เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1969 ใครแพ้กันแน่
ท่ามกลางความเลือนราง เหมือนมีภาพนับไม่ถ้วนกะพริบผ่านไปตรงหน้า
เหมือนความมืดที่เห็นส่งเสียงตะโกนออกมาเบาๆ
เสียงตะโกนนี้มาจากทั่วทุกทิศ
ได้ยินแล้วคุ้นมาก เหมือนมาจากส่วนลึกความทรงจำของตัวเอง
เหมือนลู่ฝานได้ยินเสียงพ่อกับปู่ตัวเอง แล้วก็ลู่หมิงด้วย!
ทำให้เขาอยากก้าวไปข้างหน้า
เดี๋ยวนะ ลู่หมิงเหรอ
ลู่ฝานมีสติขึ้นมาทันที ลู่หมิงตายไปแล้ว!
จากนั้นเสียงทั้งหมดลอยไปไกล แสงตรงหน้ากลับมาเหมือนเดิม ลู่ฝานเพ่งมองดู
กลางอากาศ แสงเจ็ดสีรวมตัวเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ พลังแห่งวิถีกระเพื่อมอยู่ด้านใน
เห็นได้ชัดว่าผสานกับเขตวิถีของเริ่นหยู่ ทำให้เกิดประสิทธิภาพยิ่งใหญ่ขนาดนี้
ทำให้คนที่ไม่ได้อยู่ในค่ายกล โดนสะกดจิตไว้ในระยะเวลาสั้นๆ
ลู่ฝานตั้งสติได้ไวมากแล้ว ผ่านไปครู่หนึ่งเฟิงเสี่ยวชี่ที่อยู่ข้างเขาเพิ่งตั้งสติได้ บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ
“วิชาน่ากลัวมาก!”
เฟิงเสี่ยวชี่ยังกลัวไม่หาย
ลู่ฝานผลักสิบสาม หนานกงสิงและอู่คงหลิงที่อยู่ด้านหลัง
ทำแบบนี้พวกเขาถึงตั้งสติได้ จากนั้นสีหน้าตกใจกลัวเหมือนเฟิงเสี่ยวชี่
วิชาของผู้ฝึกชี่แบ่งออกเป็นหลายประเภท ภายในนั้นภาพลวงตา การรวมค่ายกล สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงวิชาทั่วไป
พลานุภาพจะเป็นยังไงขึ้นอยู่กับวิทยายุทธของผู้ฝึกชี่ที่ใช้วิชาออกมา
แต่เมื่อเกี่ยวข้องกับวิชาผนึก แดนมายา สะกดจิตอะไรทำนองนี้ จำเป็นต้องมีพลังวิเศษ รวมถึงพรสวรรค์ชั้นยอด
โดยเฉพาะสองอันหลังอย่างแดนมายากับสะกดจิต คนทั่วไปไม่สามารถทำได้จริงๆ
ตามที่ผู้ฝึกชั่วร้ายพูด การฆ่าคนแค่คนเดียว อันที่จริงไม่ได้สำคัญอะไรเลย
การควบคุมคนคนหนึ่ง ถึงจะเห็นความสามารถของเขา
เห็นได้ชัดว่าเริ่นหยู่เป็นผู้ฝึกชี่ที่สามารถควบคุมคนได้
กระบวนท่านี้ของเขาเก่งกาจมาก ฆ่าคนอย่างไร้ร่องรอยที่ว่า คงเป็นวิชานี้สินะ
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้หวงฝู่อู่ซวยแล้ว
แม้แต่คนที่ไม่ได้อยู่ในค่ายกลยังโดนเริ่นหยู่สะกดจิต ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหวงฝู่อู่ที่โดนค่ายกลปกคลุม
ตอนนี้หวงฝู่อู่สีหน้าเคร่งขรึม เหงื่อไหลลงจากหน้าผากไม่หยุด
เริ่มมีรอยแผลปรากฏขึ้นบนตัวอย่างประหลาด เห็นได้ชัดว่าเขาแย่แล้ว
แสงสว่างขึ้นทั้งตัวเริ่นหยู่ เขาขยับนิ้วเบาๆ
ค่ายกลเปลี่ยนแปลงไปตามนิ้วของเขา แสงบนเตาเจ็ดสีขนาดเล็กก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย
“วิถีสวรรค์มีการกลับชาติ เรื่องราวบนโลกล้วนหลอกลวง”
เริ่นหยู่พึมพำเบาๆ เสียงของเขาทำให้ฟ้าดินเริ่มบิดเบี้ยว เหมือนผ้าใบโดนลมพัดจนยับ
ดูเหมือนไม่ใช่ความจริง
“วิชาออกมาตามคำพูด หนึ่งคำหมื่นวิชา!”
ลู่ฝานพึมพำเบาๆ เริ่นหยู่ใช้วิชาออกมาตามคำพูด
ทุกคำพูดของเขาคือวิชา คลื่นเสียงที่กระเพื่อมออกมา คือวิธีการโจมตีของเขา
หวงฝู่อู่สั่นแรงขึ้นเรื่อยๆ เหมือนต้านทานวิชาของเริ่นหยู่ไม่ไหวแล้ว
นี่พอเข้าใจได้อยู่ ผู้ฝึกชี่ระดับเดียวกันสู้กัน โดยทั่วไปผู้ฝึกชี่ที่ใช้แดนมายาเป็นจะเหนือกว่าแน่นอน
นี่แสดงถึงความแข็งแกร่งของวิญญาณ เมื่อวิญญาณแข็งแกร่ง แน่นอนว่าพลังควบคุมก็แข็งแกร่งด้วย แน่นอนว่าชนะอยู่แล้ว
เริ่นหยู่เดินไปหาหวงฝู่อู่ทีละก้าว
เขาไม่ได้ตั้งใจเดินช้าขนาดนี้ แต่เพราะควบคุมค่ายกลแสนละเอียดไปพร้อมกับการเดิน ไม่สามารถเดินเร็วได้จริงๆ
เมื่อผู้ฝึกชี่จำนวนมากต้องควบคุมค่ายกลจะไม่สามารถขยับได้เลย คนที่สามารถเดินได้แบบเริ่นหยู่ถือว่ามีน้อยสุดๆ
เลือดไหลออกมาจากมุมปากหวงฝู่อู่อีกแล้ว เหมือนกำลังจะทรุดแล้ว
เฟิงเสี่ยวชี่พูดว่า “หวงฝู่อู่จะแพ้แล้ว ค่ายกลแดนมายาแบบนี้แข็งแกร่งมาก ฉันว่าวิถีของเริ่นหยู่ มีโอกาสเป็นไปได้สูงว่าเหนือกว่าเต๋าอันยิ่งใหญ่ห้าธาตุแล้ว”
ลู่ฝานตอบกลับเสียงเบา “เต๋าอันยิ่งใหญ่เหรอ ฉันว่าไม่ใช่ แต่แข็งแกร่งกว่าวิถีห้าธาตุทั่วไปอยู่แล้ว ฉันว่าคือวิถีแห่งภูต แต่หวงฝู่อู่……”
พูดถึงตรงนี้ ลู่ฝานนิ่งไปครู่หนึ่ง
จุดสังเกตของเขาไม่เหมือนคนอื่น เขาสังเกตเห็นว่าตอนหวงฝู่อู่กระอักเลือดออกมาครั้งที่สอง หวงฝู่อู่แอบกัดฟัน
แม้การกระทำไม่ได้เห็นชัด แต่ลู่ฝานจับได้อย่างรวดเร็ว
เหมือนไม่ใช่การกัดฟันปกติ เพราะการกระทำเห็นไม่ชัด เหมือนจงใจซ่อนไว้
ถ้านี่ไม่ใช่การกระทำโดยไม่รู้ตัวหลังจากหวงฝู่อู่เจอเรื่องวุ่นวายในแดนมายา แต่เป็นการจงใจทำล่ะก็
งั้นเรื่องก็สนุกขึ้นนิดหน่อยแล้วสิ
บางทีผู้ชมมากมายในที่นี้ มีแค่ไม่กี่คนที่สังเกตเห็น จนถึงตอนนี้หวงฝู่อู่ยังไม่ปล่อยเขตวิถีของตัวเองออกมาเลย
บัณฑิตพู่กันวิเศษผู้ยิ่งใหญ่ของประเทศว่านจุน ผู้แข็งแกร่งที่เข้าสู่ระดับอริยปราชญ์แล้ว จะไม่มีเขตวิถีของตัวเองเหรอ
ใช้หัวเข่าคิดก็ไม่มีทางเป็นไปไม่ได้
ทำไมหวงฝู่อู่ถึงยังไม่ใช้ออกมา แม้แต่ตอนที่เริ่นหยู่ปล่อยวิชาออกมาขนาดนี้ ก็ยังไม่ใช้ออกมาอีก เพราะอะไรกันนะ
ลู่ฝานคิดถึงจุดนี้แล้วยกยิ้มมุมปาก
หวงฝู่อู่มีความคิดชั่วร้ายสินะ!
ไม่นาน เริ่นหยู่เดินมาตรงหน้าหวงฝู่อู่
ยื่นนิ้วตัวเองไปหาหวงฝู่อู่ พลังฟ้าดินแข็งแกร่งรวมตัวในมือ
เริ่นหยู่ยื่นนิ้วไปแตะตรงหว่างคิ้วของหวงฝู่อู่
กระบวนท่านี้ บรรดาผู้ฝึกชี่เรียกว่าทำลายวิญญาณ!
ปกติผู้ฝึกชี่ที่เก่งกาจสามารถปล่อยพลังจากระยะไกลได้ แต่ตอนนี้เพื่อความมั่นใจและไม่ให้เกิดเหตุสุดวิสัย
เริ่นหยู่ตั้งใจเดินมาโจมตีตรงหน้าหวงฝู่อู่
นิ้วแตะลงบนหว่างคิ้วของหวงฝู่อู่ แต่ต่อมาคนที่หน้าเปลี่ยนสีไม่ใช่หวงฝู่อู่ แต่เป็นเริ่นหยู่!
เห็นแรงดูดรุนแรงออกมาจากตัวหวงฝู่อู่ พลังทั้งตัวเริ่นหยู่เข้ามาในตัวหวงฝู่อู่เหมือนพายุ
ในเวลาเดียวกัน ค่ายกลด้านล่างเท้าก็สะเทือนอย่างแรง
ตอนนี้คนมากมายด้านล่างเพิ่งตั้งสติได้
เมื่อพวกเขาเงยหน้ามองก็ถึงกับช็อก เห็นหวงฝู่อู่กำลังดูดพลังของเริ่นหยู่อย่างบ้าคลั่ง
หวงฝู่อู่ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
ดวงตาทั้งสองข้างของเขา ข้างหนึ่งเป็นสีดำ ส่วนอีกข้างเป็นสีขาว
ปล่อยเขตวิถีด้านล่างเท้า เป็นหยินหยางขาว-ดำหมุนไปมา
กวาดค่ายกลเจ็ดสีไปจนหมดทันที
หวงฝู่อู่หัวเราะแล้วพูดว่า “ขอโทษด้วยนะ ฉันไม่อยากทำแบบนี้จริงๆ แต่ฉันคิดว่าถ้าฉันไม่ใช้กระบวนท่านี้ ฉันคงชนะไม่ได้แน่ๆ ลืมบอกนายไป เขตวิถีของฉันไม่เหมือนของคนอื่น ฉันคือร่างไร้วิถีที่อาจารย์ถ่ายทอดให้ ทำให้ไร้รูปร่างกลายเป็นมีรูปร่าง อาศัยไร้ชี่กลืนกินมีชี่ วิถีกลืนวิญญาณ!”
สีหน้าเริ่นหยู่เปลี่ยนไปทันที แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถชักมือกลับมาได้แล้ว
มองพลังทั้งร่างกายตัวเองโดนหวงฝู่อู่ดูดไปอย่างรวดเร็ว
จู่ๆ เริ่นหยู่กัดฟันพูดว่า “จะดูดพลังฉัน นายยังไม่มีสิทธิ์นั้นหรอก รอยวิญญาณ ยาแห่งจิต!”
ทันใดนั้นตรงตันเถียนของเริ่นหยู่สว่างขึ้น
เป็นยาเม็ดกลม ตันเถียนของเขาคือยาเม็ดหนึ่ง
หวงฝู่อู่สีหน้าเปลี่ยนไป บนตัวเขามีตราประทับที่เขาไม่รู้จักสว่างขึ้นเป็นวงๆ
หวงฝู่อู่พูดว่า “คงไม่ซวยขนาดนั้นมั้ง ฉันกลืนสิ่งไร้ค่าเข้าไปเหรอ!”
เริ่นหยู่กัดฟันพูดว่า “ยอมแพ้เถอะ ระเบิด!”
หวงฝู่อู่ใช้พู่กันแตะบนตัวเริ่นหยู่เช่นกัน “ดูสิว่าใครจะแพ้กันแน่!”