เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 125 คลื่นลูกเก่ายังไม่สงบคลื่นลูกใหม่ก็ม้วนเข้ามาอีกระลอก
- Home
- เมียหวานของประธานเย็นชา
- ตอนที่ 125 คลื่นลูกเก่ายังไม่สงบคลื่นลูกใหม่ก็ม้วนเข้ามาอีกระลอก
บทที่ 125 คลื่นลูกเก่ายังไม่สงบคลื่นลูกใหม่ก็ม้วนเข้ามาอีกระลอก
ท่านเปิงพูดออกมาอย่างเนิบนาบว่า “ขอโทษหัวหน้าตระกูลอู๋ด้วยทั้งหมดนี้เป็นเพราะผมซื้อแจกันอีกใบที่เหมือนกันมาเพื่อทดสอบลูกศิษย์ตัวน้อยของผมและเพื่อให้เธอฝึกฝนก็เท่านั้น”
หัวหน้าตระกูลอู๋มองแจกันที่เหมือนกันในกล่องทั้งสองแล้วขมวดคิ้ว
“แต่เธอไม่ได้เป็นคนทำแจกันแตกเหรอ?”
ท่านเปิงยิ้มออกมาพลางส่ายหัวไปด้วยแล้วหยิบเศษชิ้นส่วนจากกล่องออกมายกขึ้น
“เธอซ่อมมันแล้ว”
ผ่านลำแสงสะท้อนตรงรอยแตกที่มองเพียงครั้งเดียวก็รู้ว่าได้รับการซ่อมแซมมาอย่างดีแล้ว
แม้ว่าจะดูมีสนิมเล็กน้อยอยู่บ้างและอาจมีการซ่อมในบางจุดที่ยังถือว่าไม่ดีมากแต่โดยรวมก็ถือว่าทำได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว
คิดไม่ถึงว่าท่านเปิงจะสามารถมองออกอย่างทะลุปรุโปร่งได้ขนาดนี้
เวินเที๋ยนเที๋ยนถามออกไปด้วยความสงสัยว่า “ก่อนที่ฉันจะออกไปนั้นฉันซ่อมแจกันไว้อย่างดีแล้วจริงๆนะคะแต่พอกลับมาแล้วก็พบว่าตัวล็อกประตูแตกแล้วแจกันก็แตกอีกด้วย”
ท่านเปิงผงกศีรษะขึ้นพลางดวงตาเลื่อนไปจดจ้องกล้องวงจรปิดที่ติดซ่อนไว้ตรงมุมห้อง
“ถ้าอย่างนั้นก็ดูกล้องวงจรปิดที่ติดเอาไว้ในห้องนี้กัน”
เจี่ยงเนี่ยนเหยาที่ยืนฟังอยู่นอกหน้าต่างได้ยินดังนั้นใบหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
เธอไม่คิดว่าจะมีกล้องวงจรปิดในห้องเรียนที่ถูกทิ้งร้างและทรุดโทรมแบบนี้
เจี่ยงเนี่ยนเหยาเครียดขึ้นมาทันทีแต่จากนั้นเพียงไม่นานเธอก็คิดอะไรบางอย่างได้
เธอไม่ได้เป็นคนทำแจกันแตกซะหน่อยถึงจะดูวิดีโอในกล้องวงจรปิดก็เถอะ เธอก็ไม่เกี่ยวอะไรอยู่ดี
แต่สิ่งที่น่าโมโหที่สุดก็คือปล่อยให้เวินเที๋ยนเที๋ยนรอดไปได้เนี่ยสิ
เธอยืนอยู่ที่ประตูและเฝ้าดูอยู่พักหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนไหว้อาจารย์แล้วเธอก็โกรธมากจนทนดูต่อไปไม่ได้อีก ทำเพียงหันกลับมาแล้วออกไปอย่างเงียบ ๆ
เจี่ยงเนี่ยนเหยากลับออกไปแล้วจึงพบว่ามีคนจำนวนหนึ่งที่ยังคงยืนอยู่หน้าประตูไม่ไปไหน
“ทำไมพวกเธอยังไม่ไปกันอีก?”
คนกลุ่มนั้นหันกลับมามองเธอแล้วชี้ไปทางฝั่งตรงข้าม
“ดูนั่นสิ นั่นใช่อาจารย์หลีหรือเปล่า?”
เจี่ยงเนี่ยนเหยาเงยหน้าขึ้นและพบว่าอาจารย์ที่ปรึกษายืนอยู่ข้างถนนฝั่งตรงข้ามของเธอพอดี
เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “ฉันได้ยินมาว่าความสัมพันธ์ของอาจารย์หลีกับคุณนายจี้ไม่เลวเลยใช่ไหม?”
คนนั้นกระซิบกับเธอว่า “ก็ใช่น่ะสิ ตั้งแต่เปิดเรียนมา อาจารย์หลีก็ดูแลเธอเป็นพิเศษเลยล่ะ”
“เห็นได้ชัดตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรียนแล้วล่ะว่าเขาน่ะลำเอียงใจดีซะขนาดนั้น”
“เฮ้! แต่ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่ามีข่าวแว่วๆพูดถึงอาจารย์หลีกับภรรยาของจี้จิ่งเชินอะไรนั่นเหรอ?”
เจี่ยงเนี่ยนเหยาฟังอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงหันไปมองชายคนนั้นที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามพร้อมกับความคิดใหม่ที่ค่อยๆผุดขึ้นมาในใจ
เธอก้าวเท้าออกไปแล้วเดินไปหาอาจารย์หลีทันที เมื่อเธอเข้าไปใกล้จึงพบว่าเวชระเบียนในมือของเขาหล่นพอดี
เธอจึงหยิบมันขึ้นมาแล้วดูก็พบว่าเป็นใบแจ้งการชำระค่าผ่าตัดในเอกสารระบุค่าธรรมเนียมในการผ่าตัดต่างๆ
เจี่ยงเนี่ยนเหยายกยิ้มขึ้นมาทันทีที่เห็น
“อาจารย์หลีคุณมีปัญหาเรื่องเงินหรือเปล่า? ฉันช่วยคุณได้นะคะ”
อาจารย์หลีหันกลับมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงของเธอ เขาเห็นเจี่ยงเนี่ยนเหยาถือเอกสารไว้แล้วก็รีบคว้ากลับมาทันที
“ไม่จำเป็น”
เจี่ยงเนี่ยนเหยาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า “เงินเท่านั้นเล็กน้อยมากสำหรับฉัน ขอเพียงแค่คุณช่วยฉันทำอะไรนิดหน่อยฉันก็พร้อมจ่ายให้คุณได้”
อาจารย์หลีมองเธอด้วยแววตาสงสัยสั่นไหวในที
มีคนจำนวนไม่มากในประเทศที่เป็นนักบูรพาวัตถุโบราณอีกทั้งเป็นชนชั้นสูงซะส่วนใหญ่และมักกระจุกตัวทำงานอยู่ในพระราชวังโบราณ
ท่านเปิงเป็นหนึ่งในนักบูรณะที่มีฝีมือยอดเยี่ยมคนหนึ่ง
เป็นเพราะต้องเรียนในสิ่งที่แตกต่างจากคนอื่น ๆ นักบูรณะหลายๆคนจึงมักจะรับสมัครนักเรียนและสอนพวกเขาอย่างละเอียดรอบคอบในการส่งต่องานฝีมือ
แม้ว่าจะมีคนไม่กี่คนที่สามารถอดทนต่อความยากลำบากจนสิ้นสุดได้แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยเลยเหมือนกันที่อดทนข้ามผ่านมันมาได้
แต่ท่านเปิงไม่รับลูกศิษย์
ตั้งแต่เข้าสู่วงการนี้ยาวนานกว่าสี่สิบปีเขาไม่เคยยอมรับนักเรียนคนใดเลย
เวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นนักเรียนคนแรกและคนสุดท้ายของเขา
เดิมที่เขาเป็นคนที่อุปนิสัยรั้นมากและเมื่อไม่เห็นด้วยกับคุณเมื่อไหร่ก็จะสรรหาสารพัดข้อเสียของคุณออกมา
แต่ถ้ารู้สึกดีกับคุณเมื่อไหร่ล่ะก็แม้มีผมอยู่น้อยนิดเขาก็ยังบอกว่าดูดีอีกทั้งยังเข้าข้างเธอมากกว่าท่านจางอีกด้วย
นับตั้งแต่ยอมรับเวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นลูกศิษย์ ท่านเปิงยิ่งดูก็ยิ่งชอบใจเวินเที๋ยนเที๋ยนมากขึ้นทุกวัน ไม่สามารถอดทนรอที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ตัวเองมีทั้งหมดให้เธอได้
บางครั้งที่เห็นว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนเรียนจนเหนื่อยเกินไปแล้วเขาก็จะเสนอให้เธอออกไปเล่นพักผ่อนข้างนอกบ้าง
ระยะสองสามวันมานี้ท่านจางเองก็มามหาวิทยาลัยอยู่บ่อยๆแทบจะไม่เว้นวันจนเหมือนที่นี่เป็นบ้านอีกหลังอย่างไรอย่างนั้น
คนสองสามคนที่มีอายุมากกว่าครึ่งร้อยปีและรวมกันหลายร้อยปีใครกล้าที่จะหยุดพวกเขา
บ่อยครั้งก็มักจะซื้อพวกของเก่าจากตลาดทั่วไปมาให้เวินเที๋ยนเที๋ยนกับท่านเปิงดูให้
ท่านเปิงคุ้นชินกับเหตุการณ์แบบนี้เป็นอย่างดีเขาทำเพียงเพิกเฉยไปหรือไม่ก็ด่ากลับมาเท่านั้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นคนนิสัยใจคอดี ตราบใดที่สิ่งที่ท่านจางขอไม่ยากจนเกินไปเธอก็มักจะรับปากอยู่เสมอ
ไปๆมาๆท่านเปิงก็กลายเป็นไม่ชอบใจเสียอย่างนั้น
“เธอไม่ต้องไปสนใจพวกเขาหรอก”
“เราเป็นนักบูรพาวัตถุโบราณ ถึงแม้จะเป็นการซ่อมตะเกียบคู่หนึ่งแต่ก็จำเป็นต้องใช้เงินและราคาสูงด้วย พวกเขาแค่ต้องการได้ราคาถูกจากเธอไง”
ท่านเปิงพูดออกมาด้วยความรังเกียจ “กลุ่มคนพวกนี้มีเงินก็ไม่น้อยแต่กลับมาจ้างลูกศิษย์ของผมในราคาถูกขนาดนี้ ทำอย่างนี้ผมต้องไว้หน้าหรือเปล่า?”
ท่านจางเองก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้ สองคนนี้ไม่ต้องพูดให้มากความก็ทะเลาะกันได้
ทะเลาะกันจบวันถัดมาก็ลืมเรื่องนี้ไปพร้อมกลับมาด้วยการเอาของรักในมือมาให้ท่านเปิงซ่อมอีกตามเคย
กล้องวงจรปิดที่อยู่ในห้องเรียนได้นำมาทำการตรวจสอบดูแล้วจึงพบว่าเจี่ยงเนี่ยนเหยาเป็นคนทุบประตูและสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องวันนั้นก็โดนถ่ายเอาไว้ได้ทั้งหมด
อย่างไรก็ตามเนื่องจากมีปัญหาที่มุมกล้องจนทำให้ไม่ทราบแน่ชัดว่าใครเป็นคนผลักจนคนที่ถือแจกันเซถลาไปแบบนั้น
ท่านเปิงนำวิดีโอที่ถ่ายไว้ได้ถามเวินเที๋ยนเที๋ยน
ทางมหาวิทยาลัยมองว่าถ้าของที่เสียหายไม่ใช่ของที่มีมูลค่ามากมายอะไรนักก็ให้ปล่อยผ่านไปซะ
คนที่สามารถเข้าเรียนที่นี่มักจะมีฐานะร่ำรวยหรือไม่ก็เป็นครอบครัวที่มีอำนาจมาก แม้แต่ทางมหาวิทยาลัยเองก็ไม่กล้าทำให้พวกเขาขุ่นเคืองใจ
คิดไปคิดมาแล้วเรื่องนี้ก็ถือเป็นเรื่องที่รับมือได้ยากสำหรับเวินเที๋ยนเที๋ยน
ท่านเปิงแสดงท่าทางชัดเจนว่าพวกเขาควรที่จะได้รับการลงโทษ
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นเจี่ยงเนี่ยนเหยาในวิดีโอ เธอก็รู้ทันทีว่าเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับเจี่ยงเนี่ยนเหยาอย่างแน่นอน
เธออาจจะเป็นคนผลักก็ได้
หากลงโทษคนๆนั้น เจี่ยงเนี่ยนเหยาก็ไม่ได้รับผลกระทบใดๆเลย
ท่านเปิงพูดต่อว่า “สิ่งที่พวกเขาทำแตกเป็นของปลอมแล้วถ้าหากเป็นของจริงล่ะ? เข้ามาในห้องทำงานโดยพลการแบบนี้ ไม่สนใจเคารพกฎอะไรทั้งนั้น”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยื่นมือของเธอออกไปพลางลูบหลังเขาเบาๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทางมหาวิทยาลัยจัดการเถอะค่ะ”
ท่านเปิงโกรธจนทำอะไรไม่ถูก
“เอาคืนแค่นี้เดี๋ยวก็โดนรังควานอีก”
บ่ายวันนั้นเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ได้เข้าพบกับทางมหาวิทยาลัยเพื่อเสนอแนวทางในการจัดการปัญหาเรื่องนี้ อดีตอาจารย์ที่ปรึกษานั่นก็คืออาจารย์หลีถึงกับต้องมาขอร้องเธอด้วยตนเอง
เขายืนอยู่หน้าเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยอากัปกิริยาที่ดูกระวนกระวาย
เปรียบเทียบกันแล้วอาจารย์หลีก็ดูเหมือนกับเป็นนักศึกษาคนหนึ่ง
เขาดันแว่นตาสีดำบนใบหน้าตัวเองขึ้น
“ถึงแม้ว่าสิ่งที่พวกเขาทำจะเป็นเรื่องผิดแต่อย่างน้อยพวกคุณก็เคยเรียนห้องเดียวกันมาก่อน ผมอยากให้คุณลืมมันไปซะ”
เมื่อครั้งที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเรียนอยู่ในคณะบริหารธุรกิจ เธอได้รับการดูแลอย่างดีจากอาจารย์หลีเสมอจึงรู้สึกเกรงใจเขาอยู่มาก
“อาจารย์หลี นี่พวกเขาขอให้คุณมาหรือเปล่าคะ?”
อาจารย์หลีส่ายหัวแล้วพูดว่า “เนื่องจากพวกเขาเป็นนักศึกษาในชั้นเรียนของผมดังนั้นผมเลยต้องจัดการในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษาน่ะครับ”
ท่าที่และอุปนิสัยของเขาอ่อนโยนและนอบน้อมเสมอ