เพราะข้าคือหมอ(ปีศาจ) - ตอนที่ 2 โจรป่าสมองหมู (1)
นางจดจำกระบวนท่าได้อย่างแม่นยำและสัญชาตญาณเอาตัวรอดไม่ได้ต่ำช้า สัมผัสรับรู้ได้รวดเร็วอย่างน่ากลัว จนอาจารย์ทั้งสองยังอดตะลึงไม่ได้ จากหนึ่งปีให้หลังอาจารย์โหยวลี่ก็พาไปฝากให้เฒ่าทารกฝึกฝน นางจึงได้รู้ชื่ออาจารย์ว่ามีนามว่าอู๋หย่งจวิน ส่วนเฒ่าทารกคือฉายาที่ชาวยุทธมอบให้เหมือนอาจารย์หญิงซึ่งมีฉายาว่าหมอปีศาจ เพราะวิชากวนอิมพันหน้าจึงไม่มีใครรู้ว่าโหยวลี่เป็นสตรีมาก่อน
จ้าวเหม่ยเซียนเงยหน้ามองเขาไห่เอ้ออย่างอาลัยอาวรณ์เล็กน้อย เพราะที่นี่เป็นที่นางลืมตาตื่นขึ้นมาในโลกแห่งใหม่ ข้าวของเครื่องใช้มีไม่มากและนางไม่ต้องแบกไปไหนมาไหนด้วยเพราะอาจารย์ให้แหวนเก็บของซึ่งเป็นแหวนไม้เลื้อยไร้ค่าเป็นของขวัญก่อนจากมา
อาจารย์หญิงบอกว่ามันเป็นของผู้ฝึกตนและบรรลุความเป็นเซียน ซึ่งอาจารย์ได้มาโดยบังเอิญ อาจารย์บอกว่าให้ใช้อย่างระวังเพราะในอาณาจักรนี้มีเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น
ซึ่งทำให้นางสามารถพกสมุนไพรได้อย่างไม่ต้องกลัวเหี่ยวเฉาของผู้วิเศษนี่ดีจริงๆ หรือว่านางจะตัดทางโลกมุ่งหน้าเป็นเซียนดี?
เฮ้อไม่ได้! นางแค่อกหักยังไม่ตาย ไม่สิตายแล้วแต่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตใหม่ต้องใช้ให้คุ้มค่าก่อน
จ้าวเหม่ยเซียนก้มมองห่อผ้าเล็กๆ ของตัวเองเพื่อไม่ให้แปลกตาของชาวยุทธ พร้อมสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง วันนี้นางใส่ชุดสีเขียวอ่อนสดใสเนื้อผ้าดี มือสำรวจลูบคลำใบหน้าปลอมที่แสนธรรมดาของตัวเองอีกครั้ง ความงดงามของนางมันน่ากลัวเกินไป นางยังไม่อยากฆ่าคนเป็นผักปลาปิดบังได้จึงต้องทำไปก่อน
จ้าวเหม่ยเซียนพุ่งทะยานลงจากเขาด้วยความเร็วที่ล้ำเลิศของตัวเอง นางยังไม่พร้อมจะกลับวังหลวงแคว้นจ้าวในเวลานี้ แม้จะได้ข่าวว่าถูกตามหามาโดยตลอดก็เถอะ นางยังอยากทำตามอำเภอใจเสียก่อนใกล้จะเกิดการเปลี่ยนกษัตริย์เวลานั้นค่อยไปช่วยพี่ชายคนเดียวในชาตินี้ก็ยังไม่สายเกินไป
เวลานี้นางอายุได้สิบเจ็ดปีและมีอาจารย์เป็นคนผูกปิ่นผมให้ตอนอายุสิบหกเมื่อปีที่ผ่านมา ยามนี้นางปลอมเป็นบุรุษเพื่อตัดปัญหา หากไม่พูดพวกเขาจะไม่รู้ว่านางเป็นสตรีเพราะน้ำเสียงหวานละมุม ลองปลอมเสียงเป็นบุรุษก็เหมือนไม่ได้ผล
เมื่อใกล้ถึงหัวเมืองหนึ่งของแคว้นจ้าว นางจึงลงไปเดินด้วยสองเท้า การเดินทางครั้งนี้มีเงินน้อยมากแค่สิบตำลึงเท่านั้นแค่คิดก็ปวดใจ อาจารย์บอกว่านางต้องหัดช่วยเหลือตัวเองหากไม่มีเงินก็กลับบ้านไป เฮ้อ อาจารย์ช่างเฉื่อยมาก
โครก ~
ทันที่เดินเข้าเมืองท้องก็ร้องด้วยความหิว เมื่อเช้าตื่นเต้นมากเกินไปจึงทานข้าวไปนิดเดียว มองเงินสิบตำลึงในมืออย่างครุ่นคิดนางจะทำยังไงมันถึงจะได้เงินเพิ่ม
หมับ!
นางคว้าร่างผอมแห้งของเด็กชายอายุราวสิบขวบเอาไว้อย่างรวดเร็ว อยู่กลางเมืองยังวิ่งราวอย่างสนุกเชียวหรือ นางยิ้มเย็นและคว้าเงินคืนมา
“เด็กน้อยให้ข้าส่งเจ้าให้ทางการเจ้าว่าดีหรือไม่” จ้าวเหม่ยเซียนเอ่ยถามเสียงเย็นแต่มันยังแฝงไว้ด้วยความหวานเป็นเอกลักษณ์ เด็กน้อยเบิกตาโตแล้วยกมือไหว้นางอย่างตื่นกลัว
“พี่สาวอย่าส่งข้าให้ทางการเลยขอรับ แม่กับน้องข้าไม่สบายหากวันนี้ไม่มีเงินไปจ่ายค่าหมอพวกเขาต้องจากข้าไปแน่ๆ พี่สาวได้โปรดละเว้นข้าด้วย”
จ้าวเหม่ยเซียนยังคว้าคอเสื้ออีกฝ่ายไว้แน่น ก่อนจะจิ๊ปากอย่างไม่พอใจแค่เอ่ยปากเด็กน้อยนี่ก็รู้ว่านางเป็นสตรี
“พาข้าไปหาแม่เจ้า”
จ้าวเหม่ยเซียนบอกความตั้งใจของตัวเอง ไม่ใช่ว่านางเป็นคนดีหรอกนะ เพียงแค่อยากรู้ว่าเด็กน้อยนี่โกหกหรือเปล่าเท่านั้นเอง
ขอทานและขโมยทักษะการโกหกอยู่ขั้นเซียนทั้งนั้นเชื่อนางสิ นางเขียนนิยายมาหลายเรื่องและส่วนมากมันก็เขียวแนวจีนโบราณทั้งนั้น พู่กันเทพทำให้นางโด่งดังและมันก็ทำให้หัวใจสลายเพราะมันอีกนั่นแหละ
“แต่บ้านข้าไม่เหมาะที่พี่สาวจะไปขอรับ” น้ำเสียงร้อนรนของเด็กน้อยเรียกสติที่หลุดลอยไปในอดีตของนางให้กลับมาอีกครั้ง
“นำทาง”