เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 72 คุณยังจำผมได้ไหม
บทที่72 คุณยังจำผมได้ไหม
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูเงาของจี้จิ่งเชินที่ออกไปอย่างพึลึก จากนั้นใบหน้าของเธอก็ค่อย ๆ แดงขึ้นมา
เธอหยิบยานวดขึ้นมาดู แต่กลับพบว่ารอยฟกช้ำบนไหล่เธอเริ่มดีขึ้นแล้ว
รอยฟกช้ำที่ถูกทายาอย่างระมัดระวังทำให้รู้สึกเย็น ๆ ร้อน ๆ
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เมื่อเธอหยิบมาดูก็พบว่าจี้ยี่หยันส่งข้อความมา
“ผมขอโทษ ผมไม่รู้ว่าคุณแม่จะเรียกคุณมาแล้วมาทำแบบนี้กับคุณ”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นก็รู้สึกแปลกใจมากขึ้น แท้ที่จริงแล้วความสัมพันธ์ของจี้ยี่หยันกับจี้จิ่งเชินคืออะไรกันแน่?
วันต่อมา จี้จิ่งเชินเดินลงมาจากชั้นบน เห็นเธอเดินออกมาจากห้องครัว จากนั้นเขาจึงเดินเข้าไปในห้องครัว
“วันนี้ทำอะไรกินตอนเช้าเหรอ? ”
แม่ครัวกำลังปรุงข้าวต้มปลา เมื่อวานนี้คุณจี้กินปลาอย่างที่ไม่เคยกินมาก่อน วันนี้เลยลองทำเมนูปลาอีกครั้ง
เธอเห็นจี้จิ่งเชินเดินเข้ามา เลยถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ และความดีใจ: “คุณผู้ชาย เมื่อวานที่คุณผู้ชายทานข้าวต้มปลา ดิฉันให้คุณหนูเจี่ยงสอนทำอาหารง่าย ๆ วันนี้ก็เลยทำข้าวต้มปลาอีกครั้ง”
แม่ครัวพูดด้วยความภาคภูมิใจ
จี้จิ่งเชินก้มไปดูข้าวต้มที่อยู่ในหม้อ
“ป้าทำเองเหรอ? ”
แม่ครัวพยักหน้า
“คุณหนูเจี่ยงบอกว่าน้าทำอร่อย”
จี้จิ่งเชินไม่ได้สนใจอะไร หันหลังกลับด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงถึงอารมณ์ และความรู้สึกใดใดเลย
“ผมจะไปบริษัท”
พูดจบ เขาก็เดินออกไป
แม่ครัวยังคงยืนปรุงอาหารอยู่ที่เดิม ไม่มีการตอบสนองแต่อย่างใด
เวินเที๋ยนเท๋ยนเดินกลับเข้ามา เห็นใบหน้าเงียบเหงาเลยถามด้วยความแปลกใจ: “น้าเฉิน น้าเป็นอะไร?”
น้าเฉินพูดด้วยความผิดหวังว่า: “เมื่อกี้คุณผู้ชายเดินเข้ามาถามน้าว่าเช้านี้ทำอะไรกิน น้าตอบไปว่าข้าวต้มปลา คุณผู้ชายก็ออกไปเลย น้าทำอาหารไม่อร่อยใช่ไหมคะคุณหนู?”
“ไม่ใช่สักหน่อย น้าทำอาหารอร่อยที่สุดแล้ว แต่อาจเป็นเพราะว่าเขารีบเข้าบริษัทมั้งคะ”
แม่ครัวยืนอยู่ในห้องครัวคนเดียว พร้อมทั้งชิมข้าวต้มปลาที่ตัวเองทำไปด้วย
“ก็อร่อยดีนิ ทำไมคุณผู้ชายถึงไม่ชอบ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินออกมาเพิ่งจะขึ้นรถ พ่อบ้านก็ยื่นตารางแผ่นหนึ่งให้เธอ
เธอพลิกดูไปมา ด้านบนมีบันทึกชื่อกิจกรรม และยังมีวิธีการสมัคร
“นี่คืออะไรเหรอคะ? ”
พ่อบ้านตอบไปว่า: “อีกไม่กี่วันข้างหน้าจะมีการสถาปนามหาวิทยาลัยลืบซาน นี่คือรายชื่อกิจกรรมที่ทางมหาวิทยาลัยส่งมาให้ มีข้อบังคับให้ทุกคนมีส่วนร่วมในกิจกรรมนี้อย่างน้อยคนละหนึ่งกิจกรรม”
งานสถาปนามหาวิทยาลัยเหรอ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูรายละเอียด จริง ๆ แล้วกิจกรรมของมหาวิทยาลัยนี้มีกิจกรรมให้เลือกมากมายเลยทีเดียว
ไม่ว่าจะเป็นกีฬาประเภทกรีฑา ศิลปะ จนกระทั่งทางด้านการแสดงก็ยังมี
“กิจกรรมจะจัดขึ้นวันไหนคะ? ”
“อีกห้าวันข้างหน้า”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูกิจกรรมที่หลากหลายที่อยู่ในตาราง และเลือกเวลาได้ยากมาก
พ่อบ้านพูดด้วยรอบยิ้มว่า: “คุณหนู ทางมหาวิทยาลัยก็แค่ส่งเสริมให้เข้าร่วมกิจกรรมก็เท่านั้นเองครับ”
จริง ๆ แล้วเพื่อให้กิจกรรมดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ทางมหาวิทยาลัยบังคับให้ทุกคนเข้าร่วมกิจกรรมอย่างน้อยคนละหนึ่งกิจกรรม แต่สำหรับเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่เหมือนกัน
ต่อให้เธอไม่เข้าร่วม ใครจะกล้าว่าเธอ?
ด้วยเหตุนี้เมื่อพ่อบ้านเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนลำบากใจ เขาจึงหรี่ตาลงยิ้มเล็กน้อย และพูดว่า: “คุณหนูไม่ไปเข้าร่วมก็ได้นะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า
“ฉันต้องเข้าร่วมค่ะ แต่กิจกรรมมากมายขนาดนี้ ไม่รู้ว่าจะเข้าร่วมกิจกรรมอะไรดี”
เมื่อถึงโรงเรียน เวินเที๋ยนเที๋ยนยังไม่ได้เลือกกิจกรรมที่เหมาะกับตนเองเลย กลับได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของผู้คนรอบ ๆ
ผู้คนจำนวนหนึ่งถือกล้องถ่ายรูป ยืนเบียดเสียดกันที่ประตู คล้ายกับจะรอถ่ายรูปอยู่
ผ่านไปครู่หนึ่ง รถคันหนึ่งขับมาจอดที่ด้านหน้าประตูอย่างช้า ๆ และเป็นที่จับตาของผู้คนทันที
“มาแล้ว! มาแล้ว!”
“คิดไม่ถึงเลยว่ามหาวิทยาลัยจะใจใหญ่แบบนี้ ถึงขึ้นเชิญนักร้องอย่างหมินอันเกอมา”
“ใช่ ครั้งที่แล้วฉันแย่งซื้อบัตรคอนเสิร์ตของเขาไม่ทัน คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะได้ฟังเขาร้องเพลง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปมองที่รถคันนั้น ผู้คนที่กำลังเบียดเสียดกันอยู่นั้น ทำให้เธอมองไม่เห็นอะไรเลย
เธอมองดูอยู่ครูหนึ่งก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของหมินอันเกอ ก็เลยหันหลังกลับเดินไปยังห้องเรียน
เมื่อเดินผ่านทางเดินทางเดินหนึ่ง เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มหน้ากำลังจะมองดูใบประกาศในมือ ทันใดนั้นก็ถูกคนดึงชายเสื้อไว้
“อรุณสวัสดิ์”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบหันไปมอง
ชายหนุ่มรูปร่างสูงเรียวยืนอยู่ที่ซอกมุม สองมือกอดอกยืนพิงกำแพง ก้มหน้าลองเล็กน้อย หมวกทรงแหลมปกปิดใบหน้าของเขา ปลายผมสีน้ำตาลแดงโผล่ออกมาจากปลายหมวก
การแต่งตัวแบบนี้คุ้นตามาก
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่กำลังไม่แน่ใจอยู่นั้น ทันใดนั้นเขาก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมากะพริบตาให้กับเวินเที๋ยนเที๋ยน
“พี่รอเธอตั้งนาน”
ในเที๋ยนเที๋ยนมองเขาด้วยความแปลกใจ
“หมินอันเกอ? พี่มาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง?”
เธอหันกลับไปมองรถที่จอดอยู่ทางด้านหลังคันนั้น เหล่าบรรดาแฟนคลับที่กำลังบ้าบิ่นเหล่านั้นยังคงรุมล้อมอยู่ที่รถ ใครก็คิดไม่ถึงว่าหมินอันเกออยู่ห่างจากพวกเขาไม่ถึงหนึ่งร้อยเมตร มายืนอยู่ตรงนี้อย่างโจ่งแจ้ง
หมินอันเกอยิ้มสดใสราวกับแสงอาทิตย์
“พี่มาหาเธอโดยเฉพาะเลยนะ”
“มาหาฉัน? ”
หมินอันเกอมองไปที่เหล่าบรรดาแฟนคลับแวบหนึ่ง กำลังจะอธิบายให้เธอฟัง แต่ทันใดนั้นมีแฟนคลับหันมาพอดี เมื่อแฟนคลับเห็นเข้าก็ตะโกนเรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่แหลมคมขึ้นมาทันที
“หมินอันเกอ! เขาอยู่ตรงนั้น!”
เมื่อแฟนคลับคนนั้นตะโกนขึ้น ทุกคนก็หันมา แค่เห็นหมินอันเกอเข้าก็เดือดพล่านขึ้นมาอีกครั้ง
“หมินอันเกอ! ”
“อันเกอ! ”
เหล่าบรรดาแฟนคลับก็วิ่งพรวดเข้ามา
“ซวยแล้ว”
หมินอันเกอไม่มัวอธิบาย เขารีบคว้าเมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ววิ่งหนีทันที
“อ๋า? อย่า……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกพาวิ่งเข้าไปในบริเวณมหาวิทยาลัยแล้ว
เธอรีบหันกลับมามองด้านหลัง เห็นเหล่าบรรดาแฟนคลับวิ่งตามมาอย่างไม่หยุดหย่อน ดังนั้นเธอจึงลากหมินอันเกอเข้าไปหลบในตึกเรียน
“มาทางนี้”
หมินอันเกอก้มมองดูมือที่เวินเที๋ยนเที๋ยนลากเขา จากนั้นก็ยิ้มมุมปากขึ้น และวิ่งตามเธอไป
ทั้งสองเข้าไปหลบในห้องเรียน ผู้คนที่อยู่ด้านนอกพากันกวาดสายตาตามหา เวินเที๋ยนเที๋ยนมองสังเกตการณ์อยู่หลังประตูอย่างระมัดระวัง
“พวกเขาไปกันแล้ว”
หมินอันเกอนั่งลงกับพื้น ถอดหมวกออก และจัดทรงผมให้เข้าที่ หลังพิงติดกับผนังห้อง จากนั้นก็หัวเราะขึ้น
“ทำไมเวลามาหาเธอแต่ละครั้งมันถึงลำบากยากเย็นขนาดนี้? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดอย่างแปลกใจว่า: “พี่มาหาฉันทำไมเหรอ?”
“ครั้งที่แล้ว……” ดูเหมือนว่าจะคิดถึงเรื่องราวในคืนนั้น หมินอันเกอขมวดคิ้วขึ้น “เธอไม่เป็นไรใช่ไหม? พี่ไม่รู้ว่ามันจะทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดแบบนั้นได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหัวไปมา
“ฉันไม่เป็นไร จริง ๆ แล้วสาเหตุมันไม่ได้มาจากพี่หรอก”
เธอหันไปมองนาฬิกาที่ติดอยู่บนกำแพงห้อง จากนั้นก็ลุกยืนขึ้น และใบประกาศที่เธอถืออยู่ในมือก็หล่นลงพื้น
หมินอันเกอหยินขึ้นมาดู
“เธอจะเข้าร่วมกิจกรรมเหรอ? ”
เมื่อเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า เขาก็ยิ้ม และพูดว่า: “มาช่วยแสดงคอนเสิร์ตกับพี่ไหม?”
เขายื่นมือไปชี้ด้านบน
“ที่นี่ การแสดงครั้งนี้เป็นการแสดงละครเวที ต้องการนักแสดงเพิ่ม”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหัวไปมา: “ฉันไม่ถนัดด้านการแสดงคณะศิลปศาสตร์น่าจะมีคนจำนวนไม่น้อยเข้าสมัคร”
เดิมทีแล้วเธอเป็นคนที่ไม่ชอบความครึกครื้นสักเท่าไหร่ ยิ่งเป็นการแสดงที่มีผู้คนคอยจ้องมองอยู่ข้างล่างเวทีแล้วล่ะก็ไม่ต้องพูดเลย
เมื่อก่อนตอนที่อยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า หมินอันเกอชื่นชอบการแสดงอยู่แล้ว ตอนนั้นเธอนั่งมองอยู่ข้างล่าง น้อยมากที่จะขึ้นไปบนเวที
เมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต เวินเที๋ยนเที๋ยนก็อดไม่ได้ที่จะงอนขึ้น
“หากพี่จะออกไปละก็ เดินอ้อมอาคารเรียนนี้ไปออกไปทางด้านหลัง ตรงนั้นไม่มีคน ฉันต้องไปเรียนก่อนแล้ว”
เธอเพิ่งจะเดินไปได้สองก้าว แต่หมินอันเกอกลับดึงมือเธอไว้
“เที๋ยนเที๋ยน เธอลืมพี่แล้วจริง ๆ เหรอ? ”