เอ่อ...ขอโทษนะ แต่แกจะขโมยสกิลแบบนี้ไม่ได้นะ - ตอนที่ 255.1 : ตัวปัญหาที่ยืนขวางอยู่ได้ (ตอนต้น)
- Home
- เอ่อ...ขอโทษนะ แต่แกจะขโมยสกิลแบบนี้ไม่ได้นะ
- ตอนที่ 255.1 : ตัวปัญหาที่ยืนขวางอยู่ได้ (ตอนต้น)
“ มั่นใจแล้วนะ? ”
“ อืม…เล่นเขียนไว้หน้าห้องแบบนี้ไม่ใช่ก็น่าแปลก ”
ณ หน้าประตูทางเข้าห้องที่อยู่เกือบสูงสุดของปราสาท ห้องที่มีป้ายเขียนไว้ชัดเจนว่าห้อง [ห้องบรรทมของราชา] หญิงสาวสองคนในชุดพร้อมรบ ยูเรย์และเพนเทกำลังยืนเตรียมพร้อมเข้าไปในห้องโดยที่ยูเรย์อยู่ฝั่งขวา เพนเทอยู่ฝั่งซ้าย ทั้งสองถือปืนกับมีดอย่างเพรียกพร้อมแล้วเตรียมจะเริ่มการบุกในทันที
“ เอาล่ะนะ 3 …2 …1 ”
ปึ้ง แก็ง กริ๊ง.. ปุ๊ง
เพนเทนับถอยหลังก่อนจะถีบประตูเข้าไปแล้วก็หลบออกมาแล้วปล่อยให้ ยูเรย์จัดการต่อด้วยการปาระเบิดแฟลชเข้าไปเคลียร์ห้อง ระเบิดนั้นดังขึ้นพร้อมกับแสงสว่างเพียงชั่วครู่ด้านใน เพนเทที่เห็นว่าระเบิดแฟลชได้ทำงานแล้ว เธอก็รีบรุกเข้าไปในห้องพร้อมกับเล็งปืนไปยังด้านในโดยมียูเรย์ตามมายังด้านหลัง
“ เคนโทร!! ศัตรู!! ”
“ ระเบิดแฟลชไม่ได้ผล?!? ”
แต่ว่าเสียงระเบิดแฟลชนั้นที่ควรจะทำให้คนในห้องตาบอดชั่วขณะ กลับไม่ได้เป็นผลเลยเพราะเบื้องหน้าของทั้งสองคือสิ่งมีชีวิตประหลาดรูปร่างคล้ายผู้ชายแต่มันดันปะปนไปด้วยทุกอย่างที่ตรงกันข้ามกัน ไม่ว่าจะความหนุ่มที่แก่ ความน่าขยะแขยงที่หล่อเหลา ทั้งร่างกายอ่อนแอแต่แข็งแกร่ง สิ่งนั้นกำลังยืนบังทั้งสองอยู่ที่กลางห้อง โดยบนชุดพ่อบ้านที่มันสวมใส่มีรอยดำจากระเบิดแฟลชอยู่
“ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรติดต่อกับท่านจอมมารในเวลานี้เหรอขอรับ? ”
“ ซ ซ ซ เซบาส จัดการพวกมัน!! ”
“ เอ… จะดีอย่างนั้นเหรอขอรับท่านจอมมาร ทั้งสองเป็นเพียงแค่เด็กสาวเองนะขอรับ ”
เจ้าสิ่งนั้นพูดออกมาด้วยสีหน้าเศร้าๆแต่ยิ้มแย้มด้วยและเอ่ยวาจาสุภาพอันเป็นแบบแผนผิดกับรูปร่างที่น่าสับสนของมัน อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มผมดำที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวซึ่งหลบอยู่ด้านหลัง หลบอยู่ตรงริมหน้าต่าง เขาตะโกนสั่งเจ้าความน่าสับสนนี้ทำให้มันกลับไปถามด้วยความไม่มั่นใจ แต่ว่า…
ตึ้ม
“ อึก!! ”
“ เคนโทร!! ”
ถึงปากจะพูดแบบนั้นแต่การกระทำมันตรงกันข้าม หมัดของมันซัดเข้าไปที่ตัวของยูเรย์อย่างรุนแรงโดยอาศัยทีเผลอของเธอที่ยังมัวสับสนกับสิ่งอยู่ตรงหน้า หมัดนั้นเข้าไปที่ท้องแบบเต็มๆแต่ว่ายูเรย์ก็ไม่ได้จะบาดเจ็บมากเพราะการป้องกันจากอุปกรณ์ที่ติดตั้งไว้ในชุดเพื่อป้องกันกรณีได้รับบาดเจ็บรุนแรง มันจะสร้างโล่มานาฉุกเฉินออกมาป้องกันชั่วคราว
เปรี๊ยะๆ ฟู่…
“ ชิ!! แค่ครั้งเดียวถึงกับพัง!! แก!! ”
ทว่าการโจมตีนั้นก็ทำเรื่องที่เกินกว่าทั้งสองจะเข้าใจได้อย่างหนึ่งเลยก็คือ อุปกรณ์นั้นช็อตและพังทันที มันเป็นสัญญาณว่ามันได้รับความเสียหายมามากเกินกว่าอุปกรณ์จะทนได้ โดยตามปกติมันถูกสร้างเพื่อให้ต้านทานการใช้แรง 1 ในแสนต่อยมันก็คงไม่ออกอาการแบบนี้
[ ถ้าโดนเต็มๆ สาหัสแน่ ]
[ ขนาดอุปกรณ์ป้องกันของเคนโทรยังพังได้ ของชั้นคงไม่เหลือแหงๆ! ]
ทั้งยูเรย์และเพนเทต่างรู้ดีว่าศัตรูตรงหน้ามันอันตรายจนจะทำอะไรบู่มบ่ามไม่ได้เลย ทั้งคู่จึงพยายามตีออกห่างเป็นสองฝั่งเพื่อล้อมให้ได้ในทันที และอีกฝ่ายเองก็พุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็วโดยมันเล็งไปยังยูเรย์ทีี่พึ่งได้รับการโจมตีไป
ฟุบ
[ ถึงจะเร็วแรง แต่ไม่เท่าท่านพี่ล่ะนะแกน่ะ!! ]
ชิ้ง เก๋ง!!
ยูเรย์หลบการโจมตีนั้นได้อย่างไม่ยากก่อนจะตวัดคมมีดของตัวเองลงเพื่อสร้างบาดแผลบนร่างนั้น ทว่ามีดที่ควรจะตัดผ่่านได้แม้แต่เหล็กผสม กลับไม่สามารถสร้างบาดแผลได้เลยแม้แต่น้อย เพนเทที่เห็นอยู่ห่างๆเลยยกปืนพกขึ้นมาพร้อมกับเล็งยิงในทันที
ปุก ปุก ปุก ปุก ปุก
“ อย่าพยายามขัดขืนกันแบบนี้สิขอรับ ”
ฟุบ ฟุบ ตึ้มม
อย่างไรก็ตามทักษะการยิงปืนของเพนเทที่ไม่ได้ดี มันก็ไม่ได้จะยิงเข้าหัวเป๊ะๆ แบบที่ยูเรย์หรือมาร์จะทำได้ ทุกนัดที่เธอยิงออกไปต่างพุ่งเข้า ขา แขน ลำตัว กระสุนเจาะเข้าไปได้ แต่ก็ไหลย้อนออกมา ส่วนมันพอเห็นว่าเพนเทโจมตีแบบนั้น ก็เปลี่ยนเป้าหมายมาต่อยไปยังเธอทันที ซึ่งเพนเทก็หลบได้ด้วยการทิ้งตัวลงไปในมิติมืิดใต้เท้าของตน
ฟู่…
[ ขนาดหมอกของเคนโทร!! โดนไปเกือบนาทียังได้แค่ทำให้มันเป็นแผลถลอก พลังฟื้นฟูกับถึกทนล้วนๆเลยอ่า… งานยากของแท้เล้ยย ]
เพนเทที่มองดูผลลัพธ์อยู่ในเงามืดก็ถึงกับยิ้มแห้ง หมอกสีม่วงที่ควรจะกัดกินและย่อยสลายร่างของตัวประหลาดจนหมดภายในเวลาไม่กี่วินาที แต่ว่ามันกลับยืนนิ่งโดยบนร่างมีแผลขึ้นมาเล็กน้อย แผลถลอกต่างจุดต่างๆ แต่ว่าชุดที่มันใส่กลับย่อยสลายอย่างรวดเร็ว จนทำให้ทั้งสองได้เห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้ชุดนั้น
“ อึก… ”
“ อุจาดตาาาา!!! ”
ทั้งสองนั้นถึงกับพยายามจะไม่มองมัน สิ่งที่ซ่อนอยู่นั้นมันช่างน่าขยะแขยงเกินกว่าจะทนได้ ร่างกายที่มีกล้ามเนื้อขยับตลอดเวลา กล้ามเนื้อรูปร่างคล้ายกับคนมากมายกำลังเลื่อนไปตามจุดต่างๆ และขยายเข้าออกอย่างน่าขนลุก แถมพวกมันก็กรีดร้องอย่างเจ็บปวดเหมือนกับกำลังทุกข์ทรมานจากอะไรบางอย่าง
“ โอยๆ… พวดคุณนี้ ได้โปรดช่วยอยู่ในความสงบกันซักเล็กน้อยได้หรือเปล่าขอรับ ”
และทันทีที่เจ้าตัวประหลาด เซบาสอะไรนั้น มันพูดออกมาแบบเรียบๆไร้ความรู้สึกซึ่งการพูดนั้นก็ทำให้ใบหน้าทั้งหมดหยุดขยับลงก่อนจะพยายามกลั้นความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ ทำเอาทั้งเพนเทและยูเรย์พูดไม่ออกเลย แต่ร่างกายของทั้งสองก็ตอบสนองกับสถานการณ์ด้วยการมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเป็นสัญญาณบางอย่าง
“ ถึงจะไม่แน่ใจแต่ก็คงต้องลองแล้วล่ะ ”
“ อ อ่า เคนโทร ถ้าพลาดขึ้นมาอย่ามาว่ากันนะ ”
ทั้งสองพูดออกมาแบบนั้นก่อนจะพยักหน้าแล้วเริ่มทำในสิ่งที่รู้ใจกัน เพนเทหายกลับเข้าไปในทางเดินวิญญาณอีกหน ส่วนยูเรย์ เธอก็พยายามเดินวนล้อมรอบศัตรูตรงหน้าแล้วพยายามดึงความสนใจกับการโจมตีของมัน
ฟุบ…. กึงๆๆๆๆ ฉึก
“ อะไรกันขอรั…. ”
แล้วก็ไม่นานเลย สิ่งที่ทั้งสองคิดไว้ก็เริ่มขึ้น ตะขอเหล็กมันพุ่งออกมาจากใต้เท้าของเซบาสแล้วเกี่ยวขาของเขาเอาไว้ โดยมันนั้นแม้จะไม่ทะลุแต่ก็พอดึงแล้วปักอยู่บนร่างของตัวประหลาดนี้ได้ ซึ่งทันทีที่มันปักโซ่เหล็กที่ผูกติดกับตะขอกับเริ่มดึงแล้วลากร่างของเซบาสลงไปในทางเดินวิญญาณ
“ โอ…นี้มันอะไรกันขอรับ มืดเกินไปนะขอรับ ท่านจอมมารขอรับ ท่านจอมมาร ”
เซบาสนั้นทิ้งดิ่งลงไปในความมืดและยิ่งนานเข้า เขาก็ยิ่งลงไปลึกเรื่อยๆจนเริ่มมองไม่เห็นแสงตรงปลายทางที่เขาโดนดึงลงมา แถมยังไม่รู้สึกถึงตะขอที่เคยเกี่ยวร่างกายของตนเองอีก
กึง
“ หืม ถึงแล้วเหรอครับ อ่า…แสงไฟ? แสงเทียน? แสดงว่าผมคงโดนดึงมาอยู่ใต้ดินสินะครับท่านจอมมาร ”
ไม่นานร่างของเขาก็กระแทกกับพื้นแต่ว่ามันก็ไม่ได้มีบาดแผลอะไรปรากฎอยู่บนร่างที่น่ารังเกียจนั้น เซบาสลุกขึ้นมาพร้อมกับหันไปมองรอบๆที่มีแสงไฟสีฟ้าเคลื่อนที่ไปมามากมายที่ทำให้เข้าใจได้ว่าที่นี้อาจจะเป็นห้องใต้ดิน แต่พวกมัน แสงไฟสีฟ้านั้นกำลังเคลื่อนย้ายไปยังปลายทางที่สว่าง
“ โอ้ นี้มันอะไรกันขอรับ ”
ฟู่….
แต่ว่าแทนที่เขาจะได้ออกเดินไปยังปลายทางที่สว่าง แสงไฟมากมายกลับหยุดลงแล้วหันกลับมามองที่ตัวของเขาพร้อมกับปลายทางที่มืดลงในทันที พวกมันหยุดอยู่เพียงครู่เดียวก่อนจะพุ่งกรูกันเข้ามาหาร่างอันน่าเกลียดนั้น เช่นกันที่พื้นที่เขายืนอยู่หมอกสีม่วงหนาทึบก็เริ่มจะปรากฎแล้วกัดกินขาของเขาอีกหน
ฟุ่ม ฟุ่ม ฟุ่ม ฟู่…
“ ลำบากจังเลยนะขอรับ มาขวางกันแบบนี้ ”
เจ้าตัวได้แต่บ่นออกมาพร้อมกับซัดไปที่ดวงไฟพวกนั้น และไม่ว่าเขาจะหวดไปกี่หมัดพวกมันก็ยังคงอยู่แล้วเริ่มเผาร่างของเขาที่ละน้อยไปพร้อมกับการถูกกัดกินโดยหมอกสีม่วงทีลามขึ้นมาถึงหน้าอก อย่างไรเสียเขาก็ไม่มีทีท่าเจ็บปวดเลยสักนิด
… …
“ เหมือนจะได้ผลนะเพนเท ”
“ เห้อออ… ทำเอาลุ้นเหมือนกันนะเนี่ย ทีนี้ก็เหลือแค่จอมมารแล้วสินะ? หรือว่าไอตัวเมื่อกี้มันคือจอมมารล่ะ? ”
“ ไม่รู้สิ แต่ว่ามันน่าจะใช่นะ? ก็ทั้งทนทั้งน่าขยะแขยงขนาดนั้น ”
ทว่าที่ด้านนอกนั้นในห้องที่เซบาสเคยอยู่ หญิงสาวสองคนกำลังยืนมองลงไปในหลุมสีดำที่พื้น ในขณะที่จอมมารนั้นกำลังนั่งหลบอยู่มุมห้องด้วยสายตาที่หวาดกลัวผู้หญิงทั้งสองแถมพอทั้งคู่หันมามองเพื่อเปรียบเทียบกับศัตรูที่พวกเธอพึ่งจัดการไป ชายหนุ่มผมดำที่ควรจะเป็นจอมมารก็พยายามหลบหน้าหลบตาทันที
ตึก ตึก ตึก ตึก
“ แก… ”
“ ย ย อย่า อย่าทำผมมม ”
ยูเรย์เดินเข้าไปพร้อมกระชากคอเสื้อของชายตรงหน้าขึ้นมา แล้วนั้นก็ทำให้เจ้าตัวสั่นกลัวยิ่งกว่าเดิมพร้อมทั้งพยายามร้องขออย่างน่าเวทนา ทว่าเพนเทที่มองดูอยู่ก็รีบเข้ามาประกบข้างก่อนจะจ้องตาของยูเรย์เพื่อเป็นการบอกของคนที่รู้ใจว่า [ ยังไงก็ระวังล่ะเคนโทร ไม่แน่มันอาจจะพยายามหลอกเราก็ได้ ]
เพี๊ยะ เพี๊ยะ
“ ฟังชั้น ถ้าอยากจะมีชีวิตต่อไปก็ตอบคำถามของชั้น ”
“ พ พ พี่ พี่ พี่ ช ช ช่วยผมด้วยย ช่วย… ”
ผัวะ
“ หุบปาก!!! ”
ยูเรย์เข้าใจที่เพนเทเตือน แต่ว่าเธอก็ไม่ได้จะเกรงกลัวและพยายามถือไพ่เหนือกว่าด้วยการกดศัตรูเอาไว้ด้วยความกลัวซึ่งมันก็ได้ผล แถมได้ผลเกินไปทำให้สิ่งที่เรียกว่าจอมมารโดนทั้งตบ ทั้งต่อย จนได้แต่สั่นร้องเรียกหาใครบางคน
“ !! ”
“ เออ เงียบได้ก็ดี แกมีสิทธิจะพูดได้แค่ตอนที่ชั้นจะให้แกตอบเท่านั้น ”
“ ครั… ”
ผัวะ
“ ชั้นถามหรือยัง? ”
ก็อย่างที่เห็น ยูเรย์ต่อยเข้าไปที่ท้องของจอมมารนี้อีกหนเพราะว่าอีกฝ่ายไม่ทำตามที่เธอบอก นั้นคือพูดตอนที่เธอไม่ได้ถาม และการที่จอมมารนั้นแสดงท่าทีอ่อนแอออกมาขนาดนี้มันก็ทำเอาเพนเทถึงกับยิ้มแล้วเดินเข้ามาใกล้จอมมารด้วยท่าทางยั่วยวนแปลกๆกับรอยยิ้มที่น่ากลัวเหมือนกับได้ใจ
“ เน่ๆ เน่? นายอ่อนแอสินะ นายอ่อนแอจริงๆหรือเปล่า? หืมมม ไหนดูซิ ”
ฉึก
“ อ๊ากกกกกก!!!! ท้องผม ท้องงง!! ”
ฉึบ
“ เพนเท!! เดี๋ยวมันก็ตายก่อนหรอก!! อ๊ะ!! สลบเฉย!! ”
“ ฮ่าๆ โทษที โทษที แบบว่ามันน่าทร…เล่นนิดๆน่ะนะ ”
เสียงกรีดร้องดังไปทั่วห้อง เพราะเพนเทเอามีดของเธอปักเข้าไปในร่างของจอมมารด้วยรอยยิ้มที่น่าสยดสยอง เธอค่อยๆกดมีดลงแล้วตั้งใจฟังเสียงที่เจ็บปวดนั้นเหมือนกับฟังเพลง ยังไงก็ตามยูเรย์ก็ได้เข้ามาขวางเอาไว้พร้อมกับดึงมีดนั้นออกจนทำให้เลือดไหลออกมาจากร่างของจอมมารและก็เพราะเลือดพุ่งออกมาแบบนั้นใบหน้าของจอมมารก็ซีดลงและสลบไป
ครืดดดด… ครืดดดด
“ หึบ นี่… ”
เพี๊ยะ
“ ห หา อึก…ท้อง ทำไม ไม่รู้สึก ก ก เกิดอะไรขึ้น ”
ยูเรย์ที่เห็นว่าจอมมารนั้นหมดสภาพจนสลบไปแล้วก็ได้ลากคอเขาออกไปยังระเบียงด้านหลัง แล้วก็ยกร่างของมันขึ้นด้วยมือซ้ายก่อนจะตบหน้าของจอมมารไปอีกหนเพื่อดึงสติของเขากลับมา จนเขาตื่นขึ้นมามองเห็นว่าตัวเองกำลังลอยอยู่แล้วท้องของเขาก็เย็นแถมไม่รู้สึกอะไรอีก เขาก็แตกตื่นแถมพยายามดิ้นกับคลำท้องของตัวเอง
“ มีดเคลือบสินะ ”
“ อืม มีดเคลือบแหล่ะ ”
ทั้งสองคุยกันเหมือนเป็นเรื่องเล่น ก่อนจะหันกลับไปมองจอมมารที่ยังคงแตกตื่นแล้วเพนเทก็หยิบเข็มยาบางอย่างออกมาจากกล่องที่ติดอยู่ข้างๆซองมีดที่เอวของเธอ แล้วใช้เจ้าเข็มยานั้นปักเข้าไปที่ขาของจอมมารที่ยังถูกยูเรย์ยกเอาไว้
“ อ๊ากกก เจ็บ!! ท้อง ท้อง!! อึกกก!! ”
“ พอไม่รู้สึกก็บ่น รู้สึกก็บ่น เรื่องมากจังเนอะ เอาเถอะ ”
เพี๊ยะ
“ ม ม ม ม ม ไม่ ไม่… ”
“ เอาล่ะ ตอบคำถามมาสิว่า? พวกแกต้องการอะไรกันแน่? ไม่สิ…ใครทำพี่ของชั้น? ”
พอได้ตบหน้าเรียกสติของจอมมารอีกครั้ง ยูเรย์ก็ลงมือสอบสวนทันที ในขณะที่เพนเทก็ยืนอยู่ข้างๆแล้วซ่อนมีดไว้ที่ด้านหลังของตนเองทว่าดวงตาของเธอก็เหมือนรอ รอให้ยูเรย์สั่งอยู่ตลอด
“ ม ม ไม่รู้ ผมไม่รู้ใครจะไปทำใคร ผม ผม ไม่รู้ ”
“ เพนเท… ”
ฉึก
“ อ๊ากกก!! ย ย ย อย่า อึก.. ย ย ยอมแล้ว อย่า อย่า ผมก็แค่มาช่วยพี่ฟารูน ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น ”
จอมมารนั้นพอถูกถามก็ส่ายหน้า แต่เพนเทก็เสียบมีดที่ซ่อนเอาไว้ แทงแล้วก็กดมีดเข้าไปลึกกว่าเดิม ความเจ็บปวดทำให้จอมมารพูดออกมาอย่างทรมานแล้วดิ้นไปมาจนเลือดเริ่มไหลหนักกว่าเดิม เช่นกันร่างกายของเขาที่กลับมารู้สึกก็เริ่มจะกลับไปชาอีกหน
“ ยอมง่ายดีนี้ ว่าแต่คนช่วยคืออะไรเหรอนายจอมมาร? ”
“ ก กองทัพจอมมารน่ะ ก ก ก็คือหุ่นเชิดเท่านั้น พ พวกค คุณ ไม่เข้าใจหรอก ว่าจริงๆแล้วมีคน มีคนที่สั่งพี่ให้มาค คุม… ”
ฟุบ
“ เคนโทร!! ”
แต่ระหว่างที่กำลังพูดอยู่พวกเขาก็ถูกขัดเอาไว้ การโจมตีบางอย่างพุ่งเข้ามาแต่ว่ายูเรย์ก็สามารถหลบได้ทันและเพนเทก็หันกลับไปยังจุดที่การโจมตีถูกส่งมา ที่นั้นมีคนที่ไม่ควรจะมาอยู่ที่นี้ เจ้าตัวประหลาดที่ควรจะตายไปแล้ว มันนั้นกำลังคลานออกมาจากมิติมืด
ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลจนหลายส่วนกลายเป็นสีดำ ก้อนเนื้อที่น่าสับสนก็เน่าเกือบหมดแต่มันก็ไม่มีท่าทางเจ็บปวดสักนิด และการโจมตีที่มันส่งมาก็เป็นก้อนเนื้อที่เต็มไปด้วยแผลไฟไหม้และหยุดขยับเขยื้อนไปแล้ว มันเหมือนกับว่ามันเขวี้ยงมาหาพวกเธอเพื่อฆ่าจอมมาร
……
…