บทที่ 5.3 อริสึคาวะที่นั่งข้าง ๆ กัน (3)
ผมชอบบรรยากาศตอนเลิกเรียนสุด ๆ
สายลมที่พัดจากหน้าต่างของโถงทางเดินทำให้รู้สึกเย็นสบาย แถมยังรับลมได้มากกว่าในชั้นเรียนปีสองห้องสามด้วย
คงเป็นเพราะว่ามันกว้างกว่าห้องเรียนหรือเปล่านะ
แสงสว่างจากดวงอาทิตย์สาดส่องมา มีเสียงการทำกิจกรรมของชมรมกีฬาและชมรมดุริยางค์ดังขึ้นจากบริเวณลานโรงเรียน ผมจ้องมองคนพวกนั้นด้วยใจอันสงบสุข
[วันนี้เป็นยังไงบ้าง?]
อาสึกะที่อยู่ข้าง ๆ ถามผม
ถึงจะไม่ได้กินข้าวกลางวันด้วยกัน แต่พอเลิกเรียนปุ๊บก็ติดต่อมาทันทีเลย
เรากำลังเดินผ่านห้องต่าง ๆ ของโถงทางเดิน หลังจากที่ไปทักทายครูประจำชั้นมา
[นี่ ฟังอยู่ไหมเนี่ย?]
[ฟังอยู่สิ น่าเสียดายที่ไม่เจอครูเนอะ]
[ไม่ได้พูดอะไรแบบั้นเลยนะ!]
อาสึกะทำหน้าละเหี่ยใส่ ส่วนผมแค่หัวเราะออกมาเล็กน้อยและ [โทษที ๆ ] เพื่อขอโทษไป
[จริง ๆ เลยนายเนี่ย ที่จริงแล้วเราต้องไปทักทายกันตั้งแต่เช้าแล้ว แต่ดันสายกันก็เลยไม่ได้เจอเนี่ย]
[ครูไม่อยู่ในจังหวะที่พอดีเลยนะ–]
[พรุ่งนี้ถ้ามาให้ทันก็ไม่เป็นไรแล้วละ แล้วขอกลับเข้าเรื่องได้ไหม วันนี้เป็นยังไงบ้าง?]
[สนุกมากเลยละ!]
จังหวะนั้นเราเดินมาถึงชั้นวางรองเท้ากันนั้นผมพูดด้วยเสียงอารมณ์ดี ส่วนอาสึกะก็หัวเราะออกมาเล็กน้อยอย่างมีความสุข
[อื้ม ถ้าเสียงดีขนาดนั้นฉันก็ดีใจนะ]
ระหว่างที่พูดอาสึกะก็เดินไปที่ชั้นวางรองเท้าของตัวเองที่อยู่ใกล้ ๆ กับทางออก
ผมเปลี่ยนรองเท้าจากสลิปเปอร์เป็นผ้าใบสีดำของผมเอง หลังจากจ้องมองรองเท้าที่แสนสะอาดไร้มลทินนี้ผมก็คิดอะไรได้บางอย่าง
หัวเราะได้เหมือนปกติแล้วสินะเรา
ส่วนเรื่องที่ตัวเองมีแฟนอยู่สามคนถือเป็นเรื่องที่ห้าวหาญสุด ๆ เพียงแต่จนถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเองเลยสักนิด ทั้งที่ตัวเองทำแท้ ๆ หรือเป็นเพราะทุกคนรับเรื่องนี้กันได้ด้วยหรือเปล่านะ
เข้าใจดีว่าการที่ความจำเสื่อมทำให้อารมณ์ต่าง ๆ ของผมร่างกายตามไปไม่ทัน แต่ผมก็ยังคิดอยู่เสมอว่าความสัมพันธ์แบบนี้มันไม่ใช่
เหมือนกำลังอยู่บนทางแยกที่หนักมาเลยแฮะ หยุดคิดก่อนดีกว่า
สุดสัปดาห์นี้ผมมีนัดให้คำปรึกษาอยู่แล้ว เพราะงั้นค่อยไปถามอะไรตอนนั้นก็ได้
[ขอโทษที่ทำให้รอนะ!]
[โอ๊ส ไม่หรอก กลับกันเลยไหม]
ผมสะพายกระเป๋าไว้ที่ด้านหลัง
พอเดินออกไปนอกอาคารก็เจอกับชมรมกีฬากำลังวิ่งกันอยู่ จังหวะนั้นผมเหลือบไปเห็นผู้ชายคุ้นหนึ่งที่หน้าตาคุ้นเคยเลยเผลอหลุดปากออกมา
[อ๊ะ ทาคาโอะนี่]
คนที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ กับยูเมซากินี่เอง
คนพวกนี้เปล่งเสียงออกมาระหว่างวิ่งแต่ดังชัดเจนขนาดนี้ ยอดเลยแฮะ
[จำชื่อคนได้เร็วดีนี่นา เก่งมาก เก่งมาก]
ยูเมะซากิพูดอะไรติดตลกด้วยท่าทางสนุกอยู่ ส่วนทาคาโอะเหมือนจะเห็นผมอยู่แว๊บนึงเลยออกจากแถวแล้ววิ่งมาทางนี้
[โย่ ซานาดะ! ยังกลับบ้านด้วยกันเหมือนเคยเลยนะนาย~]
[เหมือนเคย?]
พอผมถามออกไปทาคาโอะก็หัวเราะ
[เออสิ เห็นสนิทกันจนแสบตาเลยละ!]
[ไมหรอกน่า ทาคาโอะเองก็สนิทกับยูเมซากินี่]
[อันนั้นจะเรียกว่าสนิทได้ไหมนะ]
ทาคาโอะเกาหัวแล้วยิ้มเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่มีเลศนัยแปลก ๆ แฮะ เหมือนกับแสร้งยิ้มอยู่
ไม่เห็นใจจริงเลย
ก่อนที่ผมจะตอบกลับอะไรไป อาสึกะก็พูดขึ้นมาซะก่อน
[ทาคาโอะคุง พวกเราไม่ได้เป็นอะไรแบบนั้นกันนะ?]
[อะฮ่าฮ๋า ถึงได้บอกไงว่ามันเจิดจ้าเกินไป วัยรุ่นนี่ดีจังน้า จะเก็บเป็นความลับให้แล้วกัน]
[ไม่ใช่ พวกเราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น]
[โธ่เอ๊ย! ซื่อตรงให้มากกว่านี้เถอะน่า!]
ทาคาโอะหัวเราะแล้วก็หันมาหาผม
[ซานาดะไม่ได้มาเรียนนานคงจะมีเรื่องให้หนักใจอยู่ใช่ไหมละ? มีทั้งเรื่องยูเมะซากิกับอริสึคาวะด้วยนี่นะ แล้วก็ที่เราได้มานั่งใกล้ ๆ กันต้องเป็นโชคชะตาอะไรแน่ ๆ เพราะงั้นถ้ามีอะไรละก็มาปรึกษาได้เลย]
[อา…ทาคาโอะ ว่าแล้วเชียวว่านายเป็นคนดีจริง ๆ ด้วยสินะ?]
พอถามออกไปทาคาโอก็เอามือกุมหน้าอกตัวเอง
[โอ้ ดีใจที่คิดงั้นนะ! อย่าลืมไปบอกสาว ๆ ด้วยละ ฉันจะได้เนื้อหอมสักหน่อย! ถ้าเป็นซานาดะบอกละก็สาว ๆ ต้องเชื่อแน่]
[ซื่อตรงไปแล้ว หัดเก็บไว้บ้างสิ!]
ทาคาโอยิ้มยิงฟันขาวให้กับคำพูดของผม
…ผมเนี่ย ถึงจะไม่มีเพื่อนเลยแต่เหมือนว่าชื่อเสียงจะค่อนข้างดีนะเนี่ย
ตัวผมคนเดิมไม่รู้ไปใช้เวทมนต์แบบไหนถึงได้มีแฟนสามคนเหมือนกัน แต่ที่สงสัยกว่าคือทำไมหาเพื่อนไม่ได้เลยเนี่ยแหละ
ของแบบนี้มันทำพร้อมกันได้ไม่ใช่เหรอน่ะ
ขณะที่ผมกำลังคิดอะไรแปลก ๆ ไปด้วยแล้วก็คุยกับทาคาโอะไปด้วย อาสึกะก็พูดแทรกเข้ามา
[ขอโทษที่ขัดจังหวะนะ แต่คนอื่นเขาไปกันหมดแล้วไม่ใช่เหรอ?]
ทาคาโอะที่หันไปมองร้อง [เวรแล้ว] ออกมา ผมก็เหลือบไปเห็นมาทุกคนกำลังจะวิ่งไปกันหมดแล้วจริง ๆ
[ขอโทษด้วยครับ จะไปแล้ว! ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะซานาดะ!]
พอทักทายเสร็จทาคาโอะก็วิ่งหายไปด้วยความเร็วสูง สมกับเป็นชมรมกีฬาจริง ๆ
ทำให้ผมประทับใจเลยแฮะ ทาคาโอะเนี่ย
[เป็นมิตรดีจริง ๆ แฮะ]
[นั่นสินะ ถึงจะดูเป็นคนแปลก ๆ ก็เถอะ ถ้านายคนนั้นที่นั่งใกล้ ๆ นายฉันก็วางใจได้แล้วละ]
อาสึกะทำหน้าสบายใจเล็กน้อยแล้วเดินต่อ
ถ้าได้เห็นรอยยิ้มแสนจะนุ่มนวลนี่ละก็ ทาคาโอะต้องชอบแน่ ๆ เลย
เพียงแต่ก็รู้สึกว่าดีใจมากที่ผมได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้แค่คนเดียว
อริสึคาวะเป็นคนโดดเด่นก็จริง แต่ก็อาสึกะก็ไม่แพ้กันเลย
ผมสีทองตาสีฟ้า เทียบกับตัวตนอย่างอริสึคาวะแล้วถือว่าดูสดใสกว่ากันประมาณนึงเลยละ
แถมยังเป็นหนึ่งในสามหัวหน้าของฝ่ายด้วยสิ ได้รับการเคารพเหมือนเป็นพวกนางแบบเลยละ
การที่ตัวตนแบบนั้นมาเป็นแฟนของผมเนี่ย จนถึงตอนนี้ก็ยังเชื่อไม่ลงเลย
[….คุณหนึ่งในสามหัวหน้าฝ่าย]
พอได้ยินอย่างนั้นอาสึกะก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
[อะไรเนี่ย เลวร้ายสุด ๆ แย่ที่สุดเลยนะยะ!?]
[คุณหัวหน้าฝ่ายคงจะอธิบายให้ฟังได้สินะ คุณหัวหน้าฝ่ายสุดเจ๋ง!]
[หนวกหูย่ะ! ต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องแบบนี้ก็อายจะตายแล้วนะ ถ้าครั้งหน้าพูดออกมาอีกจะทุบหัวให้ความจับเสื่อมเลย!]
[ขู่กันโหดไปไหมเนี่ย! ขอโทษครับจะไม่พูดแล้ว! ]
เหมือนอาสึกะจะไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เหมือนอริสึคาวะแฮะ กลับกันที่อริสึคาวะสนใจน่าจะเป็นคนแปลกมากกว่า
ระหว่างที่คิดอะไรนู่นนี่ ผมก็เดินออกจากประตูทางออกที่เป็นคนละบานกับเมื่อเช้า ผมเหลือบไปเห็นอาคารเรียนหนึ่งที่เล็กกว่าตึกเรียนปกตินิดหน่อย
แอบสงสัยนิดหน่อยว่าคืออะไร แต่อาสึกะก็บอกว่า [โรงเรียนม.ต้นน่ะ] ออกมาให้ฟัง
[ฮินะจังก็จบมาจากที่นั่นเหมือนกันนะ]
[เห ฮินะด้วยเหรอ ถึงได้รู้จักกันมาก่อนนี่เอง]
คำถามที่ว่าช่วงเวลาที่คบกับฮินะมาครึ่งปีมาจากไหนตอนนี้กระจ่างแล้ว
ตัวผมคนเดิมคงจะรู้จักกันมาตั้งแต่ตอนม.ต้นนั่นแหละ
[จะว่าไปแล้วยูกิ]
[อื้ม อะไรเหรอ]
[ไปได้ดีกับซากิไหม?]
[เอ๋ ไปได้ดีนี่คือ—]
พอผมไม่ตอบอะไรอาสึก็บอกว่า [บ้าหรือเปล่า?] ออกมาแล้วยิ้มออกมา
[คุณอริสึคาวะไง วันนี้ไปกินข้าวกลางด้วยกันมาใช่ไหมละ?]
[กินมาสิ…!?]
พอผมนึกขึ้นมาได้ก็รีบเงียบไม่พูดต่อ อาสึกะที่กำลังเดินอยู่ก็หันมามองผม
ถ้าเดินผ่านถนนสายหลักนี้ไปก็เป็นเขตของเด็กม.ต้น พอมาถึงวิวทิวทัศน์ก็เปลี่ยนไป จากหลังคาทั่ว ๆ ไปก็ถูกเปลี่ยนเป็นบ้านสไตล์ตะวันตก
[นี่ ทำไมเงียบไปละ ฉันถามอยู่นะ]
[กินมา…กิน…]
[จะปิดบังอะไรเนี่ย ฉันแค่อยากฟังจากปากเจ้าตัว—]
[เอ๋?]
เสียงหงุดหงิดประมาณนึงเลยแฮะ ไม่เข้าใจเลยว่าอริสึคาวะคิดอะไรอยู่
ดังนั้นระหว่างที่กำลังเดินผมจึงยกมือขึ้นมาประสานกัน
[อื้อ ขอโทษ! ไปคุยกับแฟนคนอื่น ๆ ในโรงเรียนคงจะไม่ดีสินะ แต่ไม่ได้ทำไปโดยไม่มีเหตุผลเลยนะ อ้อ เพื่อฟื้นความทรงจำไง ได้ไหมนะ?]
[ลนลานอะไรเนี่ย เรื่องซ้อนสามก็ไม่ได้ว่าอะไรไม่ใช่หรือไง]
[อะ โอ้ ประโยคสุดแปลกนั่นมัน…]
[หนวกหู!]
อาสึกะขมวดคิ้วแล้วโบกหัวไปหนึ่งที
ผมร้อง [จะจะเจ็บ!] ออกมา อาสึกะก็อารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย
แฟนสาวสายเอสหรือไงนะ
[ซากิเป็นคนดูแลนายในชั้นเรียนอยู่แล้ว ฉันไม่คิดมากหรอก เอาจริง ๆ ฮินะจังก็ด้วย ไม่มีใครเขาคิดมากหรอก]
[อะ อื้อ เข้าใจกันด้วยสินะ แบบว่าดีจัง งั้นก็โกโฮมกัน ]
[อารมณ์เปลี่ยนไวไปแล้วย่ะ!]
อาสึกะพุ่งมากระชากคอเสื้อผมกลับไปอย่างรวดเร็ว
[คนที่รู้เรื่องว่าซากิเป็นคนดูแลนายมีแค่ฉันนะ ถ้าเกิดว่าโดนก่อกวนอะไรก็มาบอกแล้วกัน]
[เข้าใจแล้ว]
ผมใช้วิธีบางอย่างเพื่อหลุดออกจากมือสำเร็จแล้วก็พูดต่อ
[แต่ว่า ไม่ได้คิดมากจริง ๆ ใช่ไหม? เพราะว่าพวกเราก็คบกันอยู่นะ]
ผมเคยค้นหาตัวตนของแฟนแบบนี้บนเน็ตด้วยคีย์เวิร์ดว่า 「แฟนสาว」 「ซ้อนสาม」 อยู่เหมือนกันแต่ก็ไม่เห็นจะเจอเลย
พอค้นหาบทความเกี่ยวกับความรักก็เจอแค่สองคำอย่าง 「อิจฉาริษยา」 เท่านั้นเอง
「อิจฉาริษยา」 ก็ดูเป็นคำที่อธิบายสถานการณ์ตอนนี้ได้ดีอยู่ แต่ดันไม่ใช่สำหรับอาสึกะงั้นเหรอ
[ก็ไม่ได้คิดขนาดนั้น อาจจะมีบางทีที่สนิทกันจนหงุดหงิดอยู่บ้าง แต่เรื่องพวกนั้นถ้ามานั่งพูดทุกครั้งนายคงลำบากตายเลย]
อาสึกะยิ้มอย่างเบาบางแล้วหันกลับไปข้างหน้า
[แต่ว่า สายตาจากคนรอบ….ไม่สิ เหมือนทาคาโอก็จะไม่รู้เหมือนกันนี่นะ]
[อื้อ ไม่มีใครจับเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเราได้จริง ๆ แหละนะ แต่ไม่ต้องแพร่งพรายไปน่ะดีแล้ว]
พออาสึกะพูดเสร็จก็หยุดยืน เรื่องพวกนี้ก็ไม่ควรบอกใครอยู่แล้วละนะ
เพื่อปกป้องตัวเองด้วยนั่นก็ใช่ แต่อยากจะปกป้องแฟนทั้งสามคนมากกว่าน่ะนะ
ระหว่างที่คิดแบบนั้น อาสึกะก็เดินไปขวางอยู่ตรงหน้าผมแล้วหันกลับมา
จากนั้นก็เอายื่นนิ้วมาปิดปากผมไว้ สัมผัสของนิ้วนี่มัน นุ่มจัง
[เข้าใจใช่ไหม?]
[—-เฮ้าใจแล้ว]
[อะฮะฮะ ดีมาก]
อาสึกะดูผ่อนคลายขึ้นกว่าเมื่อครู่นี้จากนั้นก็เริ่มเดินต่อ ผมหยุดยืนสักพักหนึ่งแล้วรีบตามไป
[จริง ๆ แล้วว่าจะบอกตั้งนานแล้วแหละเรื่องนี้น่ะ เกือบลืมแล้วเชียว–]
อาสึกะเอามือกุมหน้าอกตัวเองแล้วหายใจเข้าออกหนึ่งครั้ง
เหมือนว่าจะอยากบอกตั้งแต่ก่อนเข้าเรียนแล้วด้วย
[เรื่องหัวหน้าสามฝ่ายใหญ่ก็ดี ลืมบอกเรื่องสำคัญมากไปแล้วนะ]
[ก็แบบว่า ฉันไม่รู้นี่ว่านายลืมเรื่องอะไรไปบ้าง]
อาสึกะผ่อนคลายตัวเองแล้วพูดออกมา
เป็นเสียงที่นุ่มนวลจัง
…ทำเอาลืมความสวยของแฟนคนอื่นไปได้หมดเลยแหละนะ
ผมจำไม่ได้จริง ๆ ว่าความสัมพันธ์นี้เริ่มขึ้นตอนไหนแล้วทำไมถึงได้เริ่มขึ้นกันก็ไม่ทราบ
ผมกลายมาเป็นตัวผมในตอนนี้มากสักพักนึงแล้ว เพราะงั้นการพูดถึงเรื่องของตัวเองก็ทำให้รู้เลยว่ามีอีกหลายอย่างที่ยังไม่เข้าใจ
[ขี้ลืมจริง ๆ เลยน้า ตัวฉันเนี่ย]
[ตัวเองพูดออกมาเองเลยเนี่ยนะ]
อาสึกะหัวเราะออกมา
พอหันมองไปที่ฝากฟ้ายามเย็นนั้นก็พบว่ามีอีกาสามตัวกำลังบินลับสายตาไป
MANGA DISCUSSION