เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 282 ลูกชายที่โง่และขี้ขลาดคนนั้น
บทที่ 282 ลูกชายที่โง่และขี้ขลาดคนนั้น
ตอนนี้จี้ยี่หยันเป็นธูปดอกสุดท้ายของตระกูลจี้
คิดถึงจุดนี้ ในที่สุดจี้หยวนวู่ก็พยักหน้า
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ไปเถอะ”
ตอนนี้จี้จิ่งเชินถูกบังคับให้อยู่ทางตัน เขากลัวจี้ยี่หยันมีอันตราย ……
ส่วนจี้จิ่งเชิน?
ถึงไม่มีขี้เถ้าจริงๆ จะต้องยังมีจุดอ่อนอีก?
ออกจากตระกูลจี้ แป๊บหนึ่งฉวีช่วยฉินก็เอาเถ้ากระดูกของหลิ่วถิงในมือมาที่บริษัทเอ็มไอกรุ้ป
พอเข้าไปก็ไปดูจี้จิ่งเชิน
“ฉันขอไปดูยี่หยันก่อน ฉันถึงเอาของให้คุณ”
สายตาของจี้จิ่งเชินตั้งแต่ต้น ก็มองไปที่ถาดในมือของเธอ
เวลานี้ได้ยินเธอพูด ก็เห็นด้วยทันที “ได้แน่นอน”
ฉวีช่วยฉินมองท่าทางของเขา สายตาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ในใจรู้สึกยินดี
ยังดีที่เธอเอาเถ้ากระดูกของหลิ่วถิงมาด้วย ไม่งั้นยี่หยันคงเกิดเรื่องจริงๆ
เธออุ้มของในมืออย่างระมัดระวัง เข้าไปห้องทำงานกับจี้จิ่งเชิน
เห็นจี้ยี่หยันนั่งบนเก้าอี้ ข้างๆมีบอดี้การ์ด ก็รีบเข้าไป
เธอมองจี้ยี่หยันไปทั่ว จึงพูด “ลูกไม่เป็นไรนะ?”
จี้ยี่หยันส่ายหัว เห็นฉวีช่วยฉินเอาของมาจริงๆ ในใจก็ไม่พอใจ
ถ้าของสิ่งนี้ไม่มีแล้ว ต่อไปพวกเขาจะข่มขู่กับจี้จิ่งเชินยังไง ช่วยพวกเขาทำอะไรได้ต่อ?
แต่ว่าฉวีช่วยฉิน คิดมาตลอดว่าจี้ยี่หยันเป็นกระดูกที่สำคัญของตัวเอง เห็นเขาปลอดภัย จึงเอาเถ้ากระดูกในมือส่งให้จี้จิ่งเชิน
“นี่คือของที่คุณต้องการ ตั้งแต่นี้ไป คุณไม่สามารถข่มขู่ยี่หยันได้อีก”
นิ้วของจี้จิ่งเชินอดไม่ได้ที่จะสั่น รับมาอย่างระวัง
ดูอย่างละเอียด
ฉวีช่วยฉินยืนกังวลอยู่ข้างๆ ไม่ขยับ
จี้จิ่งเชินแน่ใจว่าไม่ผิดพลาดอะไร จึงพูดรอยยิ้มยิ้มฝืนๆ “ตอนนี้ผมยังมีความสามารถอะไรมาข่มขู่พวกคุณได้?แม้แต่บริษัทตอนนี้ก็ไม่ใช่ของผมแล้ว”
ได้ยินประโยคนี้ จี้ยี่หยันก็ทำเสียงในลำคอ
“แค่คุณกลับไปหาเวินเที๋ยนเที๋ยน อยากได้อะไรแล้วไม่ได้บ้าง?”
จี้จิ่งเชินได้ยินประโยคนี้ สายตามองมาอย่างรุนแรง
“สำหรับเรื่องนี้ ผมยังต้องคิดบัญชีกับคุณ!”
ฉวีช่วยฉินที่อยู่ข้างๆได้ยิน รีบดึงจี้ยี่หยันไว้ ไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อ
“ช่างเถอะ กลับไปค่อยว่ากันเถอะ ปู่ยังรอลูกอยู่ที่บ้าน”
จี้ยี่หยันจึงหยุดลงอย่างไม่เต็มใจ ถอยหลังออกไปสองสามก้าว
“ถึงได้เถ้ากระดูกแม่คุณแล้วยังไง?ตอนนี้คุณไม่มีอะไรแล้ว จี้จิ่งเชิน ครั้งนี้คุณแพ้แล้ว”
จี้จิ่งเชินหน้าหม่นลง ไม่พูดอะไร และยังมองไปที่เขาอย่างดุร้าย
ฉวีช่วยฉินกังวลว่าจู่ๆจี้ยี่หยันจะเกิดปัญหา รีบลากจี้ยี่หยันออกไป
พอพวกเขาออกไป จงหลีจึงเข้ามาจากด้านนอก
“ประธานจี้ ต้องไปขวางพวกเขาไหมครับ?”
จี้จิ่งเชินส่ายหน้า ทันใดนั้นความดุร้ายที่ใบหน้าก็หายไป มุมปากยกขึ้น
“ไม่ต้อง ฉากดีๆยังรออยู่”
พูดจบ เขาก็เอาถาดในมือวางบนโต๊ะ พูดกับจงหลีว่า “เอาไปทิ้ง”
จงหลีตาโตอย่างตะลึง
“นี่……นี่ไม่ใช่……”
นี่คือเถ้ากระดูกของแม่จี้จิ่งเชิน พวกเขาใช้ความคิดมาตั้งมาก ไม่ง่ายที่จะได้มา จะทิ้งไปง่ายๆแบบนี้เหรอ?
จี้จิ่งเชินหมุนตัว พูดเรียบๆ “ก็แค่ของปลอม พวกเขาจะเอาเถ้ากระดูกจริงๆมาให้ผมง่ายๆได้ไง?”
เขายิ้มอย่างเยือกเย็น
จงหลีมองเถ้ากระดูกที่โต๊ะอย่างตกใจ
นี่ของปลอม?
กลับได้ยินจี้จิ่งเชินพูดต่อ “เริ่มแผนที่สองได้เลย”
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ฉวีช่วยฉินกับจี้ยี่หยันที่เพิ่งออกมาจากบริษัทเอ็มไอกรุ้ปเพิ่งขึ้นรถไป รีบไปที่ตระกูลจี้
จี้ยี่หยันขมวดคิ้วไม่พอใจ กำหมัดหันไปทางนอกหน้าต่างรถ
“เอาของที่สำคัญในมือเราให้ไปแบบนี้ ต่อไปจะทำไง?”
ฉวีช่วยฉินได้ยินเขาพูด ใบหน้าก็มีรอยยิ้มภูมิใจออกมา
เธอมองไปรอบๆ พูดเบาๆ “ยี่หยัน ลูกว่า แม่จะเอาเถ้ากระดูกให้เขาจริงเหรอ?”
จี้ยี่หยันได้ยินประโยคนี้ หันไปมองเธออย่างตกใจ
“งั้นแม่เอาอะไรให้เขาไป?”
ฉวีช่วยฉินพูดอย่างภูมิใจ “ก็แค่เถ้าธูปที่แม่ได้มาจากกระถางธูปเท่านั้น เขาจะแยกออกได้ไง?แค่ได้ลูกคืนมา ก็พอแล้ว”
จี้ยี่หยันคิดไม่ถึงว่าฉวีช่วยฉินจะมีแผนการเผื่อไว้เสมอ ตะลึงไป ใบหน้ามีรอยยิ้มขึ้นทันที
“เขาไม่รู้เหรอแบบนี้?”
“แน่นอน แม่ทำเหมือนกันเป๊ะๆ หลังจากที่ได้เถ้ากระดูกมา ก็เตรียมทำของแทนไว้แล้ว ก็เพื่อตอบโต้ในเวลานี้แหละ”
จี้ยี่หยันได้ยินจะต้องตอบกลับแน่ ถอนหายใจอย่างพออกพอใจ
น่าเสียดายที่ฉวีช่วยฉินมองไปกลับไม่ใช่แง่ดี
“แต่ถึงเราจะมีเถ้ากระดูกของหลิ่วถิงไว้ แต่ตอนนี้จี้จิ่งเชินไม่มีอะไรเลย เขาไม่มีประโยชน์สำหรับพวกเราแล้ว”
จี้ยี่หยันกลับยิ้มอย่างเยือกเย็น
“จี้จิ่งเชินไม่มีแล้ว ไม่ใช่ว่ายังมีตระกูลหล่อนเหรอ?”
“ตระกูลหล่อนรวบไว้กับบริษัทเอ็มไอกรุ้ปแล้ว แซงหน้าตระกูลเวินไปนานแล้ว กลายเป็นมหาอำนาจที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง แค่แบ่งมาจากมือเธอสักหน่อย ก็เพียงพอที่จะทำให้ตระกูลจี้ผงาดขึ้นมาอีกครั้ง!”
ฉวีช่วยฉินกลับรู้สึกว่าไม่ง่ายขนาดนั้น
“แต่พวกเรากับตระกูลหล่อนไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันเลย บวกกับจี้จิ่งเชินกับเวินเที๋ยนเที๋ยนตอนนี้ตัดขาดกันแล้ว พวกเราจะให้พวกเขาช่วยเราได้ไง?”
จี้ยี่หยันพูดอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม “แม่ แม่คิดจริงๆเหรอว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนไร้ความรู้สึกต่อจี้จิ่งเชินแล้ว?”
“คิดถึงตอนแรกที่เวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ที่ตระกูลจี้ ผมไม่เชื่อเลย ว่าเธอจะตายใจง่ายแบบนี้ แค่เราใช้ประโยชน์จากจี้จิ่งเชิน ก็สามารถเอาประโยชน์จากเธอได้แล้ว”
“ไม่ว่ายังไง ถึงแม้ตอนนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนจะเกลียดจี้จิ่งเชิน ขณะเดียวกันพวกเราก็สามารถเอาจี้จิ่งเชินไปให้เธอด้วยมือได้ แลกกับสิ่งที่เราต้องการ”
ฉวีช่วยฉินฟัง ทันใดนั้นก็เข้าใจทันที
“ถ้าแบบนี้จริงๆก็ดี แต่ว่าเจียงหยู่เทียนลูกจะทำไง?”
ได้ยินชื่อนี้ จี้ยี่หยันก็ขมวดคิ้วไม่พอใจ
“ผู้หญิงแบบเจียงหยู่เทียนนี้ อยู่ไปก็กลัวว่าจะมีแต่เสียเรื่อง ถึงตอนนั้นก็เอาเธอกับจี้จิ่งเชินส่งไปให้เวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยกัน แถมยังได้ประโยชน์มากขึ้นอีก”
ทั้งสองปรึกษาแผนการเสร็จ ก็กลับไปที่ตระกูลจี้
พอเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นจี้หยวนวู่ยังนั่งรอพวกเขาที่ห้องรับแขก
เขาเห็นจี้ยี่หยันกลับมา ยืนขึ้นมองสำรวจเขา
พยักหน้าพูด “ไม่ได้รับบาดเจ็บก็ดี ถึงเราตอนนี้ไม่มีของไปขู่จี้จิ่งเชินได้อีก แต่ว่า ตอนนี้จี้จิ่งเชินก็ไม่คุ้มค่าพอที่จะต้องกลัวแล้ว ไม่ต้องกังวลเขาอีก”
ได้ยินคำนี้ ฉวีช่วยฉินอยากอธิบาย กลับถูกจี้ยี่หยันข้างๆดึงไว้
“ปู่ครับ ขอบคุณที่ยอมช่วยผม”
จี้หยวนวู่พูดเรียบๆ “ธูปของตระกูลจี้ไปอยู่กับคุณไม่ได้แล้ว ส่วนของอย่างอื่น ปู่ว่า ยังมีอีกคนช่วยเราได้”
จี้ยี่หยันกับฉวีช่วยฉินมองหน้ากัน ถามอย่างแปลกใจ “ใครครับ?”
สองมือจี้หยวนวู่ถือไม้เท้าตัวเอง ยืนตัวขึ้น
ค่อยๆพูด “ลูกชายที่โง่และขี้ขลาดคนนั้นของปู่ ในที่สุดก็มีประโยชน์บ้างแล้ว”