เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1970 แพ้ยับทั้งสองฝ่าย
การจรดพู่กันเมื่อกี้มีชื่อว่าแต้มนัยน์ตา
เมื่อตวัดพู่กันลงไปจะทำลายทุกวิชา เริ่นหยู่ทรุดทันที พลังเฮือกสุดท้ายโดนพู่กันของหวงฝู่อู่ทำลายจนกระจุย ทั้งตัวไม่มีจุดไหนดีเลย เขาล้มลงกับพื้นทันที!
หวงฝู่อู่ก็ไม่ได้ดีกว่าเขาเท่าไร หลังจากเริ่นหยู่พูดคำว่าระเบิดออกมา
ตัวเขาชักกระตุกไม่หยุดเหมือนเป็นลมชัก
เสียงเหมือนเม็ดถั่วระเบิดดังมาจากตัว เลือดไหลทะลักออกมาไม่หยุด
ทั้งสองคนล้มหงายหลังแทบจะพร้อมกัน
ตอนนี้ค่ายกลเจ็ดสีพังแล้ว หม้อขนาดเล็กก็ลอยกลับมาบนตัวเริ่นหยู่
เกาะลอยฟ้าพังเพราะพวกเขาสองคน
ดังนั้นทั้งสองคนจึงร่วงลงมาทันที กระแทกกับพื้นเสียงดังจนเป็นหลุมรูปคน
พูดตามตรง แม้เป็นผู้ฝึกชี่แต่ร่างกายไม่เลวเลย คิดไม่ถึงเลยว่าแบบนี้ยังไม่เละเป็นโจ๊กอีก
ทุกคนยืดคอดูทั้งสองคน
ตอนนี้ผู้คนที่กำลังจะเข้าไปหลบในห้องพากันออกมาดูว่าเป็นยังไงกันแน่
คนด้านหลังจำนวนมาก โดนบังจนมองไม่เห็น พวกเขาเริ่มตะโกนออกมา
“ใครชนะ”
“ใครชนะกันแน่”
ไม่มีใครตอบพวกเขาได้
เพราะทุกคนก็ดูไม่ออกว่าใครชนะกันแน่
พู่กันในมือหวงฝู่อู่หล่นอยู่ด้านข้าง นอนหอบหายใจแรงบนพื้น เหมือนยังไม่ได้สลบ แต่เห็นได้ชัดว่ายืนไม่ไหวแล้ว
สภาพของเริ่นหยู่ก็ไม่ต่างกันเท่าไร ทั้งตัวไม่มีจุดไหนดีเลย
โดยเฉพาะตรงหน้าอกที่โดนหวงฝู่อู่โจมตี กลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ มันช่างสุดยอดไปเลยจริงๆ
เขาไม่สลบก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
“นายยังขยับได้ไหม!”
หวงฝู่อู่ตะโกนใส่เริ่นหยู่เสียงเบา
เริ่นหยู่ตอบกลับด้วยเสียงสั่นเครือ “ฉันไม่เชื่อหรอกว่านายยังขยับได้ มีปัญญาก็ลุกขึ้นมาซัดฉันสิ”
หวงฝู่อู่ตอบว่า “นายบอกให้ลุก ฉันก็ต้องลุกเหรอ ลูกผู้ชายอกสามศอก ฉันไม่ลุกหรอก นายจะทำอะไรฉันได้ล่ะ”
เริ่นหยู่พูดว่า “ลุกขึ้นไม่ไหวยังพูดมากขนาดนี้อีก นายรอฉันลุกไปซัดนายตายได้เลย”
หวงฝู่อู่ยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันจะรอนายนะ ตอนนี้รู้สึกเย็นสบายใช่ไหมล่ะ”
เริ่นหยู่พูดว่า “นายก็รู้สึกสบายมากใช่ไหมล่ะ!”
ตอนนี้อริยปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองคนต่อสู้กันด้วยวาจา ที่ว่าคนแพ้ เกมไม่แพ้ คงหมายความว่าแบบนี้สินะ
สามอริยบุคคลมองไปทางประมุขประเทศฉิงเทียน ตอนนี้ประมุขประเทศฉิงเทียนค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วพูดเสียงกังวานว่า “ช่างเป็นการประลองที่ยอดเยี่ยมจริงๆ อริยปราชญ์ทั้งสองคนสู้กันด้วยความสามารถ อีกทั้งยังแสดงพลานุภาพออกมาด้วย แสดงความสง่างามของประเทศตันเซิ่งกับประเทศว่านจุนออกมาให้เห็น”
ขณะที่ประมุขประเทศฉิงเทียนกำลังพูดอยู่
หวงฝู่อู่ที่อยู่ด้านล่างตะโกนเสียงดังว่า “มีปัญญานายกัดฉันสิ เข้ามาสิ!”
เริ่นหยู่ก็ก่นด่าออกมาว่า “เด็กน้อยเอ๊ย เรื่องนี้ยังไม่จบ นายรอก่อนเถอะ”
ทั้งสองคนด่ากันอย่างออกรส
ลู่ฝานและคนอื่นพากันหัวเราะแล้วส่ายหน้า
นี่ยังเรียกว่าผู้ฝึกชี่ผู้สูงส่งได้อีกเหรอ!
พวกเขาสองคนทำให้คนทั้งโลกรู้ว่า ผู้ฝึกชี่ที่โมโหจนสติแตกก็หยาบคายเหมือนนักบู๊ ถึงขนาดที่สกิลการด่ายังสู้นักบู๊ไม่ได้
อย่างน้อยถ้าศิษย์พี่หานเฟิงเป็นคนด่า อีกฝ่ายต้องเป็นลมไปตั้งนานแล้วแน่นอน
ประมุขประเทศฉิงเทียนพูดพร่ำเพ้ออีกพักใหญ่ สุดท้ายเขาพูดว่า “……ดังนั้นฉันคิดว่าการประลองครั้งนี้เสมอกัน ทั้งสองคนฝีมือสูสีกันมาก!”
ประโยคเดียวทำให้เริ่นหยู่กับหวงฝู่อู่หลับตาลงทันที
“เสมอ! ฮ่าๆ สองคนนี้โดนคัดออกแล้ว!”
เฟิงเสี่ยวชี่ท่าทางสะใจ
เริ่นหยู่ได้ยินแล้วโมโหทันที เขากัดฟันพูดว่า “เสมอเหรอ ฉันโดนคัดออกแล้ว!”
เริ่นหยู่กระอักเลือดออกมาแล้วสลบทันที เห็นได้ชัดว่าเขารับความจริงที่ตัวเองโดนคัดออกไม่ได้
หรือจะพูดว่าเขายอมรับความจริงที่ตัวเองสูสีกับหวงฝู่อู่ไม่ได้ก็ได้เหมือนกัน
นอนตะโกนบนพื้นว่า “เมียมาแบกฉันกลับไปหน่อย! ฉันไม่ได้แพ้นะ นี่เสมอกัน คืนนี้ฉันจะกินบะหมี่ เอาชามใหญ่ๆ เลย!”
ผู้หญิงที่ถือว่าหน้าตาสะสวยเดินออกมาจากกลุ่มคน
คว้าผมหวงฝู่อู่แล้วลากออกไป เดินพลางพูดว่า “กินๆๆ รู้แต่เรื่องกิน 3 อันดับแรกยังทำไม่ได้เลย ขายหน้าชะมัด ยังจะกินบะหมี่ถ้วยใหญ่อีกเหรอ กลับไปให้นายกินถ้วยเล็กก็บุญแล้ว!”
หวงฝู่อู่โดนเมียของเขาลากออกไป เขาร้องโหยหวนออกมาเป็นระยะ
ลู่ฝานเห็นภาพนี้แล้วพูดอย่างประหลาดใจ “รู้สึกเหมือนเมียเขาเก่งกว่าเขาเยอะเลย เมื่อกี้เขาโดนซัดจนเละยังไม่ร้องโหยหวนเหมือนหมูโดนเชือดแบบนี้เลย!”
เฟิงเสี่ยวชี่พยักหน้าพูดว่า “คนจริงไม่อาจตัดสินกันด้วยหน้าตา”
เริ่นหยู่ก็โดนคนหามไปอย่างรวดเร็วเหมือนกัน การประลองรอบที่สี่สิ้นสุดลงแล้ว
สี่รอบก่อนหน้านี้ เย่หนานเทียน ลู่ฝานและเฟิงเสี่ยวชี่ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป รอบนี้หวงฝู่อู่กับเริ่นหยู่ตัดสินหาผู้ชนะไม่ได้ หมายความว่าการต่อสู้รอบที่ห้าสำคัญมาก
ถ้าหาผู้ชนะได้ จะได้เข้าสู่รอบสี่คนสุดท้าย
แต่ถ้ายังเสมออีก ลู่ฝาน เย่หนานเทียนและเฟิงเสี่ยวชี่ จะกลายเป็นสามผู้แข็งแกร่งอายุน้อยในใต้หล้าอย่างเป็นทางการ และทำการต่อสู้แบบไขว้กัน
ทันใดนั้น วังบนเกาะลอยฟ้ากลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง
ระเบิดเละขนาดนี้ยังกลับเป็นเหมือนเดิมได้อีก เรียกว่าฝีมือผู้ฝึกชี่ของประเทศฉิงเทียนยอดเยี่ยมจริงๆ
หรือจะพูดว่าผู้ฝึกชี่ที่เป็นผู้ฝึกชั่วร้ายเก่งมากจริงๆ ก็ได้!
เต่ามังกรปรากฏออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้กระบี่ทองบนหลังมันไม่หมุนอีกแล้ว
เพราะเหลือแค่สองคนสุดท้าย โฉวล่วนสู้กับซูตง!
หลังจากทั้งสองมายืนบนเกาะลอยฟ้า เสียงโหวกเหวกทั้งหมดเงียบโดยอัตโนมัติ
แม้แต่ลู่ฝานยังตั้งสมาธิสุดๆ เพื่อเตรียมตัวดูการต่อสู้ครั้งนี้อย่างละเอียด
นี่คือการประลองที่ซูตงเจอผู้แข็งแกร่งแท้จริงครั้งแรก
ขอแค่โฉวล่วนชื่อเสียงสมคำร่ำลือ การต่อสู้ครั้งนี้เขาจะสร้างความลำบากให้ซูตงได้แน่นอน ตอนนี้สีหน้าประมุขประเทศหลงอู่จริงจังมาก กำหมัดสองข้างจนแน่น นัยน์ตาดุดัน
เขาไม่อยากเห็นการต่อสู้ของซูตงกับโฉวล่วนจริงๆ เพราะผลการต่อสู้ของซูตงก่อนหน้านี้น่าทึ่งจริงๆ
คนที่เคยสู้กับเธอ ส่วนใหญ่ตายหมดแล้ว
เขาไม่อยากเห็นโฉวล่วนมีจุดจบแบบนี้เหมือนกัน แม้อันที่จริงเขามั่นใจในตัวโฉวล่วนมากก็ตาม
บนเกาะลอยฟ้า โฉวล่วนดึงกระบี่ตัวเองออกมา ใบหน้าหล่อเหลา ท่าทางสง่างาม สีหน้าสุดเท่ เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบสุดๆ
ซูตงมองเขาแล้วพูดด้วยแววตาสับสนเล็กน้อย “หน้าตาดีขนาดนี้ ฉันฆ่านายไม่ลงจริงๆ”
เมื่อพูดออกมา ลู่ฝานและคนอื่นอึ้งนิดหน่อย
ลู่ฝานพูดว่า “เห็นแก่หน้าตาเกินไปหน่อยหรือเปล่า! ครั้งก่อนซูตงยังพูดอวดดีว่าจะฆ่าฉันอยู่เลย นี่คงไม่ได้เกี่ยวกับหน้าตาใช่ไหม!”
โฉวล่วนขมวดคิ้วพูดว่า “เธอสู้ให้เต็มที่ ถ้าเธอฆ่าฉันได้จริงๆ ก็ฆ่าฉันซะ กลัวว่าเธอจะไม่มีปัญญาน่ะสิ!”
ซูตงแสยะยิ้มเย็นชา “เกียรติโง่ๆ ของมนุษย์เผ่ามังกร ในเมื่อนายพูดแบบนี้ งั้นฉันคงบอกนายได้เพียงว่าวันนี้นายตายแน่”
พูดจบ ซูตงปล่อยพลังปราณออกมาบนตัว
ทันใดนั้นฟ้าดินเปลี่ยนไปทันที