้วยความโล่งใจ
จะให้ถามตรง ๆ ว่าลืมฮินะไปแล้วเหรอก็คงไม่ได้ละนะ
ผมถอนหายใจโดนไม่รู้ตัว
[อะรายเหรอ ถอนหายใจแบบนั้น ทั้งที่มีเราอยู่ข้าง ๆ แท้ ๆ กลับไปที่เดิมกันไหม? อ๊ะ กลับเลยเถอะ]
อาสึกะทำแก้มป่องส่วนผมรีบขยับเข้าไปใกล้ ๆ แล้วกระซิบต่อ
[เดี๋ยว คืออยากจะคุยเรื่องยูเมซากิหน่อยนะ…มาทางนี้ทีสิ]
[หือ? อะไรเหรออะไรเหรอ]
อริสึคาวะเอาผมทัดหูแล้วขยับเข้ามาใกล้ ๆ ผม
ถ้าสังเกตดี ๆ ที่หูนุ่ม ๆ นั่นจะเห็นรูที่เจาะไว้ด้วย
ส่วนข้าง ๆ ก็จะเห็นว่ามีเส้นผมตกลงมาด้านข้างประมาณสองสามเส้น
[เกิดอะไรขึ้นเหรอ?]
[ไม่ใช่หรอก อืม ก่อนอื่นก็มีอะไรที่อยากจะถามน่ะ อยากรู้ว่าทำไมยูเมซากิกับฮินะถึงไม่ถูกกันแต่คงไม่รู้สินะ….?]
[เรารู้นะ?]
[นั่นสิเนอะ อริสึคาวะจะไปรู้ทุกเรื่องได้ยังไง…]
—-เมื่อกี้ว่าอะไรนะ
[เดี๋ยวนะ เมื่อกี้บอกว่ารู้เหรอ?]
[อื้อ เหมือนเราจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยน่ะ]
อริสึคาวะขยับออกมาจากปากผมแล้วพยักหน้า
[พะ พูดเรื่องอะไรอยู่น่ะ…!]
พอถามเสร็จอริสึคาวะก็มองทอดไปไกล ๆ
ตรงนั้นมียูเมซากิกับทาคาโอะที่กำลังเริ่มทำเนื้อต้มมันฝรั่งไปก่อนแล้ว
จะเห็นยูเมซากิกำลังยืนกอดอกมองทาคาโอะที่พยายามจะปอกมันฝรั่งอยู่
สมกับเป็นยูเมซากิเลย—-
ผมคิดแบบนั้นอยู่แวบเดียวแล้วก็หยุดคิดในทันทีตอนที่นึกถึงเรื่องที่โรงอาหารขึ้นมา
[ไม่ตอบได้ไหม?]
[ขอโทษนะ ยังไงก็อยากรู้น่ะ]
ระหว่างที่คิดเรื่องอื่นอยู่ ผมตอบเพื่อย้ำกับอริสึคาวะ
อริสึคาวะก็บ่นอิดออดว่า [ไม่อยากตอบเลยน้า] จากนั้นก็เอานิ้วจิ้มหน้าผากผมแล้วพูดต่อ
[งั้นขอเล่าต่อเลยนะ? คุณยูเมซากิเหมือนจะอยากเป็นนางแบบน่ะ]
[เห…? เป็นอย่างนั้นเหรอ]
[เหมือนจะเคยพูดแบบนั้นกับเราครั้งนึงน่ะนะ]
[อื้ม]
[แล้วเราก็ตอบว่าไม่น่าไหวไปน่ะ]
[เธอเนี่ย…ไม่ละเอียดอ่อนเอาซะเลยนะ]
ผมสวนกลับโดยไม่ตั้งใจ
ถึงผมจะไม่มีความทรงจำแค่ไหนก็ไม่น่าตอบอะไรแบบนี้ไปนะ
[งะ งั้นเหรอ เราแค่ตอบไปตามตรงเองนะ]
[ไม่หรอก จะว่าไงดี…ของแบบนี้ต้องคิดดี ๆ ก่อนตอบนะ ถ้าเกิดยูเมซากิเอาพูดใน SNS ขึ้นมาอริสึคาวะก็จะเสียหายใช่ไหมละ? ต้องระวังตัว—]
[ไม่หรอกน่า เราไม่ได้อ่อนขนาดนั้นนะ ตัวจี๊ดเลยเราน่ะ]
อริสึคาวะจ้องผมด้วยสายตาจริงจัง
พอเห็นดวงตาที่แสนมั่นใจนั่นแล้ว ผมก็มีแต่ต้องเชื่อเท่านั้น
[เอาเป็นว่าเรื่องเมื่อกี้เข้าใจแล้ว งั้นทำไมการอยากเป็นนางแบบถึงเกี่ยวกับที่ฮินะโดนกดดันด้วยละ?]
[เอ- แบบนั้นไง? หลังจากที่เราพูดใส่ไปแบบนั้น คุณยูเมซากิที่อยากเป็นนางแบบก็พยายามเต็มที่…แต่แล้วฮินะจังก็เดบิวต์เป็นนางแบบพอดี คุณยูเมซากิเลยเข้าไปโจมตี แต่ว่าโดนอะไรบ้างอันนี้ไม่รู้น้า]
[เอ๋ ฮินะเป็นนางแบบด้วยเหรอ?]
ผมเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
[อื้ม แต่ก็เป็นแค่งานที่ลงตามสื่อเล็ก ๆ ในเว็บน่ะ เป็นประมาณนั้น?]
อริสึคาวะม้วนริบบิ้นที่ห้อยลงมาจากชุดนักเรียนเล่นไปด้วย
[ฮินะจังตอนนี้อยู่ในนิตยสารทั่ว ๆ ไปหรือก็คือจำกัดแค่ประเทศเราน่ะนะ บางทียูเมซากิอาจจะเล็งเป้าที่ฮินะจังก็เพราะแบบนี้ก็ได้ และแรงจูงใจที่ใหญ่ที่สุดก็คือการที่ไม่ว่ายังไงก็อยากจะเป็นนางแบบให้ได้ อะไรแบบนั้น]
เป็นคนที่ไม่สนใจอะไรจริง ๆ นะ นี่เป็นรั้งแรกเลยที่คิดเห็นว่าอริสึคาวะเอานิ้วจิ้มแก้วตัวเองแล้วทำท่าครุ่นคิดแบบนั้น
[….จะใช่แบบนั้นเหรอ อาสึกะเองก็โดนอริสึคาวะชวนเข้าวงการนี่ งั้นก็น่าจะโดนยูเมซากิเล็งเป้าเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?]
[อื~ม…ก็เป็นไปได้เนอะ]
[เธอเนี่ยน้า!]
[ก็แหม เราอยากให้คุณอาสึกะมาเป็นคู่แข่งของเราน่ะสิ คุณอาสึกะน่ะมีจุดแข็งที่เราไม่มีอยู่เยอะเลยละ]
[…เข้าใจแล้ว เรื่องนั้นวางไว้ก่อนเถอะ]
ผมถามคำถามต่อไปโดยพยายามวนกลับมาเรื่องเดิม
[ถ้างั้นหลังจากที่เกิดเรื่องเลวร้ายลงไปก็อยากจะขอความช่วยเหลือน่ะ พอจะเป็นไปได้ไหม?]
อริสึคาวะใช้เวลานิดหน่อยในการคิดแล้วก็พยักหน้าให้ผม
จากนั้นก็เสยผมขึ้นจนเห็นใบหูขาว ๆ ปรากฎออกมา จากนั้นทำเสียง [อื้ม]
เหมือนจะโอเคแฮะ แต่ต้องกระซิบที่ข้างหูเธองั้นเหรอ
บอกตรง ๆ ว่าประหม่ามาก แต่ไม่มีเวลามาคิดแบบนั้น ผมทำเป็นใจดีสู้เสือแล้วยื่นหน้าเข้าไป
….บางที่เรื่องที่จะพูดอาจจะมีความเสี่ยงต่อตัวอริสึคาวะก็ได้
แต่ผมก็อยากจะพูดให้ชัดเจนที่สุด
หลังจากได้ฟังเรื่องของผมแล้วอริสึคาวะก็ตอบผม
[นี่ ทำไมถึงต้องเป็นเราเหรอ?]
…เหมือนกับตอนบอกอาสึกะเลยแฮะ
ก็คิดไว้แล้วแหละว่าในฐานะแฟนคงจะมีเรื่องอะไรอยู่ในใจน่ะ
[ทำไมน่ะเหรอ…เพราะคบกันอยู่นี่นา]
[ความจริงละ?]
ดวงตาสีเทาที่ครุ่นคิดบางอย่างที่กำลังจ้องมองมานั้น ราวกำลังขุดคุ้ยใจจริงในส่วนลึกทึ่สุดของตัวผม
เพราะฉะนั้นแล้วตัวผม
จึงได้กล่าวคำถัดมาด้วยความรู้สึกจากส่วนลึกของหัวใจโดยไม่กลั่นกรองใด ๆ ทั้งสิ้น
[—ตัวฉันในตอนนี้มีความรู้สึกที่อยากจะก้าวข้ามกำแพงนี้ไปให้ได้….เป็นกำแพงแรกที่เคยเจอ ความจริงแล้วก็อยากจะจัดการมันด้วยตัวคนเดียวอยู่ เพียงแต่รู้ว่าแค่ฉันคนเดียวมันไม่พอ]
อริสึคาวะหัวเราะออกมาเบา ๆ
จากนั้นก็เปิดปากออก
รู้ตัวอีกทีรอบพูดของผมก็ถูกเธอช่วงชิงไปแล้ว
[นั่นน่ะ เป็นเศษเสี้ยวของตัวเธอคนเก่าหรือว่าเป็นความตั้งใจของตัวเธอตอนนี้กันนะ]
เมื่อได้ยินเสียงอันเรียบง่ายนั้น ในใจของผมก็มีภาพนึงลอยผ่านมา
ภาพนั้นคือหนังสือสองเล่มที่เคยอ่าน
วิถีชีวิตีที่แตกต่างกันของตัวละครที่มีภาวะความจำเสื่อมทั้งสองคน
เหตุผลที่อริสึคาวะเลือกหนังสือเหล่านั้นมาให้ผม ตอนนี้รู้สึกว่าจะเข้าใจแล้ว
เธอแค่เพียงอยากจะถามว่า [เธอน่ะเป็นแบบไหน?] อยู่ก็เป็นได้ไป
ดังนั้นผมจำเป็นต้องตอบคำถามนี้อย่างจริงจังที่สุด
นอกจากนี้—-
[เป็นการใคร่ครวญที่ดีแล้วของตัวฉันในตอนนี้]
ผมตอบคำถามนี้อย่างเงียบ ๆ
อริสึคาวะทำแค่เพียงกระพริบตา
ทั้งที่คาบเรียนคหกรรมมักจะโหวกเหวกโวยวายยิ่งกว่าคาบเรียนไหน ๆ แต่ยามนี้ที่อริสึคาวะกำลังอยู่ตรงหน้าผมเหมือนกับว่าทุกอย่างหยุดนิ่งลงอย่างน่าประหลาด
หลังจากจ้องหน้ากันหลายวินาที อริสึคาวะก็พูดออก
[…งั้น ถ้าข้ามกับแพงนั้นไปได้เธอก็จะเป็นซานาดะ ยูกิแล้วละนะ]
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
—-แต่เสียงของอริสึคาวะตอนนี้ ดูมีความสุขกว่าวินาทีไหน ๆ ที่เคยเจอ
[ได้สิ งั้นแฟนของเธอจะจัดการให้เอง ตามมาได้เลยนะ?]
ก็คิดเหมือนกันว่าตามมาเนี่ยคืออะไร แต่ก็หยุดคิดไปซะก่อน
เพราะว่าตอนนี้มีสิ่งที่ต้องสนใจมากกว่าอยู่ตรงหน้าผม
พอยูเมซากิสังเกตเห็นพวกเราเดินเข้าไปใกล้ก็มองห้นาแล้วถอนหายใจใส่
[ทำอะไรกันอยู่เนี่ย ลอยหน้าลอยตากันจริงนะ]
หลังจากบนพึมพำเสร็จยูเมซากิก็หันไปเรียกทาคาโอะที่อยู่ข้าง ๆ
ทาคาโอะมาทันที่ที่เรียกขอ ไม่รู้เลยว่าเป็นความสัมพันธ์แบบสนิทกันหรือเจ้านายกับทาส
[คุณยูเมซากิ มาดวลกันเถอะ ดวลกัน]
อริสึคาวะพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
ยูเมซากิก็เงยหน้าขึ้นมาตอบ
[ฉันกับคุณอริสึคาวะ? ดวลอะไรกันละนั่นน่ะ]
[อื~ม อุตส่าห์ได้เป็นคาบเรียนนี้ทั้งที แข่งทำอาหารไหม? จับคู่กันทำเนื้อต้มมันฝรั่งแล้วให้ครูตัดสินว่าอันไหนดีกว่า]
[อะไรละนั่น ดวลให้ดูดุเดือดกว่านี้ไม่ได้เหรอ]
[ไม่ได้หรอก ก็เพิ่งคิดเมื่อกี้อะ]
[ทำไมถึงได้เป็นคนเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้นะ…]
สมกับเป็นอริสึคาวะ ใช้ความมั่นใจในตัวเองทำให้ยูเมซากิสับสนได้ด้วย
และด้วยศักดิ์ศรีที่สูงลิ่วของเธอนั้น ทำให้ไม่สามารถจะปฏิเสธอะไรใด ๆ กับอริสึคาวะได้อีกด้วย
[จับคู่ดวลกันเหรอ…]
ยูเมซากิถอนายใจออกมา
ศึกคู่ก็หมายความว่าเป็น ผมกับอริสึคาวะ vs. ทาคาโอะและยูเมซากินันเอง
ทาคาโอะที่เหมือนจะได้ยินเรื่องราวก็โผล่พูดแทรกเข้ามา
[ฟังดูน่าจะมันจัดเลยนะนั่น! ถ้าแพ้ขึ้นจะมาบทลงโทษไหม?]
ยูเมะซากิจ้องมองทาคาโอะที่พูดอะไรขึ้นมาอย่างเงียบๆ
ทาคาโอะรีบลนลานแล้วพูดว่า [ล้อเล่นน่า ล้อเล่น…]
แต่อริสึคาวะก็พยักหน้าอย่างสบายอารมณ์
[แน่นอนสิ คนที่ชนะมีสิทธิ์จะสั่งอะไรก็ได้โดยไม่เกินขอบเขตดีไหม?]
ภาพที่เห็นกำลังพลิกไปพลิกมา
ด้วยประโยคนั้นทาคาโอะก็กลับมามีสีหน้าร่าเริงอีกครั้ง
ซึ่งตรงกันข้ามกับยูเมซากิที่ทำหน้าสับสนอยู่
เหมือนกันความเห็นของยูเมซกิจะถูกปฏิเสธ ต้องบอกว่า ณ ตอนนี้อริสึคาวะคุมเกมได้อยู่หมัด
[หา จะเอาแบบนั้นจริง ๆ เหรอ!? ทำอะไรกับฉันก็ได้เนี่ยขอบเขตมันกว้างเกินไปนะ!]
อาจจะกำลังกังวลเรื่องเงินก็ได้ ก็เป็นลูกสาวประธานบริษัทนี่นา
อริสึคาวะอ้าปากค้างให้กับการโต้แย้งของยูเมซากิ
[ทางเราเองก็ด้วยนี่นา? อุตส่าห์ได้มาดวลกันทั้งที]
[เอ๋ จริงเหรอ? ถ้าพูดอะไรก็ฟังละก็ จะขออะไรยาก ๆ กับคุณอริสึคาวะได้ใช่ไหม จะไปคุยกับทางค่ายนางแบบให้ฉันได้ใช่ไหม?]
—-อยากเป็นนางแบบจริง ๆ งั้นเหรอเนี่ย
ต้องขอบคุณทาคาโอะที่เป็นตัวต้นคิดเลย
[ได้อยู่แล้วสิ]
อริสึคาวะตอบกลับทั้งสองคำตอบนั้นไป สายตาของยูเมซากิก็พลันเปลี่ยนสี
บรรยากาศเย็นเฉียบที่ไม่น่ามีในห้องคหกรรมได้กำลังแผ่ออกมาจากโต๊ะของเรา
[….จริงนะ?]
[อื้ม เอาจริงฉันจะให้ยูกิคุงด้วยก็ได้นะ ไม่ได้ยากตรงไหนเลยเพราะเราจะให้ใครเป็นนางแบบก็ได้เลยด้วยซ้ำ]
ยูเมซากิลืมตาขึ้น เอ๊ะ ผมเพิ่งเคยได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรกเลย เรื่องแต่งไหมเนี่ยหรือว่า
[หมายถึงคุณมินาโตะด้วยเหรอ?]
แน่นอนว่าจากมุมมองของยูเมซากิแล้วก็คงคิดได้แต่แบบนั้น
อริสึคาวะเอียงคอเล็กน้อย
[ไม่รู้สิ…ยังไงกันนะ พอดีว่าสัญญาไว้เลยจะไม่พูดน่ะน้า เราเนี่ยเป็นพวกรักษาสัญญาสุด ๆ เลยละ]
[ปากแข็งอย่างไม่น่าเชื่อเลยนะ…จะจำใส่ใจไว้แล้วกัน]
[เอ่อ หยุดก่อนดีไหม? เดี๋ยวจะไปกันใหญ่แล้วนะ]
ทาคาโอะพยายามเข้าไปห้ามแต่ยูเมซากิก็เหยียบเท้าใส่ เสียงทุ้ม ๆ ดัง [โอ๊ยยย!] ดังขึ้น
[จะเป็นให้ได้]
ยูเมซากิเอามือกุมหน้าอกตัวเองแล้วหันมามองที่ผม
[จะชนะให้ได้ ถ้าเพื่อให้ชีวิตม.ปลายของฉันได้มีโอกาสเป็นนางแบบ อะไรฉันก็จะทำ]
หลังจากพูดเสร็จยูเมซากิก็มัดผมของตัวเอง
อริสึคาวะก็พูดว่า [เอางั้นเนอะ] แล้วก็ยิ้มออกมา จากนั้นก็มัดผมเหมือนกัน
ทุกการเดินหมากเหมือนกับได้คาดการณ์ไว้หมดแล้ว
ผมมีความรู้สึกว่าจะรู้ผลการแข่งขันตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มเลย
MANGA DISCUSSION