เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 203 เจ็บปวดยิ่งกว่าความตาย
บทที่203 เจ็บปวดยิ่งกว่าความตาย
ในเวลาต่อมาเวินเที๋ยนเที๋ยนถูกเว่ยเอ๋อลากออกไปเดินชมที่พิพิธภัณฑ์หลายแห่ง จนกระทั่งพิพิธภัณฑ์เหว่ยชีเขาก็ไปชมมา
อีกสองวันเขาก็จะต้องเตรียมตัวออกไปจากที่นี่แล้ว แต่ก่อนจะไปเขาได้ไปที่ตระกูลหล่อน
เมื่อพ่อบ้านของตระกูลหล่อนเห็นเขาก็เผยใบหน้าที่มีรอยยิ้มทันที
และถามขึ้นมาว่า: “คุณเว่ยเอ๋อไม่ทราบว่ามาหาคุณนายหล่อนหรือมาหาคุณหนูครับ?”
เว่ยเอ๋อพยักหน้า ใบหน้าของเขาไม่มีรอยยิ้มเหมือนตอนที่อยู่กับเวินเที๋ยนเที๋ยนเลย
“ผมมาหาคุณนายหล่อน”
พ่อบ้านได้ยินก็ยิ้มอ่อน ๆ คล้ายกับดูออกถึงจุดประสงค์การมาของเขาในครั้งนี้
พ่อบ้านพาเขาเข้าไปด้านในมุ่งตรงเข้าไปในห้องทำงานของคุณนายหล่อน
คุณนายหล่อนเงยหน้าขึ้นมามองเขา พร้อมทั้งถอดแว่นออก “จะกลับแล้วเหรอ? ”
เว่ยเอ๋อพยักหน้าพร้อมทั้งพูดว่า: “ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ เรื่องที่คุณหลายหล่อนให้ผมไปทำมันไม่สำเร็จ”
คุณนายหล่อนขมวดคิ้วพร้อมทั้งพูดว่า: “คุณไม่ต้องการเก็บคฤหาสน์ของตระกูลคุณไว้เหรอ?”
เว่ยเอ๋อยิ้มพร้อมทั้งตอบว่า: “คฤหาสน์ที่คุณปู่ผมเก็บเอาไว้เมื่อร้อยปีก่อนได้เสียหายแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่คฤหาสน์ของจี้จิ่งเชิน”
พูดจบเขาก็นิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองนอกหน้าต่างและหันมามองคุณนายหล่อนอีกครั้ง
“ผมคิดว่าคุณมีอคติกับจี้จิ่งเชินมากเกินไป จากที่ผมได้ไปมาหาสู่กับเขาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เขาก็เอาใจใส่เวินเที๋ยนเที๋ยนดี”
เมื่อคุณนายหล่อนได้ยินคำนี้แล้วเธอก็ขมวดคิ้วพูดขึ้นว่า: “คุณไม่เห็นสภาพตอนที่เที๋ยนเที๋ยนถูกช่วยขึ้นมาจากใต้น้ำ คุณถึงได้พูดแบบนี้”
“เอาเถอะ ไหน ๆ คุณก็ไม่ยอมจะทำต่อ ถ้าอย่างนั้นก็กลับไปเถอะ ฉันไม่อยากทำให้คุณลำบากใจ”
เว่ยเอ๋อพยักหน้าด้วยความซาบซึ้งใจและพูดว่า: “สมเด็จพระนางเจ้าบอกว่าหากคุณนายหล่อนจะไปเยี่ยมก็ไปได้เสมอ เขามีเรื่องจะพูดกับคุณนายหล่อนอีกด้วย”
คุณนายหล่อนพยักหน้า “หากมีเวลาฉันจะเข้าไป” พูดจบเธอก็แกว่งมือเว่ยเอ๋อก้มทำความเคารพก่อนจะหันหลังเดินจากไป
ผ่านไปไม่ถึงสองนาทีพ่อบ้านก็เข้ามาในห้องทำงานของคุณนายหล่อนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่มีใครเดินตามมาด้วย พ่อบ้านเดินเข้ามาข้าง ๆ คุณนายหล่อนพร้อมทั้งพูดเบา ๆ ว่า: “คุณนายครับ คุณผู้ชายคนนั้นมาแล้วครับ”
คุณนายหล่อนนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นเงยหน้าขึ้นมาแล้วพูดว่า: “เขามาทำอะไรตอนนี้?”
พ่อบ้านส่ายหน้าพร้อมทั้งพูดว่า: “เขารอคุณนายอยู่ในห้องนอนคุณนายครับ”
คุณนายหล่อนขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ทั้งสองพบกันในตอนกลางคืนเพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย
คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้เขาจะมาแบบเปิดเผยขนาดนี้
“ฉันรู้แล้ว” พูดจบเธอก็ปิดฝาปากกา และหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมาเช็ดแว่นตา จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป
คฤหาสน์ชั้นสองเป็นที่อยู่อาศัยของตระกูลหล่อนปกติแล้วก็จะไม่มีคน จะเป็นห้องกว้างโล่ง ไม่มีเสียงใดใด
เสียงของรองเท้าส้นสูงที่กระทบกับพื้นดังตึก ๆ
คุณนายหล่อนก้าวเท้าเดินไปเอามือบิดลูกบิดประตูเปิดประตูขึ้น และเห็นผู้ชายคนนั้นอยู่ในห้อง
เธอขมวดคิ้วพร้อมถามขึ้นว่า: “ทำไมคุณถึงมาในเวลานี้?”
ผู้ชายที่อยู่ในห้องหันมาด้วยสายตาที่เปล่งประกาย ใบหน้าของเขาแข็งทื่อมองไปที่คุณนายหล่อน
ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคุณนายหล่อนตอนนี้สวมกางเกงขายาวสีครีมและเสื้อไหมพรมลายขวางสีน้ำตาล ดูไปแล้วนุ่มนวล และอ่อนโยนมาก
ดูไม่เหมือนหนึ่งในตระกูลคนมีอำนาจเลย
ชายผู้นี้ดูเหมือนมีอายุประมาณสี่สิบปี ผมของเขายาวเล็กน้อยสีน้ำตาลแดง สุภาพ และเหมาะกับหน้าผากโหงวเฮ้งของเขา ทำให้ใบหน้าของนั้นดูอ่อนโยน และนุ่มนวล
แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนดูแลตัวเองจึงทำให้เขายังดูอ่อนเยาว์อยู่ ใบหน้าที่ลึก รอยยิ้มอ่อน ๆ บนใบหน้าของเขาทำให้เขายิ่งดูอ่อนโยนมากขึ้น
เขามองหน้าคุณนายหล่อนที่อยู่ตรงหน้า และพูดเบา ๆ ว่า: “ผมขอโทษ ดูเหมือนว่าคนของตระกูลเวินจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเราแล้ว”
คำพูดนี้เหมือนจุดชนวนระเบิดภายในใจของคุณนายหล่อน
ดวงตาของเธอเบิกกว้าง และความอ่อนโยนก่อนหน้านี้ของเธอก็หายไปทันที “พวกเขารู้แค่ไหน? ”
ชายผู้นี้ยื่นมือไปคว้าตัวเธอมาโอบกอดไว้ในอ้อมอก: “รู้ไม่เยอะ ยังดีที่ผมรู้เสียก่อน แต่เรื่องที่คุณเอาเที๋ยนเที๋ยนมาเลี้ยงนั้นพวกคุณก็รู้แล้ว”
เมื่อคุณนายหล่อนได้ยิน จากที่เธอตัวแข็งทื่อก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง และถอนหายใจเบา ๆ “ข้อมูลของเที๋ยนเที๋ยนฉันเปลี่ยนแปลงเรียบร้อยแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหา”
ชายผู้นี้พูดว่า: “เป็นอย่างนั้นก็ดีแล้ว ส่วนเรื่องที่เราเก็บเอาไว้เป็นความลับนั้นก็ไม่ต้องบอกให้เที๋ยนเที๋ยนรู้ ไม่อย่างนั้นแล้วเธอจะเป็นกังวลได้”
คุณนายหล่อนพยักหน้า เธอก้มหน้าเล็กน้อยพร้อมทั้งพูดเบา ๆ ว่า: “เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ฉันเลี้ยงเที๋ยนเที๋ยนมาด้วยความสงสัย”
ชายผู้นี้เงียบไม่ได้เปล่งเสียงอะไรออกมา แต่ความจริงแล้วเป็นเพราะสาเหตุนี้
คุณนายหล่อนอุทานออกมาว่า “ฉันขอโทษ ฉันจำใจต้องทำแบบนี้”
ชายผู้นี้คว้าตัวเธอมากอดไว้ในอ้อมอกอีกครั้ง “จริง ๆ แล้วคุณกลัวอะไรกันแน่? ”
สายตาของคุณนายหล่อนเปล่งประกายขึ้นมาทันใด แต่เธอก็ไม่ได้ตอบอะไร
อีกทางด้านหนึ่ง เวินเที๋ยนเที๋ยนจัดการเรื่องนี้เสร็จหลังจากนั้นก็มาที่คฤหาสน์
เมื่อพ่อบ้านเห็นเธอก็ยิ้มต้อนรับ “คุณหนู คุณจี้คางอีกครู่หนึ่งคุณชายก็ลงมาแล้วครับ”
“ตอนเช้าตื่นมาก็ไม่ได้ไปดู เขาเป็นอะไรไป? ”
พ่อบ้านยิ้มไม่ได้ตอบอะไร
เวินเที๋ยนเที๋ยนนั่งรอชั้นล่างไม่กี่วินาทีก็เห็นจี้คางเดินลงมาจากชั้นสองด้วยความโกรธ
เขาเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เขาหรี่ตามองหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยน จนกระทั่งไม่ได้พูดจาทักทาย และเดินออกไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาด้วยความแปลกใจว่าเขาเป็นอะไรไป ก่อนหน้านี้ยังดี ๆ อยู่เลย แต่ครั้งนี้โกรธอะไรมา?
พ่อบ้านพูดว่า: “หรือเป็นเพราะว่าคุณท่านมา”
คุณท่านเหรอ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วหันไปมองเขา “หมายถึงคุณปู่ของจี้จิ่งเชินนะเหรอ? ”
พ่อบ้านพยักหน้าและกำลังจะพูดขึ้น แต่ทันใดนั้นเสียงเดินของจี้จิ่งเชินดังขึ้น เขาเดินลงมาจากชั้นสอง
“คุณมาแล้วเหรอ ทำไมถึงไม่ขึ้นไปหาผมด้านบนล่ะ? ”
เมื่อพ่อบ้านเห็นก็รีบปิดปาก และเดินออกไปทันที ดูเหมือนว่าจะกลัวจี้จิ่งเชินได้ยินในสิ่งที่เขากำลังจะพูด
เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยิ่งแปลกใจมากขึ้น เธอไม่คิดมาก่อนว่าวันนึงจะได้เจอกับคุณปู่คุณย่าของจี้จิ่งเชิน เธอคิดมาตลอดว่าคุณปู่คุณย่าของจี้จิ่งเชินนั้นได้ตายไปแล้ว
แต่สิ่งที่พ่อบ้านพูดเมื่อสักครู่นี้นั้นดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งสองยังมีชีวิตอยู่
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาด้วยความแปลกใจ จี้จิ่งเชินถูกเธอจ้องมองแบบนี้ก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้ว่า: “มีอะไรจะถามผมก็ถามมาตรง ๆ ได้เลยนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนถามด้วยความไม่เกรงใจว่า: “จี้คางมาทำอะไรที่นี่เหรอ? เกี่ยวกับคุณปู่คุณย่าคุณหรือเปล่า?”
ดูเหมือนว่าเขาคาดหวังให้ถามคำถามนี้ แต่เขาก็ยังเม้มปากเล็กน้อย และตอบว่า “เขาอยากจะรับพ่อกับแม่เขาออกมา”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาด้วยความสงสัย “รับออกมา รับออกมาจากไหน? ”
“รับออกมาจากโรงพยาบาลบ้า”จี้จิ่งเชินตอบออกมาอย่างไม่ลังเล เขายิ้มมุมปากอย่างน่าแปลกใจ
“มีชีวิตอยู่แบบนี้เจ็บปวดยิ่งกว่าความตายเสียอีก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นกิริยาท่าทางของเขาแบบนี้แล้วก็พูดขึ้นด้วยความตกใจว่า: “แท้ที่จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”