เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 94 ของขวัญชิ้นที่สอง
บทที่ 94 ของขวัญชิ้นที่สอง
ทันทีที่เธอเริ่มร้องไห้ ทุกคนก็เริ่มหันมามองด้วยความสนใจ
จี้จิ่งเชินถูกเสียงดังของเธอทำให้ต้องขมวดคิ้วขึ้นมา
แต่เจียงหยู่เทียนกลับไม่ได้สังเกตเห็น
“พี่จิ่งเชินฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เป็นจี้ยี่หยันที่บังคับให้ฉันทำ"
เธอรีบวิ่งไปข้างหน้าและจับมือของจิ่งเชินเอาไว้พร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลอาบหน้า
“จี้ยี่หยันบอกว่าถ้าฉันไม่ให้เขา เขาจะขับไล่ฉันออกไป ฉันไม่มีทางเลือก ฉันกลัวมากจริงๆ”
“ฉันไม่รู้ว่าแผนนั้นสำคัญมากขนาดนี้ ไม่เช่นนั้นฉันก็จะไม่มอบให้เขาแน่”
เธอร้องไห้อยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นจี้จิ่งเชินไม่ได้พูดอะไร เธอก็เงยหน้าขึ้นอย่างระมัดระวัง
“กว่าฉันจะหาคุณพบมันไม่ง่ายเลย พี่จิ่งเชิน พี่คงไม่ไล่ฉันไปใช่ไหม?”
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วแน่น
เขามองดูเจียงหยู่เทียนผู้ที่กำลังร้องไห้อย่างควบคุมตนเองไม่ได้
คนที่อยู่ข้างหน้าเขาคือ "เทียนเทียน" ที่เขามองหามา 12 ปี เขาเคยสัญญาไว้ว่าทุกอย่างของเขาล้วนเป็นของเธอ
ความพยายามทั้งหมดของเขา คือการให้เธอได้มีชีวิตที่ร่ำรวยและมีความสุข
เจียงหยู่เทียนเห็นว่าเขากำลังลังเล จึงจับมือของเขาเอาไว้
“พี่จิ่งเชิน ฉันรู้ว่าฉันทำผิด คุณยกโทษให้ฉันได้ไหม?”
แต่สีหน้าของจี้จิ่งเชินกลับไม่ได้ดีขึ้นมาเลยสักนิด
“ฉันสัญญากับเธอไว้เมื่อก่อนหน้านี้ ว่าฉันจะดูแลเธอและก็เคยรับปากไว้ว่าฉันจะให้ทุกสิ่งที่เธอต้องการ"
เขาหยิบซองจดหมายออกมา และวางไว้หน้าเจียงหยู่เทียน
“นี่คงเพียงพอสำหรับอาหารและเสื้อผ้าของคุณ”
เจียงหยู่เทียนตกตะลึง และเปิดซองจดหมายออก ด้านในมีเช็คอยู่ใบหนึ่ง
บนนั้นเขียนไว้ด้วยตัวเลขที่ทำให้คนต้องตกตะลึง
ใบหน้าของเธอเปลี่ยนสีแล้วเปลี่ยนสีอีก
“พี่จิ่งเชิน คุณไม่ต้องการฉันแล้วเหรอ?”
จี้จิ่งเชินไม่ตอบ จากนั้นจึงยืนขึ้นแล้วออกไปข้างนอก
เจียงหยู่เทียนรีบพูดอย่างร้อนรน "คุณบอกว่าคุณจะอยู่กับฉัน! เป็นเพราะเจี่ยงเนี่ยนเหยา…ใช่ไหม? เห็นอยู่ชัดๆว่าเป็นเธอที่แย่งคุณไป ฉันก็แค่ไล่เธอออกไป มีตรงไหนที่ผิดกัน?”
ฝีเท้าของจี้จิ่งเชินชะงักลงเล็กน้อย เขาไม่ได้หันกลับมา แต่น้ำเสียงของเขากลับเต็มไปด้วยความแน่วแน่มั่นคง
"ฉันมีคุณหญิงจี้แค่คนเดียว และนั่นไม่ใช่เธอ”
พูดจบ เขาก็สาวเท้าเดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะมอง
เจียงหยู่เทียนกำเช็คในมือเอาไว้แน่น มือของเธอกำขึ้นมาเป็นกำปั้น
"เวินเที๋ยนเที๋ยน!"
เธอขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ดวงตาแดงก่ำและดุร้ายยิ่งกว่าเดิม ราวกับว่าจะกัดเวินเที๋ยนเที๋ยนให้ตายไปทีละคำๆ
“คอยดูเถอะ!”
จี้จิ่งเชินออกจากร้านกาแฟมาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง
จงหลีเดินตามเขามาด้านหลังอย่างงกๆเงิ่นๆ
“ประธานจี้ ตอนนี้ที่บริษัทยังมีแผนการท่องเที่ยวหลายที่…”
“เลื่อนออกไป”
จี้จิ่งเชินขึ้นรถ "นายช่วยไปเตรียมบางอย่างให้พร้อม”
ตกค่ำ จี้จิ่งเชินก็กลับมาบ้าน ภายในห้องครัวก็เตรียมอาหารหอมฉุยเอาไว้พร้อมแล้ว
แม่ครัวปรุงอาหารจานสุดท้ายเสร็จพอดี เมื่อเห็นจี้จิ่งเชินมองมา ก็ยิ้มเอ่ย “นายท่าน วันนี้คุณหนูเจี่ยงก็ลงครัวด้วยตัวเองเช่นกัน”
เธอชี้ไปที่อาหารสองจานบนโต๊ะ
จี้จิ่งเชินมองดูและถามว่า "เธออยู่ที่ไหน?"
"ในสวนค่ะ"
จี้จิ่งเชินหมุนฝีเท้า และเดินออกไปข้างนอกแทน
สวนด้านหน้าปราสาทเต็มไปด้วยกุหลาบสีขาวและสีชมพู ในฤดูร้อน ดอกไม้บานเต็มที่และส่งกลิ่นหอมออกมา
จี้จิ่งเชินหาเวินเที๋ยนเที๋ยนเจอได้อย่างง่ายดาย
เธอนั่งบนชิงช้าในสวนกุหลาบ เถาวัลย์เขียวขจีเลื้อยคลานไปทั่วชิงช้า ราวกับเก้าอี้จากธรรมชาติ
ท้องฟ้าเริ่มมืดมิดลง และแสงสว่างในสวนส่องไสวขึ้น
แสงสลัวสีนวลตกกระทบลงบนใบหน้าของเธอ ผิวผ่องใสเป็นประกาย
เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มหน้าลงเล็กน้อยและกำลังดูหนังสืออยู่ในมืออย่างจริงจัง ดูเหมือนว่าเธอจะทันสังเกตว่าเป็นเวลาค่ำแล้ว
ขนตาที่ทั้งยาวและหนานั้นถูกแสงตกกระทบเป็นเงา เรียงกันเป็นแถวสองแถวราวกับพัดลมตัวเล็กๆ
เมื่อเห็นภาพด้านหน้า ในใจของเขาที่กำลังต่อสู้กันอยู่รวมถึงความวิตกกังวลในหัวใจของจี้จิ่งเชินก็หายไปทันที
เขาถอนหายใจอย่างช้าๆและเดินเข้าไปอย่างเงียบๆ
“ฟ้าเริ่มมืดแล้ว”
เมื่อได้ยินเสียง เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เงยหน้าขึ้นมา และมองดูเวลา
“มีอะไรรึเปล่าคะ?”
จี้จิ่งเชินเดินเข้าไป และยิ้มขึ้นมาช้าๆ
ท่าทางของเขาไม่ดุดันเช่นก่อนหน้า แม้กระทั่งสายตาก็แฝงไปด้วยความอ่อนโยน
“ไปทานข้าวเย็น ฉันมีของขวัญให้เธอ”
“ของขวัญอะไรคะ?” เวินเที๋ยนเที๋ยนถามด้วยความสงสัย
“อีกเดี๋ยวเธอก็รู้เอง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกเขาดึงเข้าไปในห้องรับประทานอาหารอย่างมึนงง ทันทีที่นั่งลง ก็เห็นอาหารที่ถูกวางอยู่เต็มโต๊ะ
“คุณคิดจะทำอะไรคะ?”
จี้จิ่งเชินดึงอาหารไม่กี่จานที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นคนทำมาไว้ตรงหน้าของตน
“ทานข้าวเสร็จแล้วฉันจะบอก”
ไม่รู้ว่าเขากำลังเล่นเกมอะไรอยู่
เวินเที๋ยนเที๋ยนจบมื้ออาหารงุนงง จากนั้นจึงถูกจี้จิ่งเชินบังคับให้ดื่มซุปตาม ก่อนที่สุดท้ายจะค่อยปล่อยเธอเป็นอิสระ
จี้จิ่งเชินทานสองจานที่เวินเที๋ยนเที๋ยทำจนหมดเกลี้ยง
“คุณกำลังจะทำอะไรกันแน่?” เวินเที๋ยนเที๋ยนอดถามขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้
จี้จิ่งเชินพาเธอไปที่รถและคาดเข็มขัดนิรภัยให้
“ฉันต้องการให้ของขวัญกับเธออย่างหนึ่ง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหัวของเธอ "ไม่ต้องค่ะ ฉันไม่ได้ขาดอะไรเลย"
จี้จิ่งเชินกลับไม่เอ่ยอธิบาย แต่เหยียบคันเร่งและขับรถออกไป
เป็นเวลามืดสนิท
รถสปอร์ตสีดำแล่นไปตามท้องถนนไม่ได้ออกไปด้านนอก แต่กลับมุ่งสู่ใจกลางเมือง
ในไม่ช้า พวกเขาก็มาถึงส่วนที่เจริญรุ่งเรืองมากที่สุด
จี้จิ่งเชินดึงเวินเที๋ยนเที๋ยนลงจากรถ จากนั้นจึงเดินไปที่ทะเลสาบ
ทะเลสาบเทียมซึ่งตั้งอยู่ในเซ็นทรัลพาร์ค พื้นน้ำนั้นกำลังสะท้อนแสงไฟเป็นประกายระยับ
ตรงหน้าเธอมันก็เป็นแค่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งเท่านั้น
“คุณจะให้อะไรฉันคะ?”
เธอขมวดคิ้ว "ถ้าไม่มีเรื่องอะไร ฉันอยากกลับไปแล้วจริงๆ”
ครั้งล่าสุดที่จี้จิ่งเชินบอกว่าเขาจะให้ของขวัญกับเธอ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในภายหลังนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีมากเท่าไหร่
เธอไม่อยากจะได้
จี้จิ่งเชินกลับยืนอยู่ข้างหลังเธอและหยุดเธอเอาไว้
โดยไม่รอคำตอบของเขา เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เดินออกมาทันที
“ฉันไปก่อน”
ทันทีที่เธอจะเคลื่อนไหว จี้จิ่งเชินก็วางมือบนไหล่ของเธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้ว
"คุณกำลังจะทำอะไร…"
ยังไม่ทันได้พูดจบ จี้จิ่งเชินก็หยิบกล่องออกมา แล้ววางไว้ตรงหน้าเธอ
"จำสิ่งนี้ได้ไหม?"
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นกล่องที่แสนคุ้นเคยอยู่ข้างหน้า เสียงของเธอก็หยุดลงอย่างกระทันหัน
เป็นหินกดกระดาษที่จี้จิ่งเชินประมูลในงานการกุศลให้แก่เธอ
“สิ่งนี้ เธอทำมันหายไปไม่ใช่หรือ?”
จี้จิ่งเชินยืนอยู่ข้างหลังเธอ ในมือถือที่ทับกระดาษชิงเถียนแกะสลักเอาไว้
หินกดกระดาษนี้ เป็นเขาที่เอามันกลับมาจากมือของพ่อบ้าน
โชคดีที่พ่อบ้านไม่ได้ทิ้งมันไป ไม่เช่นนั้นเขาก็ไม่รู้จะหามันกลับมาได้อย่างไร
จี้จิ่งเชินพูดช้าๆ“ ฉันขอโทษ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเม้มริมฝีปากของตน
"นี่คือสิ่งที่คุณต้องการให้ฉันดูหรือคะ?"
มือข้างหนึ่งของเขาโอบรอบเอวของเธอเอาไว้ มุมปากของเขาหยิบยกขึ้นมาเล็กน้อยโดยที่เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไม่เห็น
“นี่คือของขวัญชิ้นแรกที่ฉันมองให้เธอ”
พูดไป เขาก็กอดเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้ และหมุนตัวเธอกลับมาพร้อมๆกับวิสัยทัศน์ที่เปลี่ยนไป
ภาพตรงข้ามกับทะเลสาบเทียมสะท้อนออกมาในดวงตาของเวินเที๋ยนเที๋ยน
มันคือความพินาศ
อาคารเก่าพังยับเยินยังคงอยู่ในสถานที่เดิม เหลือแค่ซากกำแพงและโครงสร้าง
ดูผิดแปลกไปจากความเป็นเมืองอย่างยิ่ง
แถมตอนนี้ ซากปรักหักพังล้วนถูกแขวนด้วยโคมไฟสีขาว
ท่ามกลางซากปรักหักพังอันกว้างใหญ่กว่าสี่พันตารางเมตร ทำให้มันดูเหมือนกับกำลังอยู่ในทางช้างเผือก
จี้จิ่งเชินจับหูของเธอเบา ๆ
"นี่คืออันที่สอง"
"ที่แห่งนี้จะถูกสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ เป็นพิพิธภัณฑ์ของเธอ"