เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 235 กลับมาตระกูลหล่อนอีกครั้ง
บทที่ 235 กลับมาตระกูลหล่อนอีกครั้ง
พ่อบ้านก้มหน้ามองเวินเที๋ยนเที๋ยน
“คุณเวิน คุณกลับไปเถอะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่ขยับตัวเลยแม้แต่น้อย
“จี้จิ่งเชินล่ะ?ฉันอยากเจอเขา อยากให้เขาพูดกับฉันด้วยตัวเอง”
“ก่อนหน้านี้คุณท่านพูดอย่างชัดเจนแล้ว ถ้าคุณยังอยู่ตรงนี้ต่อไป ก็จะทำให้คุณท่านลำบากใจนะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกัดฟันไว้แน่น
“เขารอคนที่รอมาสิบสองปีหรอ?”
พ่อบ้านมองเวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่ตรงหน้า แล้วอยากที่จะบอกเธอ ว่าจริงๆแล้วคนที่จี้จิ่งเชินรอก็คือเธอนั่นเอง แต่เพราะคุณท่านกำชับไว้ จึงทำได้แต่เพียงเก็บคำพูดนั้นไว้
“ครับ”เขาพยักหน้า
เวินเที๋ยนเที๋ยนสั่นไปทั้งตัว ในลมหนาวนี้ก็ยิ่งทำให้เงียบเหงามากขึ้น
“ฉันเข้าใจแล้ว……”
เธอยิ้มอย่างฝืนๆ และเช็ดหยดน้ำบนใบหน้าแล้วยืนขึ้น
“คุณเวิน รอก่อนครับ”
จู่ๆพ่อบ้านก็เรียกเธอไว้ แล้วยื่นร่มในมือให้เธอ“คุณเอาร่มนี้ไปเถอะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรับมา แล้วเงยหน้ามองไปรอบๆปราสาท ไม่ว่าหน้าต่างบานไหน ก็ไม่มีจี้จิ่งเชินอยู่เลย
ในใจรู้สึกเย็นยะเยือก เธอค่อยๆหันหลังไป แล้วออกจากปราสาทไป
ฝนตกกระหน่ำ
เมฆฝนดำทะมึนปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ราวกับว่าจะตกลงกลางใจของทุกๆคน
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนอยู่หน้าประตูตระกูลหล่อน
ฉวีผิงที่เตรียมจะออกมา พอเห็นเธอก็ตกใจจนอึ้งไปชั่วขณะ และรีบวิ่งไปหา
ถึงแม้ในมือของเธอถือร่มอยู่ แต่กลับเปียกไปทั้งตัว แถมยังตัวคนเดียวอีก
“คุณหนู เกิดอะไรขึ้น?”
ตอนนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนควรจะถูกคุ้มกันอยู่ที่ปราสาทของจี้จิ่งเชินไม่ใช่หรอ?ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้?
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้าไปมา หยดน้ำก็ไหลลงมาจากตัว
ฉวีผิงไม่ได้ถามต่อ แล้วรีบพาเธอเข้าไปข้างใน พลางสั่งให้คนอื่นเตรียมน้ำร้อนกับผ้าขนหนูไว้
คุณนายหล่อนที่ได้รู้เรื่อง ก็รีบเดินออกมาจากห้องหนังสือ
พอเข้าไปในห้องรับแขก ก็เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนนั่งคลุมผ้าขนหนูไว้อยู่
ตอนนี้เป็นช่วงฤดูหนาว ลมหนาวทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนตัวสั่นเทา ใบหน้าซีดเผือด
เธอรีบเดินเข้าไปหาอย่างตกใจ ฝีก้าวที่เร่งรีบ ทำให้ลืมท่วงท่าที่ปกติจะสง่างามนั้นไปหมดสิ้น
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?ตอนนี้เธอควรอยู่ที่ปราสาทไม่ใช่หรอ?แล้วจี้จิ่งเชินล่ะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่ได้ยินคำนี้ ก็ส่ายหน้าเบาๆ
“เขาไม่ต้องการฉันแล้ว……”
เธอพูดขึ้นด้วยเสียงเบาๆ
พอคุณนายหล่อนได้ฟัง ก็ขมวดคิ้วทันที
นิสัยของจี้จิ่งเชินนั้นรักและทะนุถนอมเวินเที๋ยนเที๋ยนจะตาย ปกติจะไม่ให้เธอตากฝนแล้วกลับมาคนเดียวแบบนี้แน่
เธอเก็บคำถามที่สงสัยเอาไว้ก่อน แล้วรับผ้าขนหนูมาเช็ดหยดน้ำที่อยู่บนผมให้เวินเที๋ยนเที๋ยน
พลางมองไปที่คอของเธอที่ยังทิ้งร่องรอยเขียวช้ำอยู่ เหมือนจะเป็นรอยจูบ
เธอมองเพียงแค่แวบเดียว ก่อนจะมองไปที่อื่น แล้วพูดปลอบใจว่า “ไม่เป็นไรนะ ตระกูลหล่อนก็คือบ้านของเธอ ต่อจากนี้ก็อยู่ที่นี่ต่อไปเถอะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงเหม่อลอย ยังไม่กลับเป็นปกติ
เธอถูกคุณนายหล่อนพาไปที่ห้องอาบน้ำ
“เธออาบน้ำอุ่นๆก่อน ตอนนี้อากาศหนาว จะได้ไม่เป็นหวัด”
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่ห่อตัวด้วยผ้าขนหนู ก็ขดตัวเหมือนเป็นดักแด้ แล้วค่อยๆพยักหน้า
เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนที่กำลังเข้าไปในห้องอาบน้ำ สีหน้าของคุณนายหล่อนก็ขรึมขึ้นมาทันที
เธอหันไปถามพ่อบ้าน
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
พ่อบ้านก็ไม่รู้อะไรเลย
“เมื่อกี้ตอนที่ผมออกไป ก็เห็นคุณหนูยืนอยู่ที่หน้าประตู เหมือนว่าคุณหนูจะเดินมาแค่คนเดียว……”
แววตาของหญิงชราก็เฉียบคมขึ้นมาทันที สีหน้าเคร่งขรึม
“ติดต่อจี้จิ่งเชินให้ฉันหน่อย เรื่องนี้ฉันจะเป็นคนถามเขาเอง”
“ครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนนั่งขดตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำ
สายน้ำที่อบอุ่นก็ไม่สามารถทำให้ใจของเธออุ่นตามไปด้วย กลับทำให้เยือกเย็นมากขึ้นไปอีก
เหมือนในใจมีบาดแผลใหญ่ ที่มีลมหนาวพัดมาปะทะตลอด เหมือนตัวเองตกอยู่ในหลุมอันหนาวเหน็บ
เธอยกแขนขึ้นมา แล้วมองไปที่ร่องรอยที่หลงเหลือจากรอยจูบ
ไม่ว่าจะยังไงเวินเที๋ยนเที๋ยนก็คิดไม่ออก เวลาสั้นๆแค่หนึ่งอาทิตย์ ทำไมท่าทางของจี้จิ่งเชินถึงได้เปลี่ยนไปราวฟ้ากับเหวขนาดนี้?
ไม่เพียงแต่จะพูดกับเธอด้วยคำพูดที่เย็นชาแล้ว แถมยังไล่เธอออกไปด้วย
หรือเป็นเพราะคนที่เขารอมาสิบสองปีจริงๆอย่างนั้นหรอ?
คนคนนั้นที่อยู่ในใจเขา ที่จริงแล้วอยู่ในฐานะอะไรกันแน่?
แต่ก่อนหน้านี้ พวกเขายังปรึกษากันอยู่เลย ว่าจะเจอผู้หญิงคนนั้นด้วยกัน ทำไมจู่ๆถึงกลายเป็นแบบนี้?
ในหัวของเธอได้นึกถึงคำพูดของจี้จิ่งเชินอีกครั้ง
ที่แท้ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา จี้จิ่งเชินเพียงแค่แสดงละครตบตาเธอแค่นั้นหรอ
ตอนนี้เหนื่อยแล้ว เบื่อแล้ว จึงไม่ต้องการเธออีก
อะไรคือความจริง?
อะไรคือหลอกลวง?
ในหัวของเธอสับสนวุ่นวายไปหมด คำพูดเย็นชาของจี้จิ่งเชิน ไหนจะคำสัญญาของเขาอีก ทุกอย่างผุดขึ้นสลับไปมาไม่หยุด
ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ประตูห้องน้ำจึงถูกเคาะขึ้น และมีเสียงของคุณนายหล่อนลอยมา
“เที๋ยนเที๋ยน เธอโอเคไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงจะได้สติกลับมา แล้วรีบลุกขึ้น
พอออกจากห้องน้ำมา ก็เห็นคุณนายหล่อนยืนรออยู่ข้างนอก
พอเห็นแววตาที่ดูกังวลของเธอ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย
“คุณนายหล่อนคะ คุณคงไม่ส่งฉันกลับไปหรอกนะคะ?”
ถ้าหากครั้งนี้ เธอถูกส่งขึ้นเครื่องบินไปอีกล่ะ?
จี้จิ่งเชินจะไม่มาช่วยเธอแล้วหรอ?
คุณนายหล่อนส่ายหน้าไปมา แล้วยื่นผ้าขนหนูวางไว้บนหัวของเธอ
“ไม่หรอก ต่อจากนี้เธอก็อยู่กับฉันที่นี่แหละ”
พอพูดจบ เธอก็พาเวินเที๋ยนเที๋ยนมาที่เตียงนอน แล้วช่วยเธอเช็ดผมอย่างเบามือ
“จี้จิ่งเชินหลอกเธอหรือเปล่า?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้าไปมา
คุณนายหล่อนวางมือลงตรงไหล่เธอเบาๆ โอบไหล่ของเธอไว้ แล้วตบเบาๆ
“ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะอยู่กับเธอตลอดเวลา ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไร ตระกูลหล่อนก็จะคอยสนับสนุนเธออยู่เสมอ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่ได้ยินประโยคนี้ ในใจก็รู้สึกปวดร้าวยิ่งขึ้นไปอีก น้ำตาที่กลั้นไว้อยู่นั้นก็กลั้นไว้ไม่อยู่อีกต่อไป มันไหลพรากออกมาอีกครั้ง
เธอกำมือคุณนายหล่อนไว้แน่น และอดไม่ได้ที่จะร้องไห้อีกครั้ง แต่กลับไม่พูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับจี้จิ่งเชินอีกเลย
คุณนายหล่อนตบลงที่หลังของเวินเที๋ยนเที๋ยนเบาๆ แล้วปลอบเธอ
ผ่านไปพักใหญ่ เวินเที๋ยนเที๋ยนร้องไห้จนเหนื่อยแล้ว จึงจะค่อยๆผล็อยหลับไป
คุณนายหล่อนช่วยเธอห่มผ้าห่ม แล้วค่อยๆเดินออกไปอย่างเงียบๆ
พอออกจากห้อง ฉวีผิงก็ได้รออยู่ที่หน้าประตูแล้ว
“ติดต่อจี้จิ่งเชินได้หรือยัง?”
ฉวีผิงส่ายหน้าไปมา
“คนที่ปราสาทบอกว่า จี้จิ่งเชินติดธุระ ไม่สะดวกรับสายครับ”
“ไม่สะดวกหรือไม่กล้ากันแน่?”
สีหน้าของคุณนายหล่อนเคร่งขรึมขึ้นมาทันที“เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เขายังจะกล้าไม่รับโทรศัพท์อีกหรอ?โทรต่อไปจนกว่าเขาจะรับสาย!”
คุณนายหล่อนโกรธมาก
รู้อย่างนี้ เธอไม่ควรที่จะฟังวิธีของเวินหงหยู้เลย ที่ให้เวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ที่ปราสาท พวกเขามองจี้จิ่งเชินผิดไปจริงๆ
ที่คิดว่าเขาจะจริงใจซื่อสัตย์กว่าความรู้สึกของเที๋ยนเที๋ยน แล้วจะไม่ทำให้เธอเสียใจ
ใช้โอกาสนี้ พวกเขาจะได้จัดการถามเรื่องราวกับตระกูลหล่อนและตระกูลเวินไปเลย
แต่คิดไม่ถึงว่า ผ่านไปแค่ไม่กี่วันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ แบบนี้จะให้เธอสบายใจได้ยังไง?
ทำให้คนตระกูลหล่อนโมโห ก็ต้องออกมารับผิดชอบหน่อยแล้ว!
ฉวีผิงรับพยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ผมจะติดต่อจี้จิ่งเชินให้ครับ”
คุณนายหล่อนพยักหน้าเล็กน้อย แล้วเดินจากไป
เหลือเพียงฉวีผิงคนเดียว เขาขมวดคิ้ว แล้วมองไปที่ประตูห้องนอนของเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างเป็นกังวล และไม่เข้าใจเลยจริงๆ
ที่จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?