เทพศึกมังกรหวนคืน - ตอนที่ 243 โจวเสี่ยวเมิ่งเกิดเรื่องแล้ว
“คุณอา ผมคิดถึงเขาจริงๆ”
โจวซูหวนซบตัวฉินเฟิงร้องไห้ขึ้นมา
ฉินเฟิงก็ไม่ได้ขัดขืน และได้โอบกอดเด็กคนนี้ไปด้วย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่หลากหลายความรู้สึกออกมา “ร้องออกมา แต่ว่าอย่าร้องนานนะ เพราะว่าตอนนั้น เขาใช้ตัวเองเป็นตัวล่อข้าศึก เผชิญกับศัตรูนับหมื่น เขาก็ไม่ได้กลัว ไม่ได้ร้องไห้ หนูเป็นลูกชายของโจวซูยุ่น เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา”
หลังโจวซูหวนร้องไห้ไปสักพัก ก็ค่อยๆ หยุดลง แล้วก็ลืมตากลมโตแดงๆ ขึ้นมาพูดว่า “จริง…….จริงหรือครับ?”
“แน่นอน พ่อของหนูน่ะ เป็นผู้กล้า วีรบุรษผู้ยิ่งใหญ่”
ฉินเฟิงยิ้ม
“งั้นคุณอาเล่าเรื่องของพ่อผมให้ฟังหน่อย ได้ไหมครับ?”
“ได้สิ ในปีนั้น……”
เรื่องราวเก่าแต่ละเรื่อง ถูกเล่าออกมาจากปากของฉินเฟิง ตั้งแต่ที่เขาได้พบกับโจวซูยุ่น ก็คล้ายๆ กับหลิวหลินในตอนนี้ หัวดื้อ ต่อให้ตายก็จะต้องรักษาความเชื่อนั้นไว้ให้ได้
ต่อมาได้เข้ากองทัพ ได้ร่วมเป็นร่วมตายกับเขา เข่นฆ่าศัตรูนับไม่ถ้วน
และได้บาดเจ็บสาหัสเหมือนกัน
ต่อมา ไต่เต้าขึ้นมาจากทหารชั้นผู้น้อย จนเขาได้เป็นเทพสงครามของอีสเตอร์แลนด์ ส่วนโจวซูยุ่นก็ได้เป็นลูกน้องของเขา รับตำแหน่งผู้อำนวยการกรมพระธรรมนูญ หนึ่งในสิบยอดขุนพล และเป็นลูกน้องที่เขาให้ความสำคัญมาก
ฉีหยุน อาจจะมีต่อสู้คนเดียวเก่ง แต่ความสำคัญก็ยังไม่เท่าโจวซูยุ่น
ในสิบยอดขุนพล มีเพียงโจวซูยุ่นที่สำคัญ
ดังนั้น สงครามในตอนนั้น โจวซูยุ่นเสียสละตัวเองเป็นตัวล่อข้าศึก ทำให้ฉินเฟิงได้โอกาสกวาดล้างกองทัพศัตรูที่บุกรุกเข้ามา แต่ในสงครามครั้งนั้น โจวซูยุ่นก็ได้สละชีพลง
ด้วยเหตุนี้ ฉินเฟิงก็บ้าคลั่งขึ้นมา ยกกองทัพสามแสน ทั้งหมด4กองทัพ ออกไปด้วยตัวเอง ไปพร้อมกับความโกรธ บุกประเทศที่โอหังรุกรานผู้อื่นจนราบเป็นหน้ากลอง
ทำให้ทั้งโลกตื่นตกใจ
ที่แท้เทพสงครามของอีสเตอร์แลนด์ ก็บ้าแบบนี้นี่เอง!
ถึงขนาดยกทัพทั้งหมดออกไป เพื่อคนคนเดียว!
“โห……พ่อของผมเก่งมากเลยครับ……งั้น…..ผมไม่ร้องไห้แล้ว”
โจวซูหวนเอามือขึ้นมา แล้วเช็ดน้ำตาตัวเอง จริงๆ แล้วเรื่องของนายพลโจวนั้น พวกเด็กๆ ก็เคยเห็นในหนังสือเรียนแล้ว แต่ว่าเขาชอบที่ได้ฟังจากปากของฉินเฟิงมากกว่า
“มีความเข้มแข็งเหมือนพ่อเลย”
ฉินเฟิงเอามือลูบหัวเด็กน้อยคนนี้
“ถ้าอย่างนั้น ผมโตขึ้นก็จะไปเป็นทหารด้วยครับ”
“งั้นก็ต้องฝึกเยอะๆ ตั้งใจเรียน พ่อของหนูอยู่ในกองทัพ ถือว่ามีชื่อเสียงอันดับหนึ่งเลยนะ แข็งแกร่งมาก หนูจะต้องเรียนรู้ที่จะเดินตามรอยพ่อของหนูเอง และจะต้องเก่งกว่าเขาให้ได้”
“ครับ”
หลังจากปลอบใจกันไป ทำให้เด็กน้อยโจวซูหวนคนนี้มีแรงขึ้นมา การตายของพ่อทำให้เขาเสียใจมาก แต่พ่อของเขาก็เป็นวีรบุรุษด้วย
วีรบุรุษ!
สละชีพด้วยความกล้า มันคุ้มค่า!
“เออ เรื่องนี้ห้ามเอาไปบอกคุณย่าของหนูนะ อากลัวว่าย่าหนูจะรับไม่ไหว”
“ครับ”
สองคนตกลงกันแล้ว จากนั้นก็กลับบ้านไปพร้อมกัน หลังจากกลับบ้านแล้ว ฉินเฟิงพบว่าโจวเสี่ยวเมิ่งยังไม่ได้กลับบ้าน ก็เลยรีบโทรศัพท์ไปหา
แต่ไม่มีคนรับสาย
“ฉีหยุน ไปสืบมา ว่าเสี่ยวเมิ่งอยู่ที่ไหน?” ฉินเฟิงรีบสั่งการ
“ครับ”
ฉีหยุนก็มีสายตาจริงจัง นี่เป็นลูกสาวของเพื่อนสนิท ก็เท่ากับเป็นลูกสาวของเขาด้วย ถ้าใครกล้ามาแตะต้อง อารมณ์ร้อนอย่างเขา คงจะต้องมีการฆ่าคนเกิดขึ้นแน่ๆ
รีบไปสืบมา
หลังจากนั้น5นาที ฉีหยุนกลับมา “คุณผู้ชายครับ อยู่ที่ถนนตงหัว บาร์456”
“บาร์งั้นหรือ?”
ฉินเฟิงขมวดคิ้ว แล้วก็พูดว่า “ไป”
บรื๊น
รถถูกขับออกไป
ที่บาร์456
ฉินเฟิงลงจากรถ มองไปที่ประตูร้าน เต็มไปด้วยแสงสี เป็นบาร์วาดเขียนผนังเต็มไปหมด แล้วในใจก็เกิดความโมโห เสี่ยวเมิ่งอยากจะมาที่นี่เอง
หรือว่าถูกบังคับมา
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงก็เดินเข้าไป พอเข้าไปแล้ว ด้านในก็มีเสาสเตนเลสมากมาย ด้านบนมีผู้หญิงกำลังเต้นอยู่ ด้านล่างเป็นผู้ชาย ผู้หญิงตลาดล่าง กำลังเต้นกันอย่างบ้าคลั่ง
บรรยากาศครึกครื้นมาก
สถานที่แบบนี้ เอาไว้ผ่อนคลาย
“ไปหา”
ฉินเฟิงส่งสายตาให้กับฉีหยุนและหวังเถ่ ที่นี่มีห้องรับรองมากมาย จะต้องตามหาทีละห้อง
“ครับ”
3คนแยกกันไปตามหา
และในห้องห้องหนึ่ง โจวเสี่ยวเมิ่งสวมชุดพนักงานอยู่ บนใบหน้ามีรอยฝ่ามือ แดงก่ำ กำลังนั่งหมอบอยู่ที่มุมห้อง
“เสี่ยวเมิ่ง ยังไม่ยอมอีกใช่ไหม? ช่วยดูแลพี่จางหน่อย จะเป็นอะไรไป นี่มันเป็นงานของเธอ”
ในห้องส่วนตัวนั้น มีผู้หญิงวัยกลางคนกำลังพูดโน้มน้าวอย่างปวดหัว
บนโซฟา มีชายวัยกลางคนสวมชุดสูทนั่งอยู่ ใบหน้าเหมือนจะหาเรื่อง มีผู้หญิงนั่งข้างซ้ายขวา อายุยังไม่ค่อยเยอะ
“นี่ไม่ใช่งานของฉัน ฉันมาทำงานบริการ คุณบอกแล้วไม่ใช่หรือไง ว่าฉันแค่รับผิดชอบเรื่องรินชารินเหล้า” โจวเสี่ยวเมิ่งไม่ยอม แต่ก็พูดอย่างเบาๆ
“พนักงานบริการงั้นหรือ? เหอะๆ พนักงานบริการ จะให้ฉันจ่ายเงินเดือนตั้ง8พัน ฝันไปหรือเปล่า”
หญิงวัยกลางคนหัวเราะเยาะออกมา
เธอชื่อว่า หวางเสียนจิ้ง เป็นผู้จัดการของบาร์แห่งนี้
“ใช้สมองหน่อย ทำงานข้างนอก ก็แค่เงินเดือน3พัน ฉันให้แกเดือนละ8พัน เพราะอะไรล่ะ ก็เพราะหน้าตาของแกไง แกยังไม่ชอบมารับใช้พี่จางอีกงั้นหรือ? นี่มันเป็นงานของแก ยิ่งกว่านั้น มาให้บริการพี่จาง แกก็จะได้โบนัสเพิ่มอีก2พัน ให้บริการหลายๆ ครั้ง เดือนๆ หนึ่ง ก็หลายหมื่นเลยนะ”
“สภาพบ้านแกเป็นอย่างไร ก็รู้ดีไม่ใช่หรือไง? แม่ก็ป่วยตาย พ่อก็ไปเป็นทหาร หลายปีมานี้ก็ไม่ได้ข่าวคราว ย่าของแกก็แกปานนั้น แล้วก็ยังจะน้องชายแกอีก ค่าเรียนของน้องชายแกล่ะ? ไม่คิดจะรับผิดชอบเลยหรือไง?”
หวางเสียนจิ้งพูดเก่ง
เพราะถึงอย่างไร ในบาร์แห่งนี้ เด็กผู้หญิงที่ยอมรับงานบริการทางเพศ ก็ถูกเธอพูดโน้มน้าวแบบนี้กันทั้งนั้น ก่อนที่เธอจะรับใครทำงาน ก็จะรู้เรื่องสภาพเบื้องหลังของครอบครัวมาก่อน
เด็กผู้หญิงที่มีรูปร่างสวย แต่ฐานะทางบ้านมีปัญหา คือจุดประสงค์ของเธอ
ขอเพียงเธอรู้เหตุผล แล้วแสดงความเห็นใจ ใช้จำนวนเงินมาล่อ จากนั้นก็ใช้การบังคับ เพื่อให้เด็กยอมในครั้งแรก จากนั้น พวกเด็กๆ ก็จะคุ้นเคยไปเอง แล้วค่อยๆ รับงานแบบนี้ได้
แต่โจวเสี่ยวเมิ่งเป็นคนที่พิเศษ สภาพทางบ้านก็แย่จนไม่รู้จะแย่ไปขนาดไหนแล้ว ย่าก็สุขภาพไม่ดี บ้านที่อยู่ ก็จะถูกรื้อแล้ว น้องชายก็ต้องไปโรงเรียน
ส่วนพ่อแม่ ก็ตายกันไปหมดแล้ว
ภาระทุกอย่าง ล้วนมาอยู่บนตัวของเด็กผู้หญิงที่เพิ่งจะอายุ20ต้นๆ ดังนั้นหวางเสียนจิ้งมั่นใจว่า จะต้องทำให้เด็กผู้หญิงสวยๆ ทั้งหลาย กลายเป็นต้นเงินต้นทองของตนเองให้ได้
“น้าหวาง จะพูดมากมายไปทำไม เดี๋ยวผมขืนใจเอาเลยก็ได้ ไม่ดีหรือไง? ถึงอย่างไร ผู้หญิงมากมายก่อนหน้านี้ ก็ทำแบบนี้ทั้งนั้น ขอเพียงโดนไปครั้งแรก หลังจากนั้น ก็รับได้เองแหละ”
พี่จางคนนั้นลุกขึ้น แล้วมองไปยังโจวเสี่ยวเมิ่ง
สายตาเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย ผู้หญิงคนนี้ช่างสวยจริงๆ ไม่แปลกที่หวางเสียนจิ้งจะจับตามองผู้หญิงคนนี้ตลอดเวลา แต่ว่า ครั้งแรกนี้ จะต้องเป็นของเขาแล้วล่ะ