บทที่ 1 ความจำเสื่อม
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาที่โรงพยาบาล
แต่ดูเหมือนว่าสติของผมจะกลับมาไม่ได้สมบูรณ์นัก แต่ตื่นมาแล้วเห็นเพดานขาว ๆ แบบนี้คงไม่ผิดพลาดแน่นอน
พอมองไปที่มือซ้ายก็เบลอ ๆ นิดหน่อย แต่พักนึงก็เริ่มชัดเจนขึ้น
ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุมา ตอนนี้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วนะ
ตอนนี้ในหัวมีแต่คำว่าโรงพยาบาลวนไปวนมาอยู่เต็มไปหมดเลย
เหมือนว่าจะยังลุกขึ้นไม่ได้ ก็เลยได้จ้องเพดานสีขาวนี้มาสักพักแล้ว
ที่ขาขวาตอนนี้สัมผัสได้ถึงน้ำหนักบางอย่างอยู่ แอบหนาวสันหลังขึ้นมาแปลก ๆ แฮะ
จนถึงตอนนี้ทำอะไรไปบ้างผมก็จำไม่ได้ รู้สึกสับสนอยู่เหมือนกัน
แล้วยิ่งสถานการณ์สุดจะแปลกแบบนี้ด้วยแล้ว รู้สึกแย่สุด ๆ เลย
แอบรู้สึกกลัวอยู่นิด ๆ เลยขยับร่างส่วนบนสักหน่อย ตอนนี้ก็อยากจะรู้มากเลยว่าเจ้าสาเหตุที่ทำให้ผมรู้สึกกลัวแบบนี้คืออะไรกันแน่
ถ้าลองขยับขาของตัวเองสักหน่อย ขยับร่างของตัวเองสักนิด
พอลองคิดว่าจะทำแบบนั้นดู ก็รู้สึกว่าน่าจะทำได้อยู่นะ
พอตัดสินใจได้แล้ว กลั้นใจแล้วขยับกันเลย
————ผู้หญิงล่ะ
ผู้หญิง? เจ้าของน้ำหนักที่อยู่ตรงขาของผมก็คือผู้หญิงนี่เอง
[เอ่อ เป็นอะไรไหมครับ?]
ถึงจะเป็นคำถามที่ไม่น่าจะถามมาตอนนี้ก็เถอะ แต่เหมือนจะเป็นความเคยชินของปากละมั้ง
ผู้หญิงที่อยู่ตรงนั้นมีผมสีทองยาวสะท้อนกับแสงอาทิตย์อยู่ข้างหลัง คงจะได้รับการดูแลอย่างดีเลยสินะ
ร่างกายของเธอขยับไปอย่างเป็นธรรมชาติ ถ้าตั้งใจฟังดี ๆ ก็จะได้ยินเสียงหายใจอยู่นิดหน่อยด้วย
คงจะหลับอยู่สินะ แถมใช้ขาคนเป็นหมอนเสียด้วย
ยังเห็นหน้าไม่ชัดเลยไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ถ้าคิด ๆ ดูแล้วคงจะมาเฝ้าผมสินะ
แต่เอาจริง ๆ คนที่เอาขาคนป่วยมาเป็นหมอนได้นี่ต้องเป็นคนยังไงกันหว่า
[เอ่อ ขอโทษนะครับ]
ผมลองเอานิ้วแตะไปที่แขนของเธอดู
ในตอนที่พูดคำว่า [ขอโทษนะครับ] ออกมา เหมือนร่างกายจะสั่นนิดหน่อย
ถึงจะในสถานการณ์แบบนี้ แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงความนุ่มที่ไม่ใช่ของผู้ชายได้เต็มที่ด้วยละ
เหมือนว่าเธอจะขยับตัวพอดีเลย
[มุ!!]
ที่ลองแตะดูคงจะได้ผล เธอเบิกตาสีฟ้าและเงยหน้าขึ้นมาด้วยความตกใจ
ปากเล็ก ๆ สีชมพูกำลังมีน้ำใส ๆ หยดลงมา
ดูจากหน้าแล้ว อายุน่าจะเท่ากันนะ
เหมือนจังหวะตาจะสบกันพอดี มองหน้ากันปุ๊บความเงียบก็หยุดลงทันที
[เอ๋!!!? ตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!? ตื่นขึ้นมาในจังหวะแบบนี้เนี่ยนะ!!? ทำไมมาตื่นตอนนี้ฉันกำลังนอนอยู่กันละ!!?]
จังหวะดันสบตากันพอดีก็เลยเผลอหันไปมองทางอื่นโดยอัตโนมัติ
แต่เสียงดัง ๆ ที่ดูกึ่งหลับกึ่งตื่นแบบนี้บอกตรง ๆ ว่าไม่คุ้นเลย
ดูจากห้องผู้ป่วยแล้วไม่เห็นใครอื่นนอกจากเรากับเธอคนนี้ก็จริง แต่อยากจะให้เบาเสียงนิดนึงอะนะ
ก็แบบ มันรู้สึกเสียมารยาทน่ะ
[ทักทายได้เล่นใหญ่จังเลยนะ จะตื่นเมื่อไหร่ก็เป็นเรื่องของแต่ละคนนี่นา]
พอได้ยินเราตอบแบบนั้นไป เธอก็กระพริบตาปริบ ๆ
[นี่ เป็นอะไรหรือเปล่า ถึงจะได้ยินจากหมอว่าไม่มีแผลอะไรเถอะ แต่หัวกระแทกมาใช่ไหมละ?]
[เอ๋?]
[ก็แบบว่า เราไม่ได้คุยกันมาพักนึงแล้วนี่นา]
………อย่างนี้นี่เอง
ตลอดเวลาตั้งแต่อุบัติเหตุนั้น สาวน่ารักคนนี้มาเยี่ยมเราระหว่างหลับอยู่ตลอดเลยสินะ
สรุปก็คือ เรากับคนคนนี้คงจะสนิทกันแน่ ๆ
แต่บอกว่าไม่ได้คุยกันนาน เกิดอะไรขึ้นกันแน่หว่า
ถึงหัวจะสับสนอยู่บ้าง แต่มั่นใจเลยว่าผู้หญิงคนนี้น่ารักสุด ๆ แบบว่า น่ารักไม่ไหว
ทำเอาสงสัยเลยว่าผู้ชายที่อยู่กับสาวน่ารักขนาดนี้แล้วไม่คุยกันเนี่ย ต้องแข็งแกร่งขนาดไหนกันนะ
แถมถ้าคิดดี ๆ ดูทรงแล้วยังคิดไม่ออกเลยว่าจะเป็นผู้หญิงที่มีมุมร้าย ๆ ซ่อนอยู่ตรงไหนเลยด้วย
งั้นถ้าลองคิดกลับกัน….หรือว่า…
[คือว่า ที่บอกว่า “พักนึง” เนี่ย มันตั้งแต่เมื่องั้นเหรอ]
[เอ..หลายเดือนก่อนละมั้ง ประมาณช่วงม.ปลายปีสองได้]
[อย่าบอกนะว่าจำไม่ได้น่ะ]
[ลืมไปแล้วน่ะ]
[นี่!]
[ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น]
ผมรีบยกมือบังเธอไว้ก่อนที่จะเข้ามาจู่โจมผม
บางทีคงจะไม่สบายใจกับท่าทางแปลก ๆ ของผม สีหน้าเธอเลยดูสงสัยเอาเสียมาก ๆ
[เป็นอะไรไหม? ก่อนอื่นต้อง…จริงด้วย เรียกหมอมาก่อนแล้วกัน]
เธอพูดขึ้นมาเหมือนกับเพิ่งจะนึกอะไรออก จากนั้นก็ลุกขึ้นมาแล้วข้ามตัวผมไปกดปุ่มฉุกเฉิน
[เรียกมาแล้วละ ถึงจะคิดว่าอีกเดี๋ยวก็จะมากันแล้วก็เถอะ—–]
[– ใครน่ะ?]
[เอ๊ะ?]
[เธอน่ะ เป็นใคร?]
คำกล่าวที่ไม่มีสีสันใด ๆ ไม่มีอารมณ์ปนเจือ ไม่มีโทนเสียง เป็นคำถามสุดจะว่างเปล่าที่หลุดออกมาจากปากของผมทำเอาเธอสั่นไหว
[นี่นาย เมื่อกี้พูดอะไรออกมาน่—-]
[แล้วเรานี่มัน ใครกันนะ]
ในช่วงจังหวะนั้น เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นพอดี
เสียงกระดิ่งดังสั่นไหวในหัว ราวกับเป็นสัญญาณว่าชีวิตของใครสักคนที่ไม่รู้จักกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
MANGA DISCUSSION