เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1915 สิบอันดับแรก(1)
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า นิยาย บท 1915
ก้อนเมฆบางสายลมอ่อนๆ แสงสาดส่องรอบด้านไม่หยุด เสียงการต่อสู้ไม่ขาด
การประลองรอบแรกของผู้แข็งแกร่งหนึ่งร้อยคนดำเนินไปเป็นเวลาหนึ่งวันเต็มๆ ก็ยังไม่สิ้นสุด
มียอดฝีมือคู่เอกที่ฝีมือไล่เลี่ยกัน สู้กันอย่างดุเดือด เหมือนว่าจะสู้กันสามวันสามคืน
ลู่ฝานและคนอื่นๆ ที่เสร็จสิ้นการประลองตั้งนานแล้ว พากันออกจากเกาะลอย
กลุ่มคนที่รับชมก็ลดน้อยลงตามเวลา สำหรับคนจำนวนมากนั้น ไม่ใช่ว่าการประลองแต่ละคู่จะน่าดู
เย็นวันต่อมา
เมื่อแสงยามเย็นมาบรรจบกัน ท้องฟ้ามีฝนตกปรอยลงมาเล็กน้อย
ในร้านเล็กๆ ที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง ลู่ฝานและคนอื่นๆ นั่งล้อมอยู่หน้าโต๊ะ ลิ้มลองเหล้าดีที่นำมาจากพระราชวัง
โต๊ะที่ติดหน้าต่าง เห็นฉากฝนตกที่นอกหน้าต่างพอดี
ใบหน้าของลู่ฝานค่อยๆ มีความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เขายกแก้วเหล้าแล้วพูดกับหลิงเหยา “ฉันไม่เกี่ยวข้องกับซูตงคนนั้นสักนิดนะ”
หลิงเหยายิ้มแย้ม มองลู่ฝานแล้วพูดขึ้น “นายพูดว่าใช่ นั่นก็ใช่”
ศิษย์พี่หานเฟิงจับคางพูด “งั้นทำไมซูตงคนนั้นถึงพูดแบบนั้น ศิษย์น้องนายไปล่วงเกินเธอได้อย่างไรกันนะ?”
ลู่ฝานแบมือพูด “ปัญหาก็อยู่ตรงนี้ ฉันไม่รู้ว่าตัวเองไปล่วงเกินเธออย่างไร?”
ศิษย์พี่ใหญ่ยิ้มพูด “ไม่ใช่ว่านายทำเรื่องอะไรล่วงเกินเธอจนถึงที่สุด เพียงแค่นายไม่เข้าใจความเกี่ยวดองที่อยู่ในนี้ก็เท่านั้น อย่างเช่นช่วงนี้นายได้ฆ่าใครบ้างไหม?”
ลู่ฝานส่ายหน้าช้าๆ แสดงออกว่าไม่รู้
เหมือนว่ามีความเป็นไปได้ แต่ลู่ฝานไม่คิดว่าความเป็นไปได้นี้จะมากนัก
เพราะว่าซูตงคนนั้นพูดอย่างชัดเจนมากว่าทำลายชีวิตของเธอ แต่ไม่ใช่อย่างอื่น
ลู่ฝานรู้สึกว่าประการแรกตัวเองไม่ได้ทำลายวิทยายุทธของเธอ ประการที่สองไม่ได้ทำลายชื่อเสียงของเธอ
เช่นนั้นปัญหาเกิดขึ้นตรงไหนกันแน่?
ทำให้ซูตงเคียดแค้นและอาฆาตเขาจนน่าหวาดกลัวถึงขั้นนี้
“ฉันว่านะ เงามืดคนนั้นจะต้องขึ้นคร่อมธิดามังกรแล้ว จากนั้นเล่นเสร็จก็สะบัดทิ้ง ดังนั้นเธอถึงจะฆ่าเขา!”
“ฉันดูแล้วมีความเป็นไปได้ พูดถึงเงามืดคนนั้นสุดยอดจริงๆ นะ วิทยายุทธสูงไม่ว่า คนที่ขึ้นคร่อมก็เก่งกาจขนาดนี้ ธิดามังกรตอนนี้อยู่อันดับที่ยี่สิบห้าแล้วสินะ!”
“ใช่ที่ไหนกัน อันดับที่ยี่สิบสามแล้ว แต่ก็ยังเทียบเงามืดไม่ได้ เขาพุ่งไปถึงอันดับที่สิบสามแล้ว เหลือระยะห่างจากสิบอันดับแรกเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น”
“ฉันดูแล้วเงามืดเหมือนจะมีฝีมือในการคว้าแชมป์”
“เหรอ? เขาเก่งแค่ไหนจะเก่งกว่าหัวกะทิของเก้าประเทศมหาอำนาจเหรอ ฉันดูแล้วรอบหน้าเขาก็แพ้แล้ว”
…
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของโต๊ะข้างๆ ทำให้ลู่ฝานและคนอื่นๆ เหลือบมองไป
หานเฟิง หลิงเหยา ศิษย์พี่ใหญ่และคนอื่นๆ หัวเราะอย่างมีความสุข ท่าทางที่ไม่เกรงกลัวว่าโลกจะวุ่นวาย
ลู่ฝานถอนหายใจ ไม่รู้ว่าควรจะอธิบายอย่างไรแล้ว
ตั้งแต่หลังจากการประลองเมื่อวาน ทั่วทั้งเมืองฉิงเทียนเต็มไปด้วยข่าวเล่าข่าวลืมของเขากับซูตง
ตอนที่เพิ่งมาถึง ลู่ฝานก็ได้ยินข่าวลือมาตลอดทาง
อย่างเช่น ความลุ่มหลงจนไม่อาจตัดใจในคืนนั้นของกระบี่คลั่งกับธิดามังกร
และอย่างเช่น ว่ากันด้วยเรื่องเล่นกับผู้หญิงไม่มีความจำเป็นจะต้องเล่นกับผู้หญิงอย่างธิดามังกร
คำวิพากษ์วิจารณ์ที่ยุ่งเหยิง ทำให้ลู่ฝานปวดหัวมากจริงๆ
ในตอนที่อยู่ในจวนองค์ชายใหญ่ เขาแทบจะถูกหนานกงสิงกับอู่คงหลิงถามจนหงุดหงิดแล้ว นี่เพิ่งจะออกมาสูดอากาศ
ลู่ฝานสามารถมองเห็นม่านลำแสงที่หมุนเวียนอยู่กลางอากาศไม่หยุด
นั่นคือเงาของผู้แข็งแกร่งห้าสิบอันดับแรก เพียงแค่คนที่ยังไม่ถูกคัดออก ก็จะถูกแขวนอยู่บนฟ้า ได้รับการเคารพจากผู้คน
“เอาเถอะ ศิษย์น้อง ไม่คุยเรื่องยุ่งเหยิงพวกนี้ก่อน พวกเราคุยเรื่องจริงจังกัน ต่อไปคู่ต่อสู้ที่พวกเราต้องเผชิญจะแข็งแกร่งมาก จะต้องเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ นะ”
ศิษย์พี่หานเฟิงพูดไปด้วย หยิบสมุดเล่มหนึ่งออกมาด้วย
นี่คือสมุดของสำนักเงินปาฟาง เช้าวันนี้ถึงจะสามารถซื้อรุ่นใหม่สุดได้
จนกระทั่งเปิดไปถึงด้านหลังสุด ศิษย์พี่หานเฟิงชี้ชื่อคนที่อยู่บนสมุดแล้วพูด “ศิษย์น้อง ตอนนี้นายอยู่ในอันดับที่ค่อนข้างสูงนะ ไม่เหมือนกับฉัน ถึงจะอยู่อันดับสี่สิบแปด ศิษย์น้องหลิงเหยายังดีกว่าฉันหน่อย”
ลู่ฝานรับสมุดมา ชี้ไปบนชื่อที่อยู่ด้านแล้วหัวเราะพูดขึ้น “ศิษย์พี่หานเฟิง ชื่อเรียกของพี่มีเอกลักษณ์ดีนะ ราชาปากดาบ!”
ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่ฉู่เทียน ศิษย์พี่ฉู่สิง ทุกคนเริ่มหัวเราะจนเอนหน้าหงายหลังไปพร้อมกัน
แต่ละคนกุมท้องเหมือนกับวินาทีต่อมาจะหัวเราะจนตายไป
เส้นเอ็นบนหน้าของศิษย์พี่หานเฟิงกระตุกแล้วพูดขึ้น “ถ้าฉันรู้ว่าใครตั้งชื่อนี้ให้ฉันนะ ฉันจะฆ่าเขาให้ตายแน่นอน ราชาปากดาบ ราชาที่ชาติชั่วที่สุด แม่งเอ๊ย ชื่อนี้น่าเกลียดมาก พวกนายใครก็ห้ามบอกอาจารย์ของฉันล่ะ นายดูสิชื่อเรียกของน้องสะใภ้หลิงเหยาดีหน่อย ธิดาเทพแห่งเงินทอง ”
ลู่ฝานยิ้มพูด “พวกเขาดูผิดแล้ว หลิงเหยาเป็นธิดาเทพแห่งแสงถึงจะถูก ฉันจำได้ว่าชื่อนี้เป็นชื่อที่ราชินิของประเทศหลิงท่านนั้นพูด”
หลิงเหยาขมวดคิ้วพูด “อันที่จริงฉันไม่ชอบชื่อเรียกธิดาเทพนี้ ไม่ได้เข้าสู่จุดสูงสุดสักหน่อย จะกล้าเรียกว่าเทพได้อย่างไร
หานเฟิงพูดเสียงดัง “ถ้าใครเปลี่ยนชื่อเรียกของฉันให้มีคำว่าเทพ ฉันรับรองว่าจะยิ้มรับแน่นอน”
ลู่ฝานชี้สมุดแล้วพูดขึ้น “สี่สิบหกอยู่ในลำดับพอใช้ได้”
พูดจบ ลู่ฝานเปิดไปด้านหลังอีกแล้วพูดขึ้น “ให้ฉันดูหน่อยสิ สิบอันดับแรกมีใครบ้าง”
ลู่ฝานกำลังมองดู ในตอนนี้เอง ด้านข้างมีเสียงดังขึ้น
“สมุดของนายไม่แม่น มาดูเล่มของฉันดีกว่า”
น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเย็นชา สมุดเล่มหนึ่งลอยมาพร้อมกับลำแสง
ลู่ฝานรับไว้ในทันที จากนั้นมองไปก็เห็นผู้อาวุโสซู่มั่นเดินกร่างเข้ามา
ทันใดนั้นลู่ฝานตัวแข็งทื่อเล็กน้อย
ผู้อาวุโสซู่มั่นคนนี้ไม่ได้มาถามเรื่องของซูตงหรอกนะ
ผู้อาวุโสซู่มั่นผลักศิษย์พี่หานเฟิงออกแล้วนั่งลงตรงข้ามลู่ฝาน
ศิษย์พี่หานเฟิงถูกผลักจนโซเซ เขาพูดขึ้นเสียงดัง “ยายแก่คนนี้…”
ยังพูดไม่จบ ลู่ฝานก็ใช้สายตาห้ามปรามศิษย์พี่หานเฟิง
ลู่ฝานรับสมุดมาแล้วพูด “ผู้อาวุโสซู่มั่นวันนี้มาหาฉันเพราะเรื่องของซูตง? ถ้าหากว่าใช่ ฉันบอกเธอได้แค่ว่า เรื่องของซูตง ฉันไม่รู้เรื่องเลยสักนิดจริงๆ”
ผู้อาวุโสซู่มั่นพูดเสียงเข้ม “นายไม่รู้เลยสักนิดเหรอ?”
ลู่ฝานพยักหน้าพูด “ไม่รู้สักนิดจริงๆ”
ผู้อาวุโสซู่มั่นจ้องตาของลู่ฝานไม่กะพริบ มองดูอยู่ครู่หนึ่ง เธอถึงได้ถอนหายใจ “ถ้าหากนายไม่รู้งั้นก็ยุ่งยากแล้ว”
ผู้อาวุโสซู่มั่นลุกขึ้นเตรียมจะกลับไป วันนี้ที่เขามาเหมือนจะมาถามลู่ฝานแค่ประโยคนี้เท่านั้น
ลู่ฝานมองดูแผ่นหลังของเธอ จู่ๆ รู้สึกใจสั่นเล็กน้อย จากนั้นก็เขาโพล่งประโยคหนึ่งออกไป
“ถ้าหากต้องการความช่วยเหลือเรียกฉันได้”
ผู้อาวุโสหยุดฝีเท้าลง หันกลับไปมองลู่ฝานแล้วพูด “เกรงว่านายจะช่วยอะไรไม่ได้ ลู่ฝาน ฉันแค่หวังว่าถ้าหากนายได้ประลองกับเธอจริงๆ อย่าฆ่าเธอ!”
ลู่ฝานพยักหน้าพูด “ฉันรู้แล้ว”
ผู้อาวุโสซู่มั่นพยักหน้าแล้วรีบเดินออกไป
ศิษย์พี่หานเฟิงถึงได้พูดขึ้น “ศิษย์น้อง นี่ใครกัน ท่าทางเก่งกาจนะ เธอเป็นอะไรกับซูตงเหรอ?”
ลู่ฝานกดเสียงต่ำพูดขึ้น “เธอคืออาจารย์ของซูตง และก็คือผู้อาวุโสของผู้ฝึกชั่วร้าย”
“ผู้อาวุโส?”
หานเฟิงและคนอื่นตกตะลึงทันที
ลู่ฝานพยักหน้าแล้วเปิดสมุดออกช้าๆ ตัวอักษรใหญ่บรรทัดแรกที่ปรากฏสู่สายตา
“ข้อมูลลับ อันดับการแข่งนานาประเทศ”
มองต่อไปอีก อันดับหนึ่งที่โผล่ขึ้นกะทันหันก็คือ
“ซูตง!”